ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#TEGH


TEGH รายได้โต 30% อานิสงส์ยางแท่งเกรด EUDR

TEGH รายได้โต 30% อานิสงส์ยางแท่งเกรด EUDR

           หุ้นวิชั่น - บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) ตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโต 30% แตะระดับ 22,000 ล้านบาท อานิสงส์ยางแท่งเกรด EUDR มีแนวโน้มเติบโตสวย ฟากแม่ทัพหญิง “สินีนุช โกกนุทาภรณ์” ระบุยอดขายยางปีนี้มีลุ้น All Time High ขณะที่เดินหน้านำบริษัทย่อย “TEBP” ระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เตรียมจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอัตรา 0.21 บาทต่อหุ้น พร้อมจ่ายเป็นเงินสดในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้            นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 30% แตะระดับ 22,000 ล้านบาท จากทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งยางธรรมชาติ น้ำมันปาล์ม และพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแท่ง มีโอกาสที่ยอดขายจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) จากปริมาณขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 250,000-280,000 ตัน และราคายางธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น            โดยปีนี้มีแนวโน้มว่ายอดขายยางแท่งเกรด EUDR จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อนที่มียอดขายทั้งหมด 51,743 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 45.11% ของปริมาณการส่งออกยางแท่งทั้งหมดในครึ่งปีหลัง สะท้อนถึงความสามารถในการขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ และความต้องการสินค้ายางแท่งเกรด EUDR โดยเฉพาะตลาดยุโรป ที่ถึงแม้จะมีการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย EUDR ออกไปอีก 1 ปี (เริ่มบังคับใช้ 31 ธันวาคม 2568) ก็ตาม            สำหรับแผน Spin-Off ของบริษัทย่อย คือ บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (TEBP) ในการออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) และแผนการนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปีนี้ ปัจจุบันมีความคืบหน้าตามลำดับ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและสร้างการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต ซึ่งภายใต้แผน Spin-Off นั้น TEBP จะเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) เท่ากับหุ้นละ 1 บาท โดยจะออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวนไม่เกิน 75 ล้านหุ้น และ TEGH จะขายหุ้นเดิมจำนวนไม่เกิน 15 ล้านหุ้น รวมจำนวนหุ้นที่จะ IPO ทั้งหมดไม่เกิน 90 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30.00% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ TEBP โดยภายหลังการ IPO TEGH ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TEBP และ TEBP จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ TEGH ภายหลังการ IPO            สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2567 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567) บริษัทฯ มีรายได้ 16,843.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.36% ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่บริษัทฯ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ 14,774 ล้านบาท ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 1,907 ล้านบาท และธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ 139 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 88%, 11%, 1% ของรายได้ทั้งหมดตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 556.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158.86% หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 202.60% ก่อนหักรายการพิเศษบันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์ถาวรของบริษัทย่อย จำนวน 94.05 ล้านบาท            พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.21 บาท โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 20 มีนาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้จะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งมีกำหนดจัดประชุมในวันที่ 25 เมษายน 2568

TEGH เป้าขายยาง 2.8 แสนตัน ธุรกิจแกร่ง - เช็กเป้าด่วน!

TEGH เป้าขายยาง 2.8 แสนตัน ธุรกิจแกร่ง - เช็กเป้าด่วน!

               หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง TEGH ว่า TEGH ตั้งเป้ารายได้โต 40% … เตรียม Spin-off TEBP▪ เราประเมินแนวโน้มกำไรปกติ 1Q25 เบื้องต้นจะเติบโตได้ YoY จากธุรกิจยางพาราที่คาดเติบโตทั้งจากด้านปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ย เราคาดปริมาณขายยางพารา (ยางแท่งและน้ำยางข้น) ที่ 70,000 – 74,000 ตัน (+15% YoY) และราคาขายเฉลี่ยที่ราว 70 บาท/กก. (+28% YoY) ตามราคายาง SICOM ที่สูงขึ้น และปริมาณสัดส่วนยาง EUDR ที่เพิ่มขึ้น ▪ อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไร QoQ จะชะลอลง เนื่องจาก GPM คาดว่าจะปรับลง QoQ จากต้นทุนวัตถุดิบยางที่สูงขึ้นมากกว่าราคาขายเฉลี่ยที่ปรับขึ้น ประกอบกับสัดส่วนรายได้ยาง EUDR คาดว่าจะปรับลดลง QoQ ซึ่งอ่อนแอกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้าเล็กน้อย ▪ สถานการณ์ยาง EUDR – ปัจจุบันลูกค้ายุโรปและแบรนด์ขนาดใหญ่ยังมีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง เพราะลูกค้าบางส่วนเดินหน้าผลิตและจำหน่ายล้อยางมาตรฐาน EUDR แล้ว อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าปริมาณขายยาง EUDR จะลดลงใน 1H25 เป็นราว 25-30% ของปริมาณขายรวม (4Q24 อยู่ที่ราว 50%) แต่จะเพิ่มขึ้นเป็น 50% ใน 2H25 ทั้งนี้ ยังต้องติดตามความเสี่ยงในการเลื่อนการบังคับใช้กฎดังกล่าวอีกครั้ง ขณะที่การกำหนดราคาขายเปลี่ยนมาอิงกับ SICOM จากเดิมที่อิงราคาต้นทุนวัตถุดิบของ กยธ. แต่ยังคงมี GPM ที่สูงกว่ายางแท่งแบบปกติ ▪ ธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) – ตั้งเป้า Turnaround ในปี 2025 ปัจจุบันสถานการณ์ผลผลิตปาล์มยังออกสู่ตลาดน้อย คาดว่าจะดีขึ้นใน 2Q25 เป็นต้นไป ขณะที่การตั้งสำรองสินทรัพย์ใน 4Q24 จะทำให้บริษัทรับรู้ค่าเสื่อมราคาลดลงปีละราว 30 ลบ. หนุนกำไรสุทธิ ▪ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (TEBP) – จะเริ่มรับรู้รายได้จากการจำหน่าย Biogas ให้กับ GGC เต็มปีเป็นปีแรก หนุนรายได้ราว 120 ลบ. และมีแผนขยายกำลังการผลิตทั้งธุรกิจบริหารจัดการขยะและ Biogas ที่ 18% YoY และ 48% YoY ตามลำดับ • นอกจากนี้ บริษัทมีแผน Spin-off ธุรกิจดังกล่าว (TEBP) ภายในสิ้นปี 2025 นี้ เนื่องจากบริษัทเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจนี้อีกมาก ผ่านการขยายสู่การเป็น ผู้ให้บริการ Net Zero Solution (ออกแบบและปรับปรุงการดำเนินงานให้มีความยั่งยืน) ให้กับลูกค้าโรงงานภายนอก รวมถึงการขยายสู่ ธุรกิจเทคโนโลยีด้านความยั่งยืน อื่น ๆ ซึ่งจะช่วยปลดล็อกมูลค่าของธุรกิจดังกล่าว คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นใน กลางปี และเป็น Upside ต่อประมาณการ ▪ เป้าหมายรายได้ปี 2025 – บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2025 ที่ 40% YoY ซึ่งสูงกว่าประมาณการของเราที่ 9% YoY ค่อนข้างมาก โดยเป็นเป้าหมายการเติบโตในทุกธุรกิจ • คงเป้าปริมาณขายยางปี 2025 ที่ 2.5 – 2.8 แสนตัน (+15-20% YoY) • เบื้องต้นเราคงประมาณการกำไรปกติปี 2025 ที่ 723 ลบ. (+21.2%) และมีโอกาสปรับขึ้นหากแนวโน้มกำไร 1H25 แข็งแกร่งกว่าที่เราประเมินไว้ ▪ ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายที่ PER25 ต่ำเพียง 5.1 เท่า บนประมาณการที่ยังน้อยกว่าเป้าของบริษัท และคาดหวังเงินปันผลตอบแทนที่สูงราว 8% ต่อปี เราคงราคาเหมาะสมที่ 5.00 บาท และคงคำแนะนำ "ซื้อ" เหมาะสำหรับการซื้อลงทุนระยะยาว

TEGH ปี 67 กำไรโต 158.86% เล็งดันบ.ย่อย “TEBP”เข้าตลาด mai

TEGH ปี 67 กำไรโต 158.86% เล็งดันบ.ย่อย “TEBP”เข้าตลาด mai

              หุ้นวิชั่น - บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เปิดงบปี 2567 รายได้แตะ 16,843.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.86% กำไรสุทธิ 556.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158.86% บอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.21 บาท/หุ้น กำหนดขึ้น XD วันที่ 19 มีนาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ฟากแม่ทัพหญิง “สินีนุช โกกนุทาภรณ์” ระบุตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 30% ประเมินยอดขายยางแท่งมีลุ้นออลไทม์ไฮต่อเนื่อง ลุยสร้างการเติบโตในทุกธุรกิจ ทั้งยางธรรมชาติ น้ำมันปาล์ม และพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ พร้อมเตรียมแผนนำบริษัทย่อย “TEBP” ระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)               นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2567 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567) บริษัทฯ มีรายได้ 16,843.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.36% ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่บริษัทฯ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ 14,774 ล้านบาท ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 1,907 ล้านบาท และธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ 139 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 88%, 11%, 1% ของรายได้ทั้งหมดตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 556.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158.86% หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 202.60% ก่อนหักรายการพิเศษบันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์ถาวรของบริษัทย่อย จำนวน 94.05 ล้านบาท               พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.21 บาท โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 20 มีนาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้จะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งมีกำหนดจัดประชุมในวันที่ 25 เมษายน 2568               สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 30% แตะระดับ 22,000 ล้านบาท จากทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งยางธรรมชาติ น้ำมันปาล์ม และพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแท่ง มีโอกาสที่ยอดขายจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) จากปริมาณขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 250,000-280,000 ตัน และราคายางธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น โดยที่ผ่านมากลุ่มบริษัทฯ TEGH มียอดการผลิตและจำหน่ายยางแท่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งในปี 2567 มีมียอดขายยางแท่ง 220,284 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มียอดขาย 197,240 ตัน คิดเป็นเพิ่มขึ้น 11.68% โดยมีสัดส่วนปริมาณส่งออกยางแท่งที่ 66.1% เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 47.75% อันเป็นผลมาจากการขยายกำลังการผลิตยางแท่งที่เพิ่มขึ้นเป็น 390,000 ตันต่อปี และมีปริมาณขายยางแท่งเกรด EUDR ทั้งหมดที่ 51,743 ตัน โดยคิดเป็นสัดส่วนยางแท่งเกรด EUDR ถึง 45.11% ของปริมาณส่งออกยางแท่งทั้งหมดในครึ่งปีหลัง สะท้อนถึงความสามารถในการขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ และความต้องการสินค้ายางแท่งเกรด EUDR โดยเฉพาะตลาดยุโรป ที่ถึงแม้จะมีการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย EUDR ออกไปอีก 1 ปี (เริ่มบังคับใช้ 31 ธันวาคม 2568)               ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ มีแนวโน้มผลการดำเนินงานจะเทิร์นอะราวด์ในปีนี้ หลังจากปรับปรุงกระบวนการผลิต ซ่อมบำรุงเครื่องจักร ติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่ ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น และหม้อนึ่งปาล์มต่อเนื่อง (Sterilizer) ที่ติดตั้งแล้วเสร็จไปในปีก่อน พร้อมดำเนินการทดสอบเครื่องจักรในช่วงผลผลิตปาล์มออกสู่ตลาด หรือภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบจะเพิ่มขึ้นอีก 20% ในปี 2568 และจะเพิ่มเป็น 50% ภายในปี 2569 พร้อมเตรียมพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในปีนี้ โดยการนำทะลายปาล์มมาเพิ่มมูลค่าใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับทดแทนการซื้อไฟฟ้าจากภายนอกของโรงงานในกลุ่มบริษัทฯ และจากสภาวะตลาดปาล์มน้ำมันที่ไม่ปกติในช่วง 2-3 ปีที่ผ่าน บริษัทฯ จึงได้พิจารณาบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์ถาวรของบริษัทย่อยในสายธุรกิจปาล์มน้ำมันเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการใช้งานในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทฯ ประเมินว่าจะช่วยลดภาระค่าเสื่อมระหว่างปี 2568-2570 ลงได้ประมาณปีละ 20 ล้านบาท               ด้านธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ ปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างโดดเด่น หลังขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพโซน 3 เฟสที่ 1 เสร็จเรียบร้อย ที่กำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ 30,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และรับรู้รายได้จากการขายก๊าซชีวภาพผ่านทางท่อให้กับ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) แล้วเมื่อช่วงปลายปี และมีแนวโน้มที่ความต้องการใช้ก๊าซชีวภาพจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ ล่าสุดเตรียมขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพโซน 3 เฟสที่ 2 เพิ่มอีก 90,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ควบคู่กับการศึกษาและพัฒนายกระดับขึ้นเป็นก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) เพื่อใช้ทดแทนก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซธรรมชาติ (NGV) สำหรับอุตสาหกรรมการขนส่งในอนาคต               นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการ TEGH ได้มีมติอนุมัติแผน Spin-Off ของบริษัทย่อย คือ บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (TEBP) ในการออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) และแผนการนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและสร้างการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต ภายใต้แผน Spin-Off นั้น TEBP จะเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) เท่ากับหุ้นละ 1 บาท โดยจะออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวนไม่เกิน 75 ล้านหุ้น และ TEGH จะขายหุ้นเดิมจำนวนไม่เกิน 15 ล้านหุ้น รวมจำนวนหุ้นที่จะ IPO ทั้งหมดไม่เกิน 90 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30.00% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ TEBP โดยภายหลังการ IPO TEGH ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TEBP และ TEBP จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ TEGH ภายหลังการ IPO

TEGH คาดกำไร Q4/67 ที่ 248 ลบ. ปีนี้ Bio gas หนุนกำไรโต เคาะเป้า 5 บาท

TEGH คาดกำไร Q4/67 ที่ 248 ลบ. ปีนี้ Bio gas หนุนกำไรโต เคาะเป้า 5 บาท

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บล.หยวนต้า คาด TEGH กำไรปกติ 4Q24 ทำระดับสูงสุดของปี หนุนจากธุรกิจยางพารา เราคาดกำไรปกติ 4Q24 ที่ 248 ลบ. (+13.1% QoQ, +1,043.7% YoY) เป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ไตรมาส หนุนจากธุรกิจยางพาราเป็นหลัก โดยปริมาณขายยาง (ยางแท่ง + น้ำยาง) คาดเติบโตเป็น 68,000 ตัน จาก 59,500 ตัน ใน 3Q24 จาก Demand ที่แข็งแกร่งและรับรู้กำลังการผลิตใหม่ (+25%) ส่วนปริมาณขายยาง EUDR คาดสูงขึ้นเป็น 25,000 ตัน (จาก 3Q24 ที่ 16,000 ตัน) คิดเป็นสัดส่วนราว 35-40% ของปริมาณขายยางแท่งทั้งหมด หนุนราคาขายเฉลี่ย และ GPM           ส่วนธุรกิจ CPO คาดปริมาณขายยังลดลง QoQ เนื่องจากปริมาณผลผลิตปาล์มที่ยังชะลอตัว ทำให้เข้าสู่กระบวนการสกัดได้ไม่มากนัก แต่ชดเชยได้บางส่วนจากราคาขายเฉลี่ยน้ำมันปาล์มดิบที่สูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มการรับรู้การขาย Bio gas ให้กับ GGC คาดหนุนรายได้ราว 20-30 ลบ. และเราประเมิน GPM ใน 4Q24 ที่ 12.1% จาก 10.9% ใน 3Q24 และ 8.4% ใน 4Q23 แนวโน้มกำไรปกติ 1Q25 ดีต่อเนื่อง ตามราคายางพารา           ยังคงมุมมองบวกต่อภาพอุตสาหกรรมยางพาราที่จะดีขึ้นต่อในปี 2025 และเห็นสัญญาณบวกของราคายาง SICOM ที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ราว 200 Cent/kg จะเป็นปัจจัยที่หนุนราคาขายเฉลี่ยธุรกิจยางพาราให้สูงขึ้นต่อถึง 2Q25 เป็นอย่างน้อย ขณะที่ธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบปัจจุบันปริมาณผลผลิตปาล์มยังออกมาไม่มากนัก คาดจะเห็นการฟื้นตัวได้ใน 2Q25 เป็นต้นไป           และปี 2025 TEGH จะรับรู้รายได้ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นจากการรับรู้การขาย Bio gas ให้ GGC ได้เต็มปี แม้คาดจะหนุนรายได้ไม่มากราว 120 ลบ./ปี แต่เป็นธุรกิจที่มี GPM และ NPM สูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก จะช่วยหนุนกำไรสุทธิของบริษัท ระยะสั้นเราประเมินแนวโน้มกำไรปกติ 1Q25 ของ TEGH จะเติบโตต่อทั้ง QoQ และ YoY จากธุรกิจยางพาราที่คาดเติบโต QoQ ได้ต่อแม้มีฐานที่สูงก็ตาม ปรับกำไรปี 2025 ขึ้น บนสมมติฐานที่ Conservative กว่าเป้าบริษัท           ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2025 ขึ้น 25% เป็น 723 ลบ. (+38.3% YoY) สะท้อนแนวโน้มราคาขายเฉลี่ยยางพาราที่สูงกว่าคาด และปรับสมมติฐานปริมาณขายธุรกิจยางที่ 257,000 ตัน (+12% YoY) ซึ่งยัง Conservative กว่าเป้าของบริษัทที่ 20% YoY ทำให้ประมาณการของเรายังมี Upside คาด Div. Yield 6.5% คงราคาเหมาะสมที่ 5.00 บาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ”           แม้เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2025 ขึ้น แต่เรายังคงราคาเหมาะสมตามเดิมที่ 5.00 บาท จากการปรับลด PER ในการประเมินมูลค่าลงเป็น 7.2 เท่า (จากเดิม 9.3 เท่า) เพื่อเพิ่มความระมัดระวัง และสะท้อนภาวะตลาดในปัจจุบัน ซึ่งยังมี Upside gain 63.4% จากราคาปัจจุบัน มองว่าราคาหุ้นอยู่โซนถูกมาก และเราคาดเงินปันผลจ่ายงวดปี 2024 ที่ 0.20 บาท คิดเป็น Div. Yield 6.5% ช่วยจำกัด Downside risk คงคำแนะนำ “ซื้อ”

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

ส่งออกไทยโต 6 เดือนติด STA - TEGH – COCOCO รับโชค

ส่งออกไทยโต 6 เดือนติด STA - TEGH – COCOCO รับโชค

          หุ้นวิชั่น - บล.หยวนต้า ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือน ธ.ค. 24 เพิ่มขึ้น 8.7% YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 7.4% YoY ได้แรงหนุนจากทุกหมวดหมู่สินค้า สินค้าเกษตร เติบโต 6 เดือนติดต่อกันที่ 10.7% YoY สินค้าที่ขยายตัวดีคือ ยางพาราเติบโต 14 เดือนติดต่อกันที่ 48.5% YoY, มันสำปะหลังโต 7.8% YoY, ไก่สดและแปรรูปที่เติบโต 3 เดือนติดต่อกัน 7.1% YoY สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เติบโต 6 เดือนติดต่อกันที่ 6.7% YoY สินค้าที่ขยายตัวดีคือ ผลไม้กระป๋องโต 24.3% YoY, อาหารทะเลกระป๋องโต 14.2% YoY, และอาหารสัตว์เลี้ยงโต 15 เดือนติดต่อกันที่ 9.7% YoY โดยสินค้าที่เติบโตเด่นได้แก่ น้ำมะพร้าวที่เร่งตัว 73.8% YoY ขณะที่ยอดส่งออกน้ำมะพร้าวไปสหรัฐฯ เร่งตัวถึง 109.6% YoY ปี 2024 New High แต่... ปี 2025 เสี่ยงฐานสูงและ Trade War           ยอดส่งออกไทยทั้งปี 2024 ขยายตัว 5.4% YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่ นับเป็นปัจจัยหนุนต่อ GDP 4Q24 และทั้งปี 2024 ที่มีกำหนดรายงานในวันที่ 19 ก.พ. 2025 อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกเริ่มชะลอตัวในบางหมวดสินค้า ซึ่งอาจสะท้อนถึงความเสี่ยงจากฐานที่สูงขึ้นในระยะถัดไป รวมถึงความเสี่ยงจากสงครามทางการค้า หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยได้เริ่มพิจารณาขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกกับแคนาดาในอัตรา 25% และเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 10% แม้ว่านโยบายภาษีดูผ่อนคลายกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง และอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะถัดไป ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรระยะสั้นแบบ สินค้าอุตสาหกรรม เติบโต 9 เดือนติดต่อกันที่ 11.1% YoY สินค้าที่เติบโตดีคืออัญมณี, เครื่องคอมพิวเตอร์, เครื่องจักร, เครื่องปรับอากาศ, ผลิตภัณฑ์ยาง และเคมีภัณฑ์ Disclaimer: Selective ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการส่งออกที่ขยายตัว ได้แก่ กลุ่มยางพารา (STA, TEGH) และน้ำมะพร้าว (COCOCO)           นอกจากนี้เรามองว่ายอดส่งออกที่เติบโตดี คาดจะหนุนให้ GDP 4Q24 และทั้งปี 2024 เติบโตดีเช่นกัน ซึ่งจะเป็นบวกต่อ SET Index ในภาพรวม

TEGH มั่นใจโค้งสุดท้ายทะยาน ยางEUDRหนุนยอดขายโต 10%

TEGH มั่นใจโค้งสุดท้ายทะยาน ยางEUDRหนุนยอดขายโต 10%

          หุ้นวิชั่น -  บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์(TEGH )นำโดย “สินีนุช โกกนุทาภรณ์”แม่ทัพหญิง มั่นใจแนวโน้มผลงาน Q4/67 โตกระฉูด รับอานิสงส์ยาง EUDR หนุน ดันยอดขายทั้งปีโตเกิน 10%  ตามนัด ธุรกิจปาล์มปรับตัวดีขึ้น-ธุรกิจไบโอแก๊สบุ๊กรายได้ก้อนโตลูกค้ารายใหญ่ หนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ โชว์ Q3/67 กวาดรายได้กว่า  4,705.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.8% กำไรสุทธิ 219.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 443.7% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน   นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณขายยาง EUDR ที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีข่าวทางการสหภาพยุโรป (EU) จะเลื่อนการบังคับใช้เป็นต้นปี 2569 แต่ลูกค้ายังมีคำสั่งซื้ออยู่ ทำให้ในไตรมาส 3/2567 บริษัทมีสัดส่วนการขายยางมาตรฐาน EUDR ถึง 32% จากปริมาณการขายยางแท่งทั้งหมด หนุนกำไรโตต่อเนื่อง โดยประเมินว่ายอดขายยางแท่งในปี 2567 จะเติบโต 10% เทียบปีที่ผ่านมา บริษัทฯจะเริ่มรับรู้รายได้การขายก๊าซชีวภาพ (ไบโอแก๊ส) จากการที่บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (TEBP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TEGH ขายให้บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) ปริมาณ 40,000-57,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่งตรงทางท่อถึงตัวโรงงาน GGC ในจังหวัดชลบุรี มูลค่า 1,000 ล้านบาท ผูกสัญญา 7 ปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2567 และเตรียมเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ผลิตก๊าซชีวภาพโซน 3 เฟสที่ 2 ในครึ่งหลังของปี 2568 ซึ่งจะทำให้สามารถรับกากอินทรีย์เพิ่มขึ้นอีกวันละ 900 ตัน และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 90,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีลูกค้าหลายรายที่ให้ความสนใจเข้ามาเจรจา สำหรับธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ โครงการติดตั้งหม้อต้มไอน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว และหม้อนึ่งต่อเนื่อง (Sterilizer) พร้อมทดสอบระบบในปลายไตรมาส 4/2567 และบริษัทฯ อยู่ระหว่างการขอการรับรองมาตรฐานคาร์บอนและความยั่งยืนระหว่างประเทศ (International Sustainability and Carbon Certification: ISCC) ซึ่งคาดว่าจะได้รับการรับรองภายในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบ เช่น Skincare เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์และผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต สร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต พร้อมเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass) เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตผลพลอยได้โดยการนำมาผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในเครือ สามารถช่วยลดต้นทุนได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งบริษัทฯยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่สร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Sustainable Value Chain) ภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน สอดรับกับวิสัยทัศน์ "พันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก ที่สร้างห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืน" ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 งวด 3 เดือน (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567) กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการเพิ่มขึ้น 1,704.02 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 56.8% และมีกำไรสุทธิ 219.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 443.7% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน  และในงวด 9 เดือนมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการเพิ่มขึ้น  2,349.76 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  25.5% และมีกำไรสุทธิ 383.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161.9% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน

TEGH โค้งท้ายเร่งตัวขึ้นต่อ เด่นทุกธุรกิจ เป้า 5 บ.

TEGH โค้งท้ายเร่งตัวขึ้นต่อ เด่นทุกธุรกิจ เป้า 5 บ.

        หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด TEGH ธุรกิจยางธรรมชาติ: แนวโน้มปริมาณขาย 4Q67 คาดจะเร่งตัวขึ้นเป็นราว 66,000 ตัน (จาก3Q67 ที่ 59,500 ตัน) สะท้อน Demand ที่ยังแข็งแกร่ง และรับรู้กำลังการผลิตของเตาหลอมใหม่ (+25% หรือราว 70,000 ตัน/ปี) เต็มไตรมาส รวมถึงปริมาณขายยาง EUDR คาดจะสูงขึ้นต่อ QoQ เป็นราว 40% ของปริมาณขายรวมทั้งหมด หรือราว 25,000 ตัน หนุน Product Mix ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยคาดมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อตามยางตลาด SICOM หนุนSpread ยาง และ GPM ธุรกิจยางให้ดีขึ้นต่อ ดังนั้นประเมินว่ากำไรธุรกิจยางจะเติบโตขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ทั้งจากรายได้ที่เติบโต และ GPM ที่ดีขึ้น ▪ การเลื่อนบังคับใช้ EUDR บริษัทมองว่าจะกระทบคำสั่งซื้อบางส่วนให้ชะลอไปในช่วง 1H68 อย่างไรก็ตามบริษัท ยังเห็นสัญญาณบวกจากคำสั่งซื้อจากบริษัทล้อยางชั้นนำของโลกที่ยังเข้ามาต่อเนื่อง และบริษทตั้งเป้าปริมาณขายยาง EUDR ในช่วง 1H68 ที่ 40% ของปริมาณขายยางแท่งทั้งหมด หรือเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับช่วง 4Q67 ไม่ได้ลดลง และคาดปริมาณขาย EUDR จะเร่งตัวขึ้นเป็น 70% ของปริมาณขายยางแท่งทั้งหมดใน 2H68 ดังนั้นเราจึงคง มุมมองบวกต่อแนวโน้ม GPM ของบริษัท ▪ ธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ (CPO):แนวโน้มสถานการณ์ผลผลิตปาล์มยังออกสู่ตลาดน้อย แต่จะดีขึ้น QoQ หลังผ่านฤดูฝน หนุนปริมาณปาล์มเข้าสู่กระบวนการสกัด หนุนประสิทธิภาพกากผลิต นอกจากนี้บริษัทจะรับรู้การติดตั้ง Broiler ในกระบวนการผลิตหนุนประสิทธิภาพการผลิตน้ำมันปาล์มดิบของบริษัทได้เต็มไตรมาส หนุน GPM ธุรกิจปาล์มให้สูงขึ้น และมีเสถียรภาพมากขึ้น และคาดปริมาณผลผลิตปาล์มจะออกสู่ตลาดมากขึ้นใน 1Q68 เป็นต้นไป จากการเข้าสู่ช่วงเก็บผลผลิต▪ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน จะเริ่มรับรู้รายได้จากการจำหน่าย Bio gas ให้กับ GGC เป็นไตรมาสแรก คาดจะหนุนรายได้ราว 30 ลบ. ▪ โดยรวมทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินแนวโน้มผลประกอบการเบื้องต้นใน 4Q67 ในกรอบ 230 –260 ลบ.เติบโตต่อเนื่องทั้ง QoQ และ YoY ทำระดับสูงสุดของปี และทำให้ประมาณการกำไรปกติทั้งปีของเราที่ 523 ลบ. (+131.8% YoY) มี Upside risk ราว 25% และมีโอกาสสูงที่เราต้องปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568 ขึ้น ▪ คงมุมมองบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของ TEGH ปี2568 คาดธุรกิจยางจะเร่งตัวขึ้นต่อทั้งการขายยาง Non-EUDR และสัดส่วนปริมาณขายยาง EUDR ที่สูงขึ้น หนุน Product Mix และ GPM ของบริษัทให้ปรับขึ้นต่อ บริษัทตั้งเป้าปริมาณขายยางปี 2568 ที่ 2.6 –2.8 แสนตัน (+20% YoY) และจะรับรู้กำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นได้เต็มปีเป็นปีแรก ขณะที่ธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบตั้งเป้า Turnaround ▪ ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER68 ต่ำเพียง 6.2 เท่า บนประมาณการที่มีโอกาสปรับขึ้นอีกมองว่ามี Downside risk จำกัด และยังไม่สะท้อนภาพของอุตสาหกรรมยางพาราที่กลับสู่รอบขาขึ้น คงคำแนะน า “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท และราคาปัจจุบันคาดหวังอัตราเงินปันผลตอบแทนได้ที่ 6.0%

