ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#TACC


[Vision Exclusive] TACC ติดชาร์ต เสิร์ฟหุ้นเด่นรับลมร้อน

[Vision Exclusive] TACC ติดชาร์ต เสิร์ฟหุ้นเด่นรับลมร้อน

           หุ้นวิชั่น - โกลเบล็กคัดหุ้นรับลมร้อน TACC เข้าไฮซีซั่น Q2 ชี้ดีมานดืเครื่องดื่มพุ่งพรวด ใส่เกียร์ขายของพร้อม 7-Eleven เร่งเดินเกมเชิงรุกร้านกาแฟพันธุ์ไทย  ด้าน AU โดดอานิสงส์ขนมหวาน ไอศกรีมขายดี ปักเป้ารายได้ปี 68อ โต 25-30%  ส่องเป้า 13.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”            นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า หุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากช่วงฤดูร้อน และมียอดขายดีในช่วงดังกล่าว ได้แก่ บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC และ บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU            สำหรับ TACC ในช่วงไตรมาส 2/2568 ถือเป็นอีกหนึ่งไฮซีซั่นในการจำหน่ายสินค้า เนื่องจากเป็นฤดูร้อน ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น ประกอบกับการเติบโตและการขยายสาขาของ 7-Eleven ราวปีละ 700 แห่ง และแผนขยายสาขาเชิงรุกของร้านกาแฟพันธุ์ไทยอีก 600 แห่ง            แม้ฝ่ายวิเคราะห์จะมีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มกำไร แต่ยังคาดว่ารายได้ปีนี้มีโอกาสเติบโต 10% และคาดกำไรปี 2568 จะอยู่ที่ราว 266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน พร้อมประเมินราคาเหมาะสมที่ 6.10 บาท มีอัพไซด์ 36% และมีอัตราการจ่ายปันผลอยู่ในระดับสูงที่ 7-8% ต่อปี จึงมองว่า TACC เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ได้อานิสงส์จากฤดูร้อน            ขณะที่ AU คาดว่าจะมียอดขายขนมหวานในช่วงหน้าร้อนเพิ่มขึ้น จากทั้งฤดูกาลที่เป็นไฮซีซั่น และการท่องเที่ยวในประเทศ โดยสินค้าที่คาดว่าจะทำยอดขายได้ดี ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่มและไอศกรีม            ฝ่ายวิเคราะห์ยังมองบวกต่อแนวโน้มปี 2568 ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโตราว 25-30% คาดว่าการเติบโตจะเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 1/2568 เป็นต้นไป จากแรงหนุนของผลิตภัณฑ์ใหม่ “ขนมปังคัสตาร์ดไข่เค็มหน้าฝอยทอง” ที่ได้รับกระแสตอบรับดี รวมถึงการขยายสาขา After You อีก 8-10 แห่ง และแผนขยายแฟรนไชส์ไปยังต่างประเทศอีก 2 แห่ง            ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์คงประมาณการกำไรปี 2568 ไว้ที่ราว 332 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และประเมินราคาเหมาะสมที่ 13.50 บาท พร้อมแนะนำ “ซื้อ” รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision

"TACC" ซื้อรับปันผล เล็งจ่าย 21 พ.ค. นี้

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุถึง TACC ว่า "ซื้อรับปันผล" ราคาเหมาะสม 6.10 บาท มีอัพไซต์ 36%           ในงวด 4Q67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 57 ล้านบาท ลดลง 3% YoY และ 7% QoQ ซึ่งสวนทางกับที่คาดว่าจะเติบโตเล็กน้อยเมื่อเทียบทั้ง YoY และ QoQ โดยสาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ปรับลดลงเหลือ 32.7% จาก 33.1% ใน 4Q66 และ 33.2% ใน 3Q67 เนื่องจากราคากาแฟที่ปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม รายได้ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 517 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% YoY และ 7% QoQ ตามฤดูกาล High Season ซึ่งมีกำลังซื้อจากทั้งในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติ สำหรับทั้งปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 1,954 ล้านบาท (+14% YoY) และกำไรสุทธิ 247 ล้านบาท (+20% YoY)           มุมมอง: เรามีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มกำไรในปี 2568 แม้คาดว่ารายได้จะเติบโตได้ราว 10% จากแผนการขยายสาขา 7-Eleven ประมาณ 700 แห่งต่อปี รวมถึงการขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยอีก 600 แห่ง ทำให้สิ้นปี 2568 จะมีทั้งหมด 1,947 แห่ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นอาจลดลงเหลือ 32–32.5% จากระดับ 33.2% ในปีที่ผ่านมา โดยถูกกดดันจากต้นทุนราคากาแฟที่สูงขึ้น แต่คาดว่าจะได้รับการชดเชยจากอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (%SG&A) ที่ปรับลดลงจากการบริหารต้นทุนและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ส่งผลให้เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 266 ล้านบาท (+8% YoY) โดยประเมินราคาเหมาะสมที่ 6.10 บาท มีอัพไซด์ 36% พร้อมกับให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล 7–8% ต่อปี           ล่าสุดบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 0.19 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Dividend Yield) 4.2% (โดยจ่ายปีละ 2 ครั้ง) กำหนดวัน XD วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 และจ่ายเงินวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 แนะนำ “ซื้อรับปันผล”

TACC ปันผล 10.9% เยอะสุดในกลุ่มเครื่องดื่ม

TACC ปันผล 10.9% เยอะสุดในกลุ่มเครื่องดื่ม

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) ระบุว่า การประชุมโทนเป็นกลางของ TACC ใน Opportunity Day เป็นไปในทิศทางกลาง โดยฝ่ายบริหารเน้นย้ำถึงการเติบโตของรายได้ 10% ในปี 2025F ซึ่งจะมาจากทั้งร้านสะดวกซื้อ 7-11 (คิดเป็น 93% ของยอดขายในปี 2024) และจากแบรนด์ของตัวเอง (น้ำเชื่อมและชา – คิดเป็น 7% ของยอดขายในปี 2024) เราคาดว่ากำไรหลักจะเติบโต 10% สอดคล้องกับยอดขาย จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 6 บาท โดยเชื่อว่า TACC สามารถรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผล 96% (เท่ากับปี 2024) ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 10.9% ในปี 2025F ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงนี้ทำให้หุ้นนี้มีความน่าสนใจท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สาระสำคัญของการประชุม:             ฝ่ายบริหารเน้นย้ำว่า ยอดขาย อาจเติบโต 10% ในปี 2025F จากทั้ง B2B (ยอดขายที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11) และ B2C (ยอดขายแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งประกอบด้วยน้ำเชื่อมและชา) ยอดขาย B2B อาจเติบโตไปพร้อมกับยอดขายของร้านสะดวกซื้อ และบริษัทมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ (เช่น ชาแอปเปิ้ล) มากขึ้นในปีนี้เพื่อกระตุ้นยอดขาย บริษัทกำลังพิจารณาข้อตกลงการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใดๆ ด้วยราคากาแฟที่สูงขึ้น อาจกดดันอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัท แต่ TACC พยายามจัดการโดยล็อกราคาผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวมถึงใช้กาแฟที่ราคาถูกกว่า TACC อาจปรับขึ้นราคาขายเพื่อชดเชยต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น หากจำเป็น คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 6.00 บาท             TACC ซื้อขายที่ 8.8 เท่าของ P/E ปี 2025 และมองว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 10.9% ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่มเครื่องดื่มนั้นน่าสนใจ ความเสี่ยงหลัก คือการกระจุกตัวของรายได้ (93% ของรายได้รวม) มาจากร้านสะดวกซื้อ 7-11 โดยคาดว่าจะมีการต่อสัญญาทุก สามปี

TACC รายได้โต Double Digit ลุยออกโปรดักส์ใหม่

TACC รายได้โต Double Digit ลุยออกโปรดักส์ใหม่

            บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) เปิดแผนและยุทธศาสตร์ปี 68 มุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ผ่านนวัตกรรมที่สร้างประสบการณ์ให้กับกลุ่มลูกค้าควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ หนุนธุรกิจเติบโตยั่งยืน ฟากผู้บริหาร "ชัชชวี วัฒนสุข"ประกาศเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม ธุรกิจ B2B และกลุ่มธุรกิจ B2C สอดรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ หนุนรายได้ปีนี้ทะลุ 2,000 ล้านบาท ตามแผน พร้อมมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ผ่านดีล  M&A, JV สร้าง New S-Curve              นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) เปิดเผยว่า แผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจในปี 2568 มุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ผ่านนวัตกรรมที่สร้างประสบการณ์ ให้กับกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ อีกทั้งยังเน้นการสร้างกลุ่มธุรกิจผ่านผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัท ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ การให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง สร้างคุณค่าด้านความเป็นอยู่ที่ดีให้มีคุณภาพ เพื่อความยั่งยืนสู่ทุกด้าน (Compounding Well Being Quality Value) โดยตั้งเป้าหมายรายได้โต Double Digit ทะลุ 2,000 ล้านบาท จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น             กลุ่มธุรกิจ B2B (7-Eleven) ในปีนี้ บริษัทฯมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า Core Menu และ New Menu รวมทั้งออกสินค้าใหม่ร่วมกับ CPALL ในฐานะ Key Strategic Partner ไม่ว่าเป็นเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และเครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ใน All Cafe ล่าสุดได้เปิดตัวเครื่องดื่มรสชาติใหม่ตามฤดูกาล "น้ำผึ้งมะนาว" (Honey Lime) เพื่อต้อนรับอากาศร้อนช่วงซัมเมอร์ ลงในกลุ่มเครื่องดื่มเย็นในโถกด 7-Eleven พร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่  6 มีนาคม - 30 เมษายน 2568 นี้ หรือสั่งง่ายๆ ผ่าน #7DELIVERY อีกหนึ่งช่องทางความสะดวกสบาย             ขณะที่ 7-Eleven ต่างประเทศ (ประเทศกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว) มีการเติบโตตามการขยายสาขา โดยในส่วนของประเทศกัมพูชา มีการร่วมพัฒนาสินค้าเครื่องดื่มใหม่ๆ ในกลุ่ม Counter drink เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค             ส่วนกลุ่มธุรกิจ B2C (Own Brands) บริษัทฯพร้อมพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม Cafe Business และการเพิ่มลูกค้ารายใหม่ให้มากขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ             นอกจากนี้ TACC ยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่มาจากการ M&A, JV เพื่อเป็น New S-Curve ต่อยอดกับธุรกิจเดิม และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น             อนึ่ง ผลการดำเนินงานในปี 2567 มีรายได้รวม 1,951.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.76% จากปีก่อนมีรายได้รวม 1,715.68 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 240.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.60% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 221.69 ล้านบาท             นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2567 ในอัตรา 0.19 บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย  XD วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 [PR News]

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

TACC ยอดขาย 7-11 โตต่อ ส่องพื้นฐาน 5.34 บาท

TACC ยอดขาย 7-11 โตต่อ ส่องพื้นฐาน 5.34 บาท

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด ระบุถึง TACC ว่า TACCรายงานกำไรสุทธิปี 67 เพิ่มขึ้น 19.0% YoY อยู่ที่ 243.6 ล้านบาท ผลจาก 3 ปัจจัยบวกหลัก ได้แก่ 1. ยอดขายสินค้าของบริษัทในร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่เติบโต 2. การออกสินค้าใหม่ในทุกไตรมาส ส่งผลบวกต่อยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น 3. การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ             บริษัทมีรายได้รวมเติบโต 14.0% YoY อยู่ที่ 1,953.8 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายในช่องทางร้านสะดวกซื้อ 7-11 เติบโตตามการขยายสาขา และการเพิ่มขึ้นของลูกค้ากลุ่มนักเรียน พนักงานบริษัท และนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ (E-Receipt) ในช่วงต้นปี 67 การออกสินค้าใหม่ทุกไตรมาส และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ระดับ 33.22% เพิ่มขึ้นจาก 32.71% ในปี 66 เนื่องจากการออกสินค้าใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูงอย่างต่อเนื่อง และการบริหารต้นทุนภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนวโน้มปี 68             บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้รวมเติบโต 10% YoY โดยมีปัจจัยหนุน ได้แก่ 1. การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องของร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีแผนจะเปิดสาขาในประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 700 สาขา ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายของ TACC 2. การออกสินค้าใหม่ที่ตรงตามความชอบของกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง 3. การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ 4. ปัจจัยหนุนภายนอก เช่น การเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ (เงิน 10,000 บาท และ Easy E-Receipt ปี 68)             คาดประมาณการกำไร • คาดกำไรสุทธิปี 68 อยู่ที่ 275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.0% YoY บนสมมติฐานรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น 10% YoY • คาดกำไรสุทธิปี 69 อยู่ที่ 308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% YoY บนสมมติฐานรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น 10% YoY             ประเมินราคาพื้นฐานปี 68 ไว้ที่ 5.34 บาท (สมมติฐาน PE -0.25 SD ในอดีตเฉลี่ยที่ 11.81 เท่า) แนะนำซื้อ

TACC เสิร์ฟ “น้ำผึ้งมะนาว” ต้อนรับซัมเมอร์ ปักหมุดรายได้ปี 68 แตะ 2,000 ล.

TACC เสิร์ฟ “น้ำผึ้งมะนาว” ต้อนรับซัมเมอร์ ปักหมุดรายได้ปี 68 แตะ 2,000 ล.

           บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) ลุยเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ “น้ำผึ้งมะนาว” เปรี้ยวหวานจี๊ดใจ รสชาติกลมกล่อม ดับร้อนได้ดี มีวิตามินซี ทำจากมะนาวแท้ น้ำผึ้งดอกลำใย ในกลุ่มเครื่องดื่มเย็นในโถกด เซเว่นฯ พร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 6 มี.ค.- 30 เม.ย 68 นี้ ฟากบิ๊กบอส"ชัชชวี วัฒนสุข"ระบุ มั่นใจช่วยผลักดันยอดขายในครึ่งปีแรก ปักหมุดรายได้ปี 68 แตะ 2,000 ล้านบาท ตามแผน            นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ส่งเครื่องดื่มรสชาติใหม่ตามฤดูกาล “น้ำผึ้งมะนาว” (Honey Lime) เพื่อต้อนรับอากาศร้อนช่วงซัมเมอร์ โดยได้ร่วมกันพัฒนากับ CPALL ในฐานะ Key Strategic Partner ลงในกลุ่มเครื่องดื่มเย็นในโถกด พร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่  6 มีนาคม - 30 เมษายน 2568 นี้ หรือสั่งง่ายๆ ผ่าน #7DELIVERY อีกหนึ่งช่องทางความสะดวกสบาย ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันยอดขายในครึ่งปีแรก ปักหมุดรายได้ปี 2568 แตะ 2,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้            ทั้งนี้ เครื่องดื่มใหม่ตามฤดูกาล น้ำผึ้งมะนาว รสเปรี้ยวหวานจี๊ดใจ รสชาติกลมกล่อม ดับร้อนได้ดี มีวิตามินซี ได้รสเปรี้ยวจากมะนาวแท้ๆ และรสหวาน หอม จากน้ำผึ้งดอกลำใย อร่อย ชุ่มคอ ดื่มได้ตลอดทั้งวัน            “มั่นใจว่าเครื่องดื่มรสชาติใหม่ที่ออกจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ อย่างดีเยี่ยม เนื่องจากสินค้าของเราได้ผ่านการวิจัยและพัฒนาร่วมกับ CPALL "            ประธานกรรมการบริหาร TACC กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ผ่านนวัตกรรมที่สร้างประสบการณ์ ให้กับกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ อีกทั้งยังเน้นการสร้างกลุ่มธุรกิจผ่านผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัท ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ และการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน [PR News]

TACC  ปี 67 กำไร 240.76 ลบ. โต 8.60% บอร์ดเคาะปันผล 0.19 บาท/หุ้น

TACC ปี 67 กำไร 240.76 ลบ. โต 8.60% บอร์ดเคาะปันผล 0.19 บาท/หุ้น

          บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) โตแกร่ง! ปี 67 กวาดรายได้รวมกว่า 1,951.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.76% กำไรสุทธิ 240.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.60% เทียบปีที่ผ่านมา บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเป็น เงินสดในอัตรา 0.19 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 6 พ.ค. 68 รับเงิน 21 พ.ค. 68 นี้ ฟากผู้บริหาร “ชัชชวี วัฒนสุข” ประกาศพร้อมเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่ ร่วมกับกลุ่มธุรกิจ B2B (7-Eleven) และ กลุ่มธุรกิจ B2C รองรับดีมานด์ผู้บริโภคยุคใหม่ มั่นใจรายได้ปี 68 โตเกิน 10% ตามแผน           นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2567 มีรายได้รวม 1,951.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.76% จากปีก่อนมีรายได้รวม 1,715.68 ล้านบาท และปี 2567 มีกำไรสุทธิ 240.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.60% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 221.69 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner และกลุ่มธุรกิจ B2C ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของลูกค้ากลุ่มนักเรียน พนักงานบริษัท และนักท่องเที่ยวที่มากกว่าปีที่แล้ว และมีรายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการบริหารต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง           นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2567 ในอัตรา 0.19 บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย  XD วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568           ส่วนแผนการดำเนินงานในปี 2568 ตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างน้อย 10% ขึ้นไป จากปีก่อน โดยการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ผ่านนวัตกรรมที่สร้างประสบการณ์ ให้กับกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ อีกทั้งยังเน้นการสร้างกลุ่มธุรกิจผ่านผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัท ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ และการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน           ขณะเดียวกันบริษัทฯยังมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่มาจากการ M&A, JV เพื่อเป็น New S-Curve สามารถมาต่อยอดกับธุรกิจเดิม และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต [PR News]

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

โกลเบล็ก ชอบ

โกลเบล็ก ชอบ "TACC" อัพไซต์ สูง 45% เคาะเป้า 5.8 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุถึง TACC ว่า "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 5.80 บาท มีอัพไซต์ 45% "มุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้ม 4Q67 ส่วนปี 68 คาดเติบโตราว 10%" คาดแนวโน้มกำไร 4Q67 เติบโตเล็กน้อย YoY และ QoQ โดยหลักยังคงเติบโตควบคู่กับการขยายสาขา 7-Eleven อีกราว 180 แห่ง ประกอบกับเข้าสู่ High Season ของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม คาดจะได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักในโซนภาคเหนือและภาคใต้ ประกอบกับมีต้นทุนวัตถุดิบบางรายการที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ %GPM ปรับลงต่ำกว่าระดับปกติที่ 33% สู่ราว 32% โดยเราคาดการณ์กำไรปี 67 ราว 255 ลบ. +24% YoY (9M67 คิดเป็น 75% ของประมาณการดังกล่าว)           ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้ม 4Q67 ส่วนปี 68 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องราว 10% จากการขยายสาขา 7-Eleven เฉลี่ยปีละ 700 แห่ง และการเป็นพาร์ทเนอร์กับร้านกาแฟพันธุ์ไทยที่มีแผนขยายสาขาเชิงรุกจาก 1,282 แห่งในปี 67 สู่ราว 5,000 แห่งในปี 70 แต่คาด %GPM อาจต่ำกว่าระดับ 33% เนื่องจากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ทรงตัวสูง           อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ชื่นชอบ TACC ในแง่สินค้าที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายผ่านร้าน 7-Eleven และราคาไม่แพง ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่วนราคาเหมาะสม 5.80 บาท มีอัพไซต์ 45% รวมทั้งจ่ายปันผลในอัตรา 8-9% ต่อปี แนะนำ "ซื้อ"

TACC ตั้งเป้ารายได้ปี68โตอย่างน้อย 10% รุกพัฒนาโปรดักส์ใหม่ในกลุ่มธุรกิจ B2B และ B2C

TACC ตั้งเป้ารายได้ปี68โตอย่างน้อย 10% รุกพัฒนาโปรดักส์ใหม่ในกลุ่มธุรกิจ B2B และ B2C

         หุ้นวิชั่น - บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) กางแผนปี 68 ตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างน้อย 10% ขึ้นไป มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าด้านความเป็นอยู่ที่ดี มีคุณภาพ เพื่อธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน (Compounding Quality Value) ลุยพัฒนาสินค้าใหม่ในกลุ่มธุรกิจ B2B (7-Eleven) และ B2C (Non 7-Eleven) สอดรับเทรนด์ผู้บริโภค พร้อมสร้างสินค้าใน Brand ของบริษัทฯ เจาะกลุ่มสินค้า Health & Wellness อัพรายได้ และผลักดันการใช้แนวคิด ESG เป็นแนวคิดสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพื่อพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง          นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโตอย่างน้อย 10% ขึ้นไป จากปีก่อน โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าด้านความเป็นอยู่ที่ดี มีคุณภาพ เพื่อธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน (Compounding Quality Value) และการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเตรียมออกสินค้าใหม่ให้สอดรับเทรนด์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ทั้งในส่วนของกลุ่มธุรกิจ B2B (7-Eleven) และกลุ่มธุรกิจ B2C (Non 7-Eleven)          สำหรับภาพรวมกลุ่มธุรกิจ B2B (7-Eleven) ในปี 2568 บริษัทฯมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า Core Menu และ New Menu รวมทั้งออกสินค้าใหม่ร่วมกันในฐานะ Key Strategic Partner ไม่ว่าเป็นเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และ เครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ใน All Café          ขณะที่ 7-Eleven ต่างประเทศ (ประเทศกัมพูชาและลาว) มีการเติบโตตามการขยายสาขา ในส่วนของประเทศกัมพูชา มีการร่วมพัฒนาสินค้าเครื่องดื่มใหม่ ๆ ในกลุ่ม Counter drink เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคชาวกัมพูชา          “เรายังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มเติมร่วมกับ 7-Eleven ที่เป็นพันธมิตรหลักทางธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าแต่ละ Segmentation และกระตุ้นยอดขาย โดยยังคงรักษาความสัมพันธ์กับพันธมิตรหลักทางธุรกิจให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง”          ส่วนภาพรวมกลุ่มธุรกิจ B2C (Non 7-Eleven) ในปี 2568 บริษัทฯพร้อมพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม Café Business  และการเพิ่มลูกค้ารายใหม่ให้มากขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ  นอกจากนี้ ยังมีแผนสร้างสินค้าที่เป็น Brand ของบริษัทฯ โดยมุ่งเน้นกลุ่ม Health  & Wellness Products อย่างต่อเนื่อง และมีแผนการขยายช่องทางการขายใหม่  ขณะที่ธุรกิจไลฟ์สไตล์ ในส่วนของคาแรคเตอร์ มีการสร้างการรับรู้ในตัวคาแรคเตอร์ใหม่มากขึ้น          ประธานกรรมการบริหาร TACC กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่มาจากการ M&A, JV เพื่อเป็น New S-Curve  สามารถมาต่อยอดกับธุรกิจเดิม และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น [PR News]

TACC เสิร์ฟ “ชาเขียวมะลิ

TACC เสิร์ฟ “ชาเขียวมะลิ" คลายร้อน คาดหนุนรายได้โต Double-Digit

            หุ้นวิชั่น - บมจ. ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) พร้อมเสิร์ฟ “ชาเขียวมะลิ” เครื่องดื่มคลายร้อน เติมความสดชื่น ในกลุ่มเครื่องดื่มเย็นในโถกด ที่ร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 9 ม.ค.- 5 มี.ค. 68 ฟากผู้บริหาร “ชัชชวี วัฒนสุข“ มั่นใจตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบรสชาติชาเขียวที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสานกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิ ดื่มแล้วสดชื่น ผ่อนคลาย และคลายร้อนได้อย่างดีเยี่ยม คาดผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ช่วยผลักดันรายได้ปีนี้เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนในระดับ Double-Digit             นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมส่งเครื่องดื่มเย็นในโถกดรสชาติใหม่ “ชาเขียวมะลิ” ที่ร้าน 7-Eleven พร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 9 มกราคม - 5 มีนาคม 2568 หรือสั่งง่ายๆ ผ่าน #7DELIVERY อีกหนึ่งช่องทางความสะดวกสบาย คาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายปีนี้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2567 ในระดับ Double-Digit ทั้งนี้ เครื่องดื่มคลายร้อนสุดพิเศษ “ชาเขียวมะลิ” ที่เตรียมวางจำหน่ายในร้าน 7-ELEVEN มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากการคัดสรรชาเขียวคุณภาพชั้นดี ผสานกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกมะลิ “มั่นใจว่า ชาเขียวมะลิ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบเครื่องดื่มชาเขียวที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย ให้รสชาติเข้มข้นของชาเขียวมะลิ ตามด้วยรสหวานและฝาดชาที่กำลังพอดี  โดย TACC ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเครื่องดื่มรสชาติใหม่ร่วมกับ CPALL ในฐานะ Key Strategic Partner ที่คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทฯ ในปี 2568 เติบโตต่อเนื่องจากปี 2567 ตามเป้าหมายที่วางไว้ในระดับ Double-Digit เช่นเดียวกัน” นายชัชชวี กล่าวในที่สุด             ปัจจุบัน TACC ยังคงเดินหน้านโยบายการสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลักเพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคงและยั่งยืน ให้ความสำคัญในด้านการพัฒนาเครื่องดื่มรสชาติใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับพันธมิตรหลักทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อช่วยผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น และรองรับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งทางตรงและทางอ้อม [PR-News]

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

เครื่องดื่มปี 68 แตะ 2.29 แสนล. TACC ไฮซีซั่นหนุน-เป้า 7.58บ.

เครื่องดื่มปี 68 แตะ 2.29 แสนล. TACC ไฮซีซั่นหนุน-เป้า 7.58บ.

          หุ้นวิชั่น – Kresearch ยอดขายของเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ปี 68 ที่ 2.29 แสนล้านบาท โต 3.3% ท่องเที่ยวทยอยฟื้น อากาศร้อนหนุน ชู TACC แนวโน้ม Q4 สดใส ไฮซีซั่นหนุน ปรับกำไรทั้งปี 67 ขึ้นจากเดิม 8% มาอยู่ที่ระดับ 256 ล้านบาท           ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด (KResearch) ยอดขายของธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ปี 2568 คาดจะอยู่ที่ 2.29 แสนล้านบาท โต 3.3% จากปี ก่อน จากการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว สภาพอากาศที่ร้อนและการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ทั้งนี้ เครื่องดื่มฟังก์ชันนัล เป็นสินค้าที่มีแนวโน้มโตสูงกว่าภาพรวมตลาด และน่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม           มูลค่าการส่งออกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทย ปี 2568 คาดจะอยู่ที่ 1,705 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โต 2.1% จากปี ก่อน จากการฟื้นตัวของคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันกว่า 67% ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดศักยภาพใหม่อาทิ มาเลเซีย สหรัฐฯ ยังเติบโตต่อเนื่อง           แนวโน้มตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในประเทศ 2 ปี 2568 คาดว่า ยอดขายของธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 2.29 แสนล้านบาท  ขยายตัว 3.3% จากหลายปัจจัยหนุน           ยอดขายเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในประเทศปี 2568 แม้คาดว่าจะขยายตัว 3.3% แต่เป็นอัตราการเติบโตที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (CAGR ปี2565-2567) ที่โตเฉลี่ย 4.7% ต่อปีจากการบริโภคของผู้บริโภคที่ยังได้รับแรงกดดันจากกำลังซื้อที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่และค่าครองชีพยังสูง โดยแนวโน้มตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในปี 2568 มีกลุ่มสินค้าที่น่าสนใจ ดังนี้ ยอดขายน้ำอัดลมและน้ำดื่มบรรจุขวด คาดว่าจะขยายตัว 2.6% และ 4.8% ในปี 2568 ชะลอตัวลงจากปี 2567           ตลาดน้ำอัดลมและน้ำดื่มบรรจุขวด มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันกว่า 55% ของยอดขายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ทั้งหมด โดยปัจจัยที่หนุนให้ตลาดโต ส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น สะท้อนจากปี2566 ที่อุณหภูมิสูงสุดพุ่งไปถึง 44.6องศาเซลเซียส สอดคล้องกับผู้ประกอบการในธุรกิจที่ระบุว่าสภาพอากาศร้อนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าในกลุ่มนี้           นอกจากนี้ การท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว น่าจะหนุนการบริโภคเครื่องดื่มกลุ่มนี้มากขึ้น จะเห็นว่า สัดส่วนมูลค่าการใช้จ่ายเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ 8% เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่6% ของมูลค่าการใช้จ่ายเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ทั้งหมด ยอดขายเครื่องดื่มฟังก์ชั่นนัลในปี 2568 คาดว่าขยายตัว 7% ซึ่งสูงกว่าภาพรวมการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์           แม้ว่ายอดขายเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลจะยังมีส่วนแบ่งตลาดที่น้อย แต่ก็มีทิศทางการเติบโตที่เพิ่มขึ้น จาก 5% ในปี 2563 เพิ่มเป็น 7% ในปี 2568 โดยมีปัจจัยหนุนจากการใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภคและความต้องการเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เจาะจงขึ้น เช่น ลดปัญหาการนอนไม่หลับ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ดังนั้น จะเห็นว่าผู้ประกอบการหลายราย ทั้งที่อยู่ในธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และนอกธุรกิจอาทิ โรงพยาบาล อาหาร เคมีภัณฑ์ เป็นต้น หันมาทำตลาดหรือแตกไลน์สินค้าใหม่ๆ ในเครื่องดื่มประเภทนี้มากขึ้น เพราะเห็นโอกาสของตลาดที่เติบโตสูงกว่าเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ การแข่งขันของธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในประเทศ           ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เสี่ยงแข่งขันรุนแรงขึ้น ทั้งผู้เล่นในประเทศที่มีมากราย รวมถึงสินค้านำเข้าที่เข้ามาตีตลาดเพิ่ม           ปัจจุบันมีผู้เล่นเข้ามาในตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เป็นจำนวนมากหรือกว่า 2,342 ราย (เฉพาะนิติบุคคล) ส่งผลให้ตลาดมีการแข่งขันรุนแรง ด้วยสินค้าที่มีหลากหลาย Segment ขณะที่สินค้านำเข้าก็มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปี 2564-2566(ในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ) โตกว่า 8.4% ต่อปี           ด้วยการแข่งขันที่รุนแรง และมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดต่อเนื่อง Life-cycle สินค้าก็สั้นลงจำเป็นต้องอาศัยทำการตลาดและโฆษณา เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์และจูงใจหรือกระตุ้นให้เกิดการบริโภค สอดคล้องกับข้อมูลล่าสุด ที่พบว่าอาหารและเครื่องดื่มยังคงใช้เม็ดเงินในการโฆษณามากที่สุดเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ นอกจากนี้ การที่ผู้ประกอบการหลายรายมีแผนมุ่งกระจายสินค้าสู่ตลาด B2B ทั้งร้านอาหารและเครื่องดื่ม โรงพยาบาล โรงแรม หรืองานสัมมนาต่างๆ ก็ส่งผลให้การแข่งขันผ่านช่องทางดังกล่าวมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น แนวโน้มการส่งออกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทย           ปี 2568 คาดว่า ไทยส่งออกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 1,705 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 2.1%จากการฟื้นตัวของตลาดหลัก CLMV           มูลค่าการส่งออกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตต่ำหรือราว 2.1% เมื่อเทียบ 10 ปีก่อน ที่เติบโตเฉลี่ย 6.0% ต่อปี (CAGR ปี 2558-2566) จากกำลังซื้อของผู้บริโภคในกลุ่มประเทศคู่ค้าหลักอย่าง CLMV ที่ระมัดระวังกับการใช้จ่ายมากขึ้น จากความเสี่ยงของแต่ละประเทศที่มีอยู่ อาทิ ปัญหาอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชาและเวียดนาม ระดับเงินเฟ้อของ สปป.ลาวที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงสถานการณ์การเมืองในเมียนมา เป็นต้น กลุ่มประเทศ CLMV ยังเป็นตลาดศักยภาพสำหรับการส่งออกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทย คิดเป็นสัดส่วนรวมกันกว่า 67%           การส่งออกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยที่เพิ่มขึ้นในปี 2568 ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักที่ทยอยฟื้นตัว ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดศักยภาพใหม่ๆ เช่น มาเลเซีย สหรัฐฯ           คาดว่าจะโตต่อเนื่อง จากการเข้าไปลงทุนหรือท าการตลาดเพิ่มเพื่อขยายฐานลูกค้า เช่น ในมาเลเซีย ผู้ประกอบการไทยร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ขยายช่องทางการจำหน่าย ขณะที่สหรัฐฯ ความต้องการเครื่องดื่ม ไม่มีแอลกอฮอล์คาดว่าจะโตเฉลี่ย 4.9% ต่อปี (CAGR ปี 2565-2573) ส่งผลให้ยังมีโอกาสส่งออกได้เพิ่มโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ไทยมีความได้เปรียบด้านวัตถุดิบ อาทิ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมจากผลไม้อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการไทยบางส่วนได้ขยายฐานการผลิตไปยังกลุ่มประเทศ CLMV มากขึ้น ทำให้คาดว่า ระยะต่อไปมูลค่าการส่งออกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์จากฐานการผลิตไทยอาจทยอยลดลง แต่ไปเพิ่มยอดขายจากฐานการผลิตในต่างประเทศ สะท้อนจาก สัดส่วนการส่งออกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยไปกลุ่มประเทศ CLMV ที่ทยอยลดลงจาก 76% ในปี 2561 ปรับลงมาอยู่ที่ 67% ในปี 2567 น้ำดื่มบรรจุขวดและเครื่องดื่มชูกา ลัง สินค้าส่งออกศักยภาพที่มีแนวโน้มเติบโตดีในตลาดหลัก CLMV           การส่งออกน้ำดื่มบรรจุขวด ปี 2568 คาดว่า จะยังคงขยายตัวจากความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำดื่มสะอาดและได้มาตรฐานในกลุ่มประเทศ CLMV ที่ยังเพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออกเครื่องดื่มชูกำลัง น่าจะได้รับแรงหนุนจากประชากรแรงงานที่มีอยู่ราว 113 ล้านคน หรือคิดเป็น 63% ของประชากรทั้งหมดในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งไม่เพียงเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้แรงงาน แต่มีการปรับภาพลักษณ์ของสินค้าไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ อาทิ กลุ่มพนักงานออฟฟิศ กลุ่มลูกค้าในตลาดอีสปอร์ต เป็นต้น การแข่งขันของธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในตลาดส่งออก           เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยเสี่ยงแข่งขันรุนแรงขึ้น ทั้งกับสินค้าท้องถิ่นและสินค้านำเข้าจากคู่แข่งโดยเฉพาะจีน ที่มีราคาถูกกว่า การส่งออกเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทย นอกจากผู้ประกอบการไทยจะมีการกระจายฐานการผลิตไปยังตลาดคู่ค้าหลักอย่างกลุ่มประเทศ CLMV แล้ว ยังต้องเสี่ยงแข่งกับสินค้าท้องถิ่นหรือสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศที่มีราคาต่ำกว่า เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำผลไม้ ชาพร้อมดื่ม นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังเจอการแข่งขันกับคู่แข่งที่มีความได้เปรียบด้านราคาโดยเฉพาะจีน แม้ว่ากลุ่มประเทศ CLMV จะยังนำเข้าเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์จากไทยมากที่สุดหรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 67% แต่การนำเข้าจากจีนแม้จะมีสัดส่วนเพียง 2% ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเวียดนามและกัมพูชาสะท้อนจาก ปี 2566 เวียดนามมีมูลค่านำเข้าเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์จากจีนเพิ่มขึ้น 4 เท่า และกัมพูชา มีมูลค่านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2564 ดังนั้น จีนน่าจะเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยในตลาดอาเซียน ความเสี่ยงของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ไทย ต้นทุนการผลิตปี 2568 มีแนวโน้มปรับสูงขึน้ โดยเฉพาะน้ำตาลทราย ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในเกือบทุก Segment ซึ่งคาดว่าราคาจะยังยืนสูงจากสภาพอากาศที่แปรปรวนกระทบกับผลผลิต รวมถึงบรรจุภัณฑ์ทั้งกระดาษ กระป๋ องและพลาสติกที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น อาจส่งผลต่อต้นทุนและกำไรของธุรกิจ ทั้งนี้ อัตราการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) ของธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในปี 2566-2567 จะอยู่ที่ 20-30% แต่ในปี 2568 กำไรจะมากหรือน้อย ยังคงขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการต้นทุน การปรับราคาและการแข่งขันของธุรกิจ อัตราภาษีความหวานที่จะปรับขึ้นเดือนเมษายน ปี 2568 ซึ่งเป็นระยะที่ 4 ที่จัดเก็บภาษีเต็มขั้นจะกระทบต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเครื่องดื่มชูกำลัง เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลสูงเฉลี่ยอยู่ที่7.74-14.04 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นราว 1-5 บาท แตกต่างตามปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ขณะที่การปรับขึ้นราคาทำได้จำกัด เนื่องจากสินค้าแข่งขันรุนแรงอาจส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อหรือเปลี่ยนแบรนด์ของผู้บริโภค ทำให้ผู้ประกอบการบางรายอาจต้องหาแนวทางบริหารจัดการต้นทุนส่วนอื่น เพื่อชดเชยแทนการปรับขึ้นราคา ยอดขายของแต่ละผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลงไปขึ้นอยู่กับเทรนดผู้บริโภคในแต่ละช่วง ขณะที่จำนวนประชากรไทยที่มีแนวโน้มลดลง อีกทั้ง Life-cycle ของสินค้าก็สั้นลง ความภักดีต่อแบรนด์ลดลงดังนั้น การเพิ่มความถี่หรือการเพิ่มมูลค่าในการดื่มต่อครั้งเพื่อที่จะรักษายอดขาย จึงเป็นความท้าทายของธุรกิจเพราะสินค้าแต่ละตัวมีความสามารถในการทำยอดขายได้แตกต่างกัน ผู้ประกอบการในห่วงโซ่การผลิตเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ OSP CBG HTC SSC TIPCO MALEE COCOCO PLUS TACC LST ICHI SAPPE           ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) TACC หรือ บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) แจ้งกำไรสุทธิ Q3/67 ที่ 61 ล้านบาท (+19% Y-Y , -12% Q-Q) เทียบกับปีก่อนยังเติบโตได้ดีตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการขยายสาขาของ CPALL ที่ยังมีอย่างต่อเนื่องส่วนเทียบกับ Q2/67 การลดลงเป็นผลตามฤดูกาลเพราะเข้าสู่ช่วงหน้าฝน แต่สิ่งที่ดีคือกำไรขั้นต้นยังรักษาระดับ 33% ไว้ได้แม้รายได้จะลดลง 3% Q-Q ก็ตาม โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบการช่วง Q4/67 จะกลับมาเติบโตได้อีกจากการเข้าสู่ช่วง High Seasons ของการท่องเที่ยว           ทั้งนี้กำไรทั้งปีที่ประเมินที่ 237 ล้านบาท (+15% Y-Y) อาจจะเป็นระที่ดิบที่ต่ำไป ฝ่ายวิเคราะห์จึงมีโอกาสที่จะปรับประมาณการเพิ่มในอนาคต จากแนวโน้มข้างต้น ฝ่ายวิเคราะห์จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม           TACC กำไรสุทธิ Q3/67 ที่ 61 ล้านบาท (+19% Y-Y , -12% Q-Q) เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนยังเติบโตดีตามการเปิดสาขาของ 7-11 และภาคการท่องเที่ยวเติบโตดี ส่วนเทียบกับ Q2/67 ลดลงตามผลของฤดูกาล ส่วนรายได้ 481 ล้านบาท (+13% Y-Y , -3% Q-Q) มีปัจจัยบวกจากการเปิดสาขาใหม่ของ CPALL ที่มีอีกประมาณ 180 สาขา ในไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นที่ 33% ใกล้เคียงกับปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้าถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี แม้ว่าต้นทุนจะปรัตวเพิ่มขึ้น แต่บริษัทรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรได้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 86 ล้านบาท (+14% Y-Y , +3% Q-Q) เพิ่มขึ้นส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารจากการปรับเงินเดือน และการปรับปรุงโรงงานทำให้มีการบันทึกค่าใช้จ่ายส่วนของการผลิตมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหาร รวมแล้วใน 9 เดือนแรกปี 67 TACC มีกำไรสุทธิ 191 ล้านบาท (+29% Y-Y) คิดเป็นสัดส่วน 81% ของกำไรสุทธิทั้งปีที่ฝ่ายวิเคราะห์ที่ 237 ล้านบาท           แนวโน้มช่วง Q4/67 คาดว่าผลประกอบการจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกทั้งจากการเข้าสู่ช่วง  High Seasons ของการท่องเที่ยว รวมกับการขยายสาขาที่ยังมีอย่างต่อเนื่องทั้งของ 7-11 และร้านกาแฟพันธุ์ไทย นอกจากนี้ยังได้รับผลดีจากลิขสิทธิ์ตัวละครใหม่จากทางวิธิตา เอนิเมชั่น เพิ่มทำให้มีการโอกาสขยายตลาดได้อีกทาง           จากกำไร 9 เดือนแรกปี 67 ที่คิดเป็นสัดส่วน 81% ของกำไรทั้งปีที่ 237 ล้านบาท ที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดไว้ ขณะที่แนวโน้มช่วง Q4/67 ยังคงดูดีจากเหตุผลข้างต้น ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ปรับกำไรทั้งปีขึ้นจากเดิม 8% มาอยู่ที่ระดับ 256 ล้านบาท ทั้งนี้ความเสี่ยงที่ต้องติดตามคือต้นทุนกาแฟว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่

TACC ร่วมงาน Warbie's Whimsical Holiday

TACC ร่วมงาน Warbie's Whimsical Holiday

หุ้นวิชั่น - คุณสุวีรยา อังศวานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารคู่ค้า และธุรกิจลิขสิทธิ์ บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) ถ่ายภาพร่วมกับ คุณแซมมี่ คาโรลุส ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท และคุณอณิตา ตันติศิรินทร์ ศิลปินชาวไทยที่สร้างสรรค์คาแร็คเตอร์ Warbie Yama เนื่องในโอกาสเข้าร่วมงาน Warbie's Whimsical Holiday ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขไปพร้อมกับเจ้านกเหลืองจอมกวน นำเสนอประสบการณ์การพักผ่อนในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีกับครั้งแรกของห้องพักสำหรับครอบครัวในธีม “วอร์บี้ ยามะ” ที่จะพาแฟน ๆ ปลดปล่อยจินตนาการ พร้อมสนุกไปกับการพักผ่อนภายในห้องพักที่อัดแน่นไปด้วยความน่ารักและอบอุ่น เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ ยังมีสินค้าลิขสิทธิ์แท้จากทางวอร์บี้ ยามะ พร้อมสินค้ารุ่นลิมิเต็ดสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับโปรโมชั่น Warbie's Whimsical Holiday เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่ม พวงกุญแจ พรม โปสการ์ด สติ๊กเกอร์ และผ้าปิดตา มาร่วมสร้างความทรงจำอันแสนพิเศษที่เต็มไปด้วยความสุขไปพร้อมกัน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 ที่โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท เมื่อเร็วๆ นี้

[ภาพข่าว] TACC เปิดโรงงานที่ 3 อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

[ภาพข่าว] TACC เปิดโรงงานที่ 3 อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี

         หุ้นวิชั่น - พลเรือเอกอภิชาติ  เพ็งศรีทอง  ประธานกรรมการ พร้อมคณะกรรมการบริษัทและคุณภาวินี สุวรรณเมธานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) ถ่ายภาพร่วมกัน เนื่องในโอกาสเปิดโรงงานที่ 3 ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รองรับการขยายตัวทางธุรกิจทั้งในกลุ่ม B2B และ กลุ่ม B2C ในอนาคต เพิ่มกำลังการผลิตจากเดิมได้ถึง 30%ถือเป็นการเดินทางเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 อย่างแข็งแกร่ง โดยมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน มีพัฒนาการทางธุรกิจและผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากความมุ่งมั่นของทีมผู้บริหารและพนักงานทุกคน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ โรงงาน อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เมื่อเร็วๆ นี้

abs

ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร

[ภาพข่าว] TACC จัดกิจกรรม CSR มอบเครื่องเล่น-ทุนการศึกษา โรงเรียนวัดหนองยาง จ.ชลบุรี

[ภาพข่าว] TACC จัดกิจกรรม CSR มอบเครื่องเล่น-ทุนการศึกษา โรงเรียนวัดหนองยาง จ.ชลบุรี

คุณจิรพรรณ คชฤทธิ์ ชูแสง รองกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์องค์กร และประธานคณะทำงานด้านความยั่งยืน (ESG) คุณสุพจน์ ลีนานุรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานโรงงานและเทคโนโลยีสารสนเทศและตัวแทนพนักงานจาก บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC จัดกิจกรรม CSR โดยเล็งเห็นความสำคัญของการร่วมพัฒนาชุมชนและสังคมโดยรอบพื้นที่โรงงานของบริษัทฯบริเวณ อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี และตั้งเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและสังคม ในครั้งนี้บริษัทฯ ได้ร่วมสนับสนุนเครื่องเล่นสนามสำหรับเด็กอนุบาล และมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนวัดหนองยาง  เพื่อช่วยส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ และส่งเสริมพัฒนาการของเด็กระดับชั้นปฐมวัย มีการจัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องการแยกขยะแต่ละประเภทให้กับน้องๆ เพื่อปลูกฝังพฤติกรรมให้กับนักเรียน โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ โรงเรียนวัดหนองยาง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี  เมื่อเร็วๆ นี้

TACC ปล่อยของโค้งท้าย ไฮซีซั่นพายอดพุ่ง-เป้า7.58บ.

TACC ปล่อยของโค้งท้าย ไฮซีซั่นพายอดพุ่ง-เป้า7.58บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) TACC หรือ บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) แจ้งกำไรสุทธิ Q3/67 ที่ 61 ล้านบาท (+19% Y-Y , -12% Q-Q) เทียบกับปีก่อนยังเติบโตได้ดีตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการขยายสาขาของ CPALL ที่ยังมีอย่างต่อเนื่องส่วนเทียบกับ Q2/67 การลดลงเป็นผลตามฤดูกาลเพราะเข้าสู่ช่วงหน้าฝน แต่สิ่งที่ดีคือกำไรขั้นต้นยังรักษาระดับ 33% ไว้ได้แม้รายได้จะลดลง 3% Q-Q ก็ตาม โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบการช่วง Q4/67 จะกลับมาเติบโตได้อีกจากการเข้าสู่ช่วง High Seasons ของการท่องเที่ยว ทั้งนี้กำไรทั้งปีที่ประเมินที่ 237 ล้านบาท (+15% Y-Y) อาจจะเป็นระที่ดิบที่ต่ำไป ฝ่ายวิเคราะห์จึงมีโอกาสที่จะปรับประมาณการเพิ่มในอนาคต จากแนวโน้มข้างต้น ฝ่ายวิเคราะห์จึงยังคงแนะนำ "ซื้อ" เช่นเดิม TACC กำไรสุทธิ Q3/67 ที่ 61 ล้านบาท (+19% Y-Y , -12% Q-Q) เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนยังเติบโตดีตามการเปิดสาขาของ 7-11 และภาคการท่องเที่ยวเติบโตดี ส่วนเทียบกับ Q2/67 ลดลงตามผลของฤดูกาล ส่วนรายได้ 481 ล้านบาท (+13% Y-Y , -3% Q-Q) มีปัจจัยบวกจากการเปิดสขาใหม่ของ CPALL ที่มีอีกประมาณ 180 สาขา ในไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นที่ 33% ใกล้เคียงกับปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้าถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี แม้ว่าต้นทุนจะปรัตวเพิ่มขึ้น แต่บริษัทรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรได้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 86 ล้านบาท (+14% Y-Y , +3% Q-Q) เพิ่มขึ้นส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารจากการปรับเงินเดือน และการปรับปรุงโรงงานทำให้มีการบันทึกค่าใช้จ่ายส่วนของการผลิตมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหาร รวมแล้วใน 9เดือนแรกปี 67 TACC มีกำไรสุทธิ 191 ล้านบาท (+29% Y-Y) คิดเป็นสัดส่วน 81% ของกำไรสุทธิทั้งปีที่ฝ่ายวิเคราะห์ที่ 237 ล้านบาท แนวโน้มช่วง Q4/67 คาดว่าผลประกอบการจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกทั้งจากการเข้าสู่ช่วง  High Seasons ของการท่องเที่ยว รวมกับการขยายสาขาทื่ยังมีอย่างต่อเนื่องทั้งของ 7-11 และร้านกาแฟพันธุ์ไทย นอกจากนี้ยังได้รับผลดีจากลิขสิทธิ์ตัวละครใหม่จากทางวิธิตา เอนิเมชั่น เพิ่มทำให้มีการโอกาสขยายตลาดได้อีกทาง จากกำไร 9 เดือนแรกปี 67 ที่คิดเป็นสัดส่วน 81% ของกำไรทั้งปีที่ 237 ล้านบาท ที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดไว้ ขณะที่แนวโน้มช่วง Q4/67 ยังคงดูดีจากเหตุผลข้างต้น ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ปรับกำไรทั้งปีขึ้นจากเดิม 8% มาอยู่ที่ระดับ 256 ล้านบาท ทั้งนี้ความเสี่ยงที่ต้องติดตามคือต้นทุนกาแฟว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่

TACC โชว์งบ Q3/67 รายได้โต 13.01% ไตรมาส4 ลุ้นเข้าเป้า Double-Digit

TACC โชว์งบ Q3/67 รายได้โต 13.01% ไตรมาส4 ลุ้นเข้าเป้า Double-Digit

           บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) สุดสตรอง! เปิดผลงาน Q3/67 กวาดรายได้รวม 479.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.01% เทียบงวดเดียวกันปีก่อน รับอานิสงส์การขยายฐานลูกค้า B2B และ B2C และการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ CPALL ในฐานะ Key Strategic Partner ฟากบิ๊กบอส “ชัชชวี วัฒนสุข” เดินหน้ารุกตลาดโค้งสุดท้ายปีนี้เต็มพิกัด คาดสร้างผลงานเติบโตเข้าเป้า Double-Digit พร้อมมุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อผลักดันผลงานเติบโตอย่างยั่งยืน            นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 (สิ้นสุด 30 กันยายน 2567) บริษัทฯ มีรายได้รวม 479.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.21 ล้านบาท คิดเป็น 13.01% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 424.58 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 66.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.42 ล้านบาท หรือ 10.73% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59.89 ล้านบาท            ขณะที่งวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,431.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 180.18 ล้านบาท คิดเป็น 14.40% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 1,251.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 205.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.95 ล้านบาท หรือ 21.90% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 168.72 ล้านบาท            โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของการบริโภคของลูกค้ากลุ่มนักเรียน พนักงานบริษัท และนักท่องเที่ยวที่มากกว่าปีที่แล้วและการขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในส่วนของ B2B และ B2C เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค การพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ CPALL ในฐานะ Key Strategic Partner การขยายสาขาของ ร้าน 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว ซึ่งช่วยผลักดันยอดขายเพิ่ม รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด            “รายได้ในไตรมาส 3/2567 เติบโตขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น ทั้งกลุ่มลูกค้า B2B จากปัจจัยบวกคนเข้าร้าน 7-Eleven มากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายเครื่องดื่มของบริษัทฯ ปรับเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน และในส่วนของกลุ่มลูกค้า B2C ที่เติบโตจากขยายสาขาของกลุ่ม Café Business รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ” นายชัชชวี กล่าว            ประธานกรรมการบริหาร TACC กล่าวอีกว่า มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 จะเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตในระดับ Double-Digit โดยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี บริษัทฯ ยังคงเปิดตัวสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เช่น “Blue Funtasy Series” เครื่องดื่มเย็นใหม่ 3 รายการ ที่จะเข้ามาเติมสีสันความสนุกปลุกความสดใส เตรียมวางจำหน่ายในมุม All Café ร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 7 พฤศจิกายน 67 – 15 มกราคม 2568 [PR News]

abs

Hoonvision

[ภาพข่าว] TACC คว้ารางวัล Outstanding Investor Relations Awards 8 ปีซ้อน

[ภาพข่าว] TACC คว้ารางวัล Outstanding Investor Relations Awards 8 ปีซ้อน

          คุณภาวินี สุวรรณเมธานนท์ (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอ.ซี.  คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC รับมอบรางวัลในกลุ่ม Business Excellence ประเภท Outstanding Investor Relations Awards ประจำปี 2567 ของกลุ่มบริษัทจดทะเบียนฯ ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาตลาด (Market Cap.) สูงกว่า 1,500 ล้านบาท จากนายอัสสเดช คงสิริ (ที่ 1 จากซ้าย) กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในพิธีประกาศผลรางวัล SET Awards 2024 ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร ตอกย้ำการเป็นรางวัลมาตรฐานสู่ความเป็นเลิศ และ TACC ได้รับรางวัลประเภทนี้เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน (ปี 2560-2567) ถือเป็นรางวัลที่มีคุณค่าและมีเกียรติ รวมทั้งยังสร้างความภาคภูมิใจให้กับทีมงานของบริษัทฯ โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้

[ภาพข่าว] MASTER ควง FA คว้ารางวัล Outstanding Deal Awards ในงาน SET Awards 2024

[ภาพข่าว] MASTER ควง FA คว้ารางวัล Outstanding Deal Awards ในงาน SET Awards 2024

             คุณภาวินี สุวรรณเมธานนท์ (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอ.ซี.  คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC รับมอบรางวัลในกลุ่ม Business Excellence ประเภท Outstanding Investor Relations Awards ประจำปี 2567 ของกลุ่มบริษัทจดทะเบียนฯ ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาตลาด (Market Cap.) สูงกว่า 1,500 ล้านบาท จากนายอัสสเดช คงสิริ (ที่ 1 จากซ้าย) กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในพิธีประกาศผลรางวัล SET Awards 2024 ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมกับวารสารการเงินธนาคาร ตอกย้ำการเป็นรางวัลมาตรฐานสู่ความเป็นเลิศ และ TACC ได้รับรางวัลประเภทนี้เป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน (ปี 2560-2567) ถือเป็นรางวัลที่มีคุณค่าและมีเกียรติ รวมทั้งยังสร้างความภาคภูมิใจให้กับทีมงานของบริษัทฯ โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้

[ภาพข่าว] TACC เปิดบ้านต้อนรับสมาคมนักลงทุน

[ภาพข่าว] TACC เปิดบ้านต้อนรับสมาคมนักลงทุน

          คุณภาวินี สุวรรณเมธานนท์ (กลาง) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ถ่ายภาพรวมกับกลุ่มนักลงทุน เนื่องในโอกาสเปิดบ้านต้อนรับสมาคมนักลงทุนประเทศไทยเข้าเยี่ยมชมกิจการ โดยระบุว่าสำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลัง เดินหน้านโยบายการสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลักพร้อมพัฒนาสินค้าใหม่ทั้งในกลุ่ม B2B และ B2C ให้เติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งทางตรงและทางอ้อม มั่นใจช่วยผลักดันรายได้ปี 2567 เติบโต Double Digit ตามแผน ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้นที่บริษัทฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้

[PR News] TACC เสิร์ฟ “โอเลี้ยง” เย็น ดันรายได้เข้าเป้า Double-Digit

[PR News] TACC เสิร์ฟ “โอเลี้ยง” เย็น ดันรายได้เข้าเป้า Double-Digit

          TACC ลุยเสิร์ฟ “โอเลี้ยง” เครื่องดื่มเย็นในโถกดรสชาติใหม่สไตล์ไทยโบราณ จำหน่ายในร้าน 7-Eleven ทั่วไทย 26 ก.ย.- 20 พ.ย.นี้ ดันรายได้ปี 67 โตเข้าเป้า Double-Digit           บมจ. ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) พร้อมเสิร์ฟ “โอเลี้ยง” เครื่องดื่มสไตล์ไทยโบราณ หอมหวาน เข้มข้น กลมกล่อม เตรียมวางจำหน่ายเครื่องดื่มเย็นในโถกดที่ร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 26 ก.ย.- 20 พ.ย. 67 ฟากผู้บริหาร “ชัชชวี วัฒนสุข“ มั่นใจตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่หลงรักมนต์เสน่ห์ของรสชาติ และกลิ่นกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ต้นตำรับไทยแท้ คาดดันรายได้ปีนี้โต Double-Digit ตามเป้า           นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมส่งเครื่องดื่มเย็นในโถกดรสชาติใหม่ “โอเลี้ยง” วางจำหน่ายในร้าน 7-Eleven พร้อมกันทั่วประเทศระหว่างวันที่ 26 กันยายน – 20 พฤศจิกายน 2567 นี้ และมั่นใจว่าช่วยผลักดันยอดขายปีนี้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องระดับ Double-Digit ตามเป้าหมายที่วางไว้           ทั้งนี้ “โอเลี้ยง” เป็นเครื่องดื่มสไตล์ไทยโบราณ มีมนต์เสน่ห์ของรสชาติและกลิ่นกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ต้นตำรับไทยแท้ หอมหวาน เข้มข้น กลมกล่อมลงตัว ช่วยดับกระหาย และเติมความสดชื่นในทุกยามที่ได้ลิ้มลอง           “มั่นใจว่าเครื่องดื่มรสชาติใหม่ “โอเลี้ยง” จะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคทุกกลุ่มที่ชื่นชอบเครื่องดื่มสไตล์ไทยโบราณ ที่ทำจากเมล็ดกาแฟคั่วบดหยาบ หอมกรุ่นกลิ่นกาแฟอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยแท้ ผสานรสชาติหวาน กลมกล่อมลงตัว ช่วยดับกระหายและเติมความสดชื่นให้กับผู้บริโภคในทุกครั้งที่ได้ดื่มได้เป็นอย่างดี” นายชัชชวี กล่าวในที่สุด           ปัจจุบัน TACC ยังคงเดินหน้านโยบายการสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลักเพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคงและยั่งยืน ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงให้ความสำคัญในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ CP ALL ในฐานะ Key Strategic Partner ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อช่วยผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น และรองรับความต้องการของผู้บริโภค

พฤอา
242526272812345678910111213141516171819202122232425262728293031123456