ตลาดน้ำผลไม้ในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 5-7% ต่อปีตามข้อมูลจาก Euromonitor โดยผู้บริโภคให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้น้ำผลไม้ 100% และเครื่องดื่มเสริมวิตามินได้รับความนิยมสูง นอกจากนี้ กระแสความยั่งยืนยังผลักดันให้ผู้บริโภคเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่การเติบโตของช่องทาง e-commerce ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Lazada และ Shopee หลังยุค COVID-19 ยิ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น
TIPCO และ MALEE ต่างมีจุดแข็งเฉพาะตัวในการตอบรับเทรนด์เหล่านี้ โดย TIPCO โดดเด่นด้วยผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ 100% และเครื่องดื่มเสริมสุขภาพที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ ขณะที่ MALEE มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์พรีเมียมอย่างน้ำผลไม้ปราศจากน้ำตาลและเครื่องดื่มผสมสมุนไพร ซึ่งตามข้อมูลจาก Statista ชี้ให้เห็นว่าตลาดผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพและเครื่องดื่มสมุนไพรมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และแนวโน้มนี้คาดว่าจะยังคงเติบโตในระยะยาว
การเติบโตของอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับเทรนด์สุขภาพและความยั่งยืน ประกอบกับการปรับตัวเชิงกลยุทธ์ของทั้งสองบริษัท ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มนี้น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว
ในตลาดน้ำผลไม้ 100% ของประเทศไทย TIPCO ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 29% ตอกย้ำความเป็นผู้นำในกลุ่มน้ำผลไม้ธรรมชาติ ขณะที่ MALEE มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 21% ซึ่งสะท้อนถึงการเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์พรีเมียม แม้ทั้งสองบริษัทจะครองตลาดในระดับที่สำคัญ แต่กลยุทธ์และภาพลักษณ์ของแบรนด์ในตลาดมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน TIPCO เน้นการครองตลาดในวงกว้าง ขณะที่ MALEE เน้นเจาะกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพและความเป็นพรีเมียม
TIPCO: การปรับโครงสร้างครั้งสำคัญสู่ธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
- จุดเริ่มต้นและการเปลี่ยนแปลง: TIPCO ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2519 ในชื่อบริษัท ไทยแอนแนส จำกัด (Thai Pineapple Co., Ltd) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี พ.ศ. 2532 ภายใต้ชื่อ TIPCO Foods จากจุดเริ่มต้นในธุรกิจผลไม้กระป๋อง TIPCO ได้พัฒนาตัวเองจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของไทย ด้วยความเชี่ยวชาญในการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค
- ธุรกิจหลักและการสร้างรายได้: ปัจจุบัน TIPCO มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจใน ผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้พร้อมดื่มและน้ำแร่ธรรมชาติ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัท โดยในปี 2566 มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศประมาณ 32% ครอบคลุมตลาดในเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง ผ่านช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายทั้งค้าปลีก ค้าส่ง และออนไลน์
- ผลิตภัณฑ์หลักและแบรนด์: ภายใต้แบรนด์ “TIPCO” มีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นด้วยคุณภาพและนวัตกรรม โดยเฉพาะน้ำผลไม้ 100% ที่เป็นผู้นำตลาด น้ำผลไม้ NFC (Not From Concentrate) ที่รักษาคุณค่าทางโภชนาการได้อย่างครบถ้วน และเครื่องดื่มเสริมวิตามินที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ นอกจากนี้ น้ำแร่ธรรมชาติแบรนด์ “Aura” ยังได้รับการยอมรับด้านรสชาติในระดับนานาชาติ จุดเด่นสำคัญ คือการยึดมั่นในการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติและไม่มีสารเติมแต่ง
- ผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ: TIPCO มุ่งขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ชันนอล เช่น เครื่องดื่มเสริมภูมิคุ้มกันและเครื่องดื่มเพิ่มพลังงาน พร้อมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามฤดูกาลและสูตรพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของตลาดสุขภาพที่กำลังเติบโต
- การแบ่งรายได้และค่าใช้จ่าย: ในปี 2566 ธุรกิจเครื่องดื่มสร้างรายได้หลักคิดเป็น 70% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่ผลิตภัณฑ์จากพืชผลและสมุนไพรคิดเป็น 29% และรายได้อื่นๆ อีก 1% บริษัทมุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการขยายช่องทางการตลาดดิจิทัลเพื่อตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง
กลยุทธ์การเติบโตของ TIPCO Foods Public Company Limited
- การปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ: TIPCO ประกาศยุติการดำเนินงานธุรกิจสับปะรดกระป๋องในเดือนกันยายน 2567 ซึ่งคิดเป็น 22% ของรายได้รวม เนื่องจากผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่องและความผันผวนของวัตถุดิบ การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนการปรับกลยุทธ์เพื่อมุ่งเน้นธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูงกว่า
- มุ่งเน้นธุรกิจหลักและการร่วมทุน: ภายหลังการปรับโครงสร้าง TIPCO มุ่งเน้นการเติบโตในธุรกิจน้ำผลไม้และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งสร้างรายได้หลักถึง 70% พร้อมทั้งรักษาความแข็งแกร่งจากการร่วมทุน (JV) ที่สร้างผลตอบแทนมั่นคง กลยุทธ์นี้ช่วยให้บริษัทสามารถทุ่มเททรัพยากรและความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง
- การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ: ด้วยประสบการณ์ด้านเครื่องดื่มมากว่า 40 ปี TIPCO มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น Tipco Nature Up เครื่องดื่มเสริมคอลลาเจนและวิตามิน และ Tipco Chewy น้ำผลไม้ผสมเนื้อผลไม้สำหรับคนรุ่นใหม่ โดยรักษาจุดแข็งด้านคุณภาพและความเป็นธรรมชาติของแบรนด์ TIPCO และ Aura ในระดับราคาที่เข้าถึงได้
- การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและตลาดต่างประเทศ: TIPCO เน้นการเติบโตในตลาดส่งออกที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง ควบคู่กับการรุกตลาดออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม e-commerce อย่าง Lazada และ Shopee เพื่อเข้าถึงผู้บริโภครุ่นใหม่
ความเสี่ยงหลักของ TIPCO
- การบริหารต้นทุนและอัตราแลกเปลี่ยน: แม้การยุติธุรกิจสับปะรดกระป๋องจะช่วยลดความเสี่ยงด้านวัตถุดิบ แต่ TIPCO ยังต้องบริหารต้นทุนวัตถุดิบคุณภาพสูงสำหรับธุรกิจเครื่องดื่ม รวมถึงผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนต่อรายได้จากการส่งออก
- การแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ: TIPCO เผชิญการแข่งขันที่เข้มข้นจากทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและต่างประเทศ เช่น C-vitt และ Minute Maid ทำให้ต้องเพิ่มการลงทุนด้านการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
- มาตรฐานและกฎระเบียบการส่งออก: การขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป ทำให้ต้องปรับตัวตามมาตรฐานที่เข้มงวด ซึ่งอาจส่งผลต่อต้นทุนและประสิทธิภาพการดำเนินงาน
MALEE: การสร้างการเติบโตผ่านธุรกิจรับจ้างผลิตและผลิตภัณฑ์พรีเมียม
- การก่อตั้งและธุรกิจหลัก: MALEE ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2521 เริ่มต้นจากการผลิตผลไม้กระป๋องและอาหารกระป๋อง ต่อมาได้ขยายธุรกิจเข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์พรีเมียม ปัจจุบัน MALEE มีสองธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจแบรนด์ MALEE และ ธุรกิจรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing) ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถกระจายรายได้และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจประเภทเดียว
- ผลิตภัณฑ์หลักและแบรนด์: ภายใต้แบรนด์ “MALEE” บริษัทมีผลิตภัณฑ์หลักที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมและคุณภาพ ได้แก่ น้ำผลไม้ 100% ที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง, น้ำมะพร้าว Malee Coco ที่รักษาความสดใหม่ตามธรรมชาติ, น้ำผลไม้ Cold Pressure Processing Malee Fruit Fresh ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตทันสมัย และ น้ำผักผลไม้ Malee Homestyle ที่อุดมด้วยกากใยสูง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มพรีเมียมที่ใส่ใจสุขภาพและยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อคุณภาพที่เหนือกว่า
- ธุรกิจรับจ้างผลิต: MALEE ใช้ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตเครื่องดื่มคุณภาพสูงในการให้บริการรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing) แก่แบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและฟังก์ชันนอล เช่น เครื่องดื่มเสริมวิตามินและเครื่องดื่มต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นในการผลิตนมสดแบรนด์ฟาร์มโชคชัยและนมข้าวโพด ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้กำลังการผลิต
- การแบ่งรายได้: ในช่วงปี 2564-2566 ธุรกิจรับจ้างผลิตเติบโตอย่างโดดเด่น โดยในปี 2566 มีสัดส่วนรายได้สูงถึง 61% ของรายได้รวม ขณะที่ธุรกิจแบรนด์มีสัดส่วน 39% การเติบโตของธุรกิจรับจ้างผลิตช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงและสม่ำเสมอให้กับ MALEE
- โครงสร้างค่าใช้จ่าย: MALEE บริหารต้นทุนหลักสามด้าน ได้แก่ วัตถุดิบคุณภาพสูง การผลิต และการตลาด โดยมุ่งเน้นการจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับการรักษาคุณภาพ การลงทุนด้านการตลาดมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ในตลาดพรีเมียมและการขยายช่องทางจัดจำหน่ายเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว
กลยุทธ์การเติบโตของ MALEE
- การขยายธุรกิจรับจ้างผลิตเพื่อสร้าง New S-Curve: MALEE วางกลยุทธ์เชิงรุกในธุรกิจรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing) ซึ่งปัจจุบันสร้างรายได้ถึง 61% ของรายได้รวม โดยใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีการผลิตและมาตรฐานคุณภาพระดับสากลในการดึงดูดพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ กลยุทธ์นี้ไม่เพียงช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคง แต่ยังช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้กำลังการผลิต
- การเสริมแกร่งผลิตภัณฑ์พรีเมียมเพื่อสุขภาพ: MALEE ต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเครื่องดื่มในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เช่น น้ำผลไม้สกัดเย็น (Cold Pressed) เครื่องดื่มเสริมวิตามิน และผลิตภัณฑ์ลดน้ำตาล เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและมีกำลังซื้อสูง โดยมุ่งสร้างความแตกต่างผ่านคุณภาพวัตถุดิบและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย
- การรุกตลาดต่างประเทศและช่องทางดิจิทัล: MALEE เร่งขยายฐานธุรกิจในตลาดเอเชียที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะเวียดนามและฟิลิปปินส์ ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น พร้อมกับเพิ่มการลงทุนในช่องทาง e-commerce และการตลาดดิจิทัล เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่และรองรับพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนแปลงไป การผสมผสานกลยุทธ์ทั้งออฟไลน์และออนไลน์นี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเติบโตในระยะยาว
ความเสี่ยงหลักของ MALEE
- การบริหารต้นทุนวัตถุดิบและคุณภาพการผลิต: MALEE เผชิญความท้าทายในการบริหารต้นทุนวัตถุดิบคุณภาพสูง โดยเฉพาะผลไม้สดและน้ำมะพร้าวที่ราคาผันผวนตามฤดูกาลและตลาดโลก จากรายงานประจำปี 2566 พบว่าความผันผวนนี้กดดันอัตรากำไรอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทต้องรักษามาตรฐานคุณภาพระดับพรีเมียมเพื่อตอบโจทย์ทั้งลูกค้าแบรนด์ตนเองและลูกค้ารับจ้างผลิต
- การกระจายความเสี่ยงในตลาดต่างประเทศ: แม้การขยายธุรกิจในตลาดเอเชีย โดยเฉพาะเวียดนามและฟิลิปปินส์ จะสร้างโอกาสการเติบโต แต่ก็มาพร้อมความท้าทายหลายด้าน ทั้งกฎระเบียบท้องถิ่น ความผันผวนของค่าเงิน และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในภูมิภาค การพึ่งพารายได้จากตลาดเหล่านี้อาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเงินหากเกิดความผันผวนในตลาดนั้นๆ
- การปรับตัวตามพลวัตตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค: ตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนแปลงรวดเร็วตามเทรนด์ผู้บริโภค โดยเฉพาะความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สุขภาพมากขึ้น เช่น เครื่องดื่มไร้น้ำตาลและผลิตภัณฑ์ฟังก์ชันนอล MALEE จึงต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการปรับกลยุทธ์การตลาดให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันทั้งในธุรกิจแบรนด์และธุรกิจรับจ้างผลิต
แม้อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ TIPCO และ MALEE เลือกเส้นทางธุรกิจที่แตกต่างกัน
แม้จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำผลไม้ไทย แต่ TIPCO และ MALEE กลับเลือกเส้นทางการเติบโตที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน MALEE มุ่งแสวงหาโอกาสใหม่ผ่านธุรกิจรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing) จนสามารถสร้างรายได้สูงถึง 61% ของรายได้รวม สะท้อนความสำเร็จในการสร้าง New S-Curve ให้กับบริษัท ในขณะที่ TIPCO เลือกเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก พร้อมกับกระจายความเสี่ยงผ่านการร่วมทุน (Joint Venture) กับพันธมิตรในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและช่วยรักษาระดับกำไรในระยะยาว กลยุทธ์ที่แตกต่างนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและการมองหาโอกาสเติบโตที่เหมาะสมกับจุดแข็งของแต่ละบริษัท
MALEE กับการเติบโตจากธุรกิจรับจ้างผลิต ขณะที่ TIPCO รักษาเสถียรภาพรายได้จากธุรกิจหลัก
TIPCO รักษาระดับรายได้ให้คงที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์หลักและรักษาส่วนแบ่งในตลาดในประเทศ แม้จะไม่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่กลยุทธ์นี้ช่วยให้บริษัทมีเสถียรภาพทางรายได้และได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงจากการร่วมทุน
ในทางตรงกันข้าม MALEE แสดงให้เห็นการเติบโตของรายได้อย่างโดดเด่นตั้งแต่ปี 2564 ด้วยการรุกธุรกิจรับจ้างผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์พรีเมียมเพื่อสุขภาพ การเติบโตนี้สะท้อนความสำเร็จในการปรับตัวรับกระแสสุขภาพและการใช้ประโยชน์จากกำลังการผลิตที่มีอยู่ ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจรับจ้างผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจนกลายเป็นรายได้หลักของบริษัท
(Source: MALEE and TIPCO 56-1 Document, Year 2021, 2022, 2023)
TIPCO ได้แรงหนุนจากธุรกิจร่วมทุน ขณะที่ MALEE มุ่งขยายกำลังการผลิต
MALEE สร้างการเติบโตของรายได้และกำไรขั้นต้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขยายธุรกิจรับจ้างผลิตที่มีอัตรากำไรที่แน่นอน ประกอบกับการเน้นผลิตภัณฑ์พรีเมียมเพื่อสุขภาพที่มีอัตรากำไรสูง กลยุทธ์นี้ช่วยให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตของรายได้และรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรได้อย่างมั่นคง
ในขณะที่ TIPCO แม้จะมีรายได้ที่ทรงตัว แต่กลับมีกำไรสุทธิที่น่าสนใจจากการร่วมทุน (JV) ถึงแม้ผลประกอบการหลักจะแสดงผลขาดทุนจากการดำเนินงาน แต่รายได้จากการร่วมทุนกลับช่วยพลิกสถานการณ์ ส่งผลให้บริษัทยังคงรักษาผลกำไรสุทธิเชิงบวกได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงผ่านการร่วมทุน
MALEE โดดเด่นด้วยอัตราหมุนเวียนสูง TIPCO มุ่งรักษาสมดุล
MALEE โดดเด่นด้วยอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 4.78 เท่าในปี 2564 เป็น 8.44 เท่าในปี 2566 สะท้อนถึงความสำเร็จในการบริหารสินค้าคงคลังที่สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจรับจ้างผลิต ซึ่งต้องการการจัดการวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปที่รวดเร็วและแม่นยำ
