ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#SPALI


[Vision Exclusive] AP-SPALI ยืนหนึ่ง ตรงทาเก็ทกรุ๊ปผ่อนปรน LTV

[Vision Exclusive] AP-SPALI ยืนหนึ่ง ตรงทาเก็ทกรุ๊ปผ่อนปรน LTV

          นักวิเคราะห์ฯ มองธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (เกณฑ์ LTV) ชั่วคราว สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 เป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะ AP และ SPALI เนื่องจากมีฐานะการเงินแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับกลุ่ม และมองเกณฑ์ดังกล่าวจะหนุนกำลังซื้อกลุ่มชนชั้นกลาง ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพิ่ม โดย AP และ SPALI ถือว่ามีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าระดับกลางมากที่สุด             นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า จากการที่ธปท.ได้ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราว คาดเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AP) และ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) เนื่องจากมองเกณฑ์ดังกล่าวจะส่งผลดีต่อกลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลาง ที่ต้องการจะมีอสังหาริมทรัพย์เพิ่ม ซึ่งสองบริษัทนี้มีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตรงกับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวมากที่สุด           อย่างไรก็ตามในแง่ของการรับรู้รายได้ หรือยอดขาย ที่จะมาจากการผ่อนเกณฑ์ LTV คาดว่าคงไม่เร็ว เนื่องจากมองธนาคารน่าจะไม่รีบอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งก็ต้องมาพิจารณาอีกว่า ผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนหรือไม่ และเศรษฐกิจเอื้อหรือไม่           “เราเห็นด้วยกับธปท. ที่ผ่อนคลายเกณฑ์ LTV แม้จะชั่วคราว โดยมองเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ อย่าง AP และ SPALI ขณะที่การรับรู้รายได้คงไม่เร็วขนาดนั้น และธนาคารน่าจะไม่รีบร้อนอนุมัติสินเชื่อ”  นายธนเดช กล่าว           บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองอสังหาฯ ประเภทคอนโดมิเนียมจะได้ประโยชน์เป็นหลัก และการไม่มีเงินดาวน์จะทำให้เกิดการเก็งกำไรคอนโดเพิ่มมากขึ้น เป็นดีมานด์ที่บวกเพิ่มขึ้นมามากกว่าแนวราบ           ทางฝ่ายฯแนะนำ "ซื้อ" ORI ราคาพื้นฐาน   3.58 บาท, SPALI ราคาพื้นฐาน 19.50 บาท, SIRI ราคาพื้นฐาน   1.98 บาท AP ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท           ทางด้านกลุ่มธนาคารถึงแม้ว่า ธปท. อาจจะมีการผ่อนเกณฑ์ LTV แต่ทางธนาคารอาจจะยังปล่อยกู้อย่างระมัดระวังอยู่เนื่องจาก NPL ยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามน่าจะกระตุ้นความต้องการสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นได้ มองว่าธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อบ้านสูง อย่าง SCB ราคาพื้นฐาน 124 บาท,  TTB ราคาพื้นฐาน 2.18 บาท, KTB ราคาพื้นฐาน 22.50 บาท และ KBANK ราคาพื้นฐาน 166 บาท จะเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์มากที่สุด           บล.กสิกรไทย มอง AP เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ที่สร้างยอดขายรอโอน (presales) สูงสุด โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการในมือมากกว่า 180 โครงการ ในทำเลที่ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองหลักในทุกประเภทผลิตภัณฑ์และทุกกลุ่มลูกค้า อีกทั้งมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง           สำหรับปี 2568 AP มีแผนเปิดตัวโครงการมูลค่าราว 65,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมาย presale ที่ระดับ 55,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 17.6%           บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.7 เท่า สร้างความได้เปรียบด้านต้นทุนการพัฒนาและสภาพคล่อง           ผู้บริหารมีประสบการณ์สูง มีการบริหารงานที่ดี ปรับตัวได้เร็ว และสามารถสร้างความได้เปรียบเมื่อมีโอกาสและลดความเสี่ยงเมื่อตลาดผันผวน           ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไรและราคาต่อมูลค่าทางบัญชีที่ไม่สูง พร้อมให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่ดี สำหรับสาระสำคัญของการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV มีดังนี้ กำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันเป็นร้อยละ 100 สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งกรณี (1) มูลค่าหลักประกันต่ำกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไป และ (2) มูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 1 เป็นต้นไป การผ่อนคลายนี้ให้เป็นการชั่วคราว สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569

SPALI เป้ายอดขายปี68 ที่ 3.2 หมื่นล. ลุยเปิดตัว 36 โครงการใหม่ต่อยอด

SPALI เป้ายอดขายปี68 ที่ 3.2 หมื่นล. ลุยเปิดตัว 36 โครงการใหม่ต่อยอด

              หุ้นวิชั่น - SPALI ปี 2568 ตั้งเป้ายอดขาย 32,000 ล้านบาท พร้อมลุยเปิด 36 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท หวังดันกลุ่มคอนโดฯ เติบโตมากขึ้น ตุนBacklog มูลค่ารวม 11,535 ล้านบาท มองกนง.ลดดอกเบี้ยช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ หนุนตลาดอสังหาฯ กลับมาน่าสนใจ               นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2568 ไว้ที่ 32,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนจาก กลุ่มคอนโดมิเนียม 35% และโครงการแนวราบ 65% สะท้อนกลยุทธ์การกระจายพอร์ตโฟลิโอ เพื่อรองรับดีมานด์ของตลาด ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 11,535 ล้านบาท โดยในปีนี้ โครงการคอนโดมิเนียม ศุภาลัย บูเวล หัวหิน ซึ่งมียอดขายแล้วกว่า 72% เตรียมเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ใน ไตรมาส 3/2568 คาดช่วยเสริมรายรับของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เดินหน้าลงทุน – ทุ่มงบซื้อที่ดินเพิ่ม ขยายพอร์ตโครงการใหม่               สำหรับแผนการลงทุนปี 2568 SPALI วางงบซื้อที่ดินราว 8,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน สะท้อนถึงการเตรียมพร้อมเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทเตรียมงบประมาณ 9,000 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างเพื่อเร่งพัฒนาโครงการต่างๆ ในปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 36 โครงการ มูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 27% และโครงการแนวราบ 73% ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นของโครงการคอนโดมิเนียมถึง 8 โครงการจากปีที่ผ่านมา รับอานิสงส์ กนง. ปรับลดดอกเบี้ย หนุนกำลังซื้อตลาดอสังหาฯ สำหรับแนวโน้มผลประกอบการใน ไตรมาส 1/2568 บริษัทคาดว่ายอดขายยังคงเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับปัจจัยบวกจาก คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ที่ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เมื่อวานนี้ ซึ่งช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้การขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยทำได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ มีแนวโน้มคึกคักมากขึ้น ทั้งนี้ SPALI ยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตธุรกิจด้วยกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อรองรับดีมานด์ของตลาด และเสริมศักยภาพให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2568 โบรกแนะ Trading Buy ให้เป้าที่ 18.40 บาท ด้าน บล.กรุงศรี ประเมินหุ้น SPALI สำหรับ outlook ปี 2568 ท้าทาย กว่าปี 2567 เพราะมี backlog รอโอนราว 7.5 พันลบ. ซึ่งต่ำกว่าปกติ ฝ่ายวิจัยจึงคงกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 5.6 พันลบ. (-9% y-y) ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย คงราคาเป้าหมาย 2568 ที่ 18.40 บาท และคงคำแนะนำ Trading Buy โดยฝ่ายวิจัยยังกังวลต่อกำลังซื้อในกลุ่มกลาง-กลางล่าง (ซึ่งเป็น portfolio หลัก) ยังชะลอตัวและกระทบกับ reject rate ที่สูง

SPALI โกยกำไรปี 67 แตะ 6,189 ลบ. โต 3% ตุนยอดโอนในมือ 11,535 ล้านบาท

SPALI โกยกำไรปี 67 แตะ 6,189 ลบ. โต 3% ตุนยอดโอนในมือ 11,535 ล้านบาท

             หุ้นวิชั่น - บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI รายงานผลการดำเนินงาน 1. รายได้จากการโอนกรรมสิทธิอสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 30,816.65 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว 19.79 ล้านบาท คิดเป็นลดลง0% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับปีก่อนหน้ามาก ถึงแม้ว่าปีที่ผ่านมาจะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยโดยรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์แบ่งเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์เฮ้าส์ 67% อีก 33% เป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุด ในปีนี้ บริษัทฯ มีโครงการอาคารชุดที่สร้างเสร็จและครบกำหนดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด 5โครงการ โดยมีโครงการอาคารชุด 2 โครงการที่เริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 และโอนต่อเนื่องมาตลอดจนถึงไตรมาสที่ 4 ส่วนอีก 3 โครงการเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 และโอนต่อเนื่องมาตลอดจนถึงไตรมาสที่ 4 เช่นกัน ทั้งนี้ในปี 2567 อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯและบริษัทย่อยปรับตัวดีขึ้นจากผลของการควบคุมต้นทุนการก่อสร้างได้ดี 2.ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 4,301.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 444.56 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 12%เนื่องจากมีการเปิดโครงการจำนวนมากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของบริษัทฯและบริษัทย่อยคิดเป็น 13.4%เมื่อเทียบกับรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 12.1% 3. ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมเท่ากับ 393.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 146.85 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 59% เนื่องจากการร่วมค้าและบริษัทร่วมในประเทศออสเตรเสียมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการเพิ่มขึ้น 4. ต้นทุนทางการเงินเท่ากับ 708.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 241.11 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 52% เกิดจากการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมทั้งหนี้สินที่เพิ่มขึ้นจากการขยายการลงทุนของกลุ่มบริษัทฯ 5. กำไรสุทธิสำหรับปีเท่ากับ 6,189.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200.11 ล้านบาทจากปีที่แล้ว คิดเป็นเพิ่มขึ้น 3% เกิดจากอัตรากำไร ขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นตามที่กล่าวในข้อ 1 และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้นตามที่กล่าวในข้อ 3 ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 3.17 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 3.07 บาทต่อหุ้น 6. อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Gearing Ratio) อยู่ที่ระดับ 54% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 สูงขึ้นจากระดับ 44% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เนื่องจากการขยายการลงทุนของกลุ่มบริษัทฯ              อนึ่ง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯและบริษัทย่อย มียอดสัญญาที่ลูกค้าซื้อบ้านและ/หรืออาคารชุดพักอาศัยแล้วแต่ยังไม่ถึงกำหนดโอนให้ลูกค้า 11,535 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและสามารถรับรู้เป็นรายได้ในปี 2568 จำนวน 7,545 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 3,990 ล้านบาทในอีก 3 ปีถัดไป ทั้งนี้ยอดสัญญาที่รอส่งมอบหมายถึงยอดจำนวนเงินรวมของบ้านและ/หรืออาคารชุดพักอาศัยที่รอโอนซึ่งบริษัทฯและบริษัทย่อยจะทยอยรับรู้รายได้ในอนาคตตามมาตรฐานการบัญชีคือรับรู้รายได้เมื่อโอนกรรมสิทธิ์

SPALI คาด Q4 กำไรที่ 1.6 พันลบ. เล็งปันผลที่ 0.60 บ. เคาะซื้อเป้า 20.50 บาท

SPALI คาด Q4 กำไรที่ 1.6 พันลบ. เล็งปันผลที่ 0.60 บ. เคาะซื้อเป้า 20.50 บาท

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า คาดกำไรปกติ 4Q67 ที่ 1.6 พันลบ. (-20% QoQ, -21% YoY) ปรับตัวลดลง QoQ และ YoY ตามการโอนส่งมอบลดลง ประกอบด้วย 1. แนวสูง ไม่มีโครงการสร้างเสร็จใหม่เริ่มโอน การรับรู้รายได้ส่วนใหญ่จึงมาจากโครงการที่แล้วเสร็จช่วง 9M67 จำนวน 5 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 1.6 หมื่นลบ. โดยมีโครงการไฮไลท์ขนาดใหญ่ ได้แก่ Supalai Icon Sathorn ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นลบ. และ 2. แนวราบ แม้มีการเปิดโครงการใหม่จำนวนมากในปี อย่างไรก็ดี ยอด Presales เติบโตอย่างจำกัดตามตลาดแนวราบที่ซบเซา ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดที่ 36.9% (-265 bps QoQ, +200 bps YoY) ตาม Product Mix สัดส่วนการโอนโครงการแนวสูงลดลง (GPM สูงกว่าแนวราบ)หากกำไรปกติ 4Q67 ใกล้เคียงกับที่เราคาด จะส่งผลให้ประมาณการกำไรปกติปี 2567 อยู่ที่ 5.8 พันลบ. (-3% YoY) ใกล้เคียงกับประมาณการเดิมของเรา คาด Presales ปี 2568 เติบโต YoY จากโครงการแนวสูงเปิดใหม่ใน 2H68 บริษัทฯ ประกาศแผนธุรกิจปี 2568 ดังนี้ 1. แผนเปิดโครงการใหม่ 36 แห่ง มูลค่ารวม 4.6 หมื่นลบ. (-10% YoY) โดยเปิดโครงการแนวสูงทั้งหมด 8 แห่ง มูลค่า 1.3 หมื่นลบ. (+21% YoY) ขณะที่ลดการเปิดโครงการแนวราบ เน้นทำเลศักยภาพสูง และเพิ่มโครงการในจังหวัดใหม่ ๆ เช่น ลพบุรี สุพรรณบุรี และเกาะสมุย ซึ่งโครงการเปิดใหม่ราว 80% อยู่ใน 2H68 2. เป้ายอดจองซื้อ (Presales) 3.2 หมื่นลบ. (+20% YoY) (แนวราบ 65% : แนวสูง 35%) 3. รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ 30,000 ลบ. เราประเมินยอด Presales ปี 2568 เติบโต YoY จากฐานต่ำ และแผนเปิดโครงการแนวสูงใหม่ที่เพิ่มขึ้นเด่น อีกทั้งช่วยหนุน Backlog แนวสูงที่อยู่ในระดับต่ำให้กลับมาแข็งแกร่ง และชดเชย Presales แนวราบบางส่วนที่อุปสงค์ยังชะลอตัวจากแรงกดดันปัจจัยมหภาค ปรับลดประมาณการปี 2568 ลง 9% เพื่อให้รัดกุมมากขึ้น            บริษัทฯ มี Backlog สิ้นปี 2024 จำนวน 1.2 หมื่นลบ. ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2025 เพียง 7.5 พันลบ. (คิดเป็น Secured Revenue เพียง 24%) เนื่องจากปี 2025 บริษัทฯ มีโครงการแนวสูงสร้างเสร็จใหม่เริ่มโอนเพียง 1 แห่ง ได้แก่ Supalai Blue Whale Huahin มูลค่า 1.2 พันลบ. (ยอดจองซื้อ 72%) (ลดลงจากปี 2024 ที่มีโครงการสร้างเสร็จใหม่ 5 แห่ง มูลค่ารวม 1.6 หมื่นลบ.) จึงเน้นขายสินค้าแนวสูงที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมโอน            ขณะที่อุปสงค์แนวราบยังมีแนวโน้มชะลอตัวและฟื้นตัวช้ากว่าคาดจากปัจจัยกดดันทั้งกำลังซื้อที่ยังชะลอตัว และความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อยังอยู่ระดับสูง ส่งผลให้เรามองการเติบโตของผลประกอบการปี 2025 ค่อนข้างท้าทาย และเพื่อความรัดกุมมากขึ้นจึงปรับประมาณการกำไรปี 2025 ลง 9% เป็น 5.7 พันลบ. (ทรงตัว YoY) โดยมีแรงหนุนสำคัญจากโครงการ JV ในออสเตรเลียที่คาดจะเห็นการโอนส่งมอบเพิ่มขึ้นเด่น YoY หุ้นปันผล... ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 20.50 บาท            จากการปรับประมาณการ ทำให้ได้ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2025 ใหม่ที่ 20.50 บาท/หุ้น แม้ระยะสั้นผลประกอบการมีแนวโน้มชะลอตัวลงตามตลาดอสังหาฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถรักษาระดับ Market share ได้ดีกว่ากลุ่มฯ และเราคาดปันผล 2H24 ที่ 0.60 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield ราว 3-4% และทั้งปีราว...

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

SPALI ปี 68 แข็งกว่าอุตสาหกรรม! เป้า 19.50 บาท

SPALI ปี 68 แข็งกว่าอุตสาหกรรม! เป้า 19.50 บาท

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง SPALI คาดว่า 4Q67 กำไรอ่อนตัว YoY และ QoQ 4Q67 เปิดตัว 11 โครงการ มูลค่ารวม 15,190 ล้านบาท มี Presale 6,679 ล้านบาท คาดรายได้ 8.4 พันล้านบาท -15.9% YoY และ -13.6% QoQ จากการโอนคอนโด Supalai Icon Sathorn ที่ลดลง และคอนโด Supalai Loft Phasi Chareon Station ที่โอนหมดในช่วง 3Q67 ที่ผ่านมา คาด GPM ที่ 37.5% สูงขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ ตาม Product Mix จากสัดส่วนรายได้คอนโดที่โอน SG&A to Sale คาดที่ 14.9% สูงขึ้น YoY และ QoQ จากปีนี้มีค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น มีส่วนแบ่งกำไรสูงขึ้น YoY และ QoQ จากการลงทุนในออสเตรเลียที่เพิ่มมากขึ้น คาดกำไร 1,489 ล้านบาท -26.2% YoY และ -25.1% QoQ จะทำให้มีกำไรทั้งปี 67 ที่ 5,690 ล้านบาท -5.0% YoY คาดจ่ายปันผล 2H67 เพิ่มอีก 0.78 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 4.7% จากราคาปัจจุบัน          รวมทั้งปี 67 เปิดตัว 41 โครงการ มูลค่า 52,380 ล้านบาท สูงสุดเท่าที่เคยมีมา ส่วนใหญ่เป็นแนวราบ 37 โครงการ มูลค่า 46,580 ล้านบาท แนวสูง 4 โครงการ มูลค่า 5,800 ล้านบาท ทำ Presale 26,743 ล้านบาท -7.4% YoY ปี 68 รุกตลาดคอนโด คาดกำไรแข็งแกร่งกว่าอุตฯ          แผนปี 68 เปิดตัว 36 โครงการ รวมมูลค่า 46,000 ล้านบาท แม้ลดลงกว่าปีก่อนแต่ถือว่ายังอยู่ในระดับที่สูงกว่าอดีตที่เคยเปิดมา โดยเปิดตัวแนวราบ 28 โครงการ มูลค่ารวม 33,170 ล้านบาท ลดลง YoY ขายร่วมกับแนวราบที่เปิดตัวค่อนข้างมากในปีก่อน เปิดตัวคอนโด 8 โครงการ มูลค่า 12,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ในภาวะภาพรวมของตลาดที่ทำยอดขายได้ไม่ดี ธนาคารยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อโครงการให้กับผู้พัฒนาอสังหาฯ ซึ่งจะกระทบกับการปล่อยสินเชื่อของโครงการคอนโดใหม่ๆ          ทำให้ในปี 68 จะยังมีซัพพลายคอนโดใหม่เข้ามาลดลง เป็นข้อได้เปรียบของ SPALI ที่มีฐานะทางการเงินที่ดี IBD/E 0.7 เท่า ต้นทุนทางการเงิน 2.97% ตํ่ากว่า MLR เฉลี่ยที่ 6% หันเข้ามาบุกตลาดคอนโดเพิ่มมากขึ้น และด้วยต้นทุนที่ดินที่ต่ำทำให้มีความได้เปรียบในด้านการกำหนดราคาที่ต่ำกว่าแสนบาท/ตรม. เพื่อหวังกินส่วนแบ่งการตลาดในเซกเมนต์นี้          โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขาย 32,000 ล้านบาท สูงขึ้น YoY หลักมาจากการขายคอนโดในปีนี้ที่เปิดโครงการเพิ่มขึ้น ตั้งเป้ารายได้ 30,000 ล้านบาท ลดลง YoY เนื่องจากปี 68 มีคอนโดครบกำหนดโอนเข้ามาลดลง กอปรกับเน้นขายโครงการแนวราบ RTM ที่เปิดตัวในปี 67 ค่อนข้างมาก ส่วนผลประกอบการปี 68 คาดว่ายังคงแข็งแกร่งกว่าอุตฯ จากการลงทุนที่ออสเตรเลียเพิ่มกว่าเท่าตัว (ส่วนแบ่งกำไร) เข้ามาเสริมทดแทนรายได้โอนในไทยที่ลดลง ราคาพื้นฐานปี 68 ที่ 19.50 บาท/หุ้น อิง P/E 6.5 เท่า          ทางฝ่ายฯ ปรับลด GPM ปี 68 ลง จากคาดว่าแนวสูงมีสัดส่วนรายได้โอนลดลงกว่าปี 67 ปรับกำไรปี 68 ลง 7.5% อยู่ที่ 5,689 ล้านบาท ทรงตัว YoY ใช้ P/E เฉลี่ย 1 ปีย้อนหลังที่ 6.5 เท่า บวกค่าความยั่งยืนของกิจการที่ 0.8% ปรับราคาพื้นฐานลงมาที่ 19.50 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

บล. กรุงศรี คาดพรีเซล SPALI Q4 ที่ 6.7 พันล. โต 25%

บล. กรุงศรี คาดพรีเซล SPALI Q4 ที่ 6.7 พันล. โต 25%

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) มอง SPALI 4Q24 Presale โต y-y, ทรงตัว q-q           มุมมองค่อนข้างลบเล็กน้อยต่อ 4Q24 presale ที่ 6.7 พันล้านบาท (+25% y-y, คงที่ q-q) ถึงแม้จะโต +25% y-y แต่ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตจากกลุ่มคอนโดที่มีการเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก ขณะที่ยอด presale ในกลุ่มโลว์ไรส์ลดลง -17% y-y ซึ่งสะท้อนถึงความชะลอของกำลังซื้อในกลุ่มลูกค้าชั้นกลาง-ล่าง รวมถึงแรงกดดันจาก reject rate ที่ยังสูง สำหรับยอด presale รวมในปี 2024 คาดว่าจะอยู่ที่ 26.7 พันล้านบาท (-7% y-y) คิดเป็น 74% ของเป้าหมายประจำปี 2024F ที่ 36.0 พันล้านบาท           แนวโน้มกำไรสุทธิใน 4Q24F คาดว่าจะยังอยู่ในระดับปกติ โดยคาดว่ากำไรจะอยู่ที่ 1.5-1.6 พันล้านบาท เนื่องจากมี backlog รอโอนจำนวนมาก แต่ก็อยู่ในความคาดหวังของตลาดแล้ว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิคราะห์กังวลเกี่ยวกับ outlook ของปี 2025F ซึ่งยังเป็นสิ่งที่ท้าทาย เนื่องจาก backlog รอโอนที่ต่ำ ทำให้ต้องพึ่งพาการระบายสต็อกที่มีมากมาชดเชย ซึ่งอาจจะไม่ง่าย           คาดกำไรสุทธิในปี 2024-25F จะอยู่ที่ 5.82 พันล้านบาท (-3% y-y) และ 6.15 พันล้านบาท (+6% y-y) และยังคงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP25F = 20.0 บาท ข้อดีของ SPALI คือความสม่ำเสมอของกำไรสุทธิ และแนวโน้มการจ่ายปันผลที่สูงถึง 7.9% ซึ่งทำให้มองว่าเป็นหุ้นที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนในลักษณะ dividend play สำหรับการรายงาน presale ใน 4Q24 คาดว่าจะอยู่ที่ 6.7 พันล้านบาท (+25% y-y, คงที่ q-q)  มุมมองค่อนข้างลบเล็กน้อยต่อยอด presale ใน 4Q24 ที่ 6.7 พันล้านบาท (+25% y-y, คงที่ q-q) ถึงแม้จะโตได้ +25% y-y แต่ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตจากกลุ่มคอนโดที่มียอด presale โตสูงถึง +136% y-y จากการเปิดโครงการใหม่หลายโครงการ ในขณะที่กลุ่มโลว์ไรส์ลดลง -17% y-y ซึ่งสะท้อนถึงกำลังซื้อที่อ่อนแอลงในกลุ่มลูกค้ากลาง-ล่าง รวมถึงแรงกดดันจาก reject rate ที่ยังคงสูง ภาพรวมสัดส่วน presale ใน 4Q24 แบ่งเป็นโลว์ไรส์ : คอนโดที่ 48% : 52% 4Q24 โลว์ไรส์ presale อยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท (-17% y-y, -25% q-q) แม้ในไตรมาสนี้จะมีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้น y-y โดยเปิด 7 โครงการ มูลค่ารวม 9.4 พันล้านบาท (เทียบกับ 4Q23 ที่เปิด 6.6 พันล้านบาท) แต่ average take-up rate อยู่ที่ประมาณ 10% ซึ่งค่อนข้างต่ำ ขณะที่การระบายสต็อกจากโครงการเดิมชะลอลงจากปัญหาด้าน demand ที่ลดลง 4Q24 คอนโด presale อยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท (+136% y-y, +44% q-q) โดยในไตรมาสนี้มีการเปิดคอนโดใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 5.8 พันล้านบาท ซึ่งมี average take-up rate อยู่ที่ประมาณ 38% หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 2.2 พันล้านบาท ในขณะที่การระบายสต็อกจากโครงการเดิมชะลอลง 4Q24 เปิดโครงการใหม่มูลค่า 15.2 พันล้านบาท จำนวน 11 โครงการ (เทียบกับ 4Q23 ที่เปิด 7.6 พันล้านบาท) โดยมีสัดส่วน low-rise : condo ที่ 9.4 พันล้านบาท : 5.8 พันล้านบาท และมี average take-up rate ที่ 10% และ 38% ตามลำดับ 2024 presale คาดว่าจะอยู่ที่ 26.7 พันล้านบาท (-7% y-y) คิดเป็นเพียง 74% ของเป้าหมาย presale ปี 2024F ที่ 36.0 พันล้านบาท โดย presale มาจากกลุ่ม low-rise : condo ที่ 16.8 พันล้านบาท (-14% y-y) : 9.9 พันล้านบาท (+7% y-y) หรือคิดเป็นสัดส่วน 63% : 37% ตามลำดับ ส่วนที่ต่ำกว่าเป้าหมายมาจากกลุ่ม low-rise ที่ยอดขายทั้งจากโครงการใหม่และการระบาย stock ทำได้ต่ำกว่าแผน รวมถึง rejection rate ที่เพิ่มขึ้นมาเป็นประมาณ 15% (จากประมาณ 10% ในปีที่แล้ว) 2024 new launch คาดว่าจะอยู่ที่ 52.4 พันล้านบาท (+77% y-y) แบ่งเป็น low-rise : condo ที่ 46.6 พันล้านบาท (+100% y-y) : 5.8 พันล้านบาท (-8% y-y) โดยมูลค่าการเปิดโครงการใหม่ถือเป็น new high นับตั้งแต่ตั้งบริษัท แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q24F เบื้องต้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5-1.6 พันล้านบาท ลดลง y-y, q-q จากฐานที่สูง โดยรวมไตรมาสนี้ยังมี backlog รอโอนจำนวนมาก ทำให้ภาพรวมกำไรสุทธิคาดว่ายังคงอยู่ในระดับปกติ (แม้ว่า 4Q24F presale จะไม่ดีนัก) คงประมาณการกำไรสุทธิในปี 2024F ที่ 5.8 พันล้านบาท (-3% y-y) ในขณะที่คาดกำไรสุทธิในปี 2025F ที่ 6.15 พันล้านบาท (+6% y-y) โดยการเติบโตในปี 2025F คาดว่าจะมาจากพอร์ตโฟลิโอในออสเตรเลียเป็นหลัก ส่วนพอร์ตโฟลิโอในไทยคาดว่าจะทรงตัว y-y แผนธุรกิจปี 2025F: ทาง SPALI ยังไม่ได้แจ้ง แต่เบื้องต้นคาดตั้งเป้า presale และ transfer โต y-y โดยการเติบโตส่วนหนึ่งมาจากปี 2024 ที่ต่ำกว่าเป้า ในขณะที่คาดการณ์การเปิดโครงการใหม่จะลดลง y-y จากการเร่งระบาย stock ที่เหลือขายหลังจากเปิดโครงการใหม่มากในปี 2024 ที่ผ่านมา ความเห็นและคำแนะนำ มองแนวโน้ม 1H25F ด้าน presale และ transfer ไม่ดีนัก โดยคาดว่าจะยังถูกกดดันจาก demand ที่ชะลอตัว, rejection rate ที่สูง รวมถึงไม่มีส่วนช่วยจากมาตรการรัฐที่ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ในที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 7.0 ล้านบาทเหมือนปีก่อน ซึ่งเป็นพอร์ตหลักของ SPALI ประมาณการกำไรสุทธิ 2024F ที่ 5.8 พันล้านบาท (-3% y-y) คาดว่าเป็นไปได้ในขณะที่ประมาณการกำไรสุทธิ 2025F ที่ 6.1 พันล้านบาท (+6% y-y) อาจมีโอกาส downside เล็กน้อย โดยโอกาส downside มาจากแนวโน้มการโอนที่ต่ำกว่าคาด หากทุกการโอนต่ำกว่าคาด 5% (จากเป้าโอนปี 2025F ที่ใกล้เคียงปี 2024F) จะมีผลกระทบ downside ต่อกำไรสุทธิประมาณ 7% หรือราว 400 ล้านบาท คง TP25F ที่ 20.0 บาท และคงแนะนำ Trading Buy เนื่องจาก outlook ปี 2025F ยังเป็นสิ่งที่ท้าทาย เพราะ backlog condo ที่รอโอนในปี 2025F ไม่มาก โดยมีเพียง 2.3 พันล้านบาท ทำให้ต้องพึ่งพาการระบาย stock condo หรือการขาย low-rise ที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อชดเชย ซึ่งอาจทำได้ยากในสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างไรก็ตามจุดเด่นของ SPALI ยังคงเป็นความสม่ำเสมอของกำไรสุทธิ และแนวโน้มปันผลที่สูง 7.9% ซึ่งมองว่า SPALI เป็นหุ้นในกลุ่ม dividend play

SPALI กำไรดีกว่าคาด ยอดโอน-GPM แกร่ง

SPALI กำไรดีกว่าคาด ยอดโอน-GPM แกร่ง

           หุ้นวิชั่น - บทวิเคราะห์ บล. ดาโอระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” SPALI และราคาเป้าหมาย 24.00 บาท อิง 2025E PER ที่ 7.5 เท่า (-0.25SD below 5-yr average PER) SPALI รายงาน 3Q24 มีกำไรสุทธิ 2.0 พันล้านบาท (+67% YoY, +24% QoQ) ดีกว่า consensus และที่ทำไว้ที่ 1.85 พันล้านบาท            โดยเป็นผลจาก 1) รายได้ดีกว่าคาดอยู่ที่ 9.8 พันล้านบาท (+37% YoY, +24% QoQ) จากยอดโอนคอนโดที่เพิ่มขึ้น โดยมีคอนโดใหม่เริ่มโอนใน 3Q24 ที่ 1 โครงการ และโอนโครงการใหม่ต่อเนื่องจาก 2Q24 อีก 3 โครงการ, 2) GPM ดีกว่าคาดเป็น 39.6% (3Q23 = 36.6%, 2Q24 = 36.1%) เนื่องจากคอนโดที่โอนส่วนใหญ่มี GPM ที่สูง ดังนั้น ส่งผลให้ 9M24 มีกำไรสุทธิ 4.2 พันล้านบาท +6% YoY            ประมาณการกำไรปี 2024E/25E ที่ 5.9 พันล้านบาท -1% YoY และ 6.3 พันล้านบาท +6% YoY โดยกำไร 9M24 จะคิดเป็น 71% จากทั้งปี สำหรับกำไร 4Q24E ยังมีทิศทางทีดี จาก backlog ที่ยังสูง ตามคอนโดใหม่ที่ยังโอนได้ต่อเนื่อง และยังมี upside จากร่วมทุนกับ Stockland ในออสเตรเลีย ที่จะเริ่มรับรู้กำไรได้ตั้งแต่เดือน พ.ย.24            ราคาหุ้น outperform SET +3% ในช่วง 3 เดือน จากกำไร 2Q-3Q24 ที่ดีขึ้น และได้ปัจจัยบวกจากการที่ ธปท.ปรับลดดอกเบี้ย แต่กลับมา underperform SET -5% ในช่วง 1 เดือน ทั้งนี้ เรายังแนะนำ ซื้อ จากกำไร 4Q24E และปี 2025E ที่มีทิศทางดีขึ้นตามยอดโอน และยังมี upside จากส่วนแบ่งกำไรที่ออสเตรเลีย ด้าน valuation ปัจจุบันยังน่าสนใจเทรดที่ 2025E PER ที่ 5.8 เท่า คิดเป็น -2.0SD

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

[ภาพข่าว] SISB ผนึก SPALI ปักหมุดโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์แห่งที่ 7 สู่ทำเลปทุมธานี

[ภาพข่าว] SISB ผนึก SPALI ปักหมุดโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์แห่งที่ 7 สู่ทำเลปทุมธานี

           บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดย ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร ได้ลงนามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินขนาดพื้นที่ 20-0-2.9 ไร่ บนถนนเลียบคลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี ให้แก่ บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) โดย นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนางสาววิลาวัณย์ แก้วกนกวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายรับสมัครนักเรียน เพื่อเตรียมรองรับการดำเนินกิจการโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ ลำดับที่ 7 ในประเทศไทย โดยที่ดินดังกล่าวอยู่ใกล้โครงการ    ศุภาลัย พรีม่า วิลล่า รังสิต-คลอง 3 ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มลูกค้าสามารถเข้าถึงโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้ปกครองและนักเรียนในพื้นที่            ที่ดินแปลงดังกล่าวบมจ.เอสไอเอสบี (SISB) จะพัฒนาเป็นโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์แห่งที่ 7  ที่มุ่งนำการศึกษาคุณภาพระดับนานาชาติเข้าถึงคนไทยมากขึ้น โดยมีจุดเด่นคือหลักสูตรการศึกษาที่มีชื่อเสียงจากประเทศสิงคโปร์ โดยเฉพาะหลักสูตรประถมศึกษาที่เน้นความเป็นเลิศทางวิชาการในด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน ต่อเนื่องไปถึงระดับมัธยมศึกษาซึ่งเป็นหลักสูตรจากสหราชอาณาจักร IGCSE และ A/AS Level ซึ่งความร่วมมือนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ บมจ.ศุภาลัย ที่มุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลศักยภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมการศึกษาและการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพ

SPALI กำไร Q3-Q4 ฟื้นชัด ขานรับดอกเบี้ยขาลง

SPALI กำไร Q3-Q4 ฟื้นชัด ขานรับดอกเบี้ยขาลง

          หุ้นวิชั่น-บล.ดาโอ ปรับคำแนะนำ SPALI  ขึ้นเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายเป็นปี 2025E ที่ 24.00 บาท อิง PER ที่ 7.5 เท่า (-0.25SD below 5-yr average PER) จากเดิมที่ 18.00 บาท อิง 2024E PER ที่ 7.0 เท่า (-1.0SD below 5-yr average PER)           มองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ (17 ต.ค.) ได้แก่ 1) presales 3Q24E ดีขึ้นเป็น 6.7 พันล้านบาท +8% YoY, +4% QoQ และแนวโน้ม 4Q24E จะยังดีขึ้น YoY, QoQ เป็นประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากการเปิดคอนโดใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับดี รวมถึงแนวราบจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นจากการที่ กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ย, 2) เราประเมินยอดโอน 3Q24E จะดีขึ้นเป็น 9.6 พันล้านบาท +35% YoY, +22% QoQ จากยอดโอนคอนโดใหม่เพิ่มขึ้น และแนวโน้ม 4Q24E จะยังดีต่อเนื่องจากการเร่งโอนก่อนสิ้นสุดมาตรการลดค่าโอนและจดจำนอง และ 3) โครงการร่วมทุนกับ Stockland ที่ออสเตรเลียคืบหน้า โดยได้ผ่านการตรวจสอบ antitrust จากทางการของออสเตรเลียแล้ว และคาดว่าจะสามารถเข้าทำธุรกรรมได้ภายใน ต.ค.24           ปรับประมาณการกำไรปี 2024E/25E ขึ้น +17%/+20% เป็น 5.9 พันล้านบาท -2% YoY และ 6.3 พันล้านบาท +8% YoY ตามแนวโน้มยอดโอนที่ดีขึ้นจากเดิม สำหรับ 3Q24E เราประเมินกำไรที่ 1.85 พันล้านบาท (+55% YoY, +16% QoQ) จากยอดโอนที่ดีขึ้น และ GPM ที่เพิ่มขึ้นจากคอนโดใหม่ ขณะที่กำไร 4Q24E จะยังดีต่อเนื่องจากการเร่งโอนก่อนสิ้นสุดมาตรการลดค่าโอนและจดจำนอง, กำลังซื้อเริ่มดีขึ้นจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมทุนกับ Stockland ที่ออสเตรเลีย           ราคาหุ้น underperform SET -10% ในช่วง 6 เดือน จากกำไร 1H24 ที่ลดลง และกังวลธุรกิจอสังหาฯ ที่ชะลอตัว แต่กลับมา outperform SET +2%/+5% ในช่วง 1 และ 3 เดือน จากความคาดหวังที่ ธปท.จะปรับลดดอกเบี้ย ทั้งนี้           ปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ จากแนวโน้มกำไร 3Q-4Q24E ที่จะกลับมาฟื้นตัวดีกว่าเดิม, ทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มปรับตัวลดลง ส่งผลบวกต่อกำลังซื้อที่อยู่อาศัย ด้าน valuation ปัจจุบันยังน่าสนใจเทรดที่ 2025E PER ที่ 6.4 เท่า คิดเป็น -1.5SD

SPALI การจัดการล้ำสมัย

SPALI การจัดการล้ำสมัย

การจัดการล้ำสมัยแบบศุภาลัย           ในสถาบัน MBA ต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือทวีปอะไร ต่างสอนเกี่ยวกับ “ความเสี่ยง” และ “ผลตอบแทน” ในทิศทางเดียวกันว่า: ถ้าหวัง “ความเสี่ยงต่ำ = จะได้ผลตอบแทนต่ำ” ถ้ายอมรับ “ความเสี่ยงสูง = จะได้ผลตอบแทนสูง” แต่การสอนใน “บมจ.ศุภาลัย” นั้นแตกต่างออกไป ในทางตรงกันข้าม: เราสอนว่า: เราต้องการ “ความเสี่ยงต่ำ = แต่หวังผลตอบแทนสูง” สิ่งนี้เป็นไปได้จริงหรือ แล้วจะทำได้อย่างไรเล่า? โดยปกติแล้ว ความเสี่ยงมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ “ความเสี่ยงทางธุรกิจ” และ “ความเสี่ยงทางการเงิน” แนวทางของศุภาลัยในการลด “ความเสี่ยงทางธุรกิจ” คือ: หลีกเลี่ยงโครงการและทำเลที่มีความเสี่ยงสูง พัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการให้ดีที่สุด โดยนำมาตรฐาน ISO 9001:2015, ระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) และการสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมมาใช้ เป็นต้น “คุณภาพ” ที่ดีจะสร้าง “แบรนด์” ให้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงแต่กลับเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น ขยายธุรกิจทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง เพื่อเพิ่มการเติบโตและบรรลุ “Economy of Scale” ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนลดลงและได้กำไรมากขึ้น ดำเนินธุรกิจ นอกจากบนพื้นฐานที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ต้องถูกจริยธรรมและจรรยาบรรณที่ดีด้วย วิธีการลด “ความเสี่ยงทางการเงิน” ของศุภาลัย คือ: รักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt/Equity) และอัตราส่วนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย / ส่วนของทุน (Gearing Ratio) ให้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความน่าเชื่อถือ ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับสูง = “A” ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งช่วยให้ขยายการเติบโตได้อย่างกว้างขวางทั้งในตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ รูปแบบการเติบโตของศุภาลัย:           “Dual Track” พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบและแนวสูง กรุงเทพฯ และเมืองต่างจังหวัด ปัจจุบัน “ศุภาลัย” กำลังพัฒนาโครงการ 250 โครงการใน 29 จังหวัดทั่วประเทศไทย           นอกจากนี้ ศุภาลัยยังได้ขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียนและออสเตรเลีย การลงทุนในออสเตรเลียได้เติบโตขึ้นจาก 1 โครงการเมื่อ 11 ปีที่แล้ว เป็น 24 โครงการใน 4 รัฐ 6 เมืองในปัจจุบัน           กลยุทธ์ “Dual Track” และ “Triple Track” มีเป้าหมายเพื่อเพิ่ม “ศักยภาพการเติบโต” และ “กระจายความเสี่ยง” ซึ่งทั้ง 2 กลยุทธ์นี้ตอบโจทย์ทั้ง 2 เป้าหมายได้เป็นอย่างดี แล้วในส่วนของ “ผลตอบแทนสูง” ล่ะ เป็นอย่างไร?           วิธีที่ดีที่สุดในการวัด “ผลตอบแทนสูง” คือการเปรียบเทียบกับบริษัทจดทะเบียน 10 อันดับแรกในอุตสาหกรรมเดียวกัน ผลลัพธ์การเปรียบเทียบแสดงให้เห็นถึงผลตอบแทนของ “SUPALAI” ที่ดีกว่าอย่างชัดเจน และยังมีความเสี่ยงทางการเงินน้อยกว่าด้วย ดังนี้:           นิตยสารการเงินธนาคารได้ยืนยันถึงผลงานที่ยอดเยี่ยมของศุภาลัย โดยจัดให้ศุภาลัยอยู่ในอันดับ 1 ด้านความเป็นเลิศ และมอบรางวัล “บริษัทยอดเยี่ยมแห่งปี 2566 กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง” (Best Public Company – Property and Construction Industry 2023) จากการจัดอันดับ Best Public Companies of The Year 2023           “ความลับ” เบื้องหลังความสำเร็จในระยะยาวของ “ศุภาลัย” มาจาก “ปรัชญา” ของรูปแบบการจัดการของศุภาลัย ดังนี้:           ตารางเปรียบเทียบระหว่างการจัดการล้าสมัย (Old Fashion Management), การจัดการตามสมัยใหม่ (Modern Management), และการจัดการล้ำสมัยแบบศุภาลัย (Supalai’s Post Modern Management) ซึ่งสามารถแปลเป็นภาษาไทยได้ดังนี้:

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

บล.กรงุศรี ให้ Trading Buy

บล.กรงุศรี ให้ Trading Buy "SPALI" เป้า 20 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จํากัด (มหาชน) (KSS) มีมุมมองต่อ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI โดยมอง neutral ต่อ 3Q24 presale ที่ 6.7 พันลบ. (+8% y-y, +4% q-q) เพราะโตเล็กน้อย y-y, q-q ถึงแม้ไตรมาสนี้เปิดโครงการ low-rise ใหม่มาก ซึ่งสะท้อน demand ที่ชะลอลง รวมถึงแรงกดดันจาก reject rate สูง           สำหรับ 9M24 presale เท่ากับ 20.1 พันลบ. (-15% y-y) คิดเป็น 56% จากเป้าปี 2024F ที่ 36.0 พันลบ. (+25% y-y) โดยเรามองโอกาส downside ราว 25% หรือที่ราว 27.0 พันลบ. สำหรับแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q24F คาดยังดี โดยคาดราว 1.6-1.7 พันลบ. เพราะมี condo โครงการใหม่โอนมาก แต่อยู่ในความคาดหวังของ consensus อยู่แล้ว แต่กังกลต่อ outlook ปี 2025F ยังเป็นสิ่งที่ท้าทาย เพราะ backlog condo รอโอนต่ำ ทำให้ต้องพึ่งพิงการระบาย stock condo และการขาย low-rise ที่มากมาชดเชย ซึ่งอาจทำได้ไม่ง่าย ทำให้โอกาสที่ประมาณการกำไรสุทธิ 2025F จะถูกปรับลดลงมีสูง คงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP25F = 20.0 บาท

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011