หุ้นวิชั่น - SUSCO รายงานกำไรปี 67 แตะ 291.72 ลบ. ปริมาณขายน้ำมันพุ่ง 1,108 ล้านลิตร แม้กำไรลดลงจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย แต่ธุรกิจหลักยังคงเติบโต โดยBYD ยอดขายปี 67 ขายรถ EV กว่า 2,350 คัน เพิ่มขึ้น 13.91% คาดปี 68 โตต่อจากการเปิดตัว Denza & BYD รุ่นใหม่ ธุรกิจ Non-Oil โตแกร่ง! เร่งขยายพื้นที่เช่า ปรับโฉม SUSCO Square เพิ่ม 2 แห่ง คาดรายได้ค่าเช่าโต 20 ส่วนธุรกิจ EV Charger เพิ่มจุดชาร์จ 10 สถานี ตั้งเป้าขยาย 100 สถานีใน 2 ปี พร้อมโปรแกรมเช่าซื้อ "ผ่อนขับรับรถ" บุกตลาด Grab EV ตั้งเป้าส่งมอบ 500 คันใน 3 ปี
บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) หรือSUSCO รายงานผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 291.72 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 1,228.52 ล้านบาท เป็นจำนวน 936.80 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 76.25 จากการลดลงของกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย หากไม่รวมกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยสุทธิจำนวน 908.83 ล้านบาท ในปี 2566 จะทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานลดลงจำนวน 27.97 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 8.75
บริษัทฯ มีปริมาณการขายน้ำมันรวม 1,108.895 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจาก ช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจำนวน 19.278 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.77 เนื่องจากปริมาณการขายส่งน้ำมันในประเทศ และส่งออกน้ำมันไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่ปริมาณการขายน้ำมันสายการบิน และน้ำมันผ่านสถานีบริการของบริษัท ไซโนเปค ซัสโก้ ไม่ได้ถูกนับรวมเป็นปริมาณการขายในงบการเงินรวมของ บริษัทฯ และบริษัทย่อย จากการที่บริษัทไซโนเปค ซัสโก้ จำกัด ซึ่งเดิมเป็นธุรกิจในบริษัทย่อย ได้เปลี่ยนสภาพเป็น กิจการร่วมค้า
ขณะที่กลุ่มบริษัท ซัสโก้ บียอนด์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD จำนวน 2,350 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจำนวน 287 คัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.91 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมี รายได้รวม 33,149.61 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เป็นจำนวน 557.17 ล้านบาท หรือลดลง ร้อยละ 1.65 เนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยลดลงจำนวน 1,121.93 ล้านบาท ในขณะที่กลุ่มบริษัท ซัสโก้ บียอนด์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น และบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายน้ำมันเพิ่มขึ้น รวมทั้งรายได้อื่นเพิ่มขึ้น จากการกลับรายการรายได้รับล่วงหน้าค่าสนับสนุนช่วยเหลือทางการตลาด เป็นรายได้อื่น ซึ่งรายการดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับต้นทุน ในการจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น
มุมมองของผู้บริหารต่อแนวโน้มและกลยุทธ์
1. ธุรกิจน้ำมันในปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2566 มีปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณการขายส่งในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และคาดว่ายอดขายจะยังคงเติบโตได้ในปี 2568 จากการเพิ่มสถานีบริการและการส่งออกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
2. ธุรกิจขายรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงต้นปี 2567 ตลาดรถยนต์โดยรวมชะลอตัว เนื่องจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ แต่ในไตรมาส 4/2567 BYD ได้เปิดตัวรถยนต์ DENZA และ BYD รุ่นใหม่ ซึ่งมีราคาและรูปลักษณ์ที่ตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค ทำให้กลุ่มบริษัทขายรถยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้น และได้ส่งมอบในช่วงปลายปีต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2568 นอกจากนี้ BYD จะทยอยเปิดตัวรถรุ่นใหม่เพื่อจับตลาดกลุ่มผู้บริโภครายใหม่เพิ่มเติม จึงคาดว่ายอดขายรถ EV ของแบรนด์ BYD และ DENZA จะยังคงเติบโตได้ดีในปี 2568
3. ธุรกิจ Non-oil บริษัทฯ ได้เร่งขยายพื้นที่เช่าและปรับโฉมสถานีบริการน้ำมัน SUSCO ให้มีความทันสมัยมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะมีการเปิด SUSCO Square เพิ่มอีก 2 แห่ง ซึ่งคาดว่ารายได้จากค่าเช่าจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ในกลางปี 2568
4. ธุรกิจอื่นๆ บริษัทฯ ได้ทำการติดตั้ง EV-charger ในสถานีบริการเพิ่มอีก 10 สถานี และมุ่งหวังที่จะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ในการขยายจุดชาร์จในสถานีบริการอย่างต่อเนื่องให้ครบ 100 สถานีภายใน 2 ปี และธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ในโครงการ Grab EV เพื่อส่งเสริมการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในกลุ่มผู้ขับขี่ Grab ผ่านโปรแกรม “ผ่อนขับรับรถ” ซึ่งในปี 2567 นี้บริษัทได้ส่งมอบรถให้กับผู้ขับขี่แล้วจำนวน 90 คัน และคาดว่าจะทยอยส่งมอบรถยนต์ EV ต่อเนื่องในปี 2568 โดยมีเป้าหมายที่ 500 คันภายใน 3 ปี ซึ่งคาดว่าธุรกิจนี้จะช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง