ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#ZIGA


ZIGA ปักธงเหล็ก ESG ใส่เกียร์ลุยเมกะโปรเจ็กต์

ZIGA ปักธงเหล็ก ESG ใส่เกียร์ลุยเมกะโปรเจ็กต์

               หุ้นวิชั่น - ZIGA โชว์แผนปี 68 เดินหน้าสู่ “Better, Cheaper, Faster” ดันนวัตกรรมเหล็กตอบโจทย์เฉพาะทาง เดินหน้าลุยตลาดเมกะโปรเจกต์-พลังงานสะอาด ปักธงโตยั่งยืนด้วย ESG พร้อมชี้แจงข่าวเท็จ ปกป้องชื่อเสียงบริษัท                นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทยังคงเดินหน้าธุรกิจอย่างมั่นคง ภายใต้แนวคิด “Better, Cheaper, Faster” เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล็กนวัตกรรมที่มีคุณภาพสูงและตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะทาง แม้ในปี 2567 บริษัทยอดขายจะอยู่ที่ 577.27 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าราว 27% แต่สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin )ให้อยู่ในระดับสูงที่ 18.3% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 26 ล้านบาทซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนและการมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง                สำหรับทิศทางในปี 2568 บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการใช้วัตถุดิบ High Micron และการเคลือบผิวด้วยเทคโนโลยี Hot Dip Galvanized ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และผ่านมาตรฐาน RoHS สอดรับกับแนวคิด “Sustainable Steel Solutions” ซึ่งผลิตภัณฑ์หลักในกลุ่มนี้ ได้แก่ Daiwa Super ท่อร้อยสายไฟเกรดพรีเมียมที่เหมาะสำหรับโครงการระบบไฟฟ้ามาตรฐานสูง และ HZO ท่อแรงดันสูงที่ผลิตจาก High Micron ปลอดภัยทั้งตามมาตรฐานอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม                นอกจากนี้ ZIGA ยังเดินหน้าขยายตลาด โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะทางที่ต้องการสินค้าที่มีความแตกต่างและมีมาตรฐานสูง อาทิ กลุ่มโครงการเมกะโปรเจกต์ โครงสร้างพื้นฐานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนโครงการพลังงานสะอาดและระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ พร้อมกันนี้ยังให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตและความยั่งยืน ด้วยการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และดำเนินธุรกิจภายใต้หลัก ESG (Environment, Social, Governance) เพื่อส่งเสริมให้องค์กรเติบโตเคียงคู่กับสังคมและสิ่งแวดล้อม                บริษัทขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด บริษัทได้ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายกับบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องสิทธิและชื่อเสียงของบริษัท โดยยืนยันว่า ZIGA ยังคงดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง โปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นทางการผ่านช่องทางที่เหมาะสม ตามที่ได้ชี้แจงไว้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568

ZIGA กำไรปี67ลดเหลือ 26 ล้านบาท จากปี 66 ที่ 41.6 ล้านบาท

ZIGA กำไรปี67ลดเหลือ 26 ล้านบาท จากปี 66 ที่ 41.6 ล้านบาท

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน ZIGA ประกาศกำไรปี 67 ที่ 26 ล้านบาท เทียบกับปี 66 อยู่ที่ 14.6 ล้านบาท ลดลง 37.5% ส่วนรายได้จากการขายสินค้าทำได้ 562.0 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 208.9 ล้านบาท          นางสาววราลักษณ์ งามจิตรเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิในปี 2567 และปี 2566 เป็นจำนวน 26.0 ล้านบาท และ 41.6 ล้านบาท ตามลำดับ โดยอัตรากำไรสุทธิคิดเป็นร้อยละ 4.5 และร้อยละ 5.2 ของรายได้รวมในปี 2567 และปี 2566 ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิลดลง 15.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการลดลงของกำไรสุทธิร้อยละ 37.5 โดยบริษัทฯ มี EBITDA ในปี 2567 และปี 2566 เป็นจำนวน 80.7 ล้านบาท และ 119.6 ล้านบาท ตามลำดับ          ตามงบการเงินรวมของบริษัทฯ มีรายได้จากการขายในปี 2567 และ ปี 2566 เท่ากับ 562.0 ล้านบาท และ 770.9 ล้านบาท ตามลำดับ ลดลงจำนวน 208.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการลดลงของรายได้จากการขายร้อยละ 27.1 เนื่องจากบริษัทฯเลือกบริหารจัดการสินค้าเฉพาะกลุ่มที่บริษัทฯได้กำไร และลดสัดส่วนสินค้าที่มีโอกาสขาดทุนลง เนื่องจากสภาวะต้นทุนสินค้าผันผวนจากต้นทุนเหล็ก และอัตราแลกเปลี่ยน จึงทำให้รายได้ในส่วนของสินค้ากลุ่มนี้ลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการเรื่องอัตรากำไรในสินค้าได้ดีโดยในปี 2567 และ ปี 2566 บริษัทฯมีกำไรขั้นต้นจำนวน 103.1 ล้านบาท และ 123.9 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 18.3 และ 16.1 ตามลำดับ

