“นายสุธน สิงหสิทธางกูร นักลงทุนนักเน้นคุณค่าหรือ VI แนะการกระจายลงทุนต่างประเทศช่วยเพิ่มโอกาสและลดความเสี่ยง ปัจจุบันพอร์ตเป็นการลงทุนจีนกว่า 70% พร้อมย้ำจัดประชุมนักวิเคราะห์ ควรเป็นออนไลน์ทุกคนฟังได้ ช่วยเสริมความโปร่งใส ปกป้องสิทธิ์นักลงทุนรายย่อย”
นายสุธน สิงหสิทธางกูร นักลงทุนเน้นคุณค่า(VI) และกรรมการ สมาคมนักลงทุนประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับการปัจจุบันได้กระจายการลงทุนไปต่างประเทศในสัดส่วนถึง 90% ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นการลงทุนในประเทศ แม้จะมองว่าในประเทศไทยยังมีโอกาสลงทุนอยู่บ้าง แต่ยอมรับว่าอัพไซด์ของหุ้นในประเทศมีจำกัด เนื่องจากตลาดไม่ได้เผชิญวิกฤตใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างมาก นอกจากนี้ นักลงทุน VI ในไทยยังมีทักษะและความรู้สูง ทำการบ้านอย่างรอบคอบ ส่งผลให้หุ้นที่มีอัพไซด์สูงเริ่มหายากมากขึ้น นักลงทุนจึงต้องพิจารณาและศึกษาหุ้นอย่างละเอียด
ส่วนพอร์ตการลงทุนต่างประเทศ นับเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยในการกระจายความเสี่ยง โดยปัจจุบัน ตนเองนั้นได้มีการลงทุนในต่างประเทศหลายประเทศ แต่ประเทศหลักที่เข้าไปลงทุนอย่างจีน และเวียดนามก็สร้างผลตอบแทนได้ดี อย่างในจีน มีการเข้าทยอยลงทุนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และมีการเลือกลงทุนหุ้นหลายตัว ยกตัวอย่างคือ Tencent Music Entertainment Group หรือ TME เป็นบริษัทด้านดนตรีและบันเทิงชั้นนำของจีนที่อยู่ภายใต้เครือ Tencent ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ของประเทศ ผลตอบแทนที่ผ่านมาทำได้เกินเท่าตัว มองว่าบริษัทในประเทศจีน ส่วนใหญ่เป็นบริษัทระดับ Global มีโอกาสเติบโตได้อีก ทั้งนี้ หุ้นในจีนที่ปรับตัวลดลงในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา กลับมีอัพไซด์สูงขึ้น ทำให้เกิดโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน แต่การพิจารณาหุ้นในภาวะวิกฤตต้องมีความรอบคอบ หากเป็นวิกฤตชั่วคราวอาจเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน แต่ต้องมั่นใจว่าไม่ใช่วิกฤตยาวนานซึ่งอาจกลายเป็นความเสี่ยงระยะยาว ทั้งนี้ การลงทุนในประเทศจีนในพอร์ตปัจจุบันของนักลงทุนรายนี้อยู่ที่ 70%
นอกจากนี้แนะนำให้ผู้ลงทุนศึกษาและกระจายธุรกิจในพอร์ตให้หลากหลายมากขึ้น โดยการขยายการลงทุนไปยังหลายประเทศ เพื่อมองเห็นภาพรวมของตลาดในมุมกว้างและค้นหาโอกาสทางธุรกิจที่จะเติบโตในอนาคต หรือเรียกว่าจะเป็น “ยานทิพย์” ที่ช่วยให้เห็นภาพอนาคตของอุตสาหกรรมและสนับสนุนการตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีศักยภาพ โดยการรู้จักหุ้นในหลายอุตสาหกรรมและตลาดต่างประเทศเป็น “S-curve” ที่ช่วยเพิ่มโอกาสและสร้างความมั่นใจในพอร์ตการลงทุนได้มากขึ้น โดยการศึกษาความหลากหลายจะช่วยให้นักลงทุนสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการเลือกหุ้นที่มีศักยภาพสูงและเป็นฐานการเติบโตที่มั่นคง
การลงทุนในหุ้น IPO ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากหุ้น IPO หลายตัวอาจมีการตั้งราคาขายที่สูงและมีพรีเมียมเพิ่มเข้ามาแล้ว ทำให้หุ้นบางตัวอาจไม่ได้มีราคาถูกอย่างที่คาดหวัง นักลงทุนที่สนใจควรตระหนักถึงข้อจำกัดด้านผลตอบแทน และพิจารณาความคุ้มค่าอย่างรอบคอบ โดยควรคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหากมีส่วนที่เสียเปรียบในการลงทุน
สำหรับประเด็นเรื่อง การประชุมนักวิเคราะห์ โดยมองว่าอยากจะเสนอแนวทางการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน โดยแนะนำให้การประชุมนักวิเคราะห์จัดในรูปแบบออนไลน์เพื่อให้ผู้ลงทุนทุกรายได้ฟังข้อมูลพร้อมกัน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงข้อมูลและสร้างความโปร่งใส โดยการดำเนินการลักษณะนี้มีอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งช่วยปกป้องสิทธิ์ของนักลงทุนรายย่อย และเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ติดตามการถามตอบข้อมูลเชิงลึกจากนักวิเคราะห์ที่เข้าร่วมประชุม
ส่วนเรื่องที่มีการพูดว่านักลงทุนวีไอ ก็มีการเข้าไป “การเยี่ยมชมบริษัท” (Company visit) โดยชี้ว่าการเยี่ยมชมของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (VI) มักมุ่งเน้นศึกษาศักยภาพการเติบโตระยะยาวของบริษัทมากกว่าข้อมูลระยะสั้น ซึ่งแตกต่างจากการประชุมนักวิเคราะห์ที่มุ่งเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในระยะสั้นมากกว่า ทั้งนี้ได้เข้าหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อสะท้อนความกังวลในเรื่องการเข้าถึงข้อมูลของนักลงทุนรายย่อย
รายงานโดย: ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว สำนักข่าว Hoonvision