หุ้นวิชั่น – FSMART จับตามาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” คาดธุรกิจสินเชื่อเข้าเกณฑ์มาตรการที่สอง มูลหนี้ NPL ไม่เกิน 30 ล้านบาท จากพอร์ตสินเชื่อราว 1,000 ล้านบาท เชื่อช่วยหนุนรากหญ้ามีสภาพคล่องเพิ่ม พร้อมลุ้นธุรกิจหลายภาคส่วนฟื้นตัวหลังการจับจ่ายใช้สอยกระเตื้อง
นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ “FSMART” เปิดเผยกับ ทีมข่าวหุ้นวิชั่น ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่งประกอบด้วย 2 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการจ่ายตรงคงทรัพย์ และมาตรการจ่ายปิดจบ โดยลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมได้จะต้องทำสัญญาสินเชื่อก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 และมีสถานะเป็นลูกหนี้ค้างชำระระหว่าง 31-365 วัน ส่วนการลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมมาตรการสามารถทำได้ผ่าน ธปท. ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2567 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568
สำหรับมาตรการจ่ายปิดจบ จะครอบคลุมหนี้ที่มียอดรวมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท โดยเฉพาะลูกหนี้ NPL บุคคลธรรมดาในทุกประเภทสินเชื่อที่มีภาระหนี้คงค้างไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งลูกหนี้จะต้องชำระบางส่วนเพื่อเป็นการปิดบัญชี
โครงการดังกล่าวจะช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรกคือผู้ที่มีหนี้จำนวนมาก เช่น หนี้บ้าน หนี้รถ และกลุ่มที่สองคือหนี้ NPL ที่ไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งคาดว่าธุรกิจสินเชื่อของ FSMART จะเข้าข่ายในกลุ่มที่สอง อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องติดตามเกณฑ์หรือกติกาของกลุ่ม Non-Bank ว่าจะมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไรต่อไป
จากการประเมินกลุ่มลูกหนี้ของ FSMART ปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตสินเชื่อรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท และคาดว่ามีหนี้ NPL ที่สามารถเข้าร่วมโครงการช่วยเหลืออยู่ประมาณ 20-30 ล้านบาท หากโครงการสามารถเดินหน้าตามแผนได้ จะช่วยให้ลูกหนี้หรือผู้บริโภคสามารถปรับสภาพคล่องทางการเงินได้ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นกลุ่มรากหญ้าให้มีเงินเหลือสำหรับการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจในหลายภาคส่วนฟื้นตัวตามไปด้วย
จากโครงการที่รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดจะสนับสนุนการเติบโตในหลายภาคส่วน ขณะที่แนวโน้มธุรกิจของ FSMART คาดจะเติบโตต่อเนื่องต่อเนื่องจากปี 2567 ทั้ง 3 กลุ่ม ธุรกิจเติมเงิน-รับชำระเงินอัตโนมัติ ธุรกิจบริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร ธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า
คาดการณ์ว่าในปี 2568 ธุรกิจเติมเงินและรับชำระเงินอัตโนมัติจะมีแนวโน้มการใช้บริการทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2567 แต่บริษัทคาดว่าจะเห็นอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากการหมดภาระค่าเสื่อมราคาของ ตู้บุญเติม ที่ดำเนินการมาต่อเนื่องถึง 8 ปี ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในธุรกิจนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลเชิงบวกต่อผลกำไรสุทธิของบริษัทในภาพรวม
บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของธุรกิจบริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจรในปี 2568 โดยคาดว่าการปล่อยสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 50% จากปี 2567 ปัจจัยหนุนการเติบโตมาจากการขยายฐานลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าบริษัทที่มีพนักงานเกิน 1 ล้านราย ซึ่งบริษัทเล็งเห็นโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่มีศักยภาพในการใช้บริการทางการเงิน
ส่วนธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า คาดว่าปี 2568 จำนวนตู้ “เต่าบิน”จะเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันมีตู้ให้บริการ 6,983 จุดทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ยอดขายจากตู้ดังกล่าวคาดว่าจะเติบโตสอดคล้องกับจำนวนตู้ที่เพิ่มขึ้น
รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision