PTTEP เดินหน้าลงทุนโครงการ CCS Hub เร่งกักเก็บคาร์บอน-ขยายธุรกิจพลังงานสะอาด

            ปตท.สผ. เผยแผนการลงทุนเชิงรุกในโครงการ Carbon Capture and Storage (CCS Hub) เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อย่างยั่งยืน พร้อมวางแผนตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายในปี 2568 ควบคู่กับการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียน พร้อมคงปริมาณขายทั้งปีที่ 5.01 แสนบาร์เรล/วัน ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่บริเวณ 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

            นายเสริมศักดิ์ สัจจะวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า ภารกิจของ ปตท.สผ. คือการส่งเสริมความมั่นคงของพลังงานในประเทศและการลงทุนไปยังต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) โดยเฉพาะแหล่งอาทิตย์ ซึ่งคาดว่าจะมีการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายในปี 2568 และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปี 2027 รวมถึงการดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเติบโตในธุรกิจใหม่ (Diversify) เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในการเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงาน พร้อมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และเร่งสร้างการเติบโตให้กับบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV)

            นางสาวอารดา วิชญวาณิช ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ PTTEP เปิดเผยถึงโครงการ Carbon Capture and Storage: CCS Hub โดยจะมีการทำงานร่วมกันทั้งกลุ่ม ปตท. โดยลูกค้ากลุ่มแรกคือเครือ ปตท. ซึ่ง ปตท. แม่ จะเป็นผู้ลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และทำงานร่วมกับรัฐบาลในการผลักดันกฎระเบียบหรือกฎหมายรองรับ ส่วนบริษัทในเครือที่ปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) จากกระบวนการทำงานของตนเอง เช่น GPSC, TOP, GC, IRPC และ PTT จะนับเป็นผู้ผลิตต้นน้ำ สำหรับ PTTEP จะรับหน้าที่เป็นปลายน้ำในการรับผิดชอบการลงทุนพัฒนา offshore storage facility ในอ่าวไทย โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านการขุดสำรวจและการจัดเก็บเพื่อสนับสนุนการกักเก็บคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ

            สำหรับภาพรวมปริมาณขายปิโตรเลียมทั้งปี 2567 คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 501,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากปีก่อนที่ 462,007 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยมีการเติบโตขึ้น 40,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากการเพิ่มกำลังการผลิตของโครงการจี 1/61 (เอราวัณ) สู่ระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ซึ่งเร็วกว่าแผนงาน รวมถึงปริมาณขายตามสัดส่วนการร่วมทุนที่เพิ่มขึ้นของโครงการยาดานาหลังจากผู้ร่วมทุนยุติการลงทุน

            สำหรับราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทนั้นมีโครงสร้างราคาส่วนหนึ่งผูกกับราคาน้ำมันย้อนหลัง 6 – 24 เดือน บริษัทคาดว่าราคาขายก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยสำหรับปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 5.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ส่วนต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) คาดว่าจะอยู่ที่ 29-30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยคาดว่าไตรมาส 4/2567 จะลดลงจากไตรมาส 3/2567 รวมถึงคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เฉลี่ยจะอยู่ที่ 70-75%

            ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/2567 คาดว่าปริมาณขายปิโตรเลียมจะอยู่ที่ระดับ 520,000-530,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 3/2567 ที่อยู่ระดับ 475,078 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยในไตรมาส 4 ปี 2567 อุปสงค์และอุปทานอยู่ในระดับสมดุล โดยมีความกังวลด้านเศรษฐกิจ การควบคุมการผลิตของกลุ่ม OPEC+ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยสำคัญ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเคลื่อนไหวในกรอบราคา 75 – 85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แนวโน้มเศรษฐกิจประเทศจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ส่งผลให้มีการปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันดิบปีนี้ลงเหลือ 900,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ด้านอุปทานแนวโน้มน้ำมันมีความตึงตัวมากขึ้น และยังมีปัจจัยอื่นทั้งการเลือกตั้งของสหรัฐและความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง

            สำหรับแผนธุรกิจปี 2568 อยู่ระหว่างการวางแผน โดยคาดว่าจะสามารถให้ข้อมูลรายละเอียดได้ในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2567 นี้ โดยเบื้องต้นบริษัทจะพยายามรักษาการผลิตทั้งในไทย เมียนมาร์ มาเลเซีย รวมไปถึงตะวันออกกลาง และเร่งรัดการพัฒนา ซึ่งจะใช้เงินลงทุนพอสมควร โดยในแต่ละปีวางเป้าหมายการลงทุนไว้ที่ประมาณ 6,000-7,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

SEAFCO ยืนหนึ่งฐานราก ขึ้นค่าแรงไม่เป็นปัญหา

SEAFCO ยืนหนึ่งฐานราก ขึ้นค่าแรงไม่เป็นปัญหา

BIZ ลุ้นเซ็นงานใหม่ 500 ล้านบาทใน Q1/68 หนุนรายได้โต 10%

BIZ ลุ้นเซ็นงานใหม่ 500 ล้านบาทใน Q1/68 หนุนรายได้โต 10%

GULF – INTUCH ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ ADVANC และ THCOM วันที่ 25 ธ.ค.นี้

GULF – INTUCH ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ ADVANC และ THCOM วันที่ 25 ธ.ค.นี้

UAC รับสินเชื่อ 100 ลบ. จาก ธ.อิสลาม เดินหน้าลงทุนต่อในอินโดฯ และลาว

UAC รับสินเชื่อ 100 ลบ. จาก ธ.อิสลาม เดินหน้าลงทุนต่อในอินโดฯ และลาว

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด