ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#SPVI


SPVI เล็งสินค้า Android  กระตุ้นยอดซื้อ-ปั๊มมาร์จิ้น

SPVI เล็งสินค้า Android กระตุ้นยอดซื้อ-ปั๊มมาร์จิ้น

         หุ้นวิชั่น - SPVI ตั้งเป้ายอดขายปี 68 โต 5% จับตา iPad Air พร้อมชิป M3 ฟากบิ๊กบอส "ไตรสรณ์ วรญาณโกศล" เล็งขนสินค้า Android ลงช็อปเพิ่ม เชื่อกระตุ้นยอดขายหน้าร้านคึกคัก แถมหนุนอัตรากำไร (มาร์จิ้น) พองโต เดินเกมเปิดสาขาใหม่พร้อมพาร์ทเนอร์ เล็งทำเลศักยภาพสูง          นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2568 เติบโต 5% จากการจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์สื่อสารภายใต้แบรนด์ Apple และแบรนด์อื่น ๆ โดยล่าสุด Apple เปิดตัว iPad Air รุ่นใหม่ พร้อมชิป M3 ราคาเริ่มต้น 21,900 บาท สำหรับรุ่น 11 นิ้ว และ 28,900 บาท สำหรับรุ่น 13 นิ้ว ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายในกลุ่ม UStore          นอกจากนี้ บริษัทเดินหน้านำผลิตภัณฑ์ทางการเงิน (ไฟแนนซ์) มาสนับสนุนการซื้อสินค้าของลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนยอดขายของร้านรีเทลเดิม (SSSG) ให้เติบโตขึ้น          ในปีที่ผ่านมา ร้านรีเทลของบริษัทมียอดขายเติบโตขึ้น 8% โดยได้รับแรงหนุนจากสาขาใหม่ เช่น เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ และนครสวรรค์ ขณะที่ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เติบโตสูงในสาขาซีคอนสแควร์และระยอง          ล่าสุด บริษัทจับมือกับ AIS เปิดสาขาใหม่ที่จังหวัดภูเก็ต ในพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต และโลตัส ภูเก็ต ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพสูง โดยสามารถเปิดให้บริการได้ตามกำหนดในช่วงมาตรการลดหย่อนภาษี 2.0 ของภาครัฐที่ประกาศกระตุ้นเศรษฐกิจต้นปี 2568 ส่งผลให้บริษัทไม่จำเป็นต้องจัดโปรโมชั่นเพิ่มเติม          นอกจากนี้ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) จะปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากบริษัทขยายไลน์สินค้าไปยังสมาร์ทโฟนระบบ Android จากเดิมที่จำหน่ายเฉพาะ iPhone โดยมีแผนเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่ม Android มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยเฉพาะแบรนด์ Oppo, Vivo และ Samsung          นายไตรสรณ์ กล่าวต่อว่า บริษัทมีแผนบริหารจัดการสาขาที่ไม่สร้างรายได้ โดยพิจารณาปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร พร้อมทั้งมองหาโลเคชันที่เหมาะสม และร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ที่แข็งแกร่งเพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจ ทั้งนี้ การเปิดสาขาใหม่จะดำเนินการอย่างระมัดระวัง โดยพิจารณาทำเลที่มีศักยภาพและมีคู่แข่งไม่มาก เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายและขยายธุรกิจอย่างยั่งยืน          ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทมีสาขาที่เปิดให้บริการจำนวน 77 สาขา (ลดลงจาก 80 สาขาในปีก่อน) ประกอบด้วย iStudio 6 สาขา iCenter 5 สาขา iBeat 4 สาขา Astore 9 สาขา UStore 26 สาขา Mobi 5 สาขา AIS Shop by Partner 22 สาขา          อนึ่ง ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 6,831.41 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 48.39 ล้านบาท รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision

SPVI กวาดรายได้ 6,831 ล้านบาท iStudio - ออนไลน์ขายดี

SPVI กวาดรายได้ 6,831 ล้านบาท iStudio - ออนไลน์ขายดี

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงานว่า SPVI แจ้งรายได้ปี 67 ที่ 6,831.40 ล้านบาท iStudio - ออนไลน์ดันยอดโตเล็กน้อย จากปี 66 ที่ 6,770.05 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 48.39 ล้านบาท           SPVI ประกาศผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า SPVI กำไรสุทธิสำหรับปี 2567 มีจำนวน 48.39 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 51.80 ล้านบาท คิดเป็นการลดลงร้อยละ 51.70 ขณะที่กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 4/2566 มีจำนวน 13.26 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 5.53 ล้านบาท คิดเป็นการลดลงร้อยละ 29.43 โดยอัตรากำไรสุทธิสำหรับปี 2567 และสำหรับไตรมาส 4/2567 เท่ากับร้อยละ 0.71 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับร้อยละ 1.48 และร้อยละ 0.99 ตามลำดับ           นอกจากนี้ รายได้จากการขายและการบริการสำหรับปี 2567 มีจำนวน 6,831.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 61.35 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.91 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในช่องทาง iStudio และออนไลน์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ iPhone ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายและการบริการสำหรับไตรมาส 4/2567 มีจำนวน 1,847.75 ล้านบาท ลดลง 39.18 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.08 จากช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากรายได้ในช่องทาง Corporate ที่ลดลง เนื่องจากบริษัทฯ ไม่มีงานโครงการขนาดใหญ่เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา และมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท วันที่ 13 ก.พ.68 มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสดให้กับผู้ถือหุ้น จากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2567 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2567 โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) 6 มี.ค. 68 และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 5 มี.ค.68 ในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น และจะจ่ายปันผล วันที่ 25 เม.ย.68

[Vision Exclusive] SPVI ปักหมุดสาขาภูเก็ต OPPO ระงับขายกระทบสั้น

[Vision Exclusive] SPVI ปักหมุดสาขาภูเก็ต OPPO ระงับขายกระทบสั้น

          หุ้นวิชั่น - SPVI ชี้กรณี OPPO-Realme ถูกระงับขาย อาจกระทบระยะสั้น ด้านบิ๊กบอส "ไตรสรณ์ วรญาณโกศล" เผยยอดขาย Android ยังน้อย เล็งขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ชี้ฐานกว้าง คาด Easy E-Receipt หนุนยอดขายช่วงลดหย่อนภาษี 30,000 บาท พร้อมสยายปีกสาขาใหม่ภูเก็ตเพิ่ม 2 แห่ง           นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่น ว่า จากกรณีที่โทรศัพท์มือถือแบรนด์ OPPO และ Realme มีแอปพลิเคชัน “Fineasy” และ “สินเชื่อความสุข” ติดตั้งมาพร้อมกับเครื่อง ซึ่งส่งผลให้ กสทช. มีมติให้ระงับการจำหน่ายแบรนด์ดังกล่าวจนกว่าจะมีการแก้ไขและกำหนดมาตรการที่ชัดเจน           บริษัทประเมินว่ากรณีดังกล่าวอาจส่งผลกระทบในระยะสั้น โดยจะต้องติดตามระยะเวลาการแก้ไขปัญหาว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด และจะทันต่อช่วงการใช้สิทธิ์ Easy E-Receipt หรือไม่           สำหรับประเด็นที่ผู้บริโภคอาจหันมาใช้ระบบ iOS มากขึ้น มองว่ายังเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก เนื่องจาก OPPO ยังคงมีจุดเด่นด้านฟีเจอร์ AI ที่ตอบโจทย์การใช้งาน เช่น การปรับภาพให้มีสีสันสวยงาม การใช้ AI ช่วยโพสต์คอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย หรือการลบวัตถุที่ไม่ต้องการในภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ OPPO ยังคงเป็นที่นิยมในตลาด           นอกจากนี้ ราคาสินค้า OPPO ที่อยู่ในช่วง 10,000-20,000 บาท ยังตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับกลางที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์ ทำให้บริษัทคาดว่าความต้องการในตลาดยังคงมีอยู่ในระดับที่น่าพอใจ           สำหรับสัดส่วนยอดขายสินค้าระบบ Android ในปัจจุบันยังคิดเป็นสัดส่วนไม่มากเมื่อเทียบกับยอดขายรวมทั้งหมด อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าโอกาสในการเพิ่มสินค้าระบบ Android จะช่วยสร้างฐานลูกค้าใหม่และเพิ่มยอดขายได้ในอนาคต ทั้งนี้ OPPO ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ Android ที่ได้รับความนิยม มีฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่งในกลุ่มวัยรุ่นและอินฟลูเอนเซอร์ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการยังต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องแอปพลิเคชัน “Fineasy” ที่ติดตั้งมากับเครื่อง ซึ่งส่งผลให้ต้องระงับการจำหน่ายในขณะนี้           บริษัทระบุว่าจะติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินระยะเวลาที่แบรนด์ OPPO จะกลับมาทำตลาดได้ตามปกติ ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อการขยายฐานลูกค้าและยอดขายในระยะยาว           SPVI คาดการณ์ว่าโครงการลดหย่อนภาษีผ่าน Easy E-Receipt จะกระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้ามาเลือกซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น เพื่อใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีประจำปี บริษัทมองว่าโครงการดังกล่าวเป็นโอกาสสำคัญในการดึงดูดลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการซื้อสินค้าเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ พร้อมใช้ประโยชน์จากสิทธิ์ลดหย่อนภาษี ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายในช่วงสิ้นปีได้อย่างมีนัยสำคัญ           สำหรับแผนธุรกิจในปี 2568 บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มสินค้าใหม่ โดยเฉพาะสินค้าระบบ Android ที่มีช่วงราคาระหว่าง 10,000-20,000 บาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีฐานลูกค้ากว้างและศักยภาพในการเติบโตสูง นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายสาขาใหม่อีก 2 แห่งในจังหวัดภูเก็ต โดยมองว่าโลเคชันดังกล่าวมีความเหมาะสม เนื่องจากมีกำลังซื้อสูงและได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่           บริษัทเชื่อว่าการเพิ่มสินค้าใหม่และการขยายสาขาในภูเก็ตจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ และสร้างโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว           นายไตรสรณ์ กล่าวต่อว่า ทิศทางการเติบโตในปี 2568 โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการประคองธุรกิจและบริหารค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบ เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แม้คาดว่ายอดขายและการเติบโตจะเป็นไปในทิศทางบวก แต่จะไม่หวือหวา เนื่องจากต้องระมัดระวังในการลงทุนและการบริหารจัดการภายในองค์กร           นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มสินค้าในกลุ่ม Android เข้ามาจำหน่ายมากขึ้น เพื่อเสริมอัตรากำไร (มาร์จิ้น) เนื่องจากสินค้ากลุ่มดังกล่าวมีมาร์จิ้นสูง อยู่ในระดับตัวเลขสองหลัก ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้นในระยะยาว รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision  

เก็ง Easy E-Receipt ชู TNP-SPVI-JUBILE

เก็ง Easy E-Receipt ชู TNP-SPVI-JUBILE

          หุ้นวิชั่น -  จับตา Easy E-Receipt ชง ครม. สัปดาห์นี้ ฟากโบรก "วิลาสินี บุญมาสูงทรง" ชี้ค้าปลีก ออนไลน์ รีเทลรับอานิสงส์ ชู TNP เด่น ส่งซิกโค้งท้ายโตแรง รับไอซีซั่น เล็งปรับเพิ่มประมาณการกำไรทั้งปี 67 จากเดิมที่ 177 ลบ. พร้อมคัดหุ้น SPVI , JUBILE เด้งรับมาตรการ            ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน Easy E-Receipt รมช.คลัง ชง ครม. สัปดาห์นี้ออกมาตรการ Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษี 5 หมื่น เริ่ม 15 ม.ค. – 28 ก.พ. 25 เพิ่มสิทธิใช้จ่ายการท่องเที่ยว คาดเงินหมุนเวียนในระบบ 7หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ในวงเงิน 50,000 บาทนั้น แบ่งการใช้จ่ายเป็น 2 ส่วน ได้แก่ การใช้สำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค วงเงิน 30,000 บาท และเพิ่มเติมสามารถในแพ็คเกจการท่องเที่ยวได้เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเดินทาง การใช้จ่ายการท่องเที่ยว เช่น แพ็คเกจทัวร์และการจองโรงโรม เป็นต้น การใช้จ่ายผ่านกลุ่มวิสาหกิจชุมชุน และโอท็อป วงเงิน 20,000 บาท เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในกลุ่มเอสเอ็มอีและชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีความเข็งแข็งขึ้น           นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นชั่น ว่า หากมาตรการ Easy E-Receipt ลดหย่อนภาษี 5 หมื่น เดินหน้าตามแผน โครงการดังกล่าวน่าจะเริ่มต้นปี 2568 หรือ ราวๆ วันที่ 15 ม.ค. – 28 ก.พ. 67           สำหรับกลุ่มธุรกิจที่คาดจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการ Easy E-Receipt คือ ธุรกิจค้าปลีก-ออนไลน์ และรีเทล โดยหุ้นที่ขจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) และคาดได้รับอานิสงส์ ได้แก่ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ซึ่งประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่รวมอาหารสดภายใต้ชื่อ "ธนพิริยะ"           บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI ผู้ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่าย (Reseller) ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple ทั้งคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ประเภท iOS และอุปกรณ์เสริมต่างๆ           และ บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกเครื่องประดับเพชรและเพชรกะรัต           ฝ่ายวิเคราะห์ แนะ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 5 บาท "กำไร 3Q67 ดีกว่าคาด 9% ส่วน 4Q67 เติบโตต่อ YoY QoQ" งวด 3Q67 มีกำไร 47 ลบ. +41%YoY +12%QoQ (ดีกว่าที่เราคาด 9%) ส่วนรายได้อยู่ที่ 730 ลบ. +12%YoY +3%QoQ (ดีกว่าที่เราคาด 2%) เติบโตแม้เป็น Low Season ที่เป็นฤดูฝน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ ทำให้มีการเร่งกักตุนสินค้าจำเป็นมากขึ้น ประกอบกับได้อานิสงส์จากมาตรการแจกเงินสด 10,000 บาท ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย. สะท้อน SSSG ที่เติบโต 1.8% รวมทั้งมีการขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 สาขาสู่ทั้งหมด 47 สาขา (+5 สาขา YoY +2 สาขา QoQ) ทั้งนี้ 9M67 มีกำไร 135 ลบ. +25%YoY คิดเป็น 76% ของประมาณการทั้งปี 67 เดิมที่ 177 ลบ. +10%YoY           ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองบวกต่อกำไร 3Q67 ออกมาดีกว่าที่คาด ส่วน 4Q67 คาดเติบโตต่อเนื่อง YoY QoQ จาก 3 ประเด็น คือ 1) เข้าสู่ High Season 2) ได้อานิสงส์จากมาตรการแจกเงินสด 10,000 บาท ที่กลุ่มผู้มีสิทธิ์เพิ่งได้รับเมื่อช่วงปลาย 3Q67 รวมทั้งรอบเก็บตกในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.  และ 3) ขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 สาขา สู่ ณ สิ้นปี 67 ทั้งหมด 49 สาขา ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์เตรียมปรับเพิ่มประมาณการกำไรทั้งปี 67 จากเดิมที่ 177 ลบ. +10% YoY แนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 5 บาท รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

[Vision Exclusive] SPVI ควงมือถือเข้าชิง  กระตุ้นเศรษฐกิจปีใหม่

[Vision Exclusive] SPVI ควงมือถือเข้าชิง กระตุ้นเศรษฐกิจปีใหม่

          หุ้นวิชั่น - สมาคมค้าปลีกไทยเรียกร้องรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลุ้น ช้อปดีมีคืน" และ "Easy E-Receipt" หวนคืนบัลลังก์ จับตาหุ้นจิ๋ว SPVI เข้าชิงสินค้ากระตุ้นเศรษฐกิจ ลุ้น CRC , COM7 , TNP รับอานิสงส์           ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (GBS) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่สมาคมผู้ค้าปลีกไทยเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น โครงการ "ช้อปดีมีคืน" และ "Easy E-Receipt" จำเป็นต้องติดตามว่ามาตรการเหล่านี้จะสามารถดำเนินการได้สำเร็จและจะมีผลกระทบในช่วงเวลาใด อาจจะเป็นช่วงปลายปี 2567 หรือช่วงต้นปี 2568 อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการแจกเงินดิจิตอล 10,000 บาท เฟส 2 ให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ในขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้หรือมีเงินนั้น ภาครัฐกำลังพิจารณามาตรการเพิ่มเติม เช่น "ช้อปดีมีคืน" และ "Easy E-Receipt" ซึ่งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนในอนาคต หากมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากทั้งสองโครงการดังกล่าว คาดว่ากลุ่มบริษัทและสินค้าที่จะได้รับอานิสงส์ ได้แก่ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องมือสื่อสาร เช่น โทรศัพท์มือถือ โดยหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC และบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ส่วนหุ้นขนาดกลางและเล็กที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) คาดว่าจะได้รับผลดีจากมาตรการนี้ ได้แก่ บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI และบริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP อนึ่ง CRC ประกอบธุรกิจ ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งท่มีรูปแบบที่หลากหลาย (Multi-Format and Multi-Category Platform) โดยผ่านการถือหุ้นในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม COM 7 ประกอบธุรกิจหลักในการค้าปลีกสินค้าไอที ประเภทคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะคอมพิวเตอร์แบบพกพา สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเป็นผู้ให้บริการศูนย์ซ่อมแซ่มสินค้าแอปเปิ้ล (iCare) SPVI ประกอบธุรกิจหลักเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่าย (Reseller) ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple ทั้งคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ประเภท iOS และอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ Apple เป็นหลัก เพื่อที่จะรองรับความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายธุรกิจการบริการให้แก่ลูกค้า โดยมีศูนย์บริการสำหรับสินค้าภายใต้ตราผลิตภัณฑ์ Apple ในนาม iCenter TNP ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไม่รวมอาหารสดภายใต้ชื่อ "ธนพิริยะ" ปัจจุบันมีสาขารวมทั้งสิ้น 45 สาขา แบ่งออกเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต 44 สาขา และศูนย์ค้าส่ง 1 สาขา

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011