ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#TIDLOR


TIDLOR ขยายเวลาแลกหุ้นวันสุดท้าย ถึง 30 เม.ย.68

TIDLOR ขยายเวลาแลกหุ้นวันสุดท้าย ถึง 30 เม.ย.68

               หุ้นวิชั่น - บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (“TIDLOR” หรือ “บริษัทฯ”) แจ้งข่าวว่า บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์ (“Tidlor Holdings”) ได้ดำเนินการขยายระยะเวลาการแลกหุ้น (Tender Offer) จากเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 16 เมษายน 2568 เปลี่ยนเป็นสิ้นสุด วันที่ 30 เมษายน 2568 (เฉพาะวันและเวลาทำการ) เนื่องจากต้องการอำนวยความสะดวกให้ผู้ถือหุ้นที่อาจมีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการแลกหุ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลาการรับซื้อสุดท้าย (Final offer) และจะไม่มีการขยายระยะเวลาเพิ่มเติมอีก              ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นแต่ละรายจำเป็นต้องดำเนินการ “ตอบรับ” คำเสนอซื้อหลักทรัพย์ด้วยตนเอง เนื่องจากเป็นสิทธิส่วนบุคคลในการพิจารณาเปลี่ยนแปลงการลงทุนของผู้ถือหุ้น บริษัทฯ จึงไม่สามารถทำให้กระบวนการแลกหุ้นเป็นไปโดยอัตโนมัติได้ และสำหรับผู้ถือหุ้นที่ทำการแลกหุ้นเสร็จสมบูรณ์ตามระยะเวลาที่กำหนด ผู้ถือหุ้นรายดังกล่าวจะเปลี่ยนสถานะจากผู้ถือหุ้นของ บมจ.เงินติดล้อ เป็นผู้ถือหุ้นของ Tidlor Holdings แทน ทั้งนี้ กรณีที่ผู้ถือหุ้นไม่ได้ทำการตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นของ บมจ.เงินติดล้อ ต่อไป แต่จะไม่สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ ภายหลังจากที่หุ้นของ บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ              ช่องทางการติดต่อ: ผู้ถือหุ้นสามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ที่ท่านมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ หรือ ติดต่อตัวแทนรับซื้อหลักทรัพย์ (Tender Agents) ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-165-5555 กด 4 ทุกวันทำการ ระหว่างเวลา 8.00 น. - 18.00 น. และบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 02-949-1999 ทุกวันทำการ ระหว่างเวลา 8.30 น. - 17.30 น. ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นสามารถติดตามขั้นตอนรายละเอียดการแลกหุ้น (Tender Offer) หรือเยี่ยมชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.tidlorinvestor.com/tidlorholdings

TIDLOR ชวนผู้ถือหุ้นแลกหุ้น 10 มี.ค. - 16 เม.ย. 68 เดินหน้าปลดล็อกศักยภาพการเติบโต สู่ Tidlor Holdings

TIDLOR ชวนผู้ถือหุ้นแลกหุ้น 10 มี.ค. - 16 เม.ย. 68 เดินหน้าปลดล็อกศักยภาพการเติบโต สู่ Tidlor Holdings

            หุ้นวิชั่น - บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (“TIDLOR” หรือ “บริษัทฯ”) เปิดเผยว่า ปัจจุบันแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์พร้อมการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (แบบ 69/247-1) ของบริษัท ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (“Tidlor Holdings” หรือ “ติดล้อ โฮลดิ้งส์”) ได้มีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดตั้ง Tidlor Holdings ซึ่งเป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) และจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ TIDLOR จากผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ โดยออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับหุ้นสามัญของบริษัทฯ (Tender Offer) ในอัตราแลกเปลี่ยน 1 หุ้นสามัญของ TIDLOR ต่อ 1 หุ้นสามัญของ Tidlor Holdings และเปิดให้ผู้ถือหุ้น TIDLOR ทำการแลกหุ้นในช่วงระหว่าง วันที่ 10 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 16 เมษายน 2568 เวลา 9.00 น. – 16.00 น. (เฉพาะวันทำการ) ซึ่งผู้ถือหุ้นจำเป็นต้องดำเนินการ “ตอบรับ” คำเสนอซื้อหลักทรัพย์ด้วยตนเอง (กระบวนการแลกหุ้นจะไม่เป็นไปโดยอัตโนมัติ)             ภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เสร็จสิ้น และมีผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ตอบรับคำเสนอซื้อในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ “Tidlor Holdings” จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “TIDLOR” เช่นเดิม แทนหลักทรัพย์ของ บมจ.เงินติดล้อ ซึ่งจะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันเดียวกัน สำหรับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่ทำการแลกหุ้นเสร็จสิ้นสมบูรณ์ตามระยะเวลาที่กำหนดจะเปลี่ยนเป็นผู้ถือหุ้น Tidlor Holdings แทน ส่วนผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นของ บมจ. เงินติดล้อ แต่จะไม่สามารถทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้             ทั้งนี้ ภายหลังการปรับโครงสร้างดำเนินการเสร็จสิ้น บริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจภายใต้โครงสร้างใหม่ Tidlor Holdings โดยยังคงมุ่งเน้นธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ ภายใต้แบรนด์ เงินติดล้อ และธุรกิจนายหน้าประกันในรูปแบบ Face to Face ผ่านช่องทางสาขา ภายใต้แบรนด์ ประกันติดโล่ ควบคู่ไปกับการใช้และพัฒนา InsurTech Platform ภายใต้แบรนด์ อารีเกเตอร์ (Areegator) และ เฮ้ กู๊ดดี้ (heygoody.com)             การปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของ Tidlor Holdings จะช่วยเพิ่มศักยภาพและความคล่องตัวในการดำเนินงาน เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้การปรับโครงสร้างดังกล่าวยังช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดได้เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะช่วยลดผลกระทบในเรื่อง Dilution ของราคาหุ้นและกำไรต่อหุ้น (EPS Dilution) ได้อีกด้วย              ขอเชิญชวนผู้ถือหุ้น TIDLOR ดำเนินการ “แลกหุ้น” เพื่อร่วมเป็นเจ้าของ “Tidlor Holdings” และร่วมรับผลตอบแทนจากการดำเนินธุรกิจที่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีแข็งแกร่ง รองรับการเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน โดยผู้ถือหุ้นสามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ที่ท่านมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ หรือ ติดต่อตัวแทนรับซื้อหลักทรัพย์ (Tender Agents) ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-165-5555 กด 4 ทุกวันทำการ ระหว่างเวลา 8.00 น. - 18.00 น. และบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 02-949-1999 ทุกวันทำการ ระหว่างเวลา 8.30 น. - 17.30 น.และผู้ถือหุ้นยังสามารถติดตามขั้นตอนรายละเอียดการแลกหุ้น (Tender Offer) ได้ที่เว็บไซต์ www.tidlorinvestor.com/tidlorholdings

TIDLOR ปี68 ได้ไปต่อ คาดกำไรพุ่ง 10.9% จากสินเชื่อ-ตั้งสำรองลด

TIDLOR ปี68 ได้ไปต่อ คาดกำไรพุ่ง 10.9% จากสินเชื่อ-ตั้งสำรองลด

         หุ้นวิชั่น - บล.ฟิลลิป ประเมินหุ้น TIDLOR โดยมองว่า TIDLOR ยังไม่ได้มีการเปิดเผยเป้าหมายทางการเงินปี 68 ออกมา เนื่องจากจะ รอดูผลกระทบของโครงการแก้หนี้ “คุณสู้ เราช่วย ” ก่อน อย่างไรก็ตามน่าจะยังคงโมเมนตั้มเหมือนใน 4Q67 ไว้ได้ ซึ่งน่าจะทำให้สินเชื่อในปี68 เติบโตได้ ประมาณ Mid single digit NPL ลดลง และทำให้การตั้งสำรองใน 4Q67 ลดลง มาก และน่าจะทำให้การตั้งสำรองในปี 68 ลดลงจากปี ก่อนด้วย ยังคง ประมาณการกำไรปี 68 คาดเติบโต 10.9% y -y คงราคาพื้นฐาน 20 บาท แนะนำ "ซื้อ" ฝ่ายวิจัยังคงประมาณการนคงราคาพื้นฐานแนะนำ ซื้อ ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 68 ของ TIDLOR ไว้ที่ 4.7 พันลบ. เพิ่มขึ้น 10.9% y - y โดยคาดว่า รายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อที่เติบโต และคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ทำให้การตั้งสำรองจะลดลง คงราคาพื้นฐาน 20 บาท มีส่วนต่างจากราคาหุ้นในปัจจุบันพอสมควร แนะนำ “ซื้อ”

TIDLOR กำไรปี 67 นิวไฮ พุ่งแตะ 4,230.5 ลบ. เบี้ยประกันทะลุ 1 หมื่นลบ.-คุ้ม NPL อยู่หมัด

TIDLOR กำไรปี 67 นิวไฮ พุ่งแตะ 4,230.5 ลบ. เบี้ยประกันทะลุ 1 หมื่นลบ.-คุ้ม NPL อยู่หมัด

           หุ้นวิชั่น - TIDLOR เปิดกำไรปี 67 นิวไฮ พุ่งแตะ 4,230.5 ลบ. โต 11.6%  โชว์เบี้ยประกันโตทะลุ 10,000 ลบ. ด้าน NPL คุมอยู่หมัด 1.81% ต่ำกว่ากรอบที่วางไว้ไม่เกิน 2%            บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (“TIDLOR” หรือ “บริษัท”) เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ที่ 4,230.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6% (YoY) จากปีก่อนหน้า เนื่องมาจากการเติบโตของรายได้จากการขยายตัวของทั้งธุรกิจสินเชื่อ การเพิ่มขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ รวมถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจนายหน้าประกัน โดยในปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 22,160.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.8% (YoY) ซึ่งรายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยรับ และรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการ            สำหรับผลการดำเนินธุรกิจสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง อยู่ที่ 103,933.7 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.6% (YoY) และควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ดี NPL ปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.81% นอกจากนี้บริษัทยังมีเบี้ยประกันวินาศภัยรวมมูลค่า 10,176.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% (YoY) ซึ่งเป็นผลมาจากการผสมผสานการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย            สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,044.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9% (YoY) และเพิ่มขึ้น 5.4% (QoQ) โดยการเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ปี 2567 ส่วนใหญ่มาจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิต ที่ปรับลดลง 30.2% (QoQ) รวมถึงรายได้รวมที่เติบโตขึ้นจากการกลับมาขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ หลังจากที่ชะลอตัวในไตรมาสก่อนหน้า และเบี้ยประกันวินาศภัยที่เติบโตในระดับสูงที่ 23.8% (QoQ)            สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 1,778 แห่ง และยังคงให้ความสำคัญกับการใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีที่สร้างและพัฒนามามากกว่า 10 ปี ทั้งด้านสินเชื่อ โดยมี “บัตรติดล้อ” ข้อมูล ณ เดือน ธ.ค. 67 ได้ส่งมอบบัตรติดล้อให้กับลูกค้าแล้วมากกว่า 735,000 ใบ เพิ่มขึ้น 14% (YoY) และยังมีบริการ “โอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชีผ่านแอปพลิเคชันเงินติดล้อ” ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้ามีการเบิกวงเงินสินเชื่อผ่านบริการดังกล่าวสูงถึง 70% เมื่อเทียบกับช่องอื่นๆ สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจสินเชื่อ และการยกระดับบริการทางการเงิน ด้วยเป้าหมายเพื่อช่วยลูกค้าลดต้นทุนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ และช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเงินทุนเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินได้สะดวกยิ่งขึ้น ขณะที่การดำเนินธุรกิจนายหน้าประกัน ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้านนายหน้าประกัน (InsurTech Platform) ทำให้บริษัทสามารถนำเสนอขายผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าถึงได้และครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า ได้แก่ 1.แบรนด์ประกันติดโล่ (Shield Insurance) ผู้นำธุรกิจนายหน้าประกันในรูปแบบ Face to Face พร้อมให้คำแนะนำและเสนอขายประกันอย่างใกล้ชิด จากพนักงานมืออาชีพมากกว่า 5,000 คน ภายในสาขาเงินติดล้อ ทั่วประเทศ พร้อมบริการ Call Canter 1501 ที่เปิดให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง 2.แบรนด์อารีเกเตอร์ (Areegator) แพลตฟอร์มเสนอขายประกันออนไลน์ ผ่านสมาชิกตัวแทนนายหน้าประกัน ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 10,000 คน และ 3.แบรนด์เฮ้กู๊ดดี้ (heygoody.com) แพลตฟอร์มนายหน้าประกันดิจิทัล ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อประกันด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และ heygoody.com ยังถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างทางการตลาดให้กับภาพรวมธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทได้เป็นอย่างดี            นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในปี 2567 ที่ผ่านมา แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่บริษัทยังคงมีศักยภาพสามารถสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยธุรกิจนายหน้าประกันมีเบี้ยประกันวินาศภัยรวมมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท และธุรกิจสินเชื่อมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างมากกว่า 100,000 ล้านบาท            ขณะที่คุณภาพพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัทอยู่ในระดับที่ดีและควบคุมได้ โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL Ratio) ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ 1.81% ปรับตัวลดลงจาก ณ ไตรมาส 3 ปี 2567 และยังคงอยู่ภายในกรอบเป้าหมายที่กำหนดไว้ไม่เกิน 2.0% ซึ่งเป็นผลมาจากคุณภาพของสินเชื่อที่ปล่อยใหม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าปี 2566 จากการปรับนโยบายการอนุมัติสินเชื่อ และการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการติดตามหนี้ผ่านการปรับกลยุทธ์ โดยจัดสรรทรัพยากรสาขาเพื่อสนับสนุนการติดตามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่ยังคงอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (%NPL Coverage) ในระดับแข็งแกร่งที่ 242.7%            ทั้งนี้ ด้วยความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา ควบคู่กับประสิทธิภาพในการบริหารโครงสร้างเงินทุน ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 2.5 เท่า ขณะที่บริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีวงเงินกู้ยืมคงเหลืออีกมากกว่า 26,000 ล้านบาท และมีความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้การออกหุ้นกู้ในปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยมียอดแสดงความจำนงในการจองเกินกว่ายอดที่เสนอขาย (Oversubscription) ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการได้รับอันดับเครดิตที่ “A/Stable” จากทริสเรทติ้ง ซึ่งถือเป็นระดับสูงที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกันอีกด้วย นายปิยะศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2568 บริษัทยังคงขับเคลื่อนโดยคณะผู้บริหารมืออาชีพ ที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ โดยยังคงให้ความสำคัญกับการเฝ้าติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด และดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง พร้อมปรับกลยุทธ์และแผนต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างการเติบโตให้กับภาพรวมการดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ ตามหลักธรรมาภิบาล            ขณะที่ยังคงยึดมั่นแนวคิดการดำเนินธุรกิจเพื่อส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ผ่านการให้บริการทางการเงินที่เข้าถึงได้ เป็นธรรม และโปร่งใส ซึ่งถือเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ คือการส่งเสริมให้ลูกค้าและประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน โดยจะเห็นได้จากปีที่ผ่านมาบริษัทช่วยสร้างเครดิตทางการเงินให้ลูกค้ามากกว่า 362,000 ราย ส่งเสริมให้คนไทยสามารถเข้าถึงความคุ้มครองด้านประกันภัยได้มากกว่า 999,000 ราย และยังสานต่อโครงการเพื่อส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้แก่ผู้คนในชุมชน หน่วยงานภายนอก และนักศึกษา อย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เข้ารับการอบรมรวมมากกว่า 780 คน นอกจากนี้ยังตระหนักถึงความสำคัญด้านการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจและบริการ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคม อย่างต่อเนื่องอีกด้วย            สำหรับความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัท สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้อนุมัติคําขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่พร้อมกับการทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์เดิมของ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ แล้ว และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ได้รับอนุญาตในการตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จากหน่วยงานที่กำกับดูแลแล้ว โดยปัจจุบัน ติดล้อ โฮลดิ้งส์ อยู่ระหว่างกระบวนการให้แบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนมีผลใช้บังคับ ซึ่งคาดว่ากระบวนการแลกหุ้น (Tender Offer) จะเกิดขึ้นภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 สำหรับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของ TIDLOR ได้ที่เว็บไซต์ www.tidlorinvestor.com

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

TIDLOR กำไรงาม ลุ้นปีนี้โตต่อ 13% โบรกอัพเป้า 19.50 บ.    

TIDLOR กำไรงาม ลุ้นปีนี้โตต่อ 13% โบรกอัพเป้า 19.50 บ.    

           หุ้นวิชั่น - บล.กรุงศรี ประเมินหุ้น TIDLOR โดยปรับ TP25F เป็น 19.5 บ. จาก 15.3 บ. จากการปรับกำไรสุทธิ 2025-26F ขึ้นปี ละ 10-13% และปรับคำแนะนำขึ้นเป็น BUY เดิม REDUCE เพราะคุณภาพสินทรัพย์เห็นพัฒนาการเชิงบวก จาก 4Q24 i) ค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) ลดลงเหลือ 272 bps. จาก 3Q24 ที่391 bps. ii) NPL Ratio ปรับลงเหลือ1.80 จาก 1.88% ใน 3Q24 iii) NPL Formation ลดลง -40% q-q            สำหรับกำไร สุทธิ 4Q24 ที่ 1,044 ลบ. ใกล้กับคาดและตลาดคาด กำไรเพิ่มขึ้น +16%y-y และ +5% q-q เพราะการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรวม การเพิ่มขึ้นของรายได้การขายประกัน และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL)            ฝ่ายวิจัยปรับกำไรสุทธิ 2025-26F ขึ้นปีละ 10-13% อยู่ที่ 4,696 และ 5,106 ลบ. ตามลำดับ จากค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) ต่ำกว่าคาด เพราะคุณภาพสินทรัพย์ของลูกหนี้ดีขึ้น

TIDLOR คาดผลงานแกร่งสุดในกลุ่ม สินเชื่อโต-ต้นทุนเครดิตลด หนุน โบรกเคาะเป้า 23 บ.

TIDLOR คาดผลงานแกร่งสุดในกลุ่ม สินเชื่อโต-ต้นทุนเครดิตลด หนุน โบรกเคาะเป้า 23 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กสิกรไทย มีมุมมองเชิงบวกต่อ TIDLOR โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 จะแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มธุรกิจจำนำทะเบียน เนื่องจากต้นทุนด้านเครดิตลดลงมาอยู่ที่ 3.3% จากระดับ 3.9% ในไตรมาส 3 และ 4.2% ในไตรมาส 4 ปี 2566 ประกอบกับการเติบโตของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับปี 2568 เราคาดว่าจะเป็นปีที่บริษัทใช้กลยุทธ์แบบ Selective และระมัดระวัง โดยปัจจัยการเติบโตจะมาจากการลดลงของต้นทุนด้านเครดิตและการปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อมากกว่าการเติบโตของรายได้ นอกจากนี้ TIDLOR ยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจประกันที่เติบโตดีมาช่วยสนับสนุนในปี 2568 อีกด้วย TIDLOR : ราคาพื้นฐาน 23.00 บาท

TIDLOR คาดปีนี้กำไรโต 8.7% รายได้ค่าธรรมเนียมหนุน โบรกเคาะ 22 บาท

TIDLOR คาดปีนี้กำไรโต 8.7% รายได้ค่าธรรมเนียมหนุน โบรกเคาะ 22 บาท

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล. หยวนต้า ระบุ Ngern Tid Lor (TIDLOR) กำไรสุทธิ 4Q24 ขยายตัวดี มีโบนัสการขายประกันเพิ่มขึ้น รายได้ดอกเบี้ยขยายตัวต่อ แต่สำรองยังกดดัน เราคาด TIDLOR จะมีกำไรสุทธิ 4Q24 จำนวน 1,065 ลบ. โต 20.6% YoY และ 7.5% QoQ แม้เป็นช่วงที่คาดว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงขึ้น จากการตั้งค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาระบบเทคโนโลยี ค่าใช้จ่ายสาขาที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายทางการตลาด แต่คาดว่าปัจจัยลบดังกล่าวจะถูกชดเชยด้วย 1. รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิคาดโต 1.8% QoQ หนุนจากสินเชื่อรวมที่คาดยังโตในระดับ 1.9% QoQ แม้บริษัทเพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อมากขึ้น เพื่อควบคุมความเสี่ยง ส่วน NIM คาดปรับขึ้นเล็กน้อยเป็น 16.1% จาก 16% ใน 3Q24 หลังรับรู้ผลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองขึ้น 2 ครั้งนับตั้งแต่ 4Q23 ขณะที่ต้นทุนทางการเงินยังควบคุมได้ดี 2. คาดว่ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยโต 14.8% QoQ เพราะมีรายได้ค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกิจนายหน้าประกันเพิ่มเข้ามา ซึ่งปกติจะมีโบนัสสำหรับการขายเพิ่มเข้ามาในช่วงปลายปีด้วย 3. คาดว่าการตั้งสำรองลดลง 8.6% QoQ สะท้อนเป็น Credit Cost ที่ 3.5% ลดลงจาก 3.9% ใน 3Q24 หลังได้อานิสงส์บวกจากมาตรการเงิน 10,000 บาทที่รัฐฯ จ่ายให้กับกลุ่มเปราะบางในช่วงปลายเดือน ก.ย. 2024 และเป็นผลจากการคัดกรองลูกหนี้ที่เข้มงวดขึ้น           ปี 2025 คาดว่าการตั้งสำรองผ่อนคลายลง และรายได้ค่าธรรมเนียมโตดีขึ้น           เราปรับลดประมาณการกำไรของ TIDLOR ในปี 2024/25 ลง 2.5%/7.8% ตามลำดับ เพื่อรองรับความเสี่ยงจากพอร์ตเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองที่อาจได้รับผลกระทบทางลบจากแนวโน้มราคารถบรรทุกมือสองที่ปรับลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลขาดทุนจากการขายรถยึดจากธุรกิจดังกล่าวคาดว่ายังทรงตัวสูง ส่วนพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ยังแข็งแรง ลูกหนี้มีความสามารถชำระหนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ และใน 1Q25 คาดว่าได้แรงหนุนจากมาตรการอัดฉีดเงิน 10,000 บาทให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ (เฟส 2) ทำให้คาดว่าการตั้งสำรองโดยรวมของ TIDLOR จะปรับลงในปี 2025 ขณะที่ NIM มองว่าเพิ่มขึ้นต่อเล็กน้อยจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ในปี 2024 โดยภายใต้ประมาณการใหม่ เราคาดว่า TIDLOR จะมีกำไรสุทธิปี 2024 จำนวน 4,251 ลบ. โต 12.2% YoY และโตต่อ 8.7% YoY ในปี 2025 แนวโน้มธุรกิจยังขยายตัวได้ต่อ ราคาหุ้นไม่แพง คงคำแนะนำ “ซื้อ” เรามองพื้นฐานของ TIDLOR ยังแข็งแรง แม้มีแรงกดดันจากพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสองที่ยังไม่ฟื้นตัว แต่คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมคาดว่าไม่น่ากังวล ขณะที่ประเด็นการปรับโครงสร้างธุรกิจ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมส่ง Filing ใหม่ให้กับ กลต. และคาดว่าจะเริ่มกระบวนการ Tender Offer หุ้น TIDLOR เดิมได้ภายใน 2Q25 และหลังจากนั้นบริษัทจะเร่งพัฒนาธุรกิจใน CLMV และธุรกิจนายหน้าประกันบน Digital Platform มากขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 32.6% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2025 ที่ 22 บาท เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

TIDLOR  คาดปีนี้กำไรที่ 4,250 ลบ. โบรกมองบวก คุณภาพสินทรัพย์แกร่ง

TIDLOR คาดปีนี้กำไรที่ 4,250 ลบ. โบรกมองบวก คุณภาพสินทรัพย์แกร่ง

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กรุงศรี ระบุ TIDLOR อยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการและคำแนะนำ ภาพรวมเรามีมุมมองบวกมากขึ้นกับการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ เห็นได้จากค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) 4Q24F คาดเริ่มลดลงเหลือ 360 bps จาก 3Q24 ที่ 391 bps ทำให้เราคาดว่าประมาณการปี 2025F มีโอกาสเกิด upside เบื้องต้นค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) เราคาดที่ 390 bps โดยการลดลงทุกๆ -10 bps จะทำให้กำไรสุทธิปี 2025F คาดที่ 4,250 ลบ. มี upside +2% และ TP25F ที่ 15.30 บ. มี upside +0.3 บ. สำหรับกำไรสุทธิ 4Q24F คาดที่ 1,020 ลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +13% y-y และ +3% q-q เพราะการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรวม การเพิ่มขึ้นของรายได้การขายประกัน และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) คาดกำไรสุทธิ 4Q24F ที่ 1,020 ลบ. เพิ่มขึ้น +13% y-y และ +3% q-q           เราคาด TIDLOR รายงานกำไรสุทธิ 4Q24F ที่ 1,020 ลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +13% y-y และ +3% q-q เพราะ i) รายได้ดอกเบี้ย (NII) เพิ่มขึ้น +12% y-y และ +1% q-q จากการเติบโตของสินเชื่อรวม +2% q-q คิดเป็น +8% YTD จากกลุ่มจำนำทะเบียนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ และการเปิดสาขาเพิ่ม 4Q24F คาดที่ 1,778 สาขา เพิ่มขึ้น +6% y-y และ +2% q-q ii) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) เพิ่มขึ้น +2% y-y และ +19% q-q เพราะรายได้ค่าธรรมเนียมนายหน้าขายประกัน iii) ค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลง -7% y-y และ -7% q-q จากการชำระหนี้ของลูกหนี้ดีขึ้น สำหรับ NPL Ratio คาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1.90% จาก 3Q24 ที่ 1.88% จากลูกหนี้กลุ่มรถบรรทุกที่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง กำไรสุทธิ 2025F หากผลประกอบการ 4Q24F เป็นไปตามที่เราคาด เรามองว่าประมาณการปี 2025F มีโอกาสเกิด upside จากค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) ต่ำกว่าที่เราคาด เบื้องต้นเราคาดค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) ที่ 390 bps โดยการลดลงทุกๆ -10 bps จะทำให้กำไรสุทธิปี 2025F คาดที่ 4,250 ลบ. มี upside +2% และ TP25F มี upside +0.3 บ. คำแนะนำ เราอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการ จากคำแนะนำ REDUCE และ TP25F ที่ 15.3 บ. ภาพรวมเรามีมุมมองบวกมากขึ้นกับการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ เห็นได้จากค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) 4Q24F คาดเริ่มลดลงเหลือ 360 bps จาก 3Q24 ที่ 391 bps.

TIDLOR คาด Q4 ผลงานแกร่ง  คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นหนุน โบรกชี้เป้า 23.00 บ.

TIDLOR คาด Q4 ผลงานแกร่ง คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นหนุน โบรกชี้เป้า 23.00 บ.

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กสิกรไทย มีมุมมองเชิงบวกต่อ TIDLOR โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/2567 จะแข็งแกร่งทั้งเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน จากการเติบโตของสินเชื่อที่ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เติบโตตามฤดูกาลจากรายได้ประกัน นอกจากนี้ คาดว่าคุณภาพสินทรัพย์จะมีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 หลังการเร่งปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ตั้งแต่ปี 2566 โดยคาดว่าต้นทุนทางเครดิตในไตรมาส 4/2567 จะลดลงทั้งเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน            อีกทั้ง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปีที่ลดลงมาอยู่ที่ 2.3% จาก 2.4% ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว จะช่วยหนุนการเก็งกำไรกลุ่มการเงิน TIDLOR: ราคาพื้นฐาน 23.00 บาท

TIDLOR  เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.438 บาทต่อหุ้น

TIDLOR เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.438 บาทต่อหุ้น

           บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR หรือ บริษัทฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 เป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.438 บาท คิดเป็น 40% ของกำไรสุทธิ เพื่อให้สอดคล้องกับกระบวนการปรับโครงสร้างการถือหุ้น และนโยบายการจัดสรรเงินทุนของผู้ถือหุ้นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 6 มกราคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 17 มกราคม 2568            นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “เนื่องจากที่ผ่านมาเรา มีผลประกอบการที่ดีและกำไรสะสมในระดับสูง ประกอบกับสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สภาพคล่องทางการเงินสูง รวมถึงมีความมั่นใจกับการดำเนินธุรกิจในปี 2568 บริษัทฯ จึงเห็นถึงความเหมาะสมของการจ่ายปันผลรอบพิเศษในครั้งนี้”            นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้รับทราบความคืบหน้าของแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัทฯ โดยปัจจุบัน สำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์พร้อมการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ ติดล้อ โฮลดิ้งส์ แล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปัจจุบัน ติดล้อ โฮลดิ้งส์ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการขออนุญาตและการเห็นชอบอื่น ๆ เพื่อดำเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของบริษัทฯ จากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องเลื่อนกระบวนการแลกหุ้น (Tender Offer) เป็นภายในปี 2568 ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีด้านนายหน้าประกันภัย (InsurTech Platform) เพื่อเดินหน้าต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนยังคงสามารถร่วมลงทุนกับหลักทรัพย์ TIDLOR ได้ตามปกติ            นายปิยะศักดิ์ มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 ธุรกิจนายหน้าประกันภัยยังคงเติบโตได้ดี ขณะที่ธุรกิจสินเชื่อกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า และยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถควบคุม NPL Ratio ให้ไม่เกิน 2% ตามกรอบที่วางไว้ ซึ่งปัจจุบัน NPL Ratio ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอีกด้วย            ทั้งนี้ นักลงทุนสามารถติดตามข้อมูลการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ และการแลกหุ้น ได้ที่เว็บไซต์ www.tidlorinvestor.com หรือ www.set.or.th [PR News]

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

TIDLOR คุม NPL อยู่หมัด 1.88% โชว์กำไร 9 เดือน 3,186 ลบ. / หุ้น SET

TIDLOR คุม NPL อยู่หมัด 1.88% โชว์กำไร 9 เดือน 3,186 ลบ. / หุ้น SET

           บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ระบุว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิมูลค่า 3,186 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.3% (YoY) และมีรายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.5% (YoY) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยรับจากการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อ และการปรับตัวขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิตามกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงและสัดส่วนประเภทสินเชื่อที่เปลี่ยนแปลงไป และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่สูงขึ้นจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจนายหน้าประกันภัย            สำหรับผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมเติบโตเพิ่มขึ้น 16.1% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 990.6 ล้านบาท โดยมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างรวม ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2567 อยู่ที่ 102,699.6 ล้านบาท เติบโต 11.8% (YoY) เป็นผลมาจากปริมาณการใช้งานบัตรติดล้อ และบริการโอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชีผ่านแอปพลิเคชันเงินติดล้อ ที่ยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพสินเชื่อ โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL ratio) อยู่ที่ 1.88% ซึ่งอยู่ในกรอบที่วางไว้ไม่เกิน 2% ด้านอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) ยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 230.6%            นอกจากนี้ ธุรกิจนายหน้าประกันภัยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยอดเบี้ยประกันวินาศภัยในช่วงไตรมาส 3 มีมูลค่า 2,376.7 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 15.1% (YoY) การเติบโตนี้เป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีนายหน้าประกัน (InsurTech Platform) ที่บริษัทฯ สร้างและพัฒนามามากกว่า 10 ปี เพื่อใช้เป็นพื้นฐานขับเคลื่อนธุรกิจนายหน้าประกัน นำเสนอผลิตภัณฑ์และช่องทางที่ครอบคลุม และตรงกับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้เป็นอย่างดี ภายใต้แบรนด์ “ประกันติดโล่” (ชื่อเดิม ประกันติดล้อ) ซึ่งปัจจุบันถือเป็นเบอร์ 1 ด้านการให้คำปรึกษาและเสนอขายประกันอย่างใกล้ชิด (Face to Face) ผ่านนายหน้าผู้เชี่ยวชาญกว่า 5,000 คน ในช่องทางสาขาเงินติดล้อ 1,747 แห่ง ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ เดือน ก.ย. 67)  แบรนด์ “อารีเกเตอร์” (Areegator) แพลตฟอร์มเสนอขายประกันออนไลน์ ผ่านสมาชิกนายหน้าประกัน (Partner) มากกว่า 9,000 คน ภายใต้คอนเซปต์ จริงใจ เข้าใจ เติบโตไปพร้อมกัน และ แบรนด์ “เฮ้กู๊ดดี้” (heygoody) แพลตฟอร์มนายหน้าประกันดิจิทัล ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อประกันด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมรับความคุ้มครองทันที โดยไม่จำเป็นต้องผ่านพนักงานขายทางโทรศัพท์ (Telesales)            คุณปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา บริษัทยังคงความสามารถในการทำกำไรที่ดี จากการปรับตัวขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และมั่นใจว่าจะสามารถควบคุม NPL ratio ให้ไม่เกิน 2% ตามกรอบที่วางไว้ ซึ่งปัจจุบัน NPL ratio ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม พร้อมกับการตั้งสำรองในระดับที่แข็งแกร่ง ขณะที่คาดว่าในไตรมาสถัดไปปริมาณสินเชื่อใหม่และธุรกิจนายหน้าประกันภัยจะขยายตัวเพิ่มขึ้น            ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจอย่างมีคุณภาพ ดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม การรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง การเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม ควบคู่ไปกับการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่บริษัทฯ ยังคงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและยังคงอันดับเครดิตที่ “A/Stable” จากทริสเรทติ้ง ซึ่งถือเป็นระดับสูงที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกัน            สำหรับแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการยื่นขออนุมัติกับหน่วยงานกำกับที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดการณ์ว่ากระบวนการแลกหุ้น (Tender Offer) จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมปี 2567 ไปจนถึงต้นปี 2568 และ Tidlor Holdings จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 อย่างไรก็ดี บริษัทฯ จะแจ้งข่าวให้ผู้ถือหุ้นทราบเพิ่มเติม เมื่อได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้ว สำหรับท่านนักลงทุนและผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของ TIDLOR ได้ที่เว็บไซต์ www.tidlorinvestor.com [PR News]

บล.ทรีนีตี้ แนะ

บล.ทรีนีตี้ แนะ "ซื้อ" TIDLOR พื้นฐานเป้าหมาย 25 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาดกำไรสุทธิ 3Q24 ของ TIDLOR อยู่ที่ 1,095 ล้านบาท +8.8%YoY, +0.3%QoQ จากรายได้ที่ดีขึ้นตามแนวโน้มสินเชื่อแม้ว่าจะเห็นแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นของ ECL ซึ่งสอดคล้องกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลง ส่งผลให้ credit cost อยู่ที่ 3.68% เพิ่มขึ้น 11 bps จาก 2Q24           ทั้งนี้ กำไร 9M24E คิดเป็น 73%ของประมาณการทั้งปีที่ 4,483 ล้านบาท (+18% YoY) โดยคาดกำไร 4Q24 จะเติบโตขึ้นเนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ แนะนำ “ซื้อ” ในเชิงพื้นฐานที่ราคาเป้าหมาย 25 บาท อิงPBV ที่ 2x

พฤอา
242526272812345678910111213141516171819202122232425262728293031123456