บริษัทกัลฟ์เอ็นเนอร์จีดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) หรือ GULF พร้อมขับเคลื่อนผลงานไตรมาส 3/2567 โตต่อเนื่องเดินหน้าผลิตโรงไฟฟ้า IPP และโครงการ solar rooftop เพิ่ม, พร้อมขยายลงทุนพลังงานทดแทนใน-ต่างประเทศและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครอบคลุมตามแผนปี 2567 คาดรายได้พุ่ง 25-30%
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) GULF เปิดเผยว่า คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2567 จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2 จากการรับรู้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,650 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์หน่วยผลิตที่ 3 ไปแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567
อีกทั้งยังมีโครงการ solar rooftop อยู่ภายใต้การดูแลของ GULF1 ยังคงขับเคลื่อนและขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลการดำเนินงานที่เติบโตสูง ในปัจจุบันโครงการได้ลงนามสัญญาใหม่ได้แล้วกว่า 200 เมกะวัตต์ และมีแผนการที่จะสามารถลงนามสัญญาใหม่ในปีนี้เป็นไม่น้อยกว่า 270 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น และดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าไม่ต่ำกว่า 180 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้ โดย GULF1 มีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจ solar
พร้อมประมูลโครงการพลังงานทดแทน
นอกจากนี้ยังมองโอกาสการลงทุนโครงการพลังงานทดแทนในประเทศเพิ่ม อาทิ โครงการพลังงานทดแทน 3,600 เมกะวัตต์ บริษัทมีการเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมการประมูลของการของภาครัฐ และยังมองโอกาสในการขยายโครงการในต่างประเทศ ทั้งในยุโรป และเอเชีย ที่มียังมีโอกาสการเติบโตยังคงเปิดกว้าง นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานทดแทนในพอร์ตการลงทุนของบริษัทเป็น 40% ภายในปี 2035 หรือ ปี 2578 ปัจจุบันบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่เป็นโครงการพลังงานทดแทนแล้วกว่า 36% ถึงปี 2033 แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวและการยึดมั่นในการใช้พลังงานสะอาด สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและความต้องการของตลาดโลกที่กำลังเปลี่ยนไป
ดังนั้น ยังคงประมาณการการเติบโตของรายได้วมในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 25-30% โดยโครงการต่าง ๆ ของบริษัท ยังคงดำเนินไปตามแผน สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 โครงการโรงไฟฟ้า GPD หน่วยที่ 4 กำลังการผลิต 662.5 เมกะวัตต์ มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตามแผนในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ในขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) มีแผนที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ 5 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 532 เมกะวัตต์ ในเดือนธันวาคม 2567
โครงการ solar rooftop ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ GULF1 ยังคงขับเคลื่อนและขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ด้วยผลการดำเนินงานที่เติบโตสูง ในปัจจุบันโครงการได้ลงนามสัญญาใหม่ได้แล้วกว่า 200 เมกะวัตต์ และมีแผนการที่จะเพิ่มปริมาณการลงนามสัญญาใหม่ในปีนี้เป็นไม่น้อยกว่า 270 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น และดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าไม่ต่ำกว่า 180 เมกะวัตต์ ภายในสิ้นปีนี้ โดย GULF1 มีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจ solar rooftop ให้ได้มากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 แผนการขยายกำลังการผลิตนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท
เดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานต่อยอด
พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าในการพัฒนาโคงการโครงสร้างพื้นฐานตามแผน ทั้ง โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 , โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ด้านโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองนั้น สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) มีกำหนดจะเปิดดำเนินการในปี 2568 ขณะที่สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) มีกำหนดจะเปิดดำเนินการในปี 2569 ส่วนการควบรวบริษัทระหว่าง GULF และ INTUCH นั้น ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ ซึ่งการจัดตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/2568
โบรกประเมินกำไรไตรมาส 3/2567
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรปกติ ไตรมาส 3/2567 ที่ระดับ 4,300-4,600 ล้านบาท ลดลง จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)ตามปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้า IPP แต่คาดกำไรปกติสามารถเติบโต จากช่วงเดียวกันปีก่อน(YoY) ได้ต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากโครงการใหม่ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ที่เติบโตต่อเนื่องตามการแข่งขันในอุตสาหกรรมมือถือและ Broadband ที่ต่ำลง อีกทั้งมองว่าการซื้อหุ้นและนำไป Swap เป็นหุ้นของ New Co. จะทำให้ผู้ถือหุ้นได้ผลตอบแทนที่เป็นระยะยาว