ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#XO


เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) เปิดตัวโครงการ มุ่งสู่ Net Zero 2050

เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) เปิดตัวโครงการ มุ่งสู่ Net Zero 2050

           บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) (XO) ผู้นำการผลิตและส่งออกซอสพริกศรีราชารายใหญ่ของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ EXOTIC FOOD, FLYING GOOSE และ THAI PRIDE  ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน ล่าสุด นางสาววาสนา จันทรัช กรรมการผู้จัดการร่วม เปิดตัวโครงการ Climate Change Management - Transition to Net Zero Project 2050 ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านก๊าซเรือนกระจก นำโดย ดร. พูนเพิ่ม วรรธนะพินทุ และ คุณ เจมส์ แอนดริว มอร์            การ Kick Off โครงการดังกล่าวในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัท เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งในระดับประเทศและระดับสากล เป็นไปตามเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2040 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2050            ภายในงาน นางสาววาสนา จันทรัช กล่าวว่า "บมจ. เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) เราเชื่อว่าความยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก แต่เป็น ปัจจัยแห่งความสำเร็จในระยะยาว การทำธุรกิจในวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของกำไร แต่เราคิดถึง ผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เราเปลี่ยนจากการ Focus ของ XO จาก Profit เพียงอย่างเดียว เป็น 3P People – Planet - Profit วันนี้ เอ็กโซติค ฟู้ด กำลังก้าวสู่ มาตรฐานใหม่ของความยั่งยืน            โดยมุ่งหวังที่จะได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 14064-1 ที่เปรียบเสมือน “เครื่องชั่งน้ำหนัก” ของคาร์บอน ทำให้องค์กรรู้ว่าปล่อยก๊าซไปเท่าไหร่ และ ISO 14068-1 เปรียบเสมือน “แผนการลดน้ำหนัก” ของคาร์บอน เป็นกลยุทธ์ลดการปล่อยและสร้างสมดุลให้กับโลก ซึ่งจะช่วยให้องค์กรมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เติบโตอย่างยั่งยืน และเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันในระดับโลกต่อไป” [PR News]

XO เดินหน้าซอส ส่งออกปี 68 เจาะยุโรป โฟกัสตลาดมาร์จิ้นสูง

XO เดินหน้าซอส ส่งออกปี 68 เจาะยุโรป โฟกัสตลาดมาร์จิ้นสูง

          “บมจ.เอ็กโซติก ฟู้ด หรือ XO” ย้ำศักยภาพการเติบโตในปี 68 ไม่ต่ำกว่าปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 45% จากปี 67 ทำได้ 47.85% สูงกว่าเป้า รับอานิสงส์ต้นทุนวัตถุดิบลด-บาทอ่อน พร้อมโฟกัสลูกค้าหลักในทวีปยุโรปและทวีปอื่นที่ยังโตดี และมีมาร์จิ้นสูงกว่าตลาดสหรัฐ เผยแผนเดินเครื่องไลน์ผลิตใหม่เมษายนนี้ รองรับยอดขายได้ 1,000 ล้านบาทต่อปี หนุนแผนบุกตลาดส่งออกเต็มสูบ โฟกัสตลาดที่ทำอัตรากำไรดีต่อเนื่อง           นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติก ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO  ผู้นำธุรกิจผลิตและส่งออกซอสพริกศรีราชาอันดับหนึ่งของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 68 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 67 ที่ผ่านมา ส่วนตัวเลขการเติบโตที่ชัดเจน บริษัทรอพิจารณาหลังงบไตรมาส 2/68 ออกมาก่อน เพื่อจะได้ทราบทิศทางหรือเทรนด์ในช่วงครึ่งปีหลัง และตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 45% วางกลยุทธ์ขยายตลาดในประเทศที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัทที่ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง รวมทั้ง การฟื้นตัวของยอดขายในตลาดสหรัฐ คาดจะปรับตัวดีขึ้น จากปีที่ผ่านมายอดขายในตลาดสหรัฐปรับตัวลดลง เนื่องจากการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้นและภาวะสินค้าล้นสต๊อก (Over Stock)           ในด้านกลยุทธ์การเติบโตปี 68 บริษัทมีการส่งออกสินค้าไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลก และยังคงขยายตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ผ่านการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติมากกว่า 24 งานต่อปี โดยยังคงเน้นตลาดหลักในทวีปยุโรปและทวีปอื่นๆ ต่อเนื่อง โฟกัสกลุ่มทวีปที่สามารถทำอัตรากำไรได้ในระดับสูง ขณะที่ตลาดแคนาดาเริ่มมีออเดอร์เข้ามา อย่างไรก็ดี บริษัทได้รับอานิสงส์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง โดยเซ็นสัญญาซื้อพริกและน้ำตาลล่วงหน้าในราคาที่เอื้อต่อการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ           ด้านความคืบหน้าไลน์การผลิตใหม่ 1 ไลน์ ที่โรงงานเดิมที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ งบลงทุน 200 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในช่วงของการทดสอบระบบ (Test  run) เเละคาดว่าจะเริ่มผลิตสินค้าส่งออกได้ในเดือนเม.ย. ปี 68 นี้ โดยไลน์การผลิตใหม่จะสามารถสร้างยอดขายได้ราว 1,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่แผนการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่เลื่อนออกไปคาดจะเริ่มก่อสร้างปลายปี 68 นี้ โดยจะใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 18 เดือน เพื่อขยายตลาดซอสส่งออกไปยังตลาดที่เป็นโอกาสต่อเนื่อง รับทิศทางอาหารไทย Kitchen of the world           ทั้งนี้ ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2567 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของ XO ยังคงเป็นกลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้ม คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 89.9% ของยอดขายบริษัท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูงที่สุด ในด้านการใช้อัตรากำลังการผลิต (Utilization Rate) ทำได้แตะระดับ 87.8% มีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มหลักอยู่ในทวีปยุโรป 78.8% เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา รวมทั้ง ทวีปเอเชีย 7.2% และทวีปอเมริกาสัดส่วนลดลงอยู่ที่ 4.7% ของยอดขาย ซึ่งเป็นการปรับลดลงตามกลยุทธ์ที่วางไว้           ทั้งนี้ ในปี 67 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า จำนวน 2,478.91 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 42.18 ล้านบาท คิดเป็น 1.67% โดยรายได้ปรับลดลงเล็กน้อย ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าในปี 67 ทำได้ 47.85% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าเท่ากับ 46.76% โดยสาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของตลาดหลักในทวีปยุโรปและทวีปอื่นๆ ต่อเนื่อง ขณะที่ สัดส่วนการขายสินค้าไปยังทวีปอเมริกาซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าการขายไปยังทวีปยุโรปลดลง และการอ่อนค่าของสกุลเงินบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิในปี 67 เท่ากับ 790.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.73 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักเนื่องจากการลดลงของผลขาดทุนอื่น และการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น           “แม้ว่ารายได้รวมและปริมาณการขายจะลดลงจาก 28,301 ตัน ในปี 66 เหลือ 25,511 ตัน ในปี 67 หรือลดลง 9.86% มาจากสัดส่วนการขายสินค้าไปยังทวีปอเมริกา แต่บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี ทำให้กำไรขั้นต้นยังคงเติบโตอยู่ที่ 47.85% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 45% ในด้านอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยอยู่ที่ 37.75 บาท/USD เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอยู่ที่ 37.20 บาท/USD” นายจิตติพร กล่าว           นายจิตติพร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับประเด็นที่นักลงทุนสงสัย เกี่ยวกับวิธีการจ่ายปันผลที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากบริษัทมี BOI ที่บัตรหมดอายุในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี จึงต้องจ่ายปันผลระหว่างกาลออกมาก่อน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นไม่ต้องจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% ส่งผลให้ XO มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 2 ครั้ง จากกำไรสะสมและผลการดำเนินงานประจำปี 67 จากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน รวมในอัตราหุ้นละ 2.088 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 894.22 ล้านบาท ซึ่งเมื่อพิจารณาผลประกอบการของปี 67 กำไรสะสม และอัตราการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวรวมกัน ถึงนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทแล้ว           ส่วนประเด็นการขายหุ้นเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 68 ที่ผ่านมา คิดเป็น 1.2066% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ โดยจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย คิดเป็น 8.8263% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้ถูกบังคับขาย แต่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน เนื่องจากมีความสนใจอยากซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง และไม่กระทบต่อการบริหารงาน [PR News]

พาย ยังแนะ

พาย ยังแนะ"ซื้อ" XO ออเดอร์ใหม่หนุนฟื้น

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุถึง XO ว่า ช่วงครึ่งแรกของปี 2568 (1H25) ยังไม่ใช่จังหวะที่ดี           เรามองว่าผลประกอบการของ XO ในช่วง 1H25 มีโอกาสลดลงอย่างมากจาก 1H24 เนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อน อีกทั้งลูกค้าในสหรัฐฯ ยังไม่กลับมา รวมถึงลูกค้าหลักในยุโรปยังมีปัญหาสต๊อกสินค้าคงค้างจากการสั่งซื้อจำนวนมากในช่วงก่อนหน้านี้ เห็นได้จากยอดการส่งออกซอสพริกจากไทยในเดือนมกราคม ลดลงถึง 19% YoY อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลักษณะธุรกิจของ XO มีคำสั่งซื้อที่มีระยะเวลาสั้น ๆ จึงมีโอกาสเห็นการฟื้นตัวได้เร็วหากลูกค้ากลับมา ทำให้ในแง่การลงทุน เราจึงยังคงแนะนำ "ซื้อ" โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมใหม่ที่ 21.2 บาท (15.4x PER 25E) และปรับประมาณการกำไรปี 2568 ลงเหลือ 590 ล้านบาท (-25% YoY) โดยแนะนำให้ติดตามตัวเลขส่งออกซอสพริกรายเดือนก่อนเข้าลงทุน           XO ประกาศจ่ายปันผล 0.3888 บาท/หุ้น XD วันที่ 13 มีนาคม และจ่ายเงินปันผลวันที่ 27 มีนาคม ผลประกอบการ 4Q67 XO มีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท (-41% YoY, -15% QoQ) - กำไรลดลงแรงจากตลาดสหรัฐฯ ที่มีฐานสูงในปีก่อน และตลาดยุโรปที่ลูกค้าสั่งซื้อจำนวนมากตั้งแต่ต้นปี 2567 - รายได้ 510 ล้านบาท (-37% YoY, -8% QoQ) โดยลดลงแรงในตลาดสหรัฐฯ (-95% YoY) และยุโรป (-12% YoY) ขณะที่ตลาดอื่น เช่น ออสเตรเลียและเอเชีย ปรับตัวดีขึ้น (+35% YoY) - อัตรากำไรขั้นต้น 43% ลดลงจาก 46% ใน 4Q66 และ 47% ใน 3Q67 เนื่องจากปริมาณการผลิตลดลงและมีการให้ส่วนลดแก่คู่ค้าในช่วงปลายปี - ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 97 ล้านบาท (-20% YoY, +15% QoQ) ลดลงจากปีก่อนที่มีฐานสูง แต่เพิ่มขึ้นจาก 3Q67 เนื่องจากค่าใช้จ่ายผลตอบแทนพนักงาน - รวมทั้งปี 2567 XO มีกำไรสุทธิ 791 ล้านบาท (-15% YoY) แนวโน้มปี 2568           ผู้บริหาร XO ตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 45% จากที่เคยทำได้ 47-48% ในช่วงปี 2566-2567 โดยได้รับผลกระทบจากต้นทุนพริกที่ปรับตัวสูงขึ้น และยอดขายจากสหรัฐฯ ที่ยังไม่กลับมา (ยอดขายในสหรัฐฯ ปี 2566 และ 2567 อยู่ที่ 577 ล้านบาท และ 117 ล้านบาท ตามลำดับ)           ด้านรายได้ ผู้บริหารจะรอดูผลประกอบการในช่วง 1H25 ก่อนประเมินการเติบโตอีกครั้ง ขณะที่การขยายกำลังการผลิต ไลน์ผลิตใหม่จะเริ่มในปี 2568 ส่วนโรงงานใหม่ยังคงแผนเดิมในการเปิดช่วงปลายปี 2568 คำแนะนำการลงทุน           เราคาดว่าผลประกอบการในช่วง 1Q25 จะลดลงจาก 1Q24 เนื่องจากฐานที่สูงและการส่งออกซอสพริกจากไทยในเดือนมกราคม 2568 ลดลง 19% YoY ทำให้เราปรับประมาณการกำไรปี 2568 ลงเหลือ 590 ล้านบาท (-25% YoY) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากธุรกิจของ XO มีคำสั่งซื้อระยะสั้น หากมีคำสั่งซื้อลูกค้ากลับมา อาจเห็นผลประกอบการฟื้นตัวได้           ดังนั้นเรายังคงแนะนำ "ซื้อ" แต่แนะนำให้ติดตามตัวเลขการส่งออกซอสพริกรายเดือนก่อนเข้าลงทุน โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 21.2 บาท (15.4x PER 25E)           XO ประกาศจ่ายปันผล 0.388 บาท/หุ้น XD วันที่ 13 มีนาคม และจ่ายเงินปันผลวันที่ 27 มีนาคม