ในทางกลับกัน TIPCO รักษาอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลังที่ระดับ 3.18-3.56 เท่า สะท้อนถึงกลยุทธ์การบริหารสต็อกที่มุ่งเน้นความสมดุลระหว่างการรักษาระดับสินค้าให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในประเทศ และการควบคุมต้นทุนการจัดเก็บ แนวทางนี้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจที่เน้นความมั่นคงและการรักษาส่วนแบ่งตลาดในประเทศเป็นหลัก
หุ้น TIPCO หรือ MALEE : ตัวไหนน่าลงทุนกว่า
ในการเปรียบเทียบศักยภาพการลงทุนระหว่าง TIPCO และ MALEE พบว่าแต่ละบริษัทมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ส่งผลให้เหมาะสมกับนักลงทุนที่มีเป้าหมายและความต้องการที่ไม่เหมือนกัน
สำหรับ นักลงทุนที่มองหาการเติบโตระยะยาว MALEE นำเสนอโอกาสที่น่าสนใจด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจน บริษัทแสดงให้เห็นการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องผ่านการขยายธุรกิจรับจ้างผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์พรีเมียมเพื่อสุขภาพ ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการยังสะท้อนผ่านอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 4.78 เท่าในปี 2564 เป็น 8.44 เท่าในปี 2566 แม้ว่าปัจจุบัน MALEE จะยังไม่มีการจ่ายเงินปันผล แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องอาจนำมาซึ่งผลตอบแทนที่สูงขึ้นในอนาคต จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่พร้อมถือระยะยาวเพื่อรอการเติบโตของมูลค่ากิจการ
อัตราส่วน P/E ของ MALEE แสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพในการเติบโตระยะยาว โดยรักษาระดับ P/E ที่สม่ำเสมอและน่าสนใจเมื่อเทียบกับ TIPCO ปัจจัยสนับสนุนมาจากความสำเร็จในการดำเนินกลยุทธ์สองด้านหลัก คือ การขยายธุรกิจรับจ้างผลิตที่สร้างรายได้มั่นคง และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์เทรนด์ตลาด ส่งผลให้ MALEE เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
ในทางกลับกัน นักลงทุนที่เน้นรายได้ประจำ อาจพิจารณา TIPCO เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอและอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงถึง 7.6% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ แม้อัตราส่วน P/E จะมีความผันผวนอันเนื่องมาจากผลกระทบของธุรกิจร่วมทุน (JV) ต่อกำไรจากการดำเนินงาน แต่กลยุทธ์การร่วมทุนนี้กลับช่วยรักษาระดับกำไรสุทธิให้เป็นบวกและสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง ส่งผลให้ TIPCO สามารถรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่อง จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้ประจำมากกว่าการเติบโตของราคาหุ้น
TIPCO นำเสนออัตราเงินปันผลที่สูงกว่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอาหารที่ 7.6% ซึ่งสูงกว่ากลุ่มตลาดส่วนใหญ่ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหารายได้ที่มั่นคงจากเงินปันผล การมุ่งเน้นไปที่การสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอช่วยให้ TIPCO สามารถรักษาอัตราการจ่ายปันผลสูงได้ในขณะที่ยังตอบสนองความต้องการของนักลงทุนด้านรายได้
สรุปแล้ว การเลือกลงทุนระหว่าง TIPCO และ MALEE ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนที่แตกต่างกัน โดย MALEE นำเสนอโอกาสการเติบโตผ่านกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นในการขยายธุรกิจรับจ้างผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ สะท้อนผ่านการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่สูงขึ้น จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสการเติบโตระยะยาว ในขณะที่ TIPCO โดดเด่นด้วยความมั่นคงและการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอที่ 7.6% ด้วยกลยุทธ์การร่วมทุนที่ช่วยสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการรายได้ประจำและความมั่นคงในระยะยาว
รายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/IAS_juice_081124