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

TEGH กำไร Q3/67 ที่ 383.63ลบ. เพิ่มขึ้น 162% รับรู้รายได้ขายไบโอแก๊สให้ GGC

TEGH กำไร Q3/67 ที่ 383.63ลบ. เพิ่มขึ้น 162% รับรู้รายได้ขายไบโอแก๊สให้ GGC

          บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เปิดผลงาน 9 เดือนแรก สุดสตรอง! ยอดขายยางแท่งทะยานแตะ 153,819 ตัน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ กำไรสุทธิ 383.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 162% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน แม่ทัพหญิง “สินีนุช โกกนุทาภรณ์” แย้มไตรมาส 4/67 ทะยานต่อ อานิสงส์รับรู้รายได้ขายไบโอแก๊สให้ GGC สัญญายาว 7 ปี มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันปาล์ม-รุกตลาดมาตรฐานความยั่งยืน หนุนผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต           นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต เปิดเผยว่า  ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯในงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการ 11,554.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสัดส่วนรายได้ของแต่ละกลุ่มธุรกิจแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติอยู่ที่ 86% ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 13% ธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ 1%           สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/67 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตอกย้ำการเข้าสู่โหมด  Sustainability to Profitability จากยอดขายยางแท่งมาตรฐาน EUDR ที่เพิ่มมากขึ้น โดยประเมินว่ายอดขายยางแท่งในปี 2567 จะเติบโตได้ระดับไม่ต่ำกว่า 10% เทียบปีที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์           อีกทั้ง TEGH จะเริ่มรับรู้รายได้การขายก๊าซชีวภาพ (ไบโอแก๊ส) จากการที่บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (TEBP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TEGH ขายให้บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) ปริมาณ 40,000-57,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่งตรงทางท่อถึงตัวโรงงาน GGC ในจังหวัดชลบุรี มูลค่า 1 พันล้านบาท ผูกสัญญา 7 ปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้ในไตรมาส 4/67           นอกจากนี้ บริษัทฯเตรียมเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ผลิตก๊าซชีวภาพโซน 3 เฟสที่ 2 ในครึ่งหลังของปี 2568 ซึ่งจะทำให้สามารถรับกากอินทรีย์เพิ่มขึ้นอีกวันละ 900 ตัน และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 90,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีลูกค้าหลายรายที่ให้ความสนใจเข้ามาเจรจา           กรรมการผู้จัดการ TEGH กล่าวอีกว่า สำหรับธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ โครงการติดตั้งหม้อต้มไอน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว และหม้อนึ่งต่อเนื่อง (Sterilizer) พร้อมทดสอบระบบในปลายไตรมาส 4/67 และบริษัทฯ อยู่ระหว่างการขอการรับรองมาตรฐานคาร์บอนและความยั่งยืนระหว่างประเทศ (International Sustainability and Carbon Certification: ISCC) รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบ เช่น Skincare เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์และผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต สร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต อีกทั้งบริษัทฯยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่สร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Sustainable Value Chain) ภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน สอดรับกับวิสัยทัศน์ “พันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก ที่สร้างห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืน”

[ภาพข่าว] TEGH คว้า Best Sustainability Awards งาน SET AWARDS 2024

[ภาพข่าว] TEGH คว้า Best Sustainability Awards งาน SET AWARDS 2024

          นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต  รับมอบรางวัลจากงาน SET AWARDS 2024 สาขา Sustainability Excellence รางวัล Best Sustainability Awards สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด สูงกว่า 3,000 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท           โดยรางวัล Best Sustainability Awards นี้ ถือเป็นเกียรติสูงสุดและเป็นก้าวสำคัญที่ตอกย้ำถึงความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ TEGH ซึ่งเป็นรางวัลที่สะท้อนมาตรฐานแห่งความเป็นเลิศด้านความยั่งยืน ที่มอบให้แก่บริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดดเด่น คือ มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน มีการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นแบบอย่างที่ดีแก่บริษัทจดทะเบียนและองค์กรอื่นๆ ต่อไป ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้น ณ ตลาดหลักทรัพย์เมื่อเร็วๆ นี้

[ภาพข่าว] TEGH ส่ง 5 บริษัทย่อย รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ

[ภาพข่าว] TEGH ส่ง 5 บริษัทย่อย รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ

          บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (TEGH) ส่ง 5 บริษัทย่อย เข้ารับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณองค์กรผู้นำด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจกประจำปี 2567 (Climate Action Leading Organization : CALO) จากเครือข่าย Thailand Carbon Neutral Network (TCNN) โดยมีนายก้องกิต โกกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการ-ด้านพลังงานเป็นตัวแทนรับมอบ แบ่งเป็นได้รับรางวัลยอดเยี่ยม 4 รางวัล ได้แก่ 1. บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด 2. บริษัท อีสเทิร์น ปาล์ม ออยล์ จำกัด 3. บริษัท ไทยอีสเทิร์น อินโนเวชั่น จำกัด และ 4. บริษัท ไทยอีสเทิร์น รับเบอร์ จำกัด ที่มีผลการประเมินด้านการตรวจวัด (Measure) และการลด (Reduce) ในระดับทอง และรางวัลระดับดีเด่น 1 รางวัล จาก บริษัท อี.คิว.รับเบอร์ จำกัด ที่มีผลการประเมินด้านการตรวจวัด (Measure) ในระดับทอง และการลด (Reduce) ในระดับเงิน โดยรางวัลดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการและรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรผ่านการแสดงเจตนารมณ์ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2030 และตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้น ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว เมื่อเร็วๆ นี้

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011