XO ปักหมุดมาร์จิ้น 45% ปั๊มยอดขายโตไม่หยุด

XO ปักหมุดมาร์จิ้น 45% ปั๊มยอดขายโตไม่หยุด

                 หุ้นวิชั่น - XO ขอรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ที่ระดับ 45% ชี้อาหารไทยฮอตติดเทรนด์โลก ด้านบอสใหญ่ "จิตติพร จันทรัช" จับตาอเมริกาเก็บภาษี 25% ลั่นไม่กระทบ! ตลาดหลักอยู่ที่แคนาดา พร้อมปรับกลยุทธ์รับมือสถานการณ์ ปักธงยอดขายปี 68 ไม่น้อยกว่าปี 67 ที่ 2,479 ล้านบาท                  นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ที่ระดับ 45% พร้อมคาดการณ์ว่าผลประกอบการปี 2568 จะไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยมองว่าอาหารไทยและดีมานด์การรับประทานซอสปรุงรสยังคงเป็นกระแสระดับโลก เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและการขยายตัวในตลาดส่งออก ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เด่นของปีนี้ยังคงเป็นซอสพริกศรีราชา                  ด้านตลาดต่างประเทศต้องจับตา โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกามียอดขายลดลงในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และในปีนี้ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสหรัฐฯ ได้มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะแคนาดาและเม็กซิโก ที่ถูกเรียกเก็บภาษีสูงถึง 25% อย่างไรก็ตาม มองว่าสถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากตลาดหลักอย่างแคนาดายังคงมีการนำเข้าสินค้าอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงต้องเฝ้าระวัง ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ละทิ้งตลาดอเมริกา แต่ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูและปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับสถานการณ์                  สำหรับเป้าหมายรายได้ บริษัทคาดว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว โดยรายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ คาดการณ์ว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสแรกของปี 2567 แม้ว่าตลาดอเมริกาจะชะลอตัว แต่ยอดขายในตลาดอื่น ๆ ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งต้องติดตามผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 เพื่อประเมินแนวโน้มรายได้โดยรวมอีกครั้ง ในส่วนของกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัทวางแผนลดจำนวนกลุ่มผลิตภัณฑ์จาก 4 กลุ่ม ให้เหลือ 3 กลุ่ม โดยจะยุติกลุ่ม Ready Meal แต่จะเพิ่มสินค้าในหมวดอื่นแทน ขณะเดียวกัน มีแผนสร้างโรงงานแห่งใหม่ภายในปีนี้                  อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายบรรลุแผน Net Zero ภายในปี 2593 โดยขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้ว สำหรับตลาดยุโรป ความต้องการยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่นิยมรับประทานอาหารรสเผ็ด ส่วนตลาดนิวซีแลนด์ยังคงมีแนวโน้มเติบโตดี นอกจากนี้ บริษัทได้เดินหน้ากลยุทธ์การตลาดผ่านสื่อบันเทิง โดยเฉพาะการโปรโมตผลิตภัณฑ์ผ่านซีรีย์เกาหลี ซึ่งเป็นที่นิยมในระดับสากล                  นายจิตติพร ชี้แจงกรณีการขายหุ้นของตนเองว่า เป็นไปตามความจำเป็นส่วนตัว เนื่องจากต้องการใช้เงินซื้อที่ดิน ไม่ได้ถูกบังคับให้ขาย (Force Sell) แต่อย่างใด                  สำหรับผลประกอบการปี 2567 มียอดขายครอบคลุมกว่า 70 ประเทศทั่วโลก โดยมีรายได้รวม 2,479 ล้านบาท กำไรสุทธิ 790.76 ล้านบาท และมียอดจำหน่ายสินค้ารวม 25,511 ตัน สะท้อนถึงการเติบโตของบริษัทในระดับสากล

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

จิตติพร จันทรัช ขายหุ้น XO ออก 1.2066% คงหลือถือ 8.8263%

จิตติพร จันทรัช ขายหุ้น XO ออก 1.2066% คงหลือถือ 8.8263%

             หุ้นวิชั่น - สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแบบรายงานการจำหน่าย หุ้นของ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) (XO) โดย นาย จิตติพร จันทรัช ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย คิดเป็น 1.2066% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย คิดเป็น 8.8263% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 1.2066% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย ของกลุ่มคิดเป็น 9.0598% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

[Vision Exclusive] XO สงครามการค้าเดือด! โอกาสทองส่งออกซอส

[Vision Exclusive] XO สงครามการค้าเดือด! โอกาสทองส่งออกซอส

          หุ้นวิชั่น - XO มองสงครามการค้าเป็นโอกาส ส่งออกซอสปรุงรสไปอเมริกาและแคนาดา ชี้ได้เปรียบภาษีนำเข้าต่ำ ยอดขายอเมริกายังน้อยไม่เกิน 7% บอสใหญ่ "จิตติพร จันทรัช" เผยแคนาดาป้อนออเดอร์ จับตาคำสั่งซื้อ Q2/68 พร้อมส่งสัญญาณธุรกิจปี 68 ไม่แย่กว่าปีก่อน           นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า สถานการณ์สงครามการค้า (Trade War) กลับสร้างโอกาสให้กับบริษัทในการส่งออกซอสปรุงรสไปยังอเมริกาและแคนาดา เนื่องจากภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจากการตอบโต้ของแคนาดาต่อการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกาที่ 25% ทำให้ XO ได้เปรียบมากกว่าผู้ผลิตในอเมริกา ซึ่งต้องส่งสินค้าข้ามไปแคนาดา ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากการส่งออกซอสปรุงรสไปยังอเมริกาของ XO ยังมีสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อย แต่คำสั่งซื้อจากประเทศแคนาดากลับเริ่มทยอยเข้ามามากขึ้น โดยคาดว่าในระยะต่อไปแคนาดาจะสั่งซื้อซอสปรุงรสเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการจำหน่ายสินค้าในพื้นที่ดังกล่าว  สัดส่วนรายได้จากการส่งออกซอสปรุงรสไปยังอเมริกาของบริษัทอยู่ในระดับไม่เกิน 7%           นายจิตติพร กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2568 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องจากปี 2567 โดยการเติบโตในปีนี้คาดว่าจะไม่แย่ไปกว่าปีก่อนหน้า           ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) ระบุว่าถึง XO ว่า ฝ่ายวิเคราะห์ ลดเป้ารายได้ 2024F เหลือทรงตัว จากเดิม +10-15%  y-y (vs ฝ่ายวิเคราะคาด +3%  y-y) จากลูกค้าหลักทั้งยุโรป  (80% ของรายได้)  ชะลอตัวจากก่อนหน้านี้  เร่งออเดอร์ช่วง 2Q23-2Q24ไปมาก และเหลือสต็อคสูง ขณะที่ สหรัฐ (ลดจาก 25% เหลือ 3% ของรายได้) ยังมีปัญหา Supply เหลือสูงเช่นกัน และปัญหาการแข่งขัน ที่เจ้าตลาดตัดราคา           โดยระยะสั้น 4Q24F มองออเดอร์จะยังลดลง y-y และยังลงเล็กน้อย q-q ต่อเนื่อง  ซึ่งโดยรวม มองการจัดการด้านสต็อคต้องใช้เวลาอีกราว 1-2 ไตรมาส ขณะที่ อิงอดีตที่ผ่านมา ในรอบธุรกิจที่ดี หลังรายได้ทำจุด Peak จะใช้เวลา 5-7 ไตรมาส เพื่อกลับสู่ Peak อีกรอบ (รอบนี้รายได้พีค 4Q23)           Line ผลิตใหม่เริ่มTest run และคงแผนสร้างโรงงาน โดย Line ผลิตใหม่อีก 1ไลน์ (ลงทุน 200ลบ., ตัดค่าเสื่อม 10ปี, สร้าง Max revenue 1 พันลบ.) เริ่ม Test run 4Q24F และจะเริ่มเชิงพาณิชย์ 1Q25F โดยจะได้ BOI ขณะที่ คงแผนสร้างโรงงานใหม่ ลงทุนราว 700 ลบ. ใช้เวลา 12-18 เดือน           คาด Eff tax rate ปี 2025F 8-9% หลังทยอยหมด BOI ไลน์ปัจจุบัน 3Q24 และรวมประโยชน์จาก BOI ไลน์ใหม่เข้าไปแล้ว โดยเทียบ Eff tax rate 1H243.3%, 3Q247.2% ความเห็นและคำแนะนำ           มีมุมมอง “Slightly  negative” ต่อข้อมูลที่ได้รับจากงานประชุมนักวิเคราะห์และลดประมาณการกำไรปี 2024F-26F ลงเฉลี่ย 2% จากลดรายได้ลง  โดยกำไรปี 2024-25F ที่ 805ลบ. (+3%) และ 752ลบ. (-7%)           ระยะสั้น 4Q24F คาดกำไรยังลดทั้ง y-y,  q-q จากรายได้ที่ยังชะลอ โดยจุดที่ต้องจับตา คือ ในแนวโน้มรายได้ชะลอตัว ขณะที่ จะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามา อาจกระทบอัตรากำไรในช่วงแรก           แม้ราคาหุ้นปรับลดมามาก และซื้อขาย Valuation PER25F เหลือ 11.4 เท่า (-1.6SD) แต่หุ้นยังขาดปัจจัยบวก ยังแนะนำ “Neutral” และจะหาจุดเข้าลงทุนต่อไป จาก TP25F ใหม่ 21.1บาท (เดิม 27บาท) อิง PER 12เท่า เทียบเท่า ค่าเฉลี่ย-1.5SD รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision

XO เครื่องปรุงรสแซ่บ โมเดิร์นเทรดทำเงิน

XO เครื่องปรุงรสแซ่บ โมเดิร์นเทรดทำเงิน

           หุ้นวิชั่น - XO ชูธงขายเครื่องปรุงรสต่างแดน เร่งเครื่องทำยอด จับเทรนด์ผู้บริโภค อาหารโตต่อ ด้าน บิ๊กบอส "จิตติพร จันทรัช" ตั้งเป้ารายได้ปี 68  โต 15% ลุยเจาะโมเดิร์นเทรด สาขา 1.2 หมื่นแห่ง แถมบาทอ่อนหนุนเงิน            นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า บริษัทคาดว่าไตรมาส 4/2567 จะเป็นจุดต่ำสุด และในปี 2568 บริษัทจะเติบโตเพิ่มขึ้น โดยภาพรวมของปี 2568 คาดว่าจะดีกว่าปี 2567 จากการขยายการขายสินค้าในตลาดหลัก เช่น ประเทศเยอรมนี ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าโมเดิร์นเทรดกว่า 12,000 แห่ง ขณะที่บริษัทจำหน่ายซอสของบริษัทในร้านค้าเพียง 3,000 แห่ง ทำให้ยังมีโอกาสขยายช่องทางการขายในตลาดหลักได้อีกมาก            นอกจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าขยายตลาดใหม่เพื่อเพิ่มฐานลูกค้า โดยเฉพาะในประเทศยุโรป ซึ่งมีความต้องการใช้เครื่องปรุงรสคล้ายคลึงกับตลาดที่ XO จำหน่ายอยู่ โดยบริษัทจะเน้นการออกงานแสดงสินค้าเพื่อเพิ่มการรับรู้และเปิดตลาดใหม่ในการขายสินค้า            สำหรับปี 2568 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15% จากปี 2567 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) จัไม่ต่ำกว่า 45% ซึ่งดีมานด์การใช้เครื่องปรุงรส และซอสยังเติบดตต่อเนื่อง โดยเป็นไปตามการบริโภคอาหารของผู้บริโภคที่ต้องการได้รสชาติอาหารอร่อย            อย่างไรก็ดี บริษัทไม่กังวลประเด็นสงครามต่างประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทสามารถสามารถจำหน่ายสินค้าได้เป็นปกติ แม้จะเกิดสงครามยูเครน รัสเซีย ส่วนประเด็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยอยู่ในโซนอ่อนค่า เป็นผลดีต่อการจำหน่ายของ XO เนื่องจากบริษัทซื้อขายสินค้าเป็นสกุลเงินบาท            อนึ่ง 9 เดือนแรกปี 2567 XO มีรายได้แล้วที่ 1,979.16 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 670.48 ล้านบาท            ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) ระบุว่าถึง XO ว่า ฝ่ายวิเคราะห์ ลดเป้ารายได้ 2024F เหลือทรงตัว จากเดิม +10-15%  y-y(vs ฝ่ายวิเคราะคาด +3%  y-y) จากลูกค้าหลักทั้งยุโรป  (80% ของรายได้)  ชะลอตัวจากก่อนหน้านี้  เร่งออเดอร์ช่วง 2Q23-2Q24ไปมาก และเหลือสต็อคสูง ขณะที่ สหรัฐ (ลดจาก 25% เหลือ 3% ของรายได้) ยังมีปัญหา Supply เหลือสูงเช่นกัน และปัญหาการแข่งขัน ที่เจ้าตลาดตัดราคา             โดยระยะสั้น 4Q24F มองออเดอร์จะยังลดลง y-y และยังลงเล็กน้อย q-q ต่อเนื่อง  ซึ่งโดยรวม มองการจัดการด้านสต็อคต้องใช้เวลาอีกราว 1-2 ไตรมาส ขณะที่ อิงอดีตที่ผ่านมา ในรอบธุรกิจที่ดี หลังรายได้ทำจุด Peak จะใช้เวลา 5-7 ไตรมาส เพื่อกลับสู่ Peak อีกรอบ (รอบนี้รายได้พีค 4Q23) Line ผลิตใหม่เริ่มTest run และคงแผนสร้างโรงงาน โดย Line ผลิตใหม่อีก 1ไลน์ (ลงทุน 200ลบ., ตัดค่าเสื่อม 10ปี, สร้าง Max revenue 1พันลบ.) เริ่ม Test run 4Q24F และจะเริ่มเชิงพาณิชย์ 1Q25F โดยจะได้ BOI ขณะที่ คงแผนสร้างโรงงานใหม่ ลงทุนราว 700 ลบ. ใช้เวลา 12-18 เดือน คาด Eff tax rate ปี 2025F 8-9% หลังทยอยหมด BOI ไลน์ปัจจุบัน 3Q24 และรวมประโยชน์จาก BOI ไลน์ใหม่เข้าไปแล้ว โดยเทียบ Eff tax rate 1H243.3%, 3Q247.2% ความเห็นและคำแนะนำ มีมุมมอง “Slightly  negative” ต่อข้อมูลที่ได้รับจากงานประชุมนักวิเคราะห์และลดประมาณการกำไรปี 2024F-26F ลงเฉลี่ย 2% จากลดรายได้ลง  โดยกำไรปี 2024-25F ที่ 805ลบ. (+3%) และ 752ลบ. (-7%) ระยะสั้น 4Q24F คาดกำไรยังลดทั้ง y-y,  q-q จากรายได้ที่ยังชะลอ โดยจุดที่ต้องจับตา คือ ในแนวโน้มรายได้ชะลอตัว ขณะที่ จะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามา อาจกระทบอัตรากำไรในช่วงแรก แม้ราคาหุ้นปรับลดมามาก และซื้อขาย Valuation PER25F เหลือ 11.4 เท่า (-1.6SD) แต่หุ้นยังขาดปัจจัยบวก ยังแนะนำ “Neutral” และจะหาจุดเข้าลงทุนต่อไป จาก TP25F ใหม่ 21.1บาท (เดิม 27บาท) อิง PER 12เท่า เทียบเท่า ค่าเฉลี่ย-1.5SD รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

XO ไลน์ผลิตใหม่หนุนยอด โบรกเคาะราคา 25.50 บาท

XO ไลน์ผลิตใหม่หนุนยอด โบรกเคาะราคา 25.50 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน)หรือ XO มีกำไร 3Q67 ที่ 157 ล้านบาท หดตัว 37% QoQ และหดตัว 37% YoY จากรายได้ที่ปรับตัวลง 21% YoY และลดลง 21% QoQ สู่ 555 ล้านบาท เนื่องจากคำสั่งซื้อในสหรัฐฯ ปรับตัวลงจากก่อนหน้านี้ที่มีการเร่งสั่งสินค้า ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลง 3.2% จาก 2Q67 เหลือ 46.6% เนื่องจากยอดขายที่ลดลงทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยกดดัน GPM เพิ่มเติม           อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับตัวขึ้น 1.7% สู่ 15.2% เนื่องจากยอดขายที่ปรับตัวลง แต่เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายเป็นตัวเงินพบว่าปรับตัวลงจาก 95.5 ล้านบาทเหลือ 84 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทรายงานกำไร 9M67 ที่ 670 ล้านบาท +20% YoY และคิดเป็น 82% ของประมาณการ คาดรายได้ 4Q67 จะอ่อนตัว QoQ และ YoY           ฝ่ายวิจัยคาดว่ายอดขายใน 4Q67 จะอ่อนตัวลงต่อเนื่องจากยอดขายในสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว ซึ่งคาดว่ายอดขายในสหรัฐฯ จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวใน 2Q68 โดยในปี 68 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% ต่อปีจากการออกงานแสดงสินค้าเพิ่มขึ้นสู่ 24 งาน เทียบเท่ากับการออกงานฯ ก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อสนับสนุนการเติบโตของยอดขาย ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าไลน์การผลิตใหม่ที่โรงงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ งบลงทุน 200 ล้านบาท จะแล้วเสร็จภายใน 4Q67 และเริ่มการผลิตภายใน 1Q68 โดยไลน์การผลิตใหม่จะสามารถรองรับยอดขายได้อีกราว 1 พันล้านบาทต่อปี แต่ชะลอแผนสร้างโรงงานแห่งใหม่ออกไปประมาณ 3-9 เดือน (1H68-2H68) เนื่องจากต้นทุนค่าก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้นและการเพิ่มไลน์การผลิตใหม่ยังสามารถรองรับยอดขายที่เติบโตได้ ปรับประมาณการรายได้ปี 67 ลดลง 7% จากประมาณเดิม แต่คงประมาณการกำไรสุทธิที่เดิม           ฝ่ายวิจัยปรับลดคาดการณ์รายได้ปี 67 ลงจาก 2.7 พันล้านบาท ลดลง 7% เหลือ 2.5 พันล้านบาท แต่คงประมาณการกำไรสุทธิที่ 817 ล้านบาท เติบโต 4% YoY เนื่องจากยอดขายในทวีปอเมริกาเหนือที่ลดลงทำให้กระทบต่อการเติบโตของรายได้ อย่างไรก็ตามเราปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นปี 67 จาก 47% สู่ 49% เพื่อให้สอดคล้องกับงวด 9M67 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 49.2% ทำให้ชดเชยรายได้ที่ปรับตัวลง ทั้งนี้เราคาดการณ์รายได้และกำไรปี 68 ที่ 2.7 พันล้านบาท และ 834 ล้านบาท เติบโต 7% YoY และ 2% YoY ตามลำดับ ปรับลดคำแนะนำเหลือ “ถือ” ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 68 ที่ 25.50 บาท:           ประเมินมูลค่าด้วยวิธี Prospective P/E โดยใช้ค่าเฉลี่ย PE Ratio ย้อนหลัง 1 ปีได้ค่าเฉลี่ยที่ 12 เท่า และเราคาดการณ์ EPS ปี 68 ที่ 1.96 บาท ได้ราคาเหมาะสมปี 68 ที่ 25.50 บาท ลดลงจากราคาเหมาะสมปี 67 ที่ 26.80 บาท แม้ว่าราคาที่ประเมินได้จะมี Upside 27% แต่ผลประกอบการ 4Q67 มีแนวโน้มชะลอตัวจาก 3Q67 และยังขาด Catalyst ใหม่ ทำให้เราปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อเก็งกำไร” เหลือ “ถือ”

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011