บริษัท หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง SCB ว่า รายงานกำไรสุทธิใน ไตรมาส3/2567 ที่ 1.09 หมื่นล้านบาท (+13% yoy, +9% qoq) โดยผลประกอบการออกมาดีกว่าที่และตลาดคาดการณ์ไว้ 15% และ 10% ตามลำดับ การขาย Purple Ventures (แอปพลิเคชัน Robinhood) ทำให้ SCB ไม่ต้องแบกรับผลขาดทุนอีกต่อไป SCB คาดว่าอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทุก ๆ 1% จะทำให้ NIM ลดลง 25-30bp ในขณะเดียวกันคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น qoq โดยเรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มของคุณภาพสินทรัพย์ คงคำแนะนำซื้อ
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุถึง SCB ว่าปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ขึ้น 3% มาอยู่ที่ 4.21 หมื่นล้านบาท (ลดลง 3% YoY) เนื่องจากปรับลดประมาณการอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จาก 43.9% มาอยู่ที่ 42.8% นอกจากนี้ ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ขึ้น 3% มาอยู่ที่ 4.56 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 8% YoY) ดังนั้น ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2568 ของเราเพิ่มขึ้นจาก 110 บาท มาอยู่ที่ 125 บาท PER ปี 2568 ของ SCB อยู่ที่ 8.4 เท่า เป็นไปตามค่าเฉลี่ยกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำที่ 8.3 เท่า PBV ณ สิ้นปี 2568 อยู่ที่ 0.8 เท่า และเราคาด ROE ปี 2568 อยู่ที่ 9.2% ทำให้อัตราส่วน PBV/ROE อยู่ที่ 0.083 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำที่ 0.082 เท่า เราคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลมากกว่า 8% ในปี 2567 และ 2568 นอกจากนี้ คุณภาพสินทรัพย์ของ SCB มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2568 ดังนั้น ปรับเพิ่มคำแนะนำจากขายเป็นซื้อ
บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุถึง SCB ว่า คาดจะมีอัตราผลตอบแทนเงินปั่นผลสูงสุดในกลุ่มธนาคารที่ 8.7% ในปี 2024 (หักเงินปันผลระหว่างกาลเหลือ 5.5%) และให้เพิ่มเป็น 8.9%/9.4% ในปี 2025-26 ถือเป็นจุดเด่นในการลงทุน แม้ SCBX จะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยลดลง โดยประเมินว่าทุก 100 bps ของการปรับลด อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะกระทบต่อ NIM ลดลง 25-30 bps แต่ด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานได้ดี ทำให้เราปรับคาดการณ์กำไรปี 2024-26 เพิ่มขึ้น 2-4% โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 4.3% ในปี 2024 และฟื้นกลับมาขยายตัว 2.2%/5.8% ในปี 2025-26 ด้านผลการดำเนินงานใน ไตรมาส3/2567 กำไรสุทธิแข็งแกร่งที่ 10.9 พันล้านบาท (+13.2% YoY, +9.3% QoQ) คุณภาพสินเชื่อทรงตัว NPL ratio เพิ่มเล็กน้อยที่ 3.4% และ Coverage ratio เพิ่มเป็น 163.9%
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุถึง SCB ว่า ยังคงประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 43,229 ล้านบาท (-1% YoY) สำหรับแนวโน้มกำไร ไตรมาส4/2567 นั้นคาดว่าจะเห็นการอ่อนตัวลงจากค่าใช้จ่ายตามฤดูกาล บวกกับอาจเห็นค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้ Stage 2 ขณะที่แนวโน้มปี 2568 คาดว่าจะมีแรงกดดันจากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งกระทบต่อ NIM บวกกับอาจเห็นสินเชื่อชะลอตัวจากความกังวลด้านคุณภาพหนี้ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีรายการ One-time จาก Robinhood เช่นในปี 2567 บวกกับไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการดำเนินงานของ Robinhood ซึ่งทำให้คาดว่ากำไรยังพอเติบโตได้เล็กน้อยราว 3% YoY แต่ระดับ Div. Yield ที่สูงถึง 6-7% ยังเป็นปัจจัยจูงใจ จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง SCB ว่า ธนาคารได้บันทึกการชำระคืนเงินกู้เพิ่มเติมและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อชดเชยการขาดทุนจาก Robinhood ขณะที่ธนาคารแนะว่า NIM ที่ลดลงจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มกำไรในระยะสั้น โดยศักยภาพการเติบโตในปีหน้าจะมาจากการไม่รวมผลขาดทุนจาก Robinhood (ราว 3.0 พันล้านบาทที่บันทึกไว้ในปี 2567) ทั้งนี้ เราใช้ PBV ของกำไรปี 2568F ที่ 0.8x (ซึ่งเป็นพรีเมียมกว่าธนาคารอื่นเพื่อสะท้อนอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่า) เราจึงได้ราคาเป้าหมายใหม่ปี 2568F ที่ 127 บาท (เพิ่มจากราคาเป้าหมายปี 2567F เดิม 117 บาท) โดยคงคำแนะนำ “ถือ”