[Vision Exclusive] ZIGA เจาะฐาน B2C ทำเงิน ดีมานด์ใช้เหล็กติดลมบน

[Vision Exclusive] ZIGA เจาะฐาน B2C ทำเงิน ดีมานด์ใช้เหล็กติดลมบน

          หุ้นวิชั่น - ZIGA เดินเกมเจาะ B2C ปั๊มมาร์จิ้นเข้าพอร์ตเพิ่ม ชี้ดีมานด์ใช้เหล็กโตต่อ แถมกลุ่ม B2B ส่งสัญญาณ ลุยลงทุนบิ๊กโปรเจ็กต์ เชื่อหนุนยอดติดลมบน ด้านบอสใหญ่ "ศุภกิจ งามจิตรเจริญ" โชว์ Backlog 500 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โต 5-15%           นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า ทิศทางธุรกิจในปี 2568 บริษัทจะมุ่งต่อยอดจากธุรกิจที่มีอยู่ หลังจากที่ได้ขยายฐานและเจาะกลุ่ม B2C (Business to Consumer) หรือกลุ่มผู้ใช้งานโดยตรงมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งทำให้ภาพรวมผลประกอบการของ ZIGA โดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม           ในปี 2568 กลุ่ม B2C ของบริษัทจะมีการขยายตัวต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทสามารถรับรู้พฤติกรรมการใช้เหล็กจากทั้งการทำการเกษตรและการใช้งานในภาคครัวเรือน เช่น ฟาร์มวัวและคอกกระบะ ซึ่งการเจาะกลุ่ม B2C ช่วยให้บริษัทสามารถรับรู้พฤติกรรมผู้บริโภคได้ชัดเจน และสามารถสต็อกสินค้าพร้อมจำหน่าย โดยจะช่วยเพิ่มอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) ได้ดีขึ้น           นอกจากนี้ ในปี 2568 ZIGA คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากนโยบายและโครงการลงทุนต่างๆ เช่น โครงการรถไฟฟ้ารางคู่ ซึ่งจะเป็นโปรเจ็กต์ใหม่ที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตให้กับบริษัท           ปัจจุบัน ZIGA มีงานในมือ หรือ Backlog อยู่ที่ประมาณ 300-500 ล้านบาท และคาดว่าจะทยอยส่งมอบได้ภายในปี 2568 โดยสำหรับปี 2568 บริษัทคาดยอดขายจะเติบโตในช่วง 5-15% แม้ว่าตัวเลขการเติบโตจะไม่สูงมาก แต่จะให้ความสำคัญกับการบริหารกระแสเงินสดและการเก็บเงิน เพื่อให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี           สัดส่วนรายได้ปี 2568 คาดว่าจะมาจากกลุ่ม B2C ราว 60% และ B2B ประมาณ 40% โดยบริษัทเน้นการเจาะฐานลูกค้าผู้ใช้โดยตรงในกลุ่ม B2C ซึ่งคาดว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ทั้งนี้ แม้ว่าทุกกลุ่มธุรกิจ (BU) จะมีการเติบโตที่ดี แต่กลุ่ม B2C คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างมีนัยสำคัญจากการมุ่งเน้นการให้บริการแก่ลูกค้าผู้ใช้โดยตรง           นายศุภกิจ กล่าวต่อว่า ธุรกิจขุดเหมืองบิทคอยน์ของบริษัทยังคงดำเนินการต่อเนื่อง เนื่องจากราคาบิทคอยน์ในปัจจุบันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง และบริษัทได้ตัดค่าเสื่อมของเครื่องขุดไปหมดแล้ว ขณะที่ต้นทุนในการดำเนินงานขุดบิทคอยน์นั้น บริษัทใช้ไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ ซึ่งทำให้ไม่มีต้นทุนด้านการใช้จ่ายไฟฟ้า           ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนเครื่องขุดบิทคอยน์จากปัจจุบันที่มี 200 เครื่อง เนื่องจากเห็นช่องว่างในการขยายธุรกิจในส่วนนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับบริษัทในอนาคต           อนึ่ง 9 เดือนแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้ที่ 449.71 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 18.78 ล้านบาท           รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision

ZIGA งบ Q3 ฉลุย ตั้งเป้าสินค้านวัตกรรมสู่เทรนด์ Net Zero

ZIGA งบ Q3 ฉลุย ตั้งเป้าสินค้านวัตกรรมสู่เทรนด์ Net Zero

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA แจ้งผลประกอบไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 2.5 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน 7.8 ล้านบาท ลดลง 68.1% ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 133.6 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน 197.1 ล้านบาท ลดลง 32.2%           ในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา ผลกระทบจากสงครามการค้า (Trade War) รวมถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ยังคงส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะส่งผลยาวไปจนถึงปี 2568 ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีการแข่งขันด้านราคาสูง           บริษัทได้ปรับกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นการสร้างผลกำไรและการบริหารความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืน มากกว่าการขยายตลาดหรือยอดขายเพียงอย่างเดียว บริษัทมุ่งมั่นในการรักษาคุณภาพของสินค้าและการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าราคา                    นอกจากนี้ บริษัทใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Marketing Insight เพื่อทำความเข้าใจความต้องการ (Pain Points) ของลูกค้า และให้ความรู้ในการใช้ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเหล็กที่ทนทานต่อการกัดกร่อน แทนการใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบแบบเก่าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม           ในระยะยาว บริษัทตั้งเป้าหมายการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการดำเนินงานสู่เป้าหมาย Net Zero ผลิตภัณฑ์ของ ZIGA ได้รับการพัฒนาให้เป็น เหล็กรักษ์โลก ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในระยะยาว โดยเน้นที่ความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อตอกย้ำจุดยืนของบริษัทในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเหล็กที่มีนวัตกรรมและยั่งยืน

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

[Vision Exclusive]

[Vision Exclusive] "ZIGA" ลุยนิวโปรดักส์ปั๊มมาร์จิ้นสูง

          นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 กับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า ธุรกิจในไตรมาส 4/2567 ยังคงเป็นไตรมาสที่ดีและคาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับทุกไตรมาสก่อนหน้า โดยบริษัทได้ปรับโครงสร้างการขายสินค้าเพื่อมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้า B2C มากขึ้น แม้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราในประเทศไทยจะอยู่ในทิศทางแข็งค่า แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ ZIGA ในไตรมาสสุดท้ายนี้           หากมองย้อนกลับไปที่กลยุทธ์การขายของ ZIGA สัดส่วนเดิมของบริษัทมุ่งเน้นการขายสินค้ากลุ่มเหล็กให้กับกลุ่ม B2B แต่ปัจจุบันบริษัทได้ปรับกลยุทธ์การขายมุ่งเน้นไปยังกลุ่ม B2C มากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนการขายในกลุ่ม B2C เพิ่มขึ้นแตะระดับ 75% อีกทั้งกลุ่ม B2C ยังสามารถสร้างอัตรากำไรที่ดีให้กับบริษัท           นอกจากนี้ ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานเหล็กในอุตสาหกรรมเกษตรและกลุ่ม B2C ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติป้องกันสนิมและมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 50 ปี โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะสามารถสร้างอัตรากำไรได้สูงกว่า 10% ขึ้นไป           ปัจจุบันกำลังการผลิตยังมีช่องว่างให้ขยายตัวได้อีกมาก โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 6,000-7,000 ตัน หลังจากที่ได้ปรับกลยุทธ์การขายสินค้ามาเน้นกลุ่ม B2C ทำให้บริษัทสามารถใช้ศักยภาพในการผลิตได้อย่างเต็มที่ และยังมีความสามารถในการผลิตเพื่อรองรับความต้องการเพิ่มเติมในอนาคต           ธุรกิจของ ZIGA ปัจจุบันยังคงเน้นดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กและวัสดุก่อสร้างที่เน้นการออกแบบเพื่อความทนทานและใช้งานได้ยาวนาน โดยธุรกิจของ ZIGA แบ่งออกเป็น ผลิตภัณฑ์เหล็กโครงสร้างและท่อเหล็ก ZIGA เป็นผู้นำในตลาดท่อเหล็กชุบสังกะสีและท่อเหล็กสำเร็จรูปที่ใช้ในงานก่อสร้างและงานโครงสร้าง โดยผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อการกัดกร่อนและมีอายุการใช้งานนาน เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในอาคารและภายนอก           วัสดุก่อสร้าง นอกจากผลิตภัณฑ์เหล็กแล้ว บริษัทมีสินค้าวัสดุก่อสร้างที่หลากหลาย โดยเน้นความคุ้มค่าและคุณภาพในการใช้งานสำหรับโครงการก่อสร้างทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่           กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตร ZIGA ได้เริ่มเจาะตลาดกลุ่มเกษตรกรรม โดยเน้นการผลิตท่อเหล็กและวัสดุที่ทนต่อสภาพแวดล้อมการใช้งานในภาคเกษตร เช่น ท่อที่มีคุณสมบัติป้องกันสนิมและใช้งานได้ยาวนานกว่า 50 ปีและกลุ่มธุรกิจสุดท้ายคือธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011