AWC ไตรมาส 3/67 มีกำไรที่ 1.39 พันล้านบาท ลุยเปิดโครการใหม่ดันพอร์ต

          AWC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 1,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% จากปีก่อน รวม 9 เดือนแรกมีกำไร 3,991 ล้านบาท เติบโตจากการดำเนินกลยุทธ์ขยายพอร์ตโฟลิโออย่างแข็งแกร่ง พร้อมเตรียมเปิดโครงการ “Okura Cruise” และโรงแรมใหม่อีกหลายแห่งเพื่อเสริมศักยภาพและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย

          บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิที่ 1,139 ล้านบาท เติบโต 0.3% จากไตรมาส 3/2566 มีกำไร 1,136 ล้านบาท ส่งผลให้ 9 เดือน มีกำไรที่ 3,991 ล้านบาท เทียบกับ 9 เดือนปีก่อน มีกำไร ที่ 3,746 ล้านบาท

ภาพรวมของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “AWC”)

          ด้วยกลยุทธ์การเติบโต (GROWTH-LED Strategy) ของบริษัทที่มุ่งสร้างกระแสเงินสด โดยการเร่งพัฒนาทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการพัฒนา (DEVELOPING ASSET) ให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน (OPERATING ASSET) การเพิ่มศักยภาพของทรัพย์สินในช่วงดำเนินงานเริ่มต้น (RAMP UP) มาสู่ระดับดำเนินงานปกติ (BAU) และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกอย่างแข็งแกร่งแม้อยู่นอกฤดูกาลท่องเที่ยว ด้วยรายได้รวมและกำไรสุทธิ 9 เดือนตามงบการเงินอยู่ที่ 15,222 ล้านบาท และ 3,991 ล้านบาท ตามลำดับ จากผลการดำเนินงานอันยอดเยี่ยมของกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่เติบโตได้ดีในทุกกลุ่ม สามารถทำกำไรจากการดำเนินงาน 983 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 79 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562

          โดยโรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) และโรงแรมในกรุงเทพมีกลยุทธ์ผลักดันรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) ในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 4,702 บาทต่อห้อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า รวมถึงมีค่า RGI Index ของโรงแรมในพอร์ตโฟลิโอสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดอยู่ที่ 105 โดยมีโรงแรมที่มีค่า RGI โดดเด่น เช่น โรงแรมคอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 195 โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI เท่ากับ 174 และโรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ ที่มีค่า RGI เท่ากับ 149 นอกจากนี้ รายได้อาหารและเครื่องดื่มของธุรกิจโรงแรมและการบริการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลจากกลยุทธ์การบูรณาการจุดแข็งทางธุรกิจของกลุ่มธุรกิจโรงแรมและกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์เข้าด้วยกันเพื่อเสริมสร้างมูลค่าร่วม (Synergy Value)

          และกลุ่มธุรกิจยังคงรักษาการเติบโตได้ดีจากการปรับกลยุทธ์การตลาดของศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานสู่การเป็น AWC’s Lifestyle Destination ให้รองรับเทรนด์และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินรวมที่ 154,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับปี 2562 และส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโตร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.81 เท่า สะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารจัดการเงินทุนและความสามารถในการกู้ยืมเงินเพื่อสนับสนุนแผนการลงทุนระยะยาว โดยในไตรมาส 3/2567 บริษัทมีกำไรจากการรวมมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวน 1,063 ล้านบาท

          บริษัทมุ่งเดินหน้าเพิ่มมูลค่าและยกระดับคุณภาพทรัพย์สินอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 18 กันยายน 2567 บริษัทได้สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกเปิดตัว “เอ-ญ่า รูฟทอป แอท ดิ เอ็มไพร์” แลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศไทยที่รวบรวมทั้ง Top Cuisine ชั้นนำระดับเวิลด์คลาสมาสู่รูฟทอปที่วิวสวยที่สุดในกรุงเทพฯ ทั้ง “โนบุ แบงค็อก” กับเชฟระดับตำนาน เชฟโนบุ มัตสึฮิสะ เปิดห้องอาหารโนบุที่สูงที่สุดในโลก รวมถึง “เอ-ญ่า เชฟ เทเบิล” พร้อมสัมผัสประสบการณ์เชฟเทเบิลจาก 3 เชฟระดับมิชลินสตาร์กับห้องอาหารไทย “Le Du Kaan” บนรูฟทอปแห่งแรกของโลกโดยเชฟต้น ห้องอาหารจีนร่วมสมัย “K by Vicky Cheng” โดยเชฟวิคกี้ เชง และห้องอาหารอิตาเลียนคลาสสิกร่วมสมัย “Sartoria by Paulo Airaudo” โดยเชฟเปาโล อายราวโด รวมทั้ง “เอ-ญ่า แกลเลอรี” แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ร้านอาหารและคาเฟ่ชั้นนำ ด้วยประสบการณ์ระดับโลกกับจุดหมายปลายทางแห่งไลฟ์สไตล์เหนือระดับ

          นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นสร้างการเติบโตที่มั่นคงพร้อมกับการส่งเสริมคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับสังคมและชุมชน โดยในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า บริษัทเตรียมเปิดโครงการคุณภาพแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ และพัทยา ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอ ด้วยไฮไลต์อันโดดเด่นกับการเปิด “Okura Cruise” เรือเทปันยากิและไคเซกิสุดหรูระดับไฟน์ไดนิ่งลำแรกของโลกโดยโอกุระ ที่จะเปิดให้บริการ ณ ท่าเรือของโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น และ “มีเลีย พัทยา อควาทีค เดสติเนชั่น” โรงแรมแห่งใหม่ในพัทยา ที่พร้อมจะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมนี้ รวมถึงอีก 4 โครงการใหม่ที่เตรียมจะเปิดในปี 2568 ได้แก่ โครงการ “พัทยา แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา แอท จอมเทียนบีช” โรงแรมแมริออทแห่งแรกของพัทยา “แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท” โรงแรมแฟร์มอนท์แห่งแรกของไทยรองรับกลุ่ม Luxury MICE ระดับโลก โครงการ “ลานนาทีค เดสติเนชั่น” สร้างจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกใจกลางเมืองเชียงใหม่ และอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ AWC เตรียมสร้างความสนุกครั้งใหม่ที่โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกในการนำประสบการณ์สุดพิเศษระดับเวิลด์คลาสมาสู่ประเทศไทย ซึ่งจะมีการประกาศเปิดตัวรายละเอียดของความร่วมมืออย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้

 

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

SEAFCO ยืนหนึ่งฐานราก ขึ้นค่าแรงไม่เป็นปัญหา

SEAFCO ยืนหนึ่งฐานราก ขึ้นค่าแรงไม่เป็นปัญหา

BIZ ลุ้นเซ็นงานใหม่ 500 ล้านบาทใน Q1/68 หนุนรายได้โต 10%

BIZ ลุ้นเซ็นงานใหม่ 500 ล้านบาทใน Q1/68 หนุนรายได้โต 10%

GULF – INTUCH ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ ADVANC และ THCOM วันที่ 25 ธ.ค.นี้

GULF – INTUCH ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ ADVANC และ THCOM วันที่ 25 ธ.ค.นี้

UAC รับสินเชื่อ 100 ลบ. จาก ธ.อิสลาม เดินหน้าลงทุนต่อในอินโดฯ และลาว

UAC รับสินเชื่อ 100 ลบ. จาก ธ.อิสลาม เดินหน้าลงทุนต่อในอินโดฯ และลาว

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด