หุ้นวิชั่น – DELTA เผยผลประกอบการไตรมาส 3/2567 กำไรจากการดำเนินงานแตะ 5,989 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไร 13.9% โดยมียอดขาย 43,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยความต้องการเพาเวอร์ซิสเต็มสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์และดีซี เพาเวอร์ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืนเพื่อส่งมอบโซลูชันที่ตอบโจทย์ทิศทางอุตสาหกรรมในอนาคต และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.47 บาท
บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA รายงานกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 นี้จำนวน 5,989 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรร้อยละ 13.9 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12.5 ของงวดเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นจากยอดขายในกลุ่มสินค้าที่เติบโตสูง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ บันทึกรายการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน สืบเนื่องจากทิศทางเงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้เท่ากับ 5,911 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 13.7 และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.47 บาท เติบโตร้อยละ 8.9 เมื่อเทียบกับ 0.44 บาทต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ยอดขายสินค้าและบริการในไตรมาสนี้อยู่ที่ 43,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากฐานสูงในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนในอัตราร้อยละ 6.8 และเติบโตต่อเนื่องร้อยละ 3.5 จากไตรมาสที่แล้ว ขับเคลื่อนโดยกลุ่มเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวอย่างโดดเด่น ทั้งจากเพาเวอร์ซิสเต็มสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์และผลิตภัณฑ์ดีซี เพาเวอร์ ซึ่งมีความต้องการสูงตามแนวโน้มการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่แพร่หลายมากขึ้น ส่งผลต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและระบบเครือข่ายเพื่อรองรับการประมวลผลสมรรถนะสูง นอกจากนี้ กลุ่มพัดลมและระบบจัดการความร้อน และเพาเวอร์ซัพพลายสำหรับระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรม มีการเติบโตดีในไตรมาสนี้
ขณะเดียวกัน กลุ่มโซลูชันสำหรับยานยนต์ไฟฟ้ายังส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างจำกัดจากช่วงครึ่งปีแรก และปรับตัวลดลงจากฐานสูงในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว สืบเนื่องจากดีมานด์ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกอ่อนตัวลง ส่งผลให้ลูกค้าเพิ่มความระมัดระวังในการบริหารสินค้าคงคลัง และปรับแผนการขายให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด นอกจากนี้ กลุ่มเพาเวอร์ซิสเต็มสำหรับโครงสร้างพื้นฐานเทเลคอมยังคงประสบสภาวะยอดขายชะลอตัว ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความท้าทาย บริษัทฯ ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างรัดกุม พร้อมบริหารห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน เพื่อมุ่งเน้นการส่งมอบโซลูชันและเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทิศทางอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
กำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้มีจำนวน 11,927 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.4 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขับเคลื่อนโดยยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ร่วมกับการบริหารสินค้าคงคลังของกลุ่มสินค้าหลักอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ภาพรวมอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวได้ดีในระดับสูงและเพิ่มขึ้นกว่าไตรมาสก่อน รวมถึงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง ควบคู่กับการกลับรายการตั้งสำรองสินค้าคงคลังเพิ่มเติมในไตรมาสนี้
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (รวมการวิจัยและพัฒนา) มีจำนวน 5,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.9 จากปีก่อนหน้า เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านการขายในส่วนค่าธรรมเนียมจ่ายเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้จากค่าเสื่อมราคา ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและค่าบริการวิชาชีพ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาด งานประชาสัมพันธ์และอีเว้นท์ต่าง ๆ