ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#TMAN


TMAN ส่ง “โพรโพลิซ” รุกเอเชีย  คาด 5ปี ตปท.โต 10% ของรายได้

TMAN ส่ง “โพรโพลิซ” รุกเอเชีย คาด 5ปี ตปท.โต 10% ของรายได้

          หุ้นวิชั่น - “บมจ.ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล” หรือ TMAN ประกาศยุทธศาสตร์ก้าวสู่ Global Brand นำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ “โพรโพลิซ” ขยายตลาดในภูมิภาคเอเชีย เร่งสร้างแบรนด์ในจีนและฮ่องกง รับโอกาสตลาดผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ที่มีสารสกัดจากโพรโพลิสเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยกว่า 6% ต่อปี ดันมูลค่าตลาดทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 52,123.61 ล้านบาทในปี 2574  วางเป้าหมายยกระดับ “โพรโพลิซ (Propoliz Series)” สู่ Regional brand ตั้งเป้าภายใน 5 ปี เพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 10% ของรายได้รวม           นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ Global Brand โดยจะขยายตลาดเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสู่ระดับสากล ผ่านการนำนวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีคุณภาพขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งได้กำหนดแผนธุรกิจ 2 ปี (2568-2569) นำโปรดักส์แชมป์เปี้ยนภายใต้แบรนด์ “โพรโพลิซ” (Propoliz Series) ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติโพรโพลิส ก้าวสู่ Regional Brand ในเอเชียก่อนขยายสู่ทั่วโลก และวางเป้าหมายภายใน 5 ปี เพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 10% ของรายได้รวม           ทั้งนี้บริษัทฯ จะนำโพรโพลิซ (Propoliz) ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีสารสกัดโพรโพลิส ซึ่งปัจจุบันมีทั้งในรูปแบบสเปรย์ (Propoliz Mouth Spray) เม็ดอม และยาสีฟัน รุกตลาดต่างประเทศ โดยบริษัทฯ จะนำโพรโพลิซรูปแบบสเปรย์ รุกขยายตลาดอีก 5 ประเทศภายในปี 2569 ได้แก่ เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม อินโดนีเซีย แล`ะฟิลิปปินส์ ซึ่งมีการเติบโตสูงในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและสุขภาพ จากปัจจุบันจัดจำหน่ายใน 7 ประเทศ  โดยปีนี้มุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์อย่างเข้มข้นในฮ่องกง มาเลเซีย และจีน และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงเตรียมความพร้อมขยายตลาดในเกาหลีใต้           โอกาสตลาดผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 2.7 ล้านล้านบาทภายในปี 2573 ขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีสารสกัดจากโพรโพลิส ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากรังผึ้งทั่วโลก คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 52,123.61 ล้านบาท  ในปี 2574 เติบโตเฉลี่ย 6.31% (CAGR) ต่อปี จากปี 2566 มีมูลค่าเป็น 31,908 ล้านบาท (ข้อมูล:สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.) เนื่องจากเทรนด์ความสนใจในผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ และการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน ส่งผลให้โพรโพลิสเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีการรับรู้ถึงสรรพคุณอย่างแพร่หลายในยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย และมีความต้องการในผลิตภัณฑ์ของ TMAN อย่างมาก           นายประพล กล่าวว่า การก้าวสู่  Global Brand ดำเนินภายใต้กลยุทธ์ Localization ซึ่งจะร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีความชำนาญในการขายสินค้าโดยเฉพาะ รวมทั้งขยายช่องทางใหม่ๆ ทั้งร้านขายยาและคลินิก  เพื่อกระจายสินค้าให้ครอบคลุมและผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย และร่วมทำการตลาดสร้างการรับรู้แบรนด์ให้เกิดความยั่งยืน พร้อมนำทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ปรับสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคแต่ละประเทศ ซึ่งบริษัทฯ ยังเดินหน้านำกลุ่มยาแผนปัจจุบัน เช่นไมด้า (Myda Series) กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับโรคผิวหนังจากเชื้อรา และ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเช่นวิตามินซี ภายใต้   แบรนด์ไวต้า-ซี (Vita-C Series) เพื่อรุกขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง [PR News]

TMAN คาดปี67 กำไรที่ 452 ลบ. โบรกชี้ปีนี้โตแรง แนะซื้อเป้า 26.00 บาท

TMAN คาดปี67 กำไรที่ 452 ลบ. โบรกชี้ปีนี้โตแรง แนะซื้อเป้า 26.00 บาท

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ TMAN 4Q24 ยอดสั่งซื้อ Propoliz และยาเติบโต QoQ, YoY เราคาดกำไรปกติ 4Q24 ที่ 109 ลบ. (+7% QoQ, +19% YoY) เติบโต QoQ และ YoY จาก 1. กลุ่มยารักษาโรค (สัดส่วน 55% ของรายได้รวม) เติบโตจากยาสามัญที่เปิดตัวใน 3Q24 (ยาโรคเบาหวาน) เป็นยา First Generic (GPM สูงกว่ายา Generic) และได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารพ. ขนาดใหญ่ 2. สเปรย์พ่นปาก Propoliz เติบโตจากตลาดในประเทศตามปัจจัยฤดูกาล และลูกค้าต่างประเทศ (จีน, ฮ่องกง, มาเลเซีย) 3. รายได้และสัดส่วนรายได้กลุ่มลูกค้ารพ. เพิ่มขึ้น QoQ และ YoY จากยอดสั่งซื้อยากลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) ทั้งยาออกใหม่และลูกค้ารายใหม่ หาก 4Q24 ใกล้เคียงที่เราคาด กำไรปกติปี 2024 จะอยู่ที่ 452 ลบ. (+17% YoY) แนวโน้ม 1H25 เติบโต YoY จากยาใหม่และการขยายฐานลูกค้ารพ.แนวโน้มผลประกอบการ 1H25 เติบโต HoH และ YoY จาก 1. ยาสามัญที่เปิดตัวในปี 2024 (ยาลดไขมันและยาโรคเบาหวาน) เริ่มติดตลาดและมีคำสั่งซื้อจากลูกค้ากลุ่มรพ. เพิ่มขึ้น 2. Propoliz เจาะตลาดต่างประเทศมากขึ้นโดยใช้ Local Distributors ช่วย และยอดขายของ Propoliz Pluz ที่จะเพิ่มขึ้น หลังได้รับเลขใบอนุญาตยาสำเร็จรูป ทำให้การเบิกจ่ายผ่านประกันในรพ.เอกชนทำได้สะดวกขึ้น 3. กลุ่มคลินิกความงาม มีแผนเพิ่มสินค้าใหม่อย่าง Botox ที่มีความต้องการในตลาดสูง รวมถึงหาลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น ปี 2025 จะเป็นปีที่ดีต่อเนื่อง            เรามองปี 2025 จะเป็นปีที่ดีต่อเนื่องของ TMAN โดยปัจจัยหลักหนุนการเติบโต ได้แก่ 1. ยาใหม่ที่เริ่มวางขายในรพ. ปี 2024 จำนวน 3 ตัว (ยาเบาหวาน ยาปฏิชีวนะ และยาลดไขมัน) จับตลาดได้และเข้าสู่รอบการประมูลและสั่งซื้อของรพ. อีกทั้งมีแผนวางจำหน่ายยาตัวใหม่ 4 ตัวในปี 2025 โดยตัวแรก ยาแก้แพ้รักษาทางเดินหายใจ จะเริ่มวางขายตั้งแต่เดือนก.พ. 2025 นี้ 2. แบรนด์ Propoliz มีโอกาสในการเติบโตมากขึ้นจากทั้งตลาดร้านขายยา, ตลาดรพ. (อ้างอิง IQVIA, ปี 2024 มูลค่าตลาดของสินค้าสเปรย์พ่นปากในรพ. ไทยเติบโตเด่น 44% YoY และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง) และตลาดต่างประเทศ ที่บริษัทฯ จะเน้นการทำการตลาดร่วมกับ Local Distributor มากขึ้น 3. ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นและการเข้าถึงสิทธิการรักษาของภาครัฐมากขึ้น หนุนความต้องการเวชภัณฑ์ เราประเมินผลประกอบการทั้งปี 2025 เติบโต 19% YoY แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2025 ที่ 26.00 บาท ปัจจุบัน Valuation หุ้นซื้อขายบน PER25 เพียง 11.2 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคู่แข่งในประเทศที่มี PER 15.5 เท่า นอกจากนี้ในระยะสั้นเรามองว่าหุ้นได้ประโยชน์จากสถานการณ์ฝุ่นมลพิษ PM 2.5 ที่รุนแรง ส่งผลให้ความต้องการเวชภัณฑ์เกี่ยวกับทางเดินหายใจเพิ่มสูงขึ้น (เช่น สเปรย์ Propoliz และยาแก้แพ้) คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2025 ที่ 26.00 บาท

TMAN โบรกคาดรายได้โตแกร่ง Propolis เบิกประกันได้ - ยา generic ใหม่เขาตลาด

TMAN โบรกคาดรายได้โตแกร่ง Propolis เบิกประกันได้ - ยา generic ใหม่เขาตลาด

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กสิกรไทย มีมุมมองเชิงบวกต่อ TMAN หลังประสบความสำเร็จในการขึ้นทะเบียน Propolis เป็นยาแผนปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยขยายช่องทางการขายเข้าสู่โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนที่สามารถเบิกประกันได้           โดยคาดว่าการเติบโตในช่องทางโรงพยาบาลจะเพิ่มจาก 13% เป็น 17% ในปี 2568 จากการนำยา generic ใหม่เข้าสู่ตลาด ทั้ง Attor40 ที่เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3/2567 และยาเบาหวาน Maniptin ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่และโรงพยาบาลรัฐแล้ว รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างยาปลูกผมที่จะเปิดตัวในปี 2568           โดยคาดว่ารายได้จากกลุ่ม ใหม่จะเติบโตแข็งแกร่งในปีหน้า TMAN: ราคาพื้นฐาน 26.10 บาท

TMAN คาด ปี 68 โตแกร่ง 15%  Propolis ขึ้นยาแผนปัจจุบัน หนุน

TMAN คาด ปี 68 โตแกร่ง 15% Propolis ขึ้นยาแผนปัจจุบัน หนุน

          หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กสิกรไทย ชี้ TMAN ราคาพื้นฐาน 26.10 บาท มีมุมมองเชิงบวก ภายหลังจากสามารถขึ้นทะเบียน Propolis เป็นยาแผนปัจจุบันได้ จะสามารถเข้าไปขายได้ในโรงพยาบาลทั้งเอกชนและรัฐบาล ซึ่งสามารถเบิกประกันได้ อีกทั้งการเติบโตในช่องทางโรงพยาบาลราว 13% จะเพิ่มเป็น 17% ในปี 2025 จากการนำยา New Generic Drug เข้าไปขาย เช่น Attor40 ที่เริ่มได้รับความนิยมตั้งแต่ 3Q24 และกลุ่มยาเบาหวาน Maniptin ที่สามารถขึ้นทะเบียนกับโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ได้แล้ว และจะเข้าสู่โรงพยาบาลรัฐได้ในอนาคต นอกจากนี้จะมียาใหม่ เช่น ยาปลูกผม ที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดในปี 2025 โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีหน้า ด้านตลาดส่งออกยังเป็นอีกหนึ่ง Growth Driver โดยใน 9M24 เติบโต 11.5% เราคาดว่ารายได้ของ TMAN ในปีหน้าจะเติบโตได้ในระดับ 10-15%

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

แบรนด์ TMAN แข็งแกร่ง Valuation ต่ำ โบรกแนะ

แบรนด์ TMAN แข็งแกร่ง Valuation ต่ำ โบรกแนะ "ซื้อ" พิกัด 26 บ.

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หรือ TMAN ประเด็นน่าสนใจจากการประชุมนักวิเคราะห์ (12 ธ.ค. 67) ► แนวโน้มผลประกอบการ 4Q67 เติบโต QoQ และ YoY จาก Organic Growth สินค้าแบรนด์หลัก (Propoliz, ไอยรา) และยาสามัญใหม่ (Attor, Maniptin) ติดตลาด โดยยอดสั่งซื้อยังคงต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้นจากการขยายฐานกลุ่มลูกค้ารพ. ► ล่าสุด Propoliz Plus ได้รับเลขใบอนุญาตยาสำเร็จรูปจากทางอ.ย. (เดิมเป็นสมุนไพร) ทำให้การสั่งเบิกจ่ายผ่านประกันในรพ.เอกชนจะทำได้สะดวกขึ้น ส่งผลบวกต่อรายได้จากแบรนด์ Propoliz คาดจะเริ่มเห็นการเติบโตในช่วง 1H68 ► บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโต 10-15% YoY โดยมีแรงหนุนสำคัญจาก 1) กลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล ตั้งเป้าเติบโต 20% YoY จากแผนการออกยาสามัญใหม่ อีกทั้งปัจจุบันบริษัทฯ มีทีมขายใหม่ที่ใช้กลยุทธ์การขายเชิงรุกในการนำยาสามัญใหม่เข้าไปเจาะตลาดโรงพยาบาลใหม่เพิ่มขึ้น 2) กลุ่มลูกค้าต่างประเทศ ตั้งเป้าเติบโต 20% YoY จากการสร้าง Brand Awareness แบรนด์เรือธง Propoliz ในกลุ่มนักท่องเที่ยวและการเข้าไปเจาะตลาดต่างประเทศโดยใช้ Local Distributor ช่วย และ 3) กลุ่มลูกค้าคลินิกความงาม เพิ่มความครบวงจรของสินค้าจำเป็นและเป็น One stop service สำหรับคลินิก เช่น ยาชา ไหมร้อยหน้า ฟิลเลอร์ มุมมองของฝ่ายวิจัย  ► คาดเห็นผลประกอบการเติบโต QoQ และ YoY ต่อเนื่องใน 4Q67 และผลประกอบการสะสมช่วง 9M67 อยู่ที่ 338 ลบ. (+15% YoY) คิดเป็น 75% ของประมาณการปี 2567 ของเราที่ 452 ลบ.แล้ว ► แนวโน้มการเติบโตของสินค้าแบรนด์หลักของ TMAN ทำได้แข็งแกร่ง กลุ่มยาสามัญใหม่ (First Generic Drug) และยาโรคติดต่อไม่เรื้อรัง (NCD) ได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อต่อเนื่องของลูกค้าโรงพยาบาล และความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิ (NPM) ที่ราว 19-20% ส่งผลให้เราคาดกำไรปกติปี 2568 ที่ 536 ลบ. (+19% YoY) ► เราประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 26.00 บาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ” จาก 1) Valuation ต่ำน้อยกว่าค่าเฉลี่ยคู่แข่งในประเทศ โดยปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PER68 เพียง 11.9 เท่า 2) ผลประกอบการของบริษัทฯ มีความผันผวนในระดับต่ำ เนื่องจากสินค้าหลักของบริษัทฯ (ยารักษาโรค และสมุนไพร) เป็นสินค้าจำเป็น อีกทั้งมีปัจจัยหนุนจากทั้งโครงสร้างประชากรสูงวัยและการเข้าถึงสิทธิการรักษาที่เพิ่มขึ้น และ 3) Catalyst หนุนราคาหุ้นระยะสั้น จาก Propoliz Plus ที่ได้รับเลขใบอนุญาตยาสำเร็จรูปจากทางอ.ย. และหนุนการเติบโตรายได้จากแบรนด์ Propoliz ในอนาคต

TMAN ผนึกเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เปิดโรงภาพยนตร์ Propoliz Plus Extherb

TMAN ผนึกเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เปิดโรงภาพยนตร์ Propoliz Plus Extherb

         หุ้นวิชั่น - นายประพล ฐานะโชติพันธ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายธนัท พลอยดนัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและผลิตภัณฑ์ บมจ.ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล หรือ TMAN หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพชั้นนำของประเทศไทย ผสานความร่วมมือกับนายนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ส่งมอบประสบการณ์ใหม่การรับชมภาพยนตร์ที่ไม่ซ้ำใครให้กับทุกไลฟ์สไตล์ในฐานะ Naming Sponsor เปิดตัวโรงภาพยนตร์ “Propoliz SOUNDSCAPE CINEMA” ที่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ จำนวน 310 ที่นั่ง พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด “อย่าปล่อยให้ชีวิตสะดุด เจ็บคอเมื่อไรใช้ Propoliz Plus Extherb” เพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ เนื่องจากโรงภาพยนตร์นับว่าเป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ได้กว้างขวาง รวมทั้งขยายฐานลูกค้าผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและผู้ที่ชื่นชอบการชมภาพยนตร์และความบันเทิง ภายในงานได้จัดกิจกรรมมูฟวี่มาร์เก็ตติ้ง สร้างสีสันและบรรยากาศที่สนุกสาน พร้อมทั้งเปิดช่องทางจำหน่ายรูปแบบใหม่ นำผลิตภัณฑ์แบรนด์ Propoliz ทั้ง Propoliz lozenge plus และ Propoliz lozenge Vit C จำหน่ายที่ Concession หรือจุดจำหน่ายป๊อปคอร์น เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยว เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป ที่ โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป 177 สาขาทั่วประเทศ

TMAN 9 เดือน รายได้ 1,645.92 ลบ. คาดทั้งปีโตกว่ามูลค่าตลาด

TMAN 9 เดือน รายได้ 1,645.92 ลบ. คาดทั้งปีโตกว่ามูลค่าตลาด

          “บมจ.ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล” หรือ TMAN ตอกย้ำ NO. 1 ในอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของประเทศไทย โชว์ผลการดำเนินงาน 3/2567 รายได้รวม 535.80 ล้านบาท เติบโต 14.10% กำไรสุทธิ 104.20 ล้านบาท เติบโต 15.8% หนุนผลงาน 9 เดือน ทำรายได้รวม 1,645.92 ล้านบาท เติบโต 15.15% กวาดกำไรสุทธิที่มาจากธุรกิจหลักที่ไม่รวมการกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 338.45 ล้านบาท เติบโต 14.6% ปลื้มรายได้จากการขายโพรโพลิซ ยาแก้ไอยราโตโดดเด่น กลยุทธ์ออกแพกเกจจิ้งขนาดใหม่ตอบโจทย์ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และขยายฐานลูกค้าโรงพยาบาลมากขึ้น ประกาศมุ่งสร้างโมเมนตัมเติบโตแข็งแกร่งไตรมาส 4 มั่นใจรายได้ทั้งปีเติบโตในอัตราที่สูงกว่ามูลค่าตลาดรวมการจำหน่ายยาในประเทศไทยที่ขยายตัว 6-7% ต่อปี           นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 (กรกฎาคม-กันยายน 2567) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูง มีรายได้รวม 535.80 ล้านบาท เติบโต 14.10% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และทำกำไรสุทธิ 104.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยจากรายได้จากการขายกลุ่มผลิตภัณฑ์แบรนด์โพรโพลิซ (Propoliz) และยาแก้ไอยรา เติบโตโดดเด่นสอดรับกับช่วงไฮซีซัน ประกอบกับการออกสินค้าขนาดใหม่ และเพิ่มความสะดวกใช้งานง่ายทำให้ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มร้านค้าปลีกมากขึ้น อีกทั้งรายได้จากยาสามัญสร้างโมเมนตัมเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดตัว Attor ยาลดคอเลสเตอรอล, Maniptin ยารักษาเบาหวาน และยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น ส่งผลให้บริษัทฯ ขยายฐานกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลได้มากขึ้น           ทั้งนี้ความสำเร็จดังกล่าวตอกย้ำ TMAN ในฐานะหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของประเทศไทย ที่มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยผลักดันให้ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้รวม 1,645.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,429.36 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 342.60 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิที่มาจากธุรกิจหลักที่ไม่รวมการกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเป็นจำนวน 338.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิที่มาจากธุรกิจหลักไม่รวมการกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเป็นจำนวน 295.4 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายการผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัทฯ 1,580.20 ล้านบาท เติบโต 13.51% การรับจ้างผลิตเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอก 25.30 ล้านบาท เติบโต 208.50% และการจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอก 32.90 ล้านบาท เติบโต 53.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน           ขณะที่รายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 132.53 ล้านบาท เติบโต 11.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากยอดสั่งซื้อกลุ่มลูกค้าต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนและฮ่องกงเติบโตต่อเนื่อง โดยกลุ่มบริษัทฯ เดินหน้าสร้างเติบโตมุ่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัทฯ ผ่านผู้จัดจำหน่ายและกลุ่มลูกค้าองค์กรอื่น ใน 22 ประเทศทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เช่น ฮ่องกงและมาเลเซีย และขยายการเติบโตไปยังประเทศที่มีศักยภาพ รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรเพื่อสนับสนุนแผนการขยายการดำเนินงานไปในต่างประเทศ โดยการเพิ่มจำนวนบุคลากรฝ่ายการขายและการตลาดต่างประเทศ เพื่อเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และก้าวสู่การเป็นผู้นำเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในระดับภูมิภาค (Regional Player)           นายประพล กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯ วางแผนสร้างโมเมนตัมการเติบโตอย่างแข็งแกร่งช่วงไตรมาส 4 โดยเตรียมนำผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ยาใหม่ขยายตลาดสู่กลุ่มลูกค้าร้านขายยา โรงพยาบาล และโดยเฉพาะคลินิกเสริมความงาม หลังจากได้เปิดตัวแบรนด์ “Rejunae” นวัตกรรมฟิลเลอร์และไหมร้อยหน้าจากเกาหลี เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และด้วยสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงจากฤดูฝนสู่ฤดูหนาว คาดว่าจะมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี จะส่งผลดีต่อแนวโน้มดีมานด์การใช้ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ยาที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4 อาทิ กลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลและช่วยบรรเทาอาการทางช่องปากและลำคอ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ฯลฯ จึงคาดการณ์รายได้ทั้งปีของกลุ่มบริษัทฯ จะมีอัตราเติบโตมากกว่ามูลค่าตลาดรวมการจำหน่ายยาในประเทศไทย ปี 2566 -2568 ที่คาดการณ์อัตราเติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี [PR News]

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

TMAN บุกตลาดเสริมความงาม 6 หมื่นลบ. ชูแบรนด์น้องใหม่ Rejunae นวัตกรรมจากเกาหลี

TMAN บุกตลาดเสริมความงาม 6 หมื่นลบ. ชูแบรนด์น้องใหม่ Rejunae นวัตกรรมจากเกาหลี

          “บมจ.ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล” หรือ TMAN รุกใหญ่ขยายฐานธุรกิจสู่ตลาดเสริมความงามหลัง IPO เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ ‘Rejunae’ นวัตกรรมฟิลเลอร์และไหมร้อยหน้าจากเกาหลี เปลี่ยนรูปหน้าสวยอย่างธรรมชาติ มีคุณภาพและปลอดภัยสูง มุ่งขยายฐานลูกค้าคลินิกเสริมความงาม ตอบโจทย์เทรนด์ความงามบูม ดันมูลค่าตลาดรวมในไทยแตะ 60,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 80% ต่อปี คาดการณ์รายได้จากกลุ่มคลินิกเสริมความงามโตก้าวกระโดด หนุนรายได้รวมของบริษัทฯ มีอัตราเติบโตสูงกว่ามูลค่าตลาดรวมการจำหน่ายยาในประเทศไทยที่เติบโต 6-7% ต่อปี           นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ประกาศแผนธุรกิจในเชิงรุกหลังจากนำหุ้น TMAN เข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ล่าสุดได้เดินหน้าบุกตลาดเสริมความงามในประเทศไทย ร่วมกับ “Mesosolution” พันธมิตรผู้ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมความงามชั้นนำในเกาหลีใต้ ประเทศที่มีนวัตกรรมเสริมความงามเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดย บริษัท ที.แมน ฟาร์มาฯ จะเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่มีศักยภาพเติบโตเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทย เพื่อรับกับโอกาสการเติบโตของตลาดเสริมความงาม ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียที่มีอัตราการเติบโตสูง 14% ต่อปี           สำหรับตลาดรวมเสริมความงามในประเทศไทยคาดว่ามีมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 80% ต่อปี เนื่องจากคนรุ่นใหม่ใส่ใจดูแลผิวและความงาม ประกอบกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ต่างชาติ ด้วยค่าบริการในไทยที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายเมื่อเทียบกับค่าบริการเฉลี่ยของโลก ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านหัตถการและศัลยกรรมความงามอันดับต้นๆ ของเอเชียแปซิฟิก  โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์มีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากในปี 2565 มีมูลค่าตลาด 5,000-8,000 ล้านบาท เพราะเทคโนโลยีที่ช่วยปรับรูปหน้าให้สวยงามเป็นธรรมชาติ ลดร่องลึกและทำให้หน้าดูเรียบเนียนขึ้น จึงเป็นที่นิยมของกลุ่มคนหนุ่มสาวยุคใหม่           ความร่วมมือกันครั้งนี้ สอดรับกับกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่จะสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ โดยเฉพาะการขยายช่องทางจัดจำหน่ายผ่านคลินิกเสริมความงาม โดยบริษัทฯ จะเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ ไหมร้อยหน้าจากเกาหลี และจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ ‘Rejunae’ ซึ่งจะเป็นแบรนด์ใหม่ในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ที่ช่วยขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดความสวยงาม (Aesthetic) ยิ่งขึ้นและตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งด้านตลาดเสริมความงามให้กับบริษัทฯ จากเดิม TMAN เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย LD CREAM หรือผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของยาชาสูตร10% สำหรับการทำศัลยกรรมและเวชปฎิบัติเพื่อความงาม เพียงรายเดียวในประเทศไทย โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทฯ มีพอร์ตโฟลิโอนำเข้าหรือจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ แบรนด์ของบุคคลภายนอก 16 แบรนด์ และเป็นเจ้าของแบรนด์ 226 แบรนด์ มีผลิตภัณฑ์กว่า 842 รายการ (SKUs) TMAN จึงเป็นศูนย์รวมการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ภายในคราวเดียว (One-stop) ที่มีศักยภาพตอบสนองความต้องการของทุกคนได้อย่างครอบคลุม           Mesosolution มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดเสริมความงามชั้นนำในประเทศเกาหลีใต้ มีเทคโนโลยีความงามที่ก้าวล้ำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ โดยฟิลเลอร์และร้อยไหมหน้า Rejunae มีนวัตกรรมโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีเฉพาะในการผลิตช่วยให้การปรับรูปหน้าสวยงามเป็นธรรมชาติทำได้ง่ายขึ้น และผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นด้วย  มั่นใจว่าด้วยเทคโนโลยีด้านความงามของเกาหลีใต้ถือว่าเป็นผู้นำการวิจัย และพัฒนา เทคนิค สินค้ารวมถึงผลิตภัณฑ์ ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก รวมถึงได้รับการอนุมัติจาก EDQM ภูมิภาคยุโรป โดยมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยตอบโจทย์ของคลินิกเสริมความงามไทย           “ด้วยประสบการณ์อันยาวนานในวงการเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและได้มาตรฐานสากล เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม โดยการรุกขยายแบรนด์ Rejunae ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์และร้อยไหมหน้า จะเป็นก้าวที่สำคัญที่เปิดตลาดผลิตภัณฑ์เสริมความงามด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ และสนับสนุนคลินิกเสริมความงามทุกแห่งด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและโซลูชันที่ครบวงจร  มั่นใจว่า แบรนด์ Rejunae จะช่วยให้บริษัทฯ ขยายฐานลูกค้ากลุ่มคลินิกเสริมความงามเพิ่มขึ้น จากไตรมาสที่ 2/2567 (เมษายน-มิถุนายน) มีสัดส่วนรายได้อยู่ 5.7% คาดการณ์รายได้ในช่องทางคลินิกจะเติบโตก้าวกระโดด และผลักดันรายได้รวมของบริษัทฯ เติบโตมากกว่ามูลค่าตลาดรวมการจำหน่ายยาในประเทศที่มีอัตราเติบโต 6-7% ได้ตามเป้าหมาย” นายประพล กล่าว [PR News]

TMAN รุกตลาดยามูลค่า 2 แสนล้านบาท ขยายฐานลูค้าเพิ่ม

TMAN รุกตลาดยามูลค่า 2 แสนล้านบาท ขยายฐานลูค้าเพิ่ม

          TMAN หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศไทยมากว่า 50 ปี  เข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)  มันใจผลประกอบการโตมากกว่า อุตสาหกรรม ที่โต 6-7% ส่วนมูลค่าตลาดยาอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท  พร้อมวางงบลงทุน 777.5 ล้านบาท ขยายฐานลูกค้าโรงพยาบาลและต่างประเทศ  เปิดโอกาสM&A           หุ้นวิชั่น - นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “TMAN”) เปิดเผยว่า  ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกวันที่ 22  ตุลาคม 2567 ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อ ‘TMAN’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของกลุ่มบริษัทฯ ที่วางรากฐานอย่างแข็งแกร่ง ทั้งการคิดค้น วิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพ ทั้งเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ  ตลอดจนการยกระดับมาตรฐานการผลิตเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในระดับสากลด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ จนถึงการวางกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยสนับสนุนให้ TMAN เป็นหุ้นที่มีคุณภาพ และได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น           บริษัทคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่ที่อัตราการเติบโตประมาณ 6-7% (ไม่นับรวมกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) โดยจากผลประกอบการในอดีต บริษัทสามารถรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตมากที่สุดในรอบปี เนื่องจากเป็นช่วงที่มักจะมีการขายเพิ่มสูงขึ้น ในส่วนของตลาดอาหารเสริม ก็มีการเติบโตที่ดีเช่นกัน โดยอุตสาหกรรมยาทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีมูลค่ารวมกันกว่า 2 แสนล้านบาท และยังคงมีอัตราการเติบโตทุกปี ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มการขยายตัวของอุตสาหกรรมยาและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง           ทั้งนี้ หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ ฯ กลุ่มบริษัทฯ วางงบลงทุนระยะสั้น-กลาง ไม่เกิน 777.5 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) โครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักร 8 โครงการ มูลค่าลงทุนไม่เกิน 298.5 ล้านบาท  ได้แก่  1.1) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร 1.2) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบัน 1.3) โครงการขยายส่วนงานวิจัยและพัฒนา  1.4) โครงการขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 1.5) โครงการพัฒนาระบบงานขายบนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ 1.6) โครงการซื้อเครื่องมือควบคุมคุณภาพการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบัน 1.7) โครงการซื้อเครื่องมือควบคุมคุณภาพการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ 1.8) โครงการก่อสร้างคลังสินค้าและอาคารสำนักงาน ซึ่งบริษัทฯ เริ่มดำเนินการแล้วหลายโครงการ และ 2) บริษัทฯ มีโครงการลงทุนในอนาคตอีก 5 โครงการตามแผนการขยายธุรกิจ มูลค่าลงทุนไม่เกิน 479.0 ล้านบาท ประกอบด้วย 2.1) โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ 2.2) โครงการขยายกำลังการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบันครั้งที่ 1  2.3) โครงการลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop)  2.4) โครงการปรับปรุงพื้นที่การผลิตยาแผนปัจจุบัน และ 2.5) โครงการขยายกำลังการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบันครั้งที่ 2           นายประพล กล่าวว่า หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว กลุ่มบริษัทฯ วางกลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างและได้รับการยอมรับ ตลอดจนการพัฒนายารักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เเละกลุ่มยารักษาโรคทางเดินหายใจ เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งเป็นห่วงโซ่ขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมยา โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัทฯ มีแบรนด์ทั้งสิ้นกว่า 226 แบรนด์ นอกจากนี้จะวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสุขภาพที่หลากหลายและมีคุณภาพ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างครบถ้วน รวมทั้งการเพิ่มสัดส่วนธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM/ODM) และธุรกิจรับจัดจำหน่าย และมุ่งเพิ่มการเติบโตของรายได้จากการขยายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศกว่า 22 ประเทศทั่วโลก เพื่อก้าวสู่ Global Brand ในอนาคต  และยังเปิดโอกาสในการ M&A เพื่อต่อยอดธุรกิจ           นายทินพันธุ์ หวั่งหลี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย  กล่าวว่า TMAN เป็นกลุ่มบริษัทฯ ที่ดำเนินธุรกิจผลิต และจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพชั้นนำของประเทศไทย  ที่เป็นหนึ่งในผู้นำการคิดค้น วิจัยและพัฒนาเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเหมาะสมกับภาวะการณ์ เทรนด์การดูแลสุขภาพในเชิงป้องกันและการรักษา โดยเดินหน้ายกระดับศูนย์วิจัยและพัฒนารวมทั้งโรงงานผลิตที่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังรุกขยายธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยการวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง จะผลักดันให้ TMAN สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน           ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ มองหุ้น TMAN มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ด้วยสินค้าเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่หลากหลายกว่า 842 รายการ (SKUs) โดยที่มีผลิตภัณฑ์เป็นที่นิยมในตลาดจำนวนมาก  และเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง อีกทั้งวางกลยุทธ์ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 10-12 รายการต่อปี ภายใต้การวิจัยและพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้ตรงจุดและรวดเร็ว การวางกลยุทธ์มุ่งขยายกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลและการรุกขยายตลาดต่างประเทศ จะส่งผลให้ยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการกระจายสินค้าให้แก่ลูกค้าโดยตรง           โดยนักวิเคราะห์ได้ประเมินมูลค่าพื้นฐานอยู่ที่ 24.0-29.5 บาทต่อหุ้น โดยคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยดังนี้   1) การขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์เดิม 2) การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ของ TMAN 3) ขยายฐานลูกค้ากลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล 4) ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 5) ผลักดันการขายในต่างประเทศเพื่อมุ่งสู่การเป็น Global Brand นอกจากนี้กลุ่มบริษัทยังดำเนินธุรกิจรับจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอกส่งผลให้มีข้อมูลตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคในเชิงลึกซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของบริษัท ตลอดจนพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ของโลก

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้อนรับ TMAN เริ่มซื้อขาย 22 ต.ค. นี้

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้อนรับ TMAN เริ่มซื้อขาย 22 ต.ค. นี้

          บมจ. ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 22 ต.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 6,520.06 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ว่า “TMAN”           นางสาวรุ่งทิพย์ เจริญวิสุทธิวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์ 2 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “TMAN” ในวันที่ 22 ตุลาคม 2567           TMAN ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ของบริษัทกว่า 200 แบรนด์ รวมทั้งรับจ้างผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอก ผลิตภัณฑ์ของ TMAN แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่นๆ โดยมีแบรนด์ Propoliz ไอยรา Myda IBUMAN Polar และ Vita-C เป็นแบรนด์หลักที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค           TMAN มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 300.00 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.75 บาท เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวนรวม 102 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 71.43 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมของ TKW Capital Limited จำนวน 30.57 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้มีอุปการคุณของบริษัท พนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย และบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัท ในระหว่างวันที่ 10 - 11 และ 15 ตุลาคม 2567 ในราคาหุ้นละ 16.30 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนจากหุ้นใหม่ 1,164.31 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 6,520.05 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ           นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล เปิดเผยว่า TMAN มุ่งมั่นที่จะสร้างนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยองค์ความรู้และประสบการณ์ที่สะสมมากว่า 50 ปี ผสานกับการวิจัยและพัฒนา ทำให้ TMAN สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งการรักษาและการป้องกันโรค รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ โดย TMAN มีแผนที่จะนำเงินระดมทุนส่วนใหญ่ไปขยายและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพื่อรองรับแผนการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต           TMAN มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ กลุ่มครอบครัวฐานะโชติพันธ์ ถือหุ้นรวม 74.5% โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและข้อบังคับของบริษัทกำหนดไว้ โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เพื่อประโยชน์ของกิจการและผู้ถือหุ้นเป็นหลัก [PR News]

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

[Gossip] TMAN ปลื้มเปิดจองซื้อหุ้น IPO วันแรกคึกคัก

[Gossip] TMAN ปลื้มเปิดจองซื้อหุ้น IPO วันแรกคึกคัก

           TMAN เป็นหุ้น IPO น้องใหม่ที่ต้องจับตามอง ถือเป็นหุ้นที่ตอบสนองกับเทรนด์การดูแลสุขภาพของทุกคน ตอบรับกับอุตสาหกรรมยามีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังเปิดจองซื้อวันแรกในราคาเสนอขาย IPO หุ้นละ 16.30 บาท แว่วว่ามีนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่สาย VI สนใจจองซื้อคึกคัก ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นและโอกาสเติบโตของบริษัทอย่างชัดเจน ล่าสุด ‘ประพล ฐานะโชติพันธ์’ CEO บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หรือ TMAN เป็นปลื้มและมั่นใจผลประกอบการ พร้อมนำบริษัทก้าวสู่ผู้เล่นในระดับภูมิภาคเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน นักลงทุนที่สนใจหุ้นบริษัทพัฒนานวัตกรรมเพื่อสุขภาพที่เป็นเจ้าของแบรนด์กว่า 226 แบรนด์ อาทิ ยาพ่นลำคอโพรโพลิซ ยาน้ำแก้ไอไอยรา ฯลฯ เตรียมติดตามได้ในตลาดหลักทรัพย์ภายในเดือนตุลาคมนี้

[PR News] TMAN เคาะ IPO 16.30 บาท จองซื้อ 10-11 และ 15 ต.ค.67

[PR News] TMAN เคาะ IPO 16.30 บาท จองซื้อ 10-11 และ 15 ต.ค.67

          ‘บมจ.ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล’ หรือ TMAN หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิต และ/จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพชั้นนำของประเทศไทยมากว่า 50 ปี   ประกาศราคาเสนอขาย IPO หุ้นละ 16.30 บาท เปิดจองซื้อวันที่ 10-11 และ 15 ต.ค. 67  คาดนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือนตุลาคมนี้ โชว์ผลดำเนินงานงวด 6 เดือน ม.ค.-มิ.ย. 2567 รายได้จากการขาย 1,105.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านผู้บริหารมุ่งลงทุนขยายกิจการ เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพและ/หรือขยายกำลังการผลิต ทั้งกลุ่มยาแผนปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การขยายส่วนงานวิจัยและพัฒนา รวมถึงการขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมยาและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจ และวางเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น           นายทินพันธุ์ หวั่งหลี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า TMAN ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 16.30 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 10-11 และ 15 ตุลาคมนี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “TMAN” ภายในเดือนตุลาคมนี้ โดย TMAN จะเสนอขายหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 102 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.75 บาท คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25.5 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ แบ่งเป็น 1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 71,430,000 หุ้น และ 2) หุ้นสามัญโดยผู้ถือหุ้นเดิมจำนวนไม่เกิน 30,570,000 หุ้น โดยมีวัตถุประสงค์การใช้เงินดังนี้ 1. ใช้เป็นเงินทุนในการขยายกำลังการผลิต และ/หรือปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต หรือการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทในอุตสาหกรรมยาและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ และ 2. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม           เพื่อแสดงออกถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของผู้ถือหุ้นและผู้ก่อตั้งบริษัทฯ กลุ่มครอบครัวฐานะโชติพันธ์มีแผนตกลงและยินยอมโดยความสมัครใจที่จะไม่ขาย หรือโอนด้วยวิธีการใดๆ โดยคิดเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 78.0 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 19.5 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญ เป็นระยะเวลา 180 วัน นับจากวันที่หุ้นสามัญของบริษัทฯ เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Voluntary Share Lockup)  ซึ่งเมื่อรวมกับหุ้นสามัญที่ถูกห้ามขายตามที่กำหนดในข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ (Regulatory Lockup) โดยคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 220.0 ล้านหุ้น หรือเท่ากับร้อยละ 55.0 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญ จะถือเป็นการ Lockup ทั้งหมด จำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 298.0 ล้านหุ้น ร้อยละ 74.5 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญ           “การกำหนดราคาหุ้นสามัญที่จะเสนอขายในครั้งนี้ ได้มีการพิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) ของนักลงทุนสถาบันและนิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อ (Book Building) ในแต่ละระดับราคา โดยการกำหนดราคาสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และผลการดำเนินงานที่มั่นคงของกลุ่มบริษัท”  นายทินพันธุ์ กล่าว           นายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มบริษัท วางเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำนวัตกรรมสุขภาพ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น ผ่านการวางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1) มุ่งเน้นสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างและได้รับการยอมรับ 2) ขยายฐานลูกค้ากลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล ห่วงโซ่ขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมยา 3) พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและมีคุณภาพเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน 4) เพิ่มสัดส่วนธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM/ODM) 5) เพิ่มสัดส่วนธุรกิจรับจัดจำหน่าย  6) เพิ่มการเติบโตของรายได้จากการขยายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ 7) สรรหาบุคลากรสำคัญที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อรองรับการดำเนินงานในอนาคต 8) ขยายกำลังการผลิตและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต           ล่าสุด บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 5 ราย เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ TMAN ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด           “การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดโอกาสให้ TMAN เพิ่มขีดความสามารถวิจัยและพัฒนาเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของกลุ่มบริษัทให้รวดเร็วและควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มกำลังการผลิต ตลอดจนยกระดับมาตรฐานการผลิตเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น ผ่านการลงทุนเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ซึ่งจะเปิดโอกาสให้กลุ่มบริษัทขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน” นายประพล กล่าว           นายตรัส อบสุวรรณ  ประธานเจ้าหน้าที่สายงานปฏิบัติการ  TMAN กล่าวว่า  ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 กลุ่มบริษัทเป็นเจ้าของแบรนด์เวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพรวม 226 แบรนด์ และรับจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอก 16 แบรนด์ รวมทั้งสิ้นกว่า 842 ผลิตภัณฑ์ (SKUs) ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกของปี 2567 มีรายได้จากการขาย 1,105.2 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากผลิตภัณฑ์กลุ่มโรคทางเดินหายใจ การขยายตัวของตลาดต่างประเทศและความต้องการใช้ในประเทศ รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ เม็ดอมบรรเทาอาการเจ็บคอแบรนด์ Propoliz และยาอมแก้เจ็บคอแบรนด์ Basina รวมทั้งรายได้จากกลุ่มยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) จากความต้องการกลุ่มลูกค้าร้านขายยาเพิ่มขึ้น และรายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ยาลดไขมันในเลือดแบรนด์ ATTOR ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งในการคิคค้น วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่           นายธนัท พลอยดนัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและผลิตภัณฑ์ TMAN กล่าวว่า การจำหน่ายยาในประเทศไทยยังมีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2566 – 2568  คาดว่ามูลค่าจำหน่ายยาจะเติบโตเฉลี่ยที่ ร้อยละ 5.0 – ร้อยละ 6.0 ต่อปี อ้างอิงจาก Krungsri Research โดยมีปัจจัยจากทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ  ผู้ป่วยต่างชาติกลับมาใช้บริการในไทยมากขึ้น ตลอดจนการเข้าถึงระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประชาชน ทำให้ความต้องการบริโภคยาเพิ่มขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าการจำหน่ายยาผ่านโรงพยาบาลจะเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 6.3 ต่อปี ส่วนมูลค่าการจำหน่ายผ่านร้านขายยา (OTC) จะเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5.0 ต่อปี นอกจากนี้ จากข้อมูลการคาดการณ์จาก Euromonitor อุตสากรรมสุขภาพยังได้รับปัจจัยบวกจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ มลภาวะที่เพิ่มขึ้น และการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ของประเทศไทย โดยคาดว่าจะสนับสนุนตลาดวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Vitamins and Dietary Supplements) เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 8.4 ต่อปี ในช่วงปี 2564 – 2568 จึงเป็นโอกาสเติบโตของกลุ่มบริษัท           สำหรับแผนการลงทุนรองรับการเติบโตในอนาคต คาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่เกิน 777.5 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักร 8 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมโดยประมาณไม่เกิน 298.5 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบัน โดยลงทุนติดตั้งเครื่องจักร รวมถึงระบบที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตยาแผนปัจจุบันประเภท เม็ด น้ำ และครีม 2) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยลงทุนซื้อเครื่องจักรสำหรับการบรรจุผลิตภัณฑ์สมุนไพรลงบรรจุภัณฑ์  3) โครงการขยายส่วนงานวิจัยและพัฒนา 4) โครงการก่อสร้างคลังสินค้าและอาคารสำนักงานของบริษัท เฮเว่น เฮิร์บ จำกัด 5) โครงการขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยการลงทุนซื้อเครื่องจักรดังกล่าวจะช่วยให้กลุ่มบริษัทสามารถผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทรูปแบบของแข็ง (Solid Dosage Form) 6) โครงการพัฒนาระบบงานขายบนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ  7) โครงการซื้อเครื่องมือควบคุมคุณภาพการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบัน และ 8) โครงการซื้อเครื่องมือควบคุมคุณภาพการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและปรับปรุงพื้นที่เพื่อติดตั้งเครื่องจักรสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบน้ำ           ขณะเดียวกัน โครงการลงทุนในอนาคตจำนวน 5 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมโดยประมาณไม่เกิน 479.0 ล้านบาท ได้แก่ 1) โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ 2) โครงการขยายกำลังการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบันครั้งที่ 1 โดยลงทุนปรับปรุงอาคารของโรงงานผลิต รวมถึงติดตั้งเครื่องจักร และระบบต่างๆ สำหรับการทดลองผลิตผลิตภัณฑ์ตัวอย่างและผลิตภัณฑ์รูปแบบของแข็ง (Solid Dosage Form) 3) โครงการลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) 4) โครงการปรับปรุงพื้นที่การผลิตยาแผนปัจจุบัน โดยจะลงทุนปรับปรุงพื้นที่เก็บยา ปรับปรุงอาคารสำหรับการจัดเก็บวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ และปรับปรุงพื้นที่ตามสายการผลิต และ 5) โครงการขยายกำลังการผลิตกลุ่มยาแผนปัจจุบันครั้งที่ 2 โดยโครงการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study)

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011