ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#SMPC


SMPC กำไรปี 67 โต 61% รับยอดขายพุ่ง-ต้นทุนลด ตั้งเป้าปีนี้โตต่อ 15-20%

SMPC กำไรปี 67 โต 61% รับยอดขายพุ่ง-ต้นทุนลด ตั้งเป้าปีนี้โตต่อ 15-20%

          SMPC โชว์ฟอร์มแกร่ง ผลประกอบการปี 2567 โกยกำไร 597.55 ลบ. โตทะยาน 61% มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 4,576.93 ลบ. เพิ่มขึ้น 20.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ด้านบอร์ดชงจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.27 บ./หุ้น กำหนด Record Date ในวันที่ 8 เม.ย. 2568 และจ่ายเงินปันผล 30 เม.ย. 2568 นี้ เปิดแผนธุรกิจปี 2568  ตั้งธงยอดขายโตราว 15-20% จากปีก่อน พร้อมกลยุทธ์ตั้งรับเศรษฐกิจโลกผันผวน           นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 597.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 226.31 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61% จากปีก่อนที่มีกำไร 371.24 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น อัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น และภาษีลดลง           โดยในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 4,576.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 766.06 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20.1% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,810.87 ล้านบาท จากความต้องการต่อเนื่องเพื่อใช้ถังเป็นบรรจุภัณฑ์ในการขายแก๊สและทดแทนถังเดิมบางส่วน รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบอย่างเหล็กที่ลดลงประมาณ 15% จากปีก่อน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยยังอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม            “แนวโน้มคำสั่งซื้อในปี 2568 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การแข่งขันด้านราคาผ่อนคลายลง ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพช่วยเสริมความแข็งแกร่งของบริษัท และด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว พร้อมกับการบริหารซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ บริษัทจึงพร้อมเดินหน้ารับโอกาสการเติบโตในอนาคต           อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบ เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้ารอบใหม่ และนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยจะมุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบ เช่น ราคาเหล็ก ค่าขนส่ง และความผันผวนของค่าเงินบาท เพื่อให้สามารถรักษาการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้” นายสุรศักดิ์ กล่าว           สำหรับแผนธุรกิจปี 2568 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจ โดยวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 15-20% จากปีก่อน แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกอาจเผชิญความท้าทายจากปัจจัยต่างๆ อาทิ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้ารอบใหม่ และนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจและตลาดที่สามารถขยายตัวได้ โดยจะมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนวัตถุดิบ ควบคุมค่าใช้จ่าย และปรับกลยุทธ์ซัพพลายเชน เพื่อให้สามารถแข่งขันและเติบโตต่อไปได้           “เรามั่นใจว่าปี 2568 จะเป็นอีกปีที่ SMPC สามารถขยายตลาดและรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ” นายสุรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย           อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทด้วยดีเสมอมา บริษัทได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.27 บาทต่อหุ้น รวมทั้งปี 2567 จ่ายในอัตรา 0.67 บาทต่อหุ้น ซึ่งได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วสำหรับงวดครึ่งปีแรก 2567 ในอัตรา 0.40 บาทต่อหุ้น โดยเงินปันผลทั้งหมดจ่ายจากกำไรของกิจการที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 20 และจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่กฎหมายกำหนด กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 8  เมษายน 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผล 30 เมษายน 2568

SMPC ถังแก๊สกำไรพุ่ง61% จัดเต็มจ่ายปันผล 0.27 บาท 

SMPC ถังแก๊สกำไรพุ่ง61% จัดเต็มจ่ายปันผล 0.27 บาท 

          หุ้นวิชั่น - บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC แจ้งมายังตลาดหลักทรัพย์ว่า ผลประกอบการปี 2567 มีกำไรทั้งสิ้น 597.55 ล้านบาท หรือ 1.12 บาทต่อหุ้น จากปีก่อนมีกำไรทั้งสิ้น 371.23 ล้านบาท หรือ 0.69 บาทต่อหุ้น เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 61% พร้อมจ่ายปันผล 0.27 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 4 เม.ย. 2568 สาเหตุกำไรโต            1. รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 766.06 ล้านบาท (20.1%) จาก 3,810.87 ล้านบาท เป็น 4,576.93 ล้านบาท จากความต้องการต่อเนื่องเพื่อใช้ถังเป็นบรรจุภัณฑ์ในการขายแก๊สและทดแทนถังเดิมบางส่วน ต้นทุนวัตถุดิบ (เหล็ก) ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 15% แต่ราคาขายใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากยอดขายถังสามส่วนที่ราคาขายสูงกว่าถังสองส่วนเพิ่มขึ้น และค่าเงินบาทอ่อนลงเล็กน้อย           2. ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 406.35 ล้านบาท (12.9%) จาก 3,139.59 ล้านบาท เป็น 3,545.94 ล้านบาท สอดคล้องกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น ส่วนต้นทุนวัตถุดิบ (เหล็ก) ลดลงจากปีก่อน 15% และปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 20% ทำให้ต้นทุนผลิตต่อหน่วยลดลง           3. กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 359.71 ล้านบาท (53.6%) จาก 671.28 ล้านบาท เป็น 1,030.99 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 17.6% เป็น 22.5% เป็นผลจากปีก่อนสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงถดถอยส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง ในขณะที่ปีนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น บริษัทได้รับคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก การแข่งขันด้านราคาจึงลดลง ต้นทุนต่อหน่วยลดลง ทำให้อัตราการทำกำไรดีขึ้น           4. รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 43.62 ล้านบาท (20.7%) จาก 211.00 ล้านบาท เป็น 254.62 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ค่าขายเศษเหล็กเพิ่มขึ้นตามปริมาณผลิตที่เพิ่มขึ้น และจากกำไรจากเงินลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น สุทธิกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง           5. ค่าใช้จ่ายในการขายและการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 146.75 ล้านบาท (75.7%) จาก 193.86 ล้านบาท เป็น 340.61 ล้านบาท สอดคล้องกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นและอัตราค่าระวางเรือปรับขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งในหลายภูมิภาค           6. ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 77.55 ล้านบาท (37.1%) จาก 209.09 ล้านบาท เป็น 286.64 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากค่าบริจาคการกุศลตามโครงการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ด้านการสนับสนุนองค์กรท้องถิ่นด้านสาธารณสุข ซึ่งบริษัทมีสิทธิหักภาษีได้สัดส่วนร้อยละ 200 ของเงินลงทุนดังกล่าว นอกจากนี้ยังเกิดจากค่าส่งเสริมการขายที่เพิ่มขึ้นตามยอดขาย และจากโบนัสจ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นตามผลประกอบการที่ดีขึ้น           7. ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 11.56 ล้านบาท (59.8%) จาก 19.33 ล้านบาท เป็น 30.89 ล้านบาท สอดคล้องกับภาระหนี้จากการซื้อวัตถุดิบเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามอัตราตลาด           8. ภาษีเงินได้ลดลง 58.84 ล้านบาท (66.3%) จาก 88.76 ล้านบาท เหลือ 29.92 ล้านบาท ในขณะที่ผลประกอบการดีขึ้น เนื่องจากการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากโครงการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ด้านการสนับสนุนองค์กรท้องถิ่นด้านสาธารณสุข โดยมีอัตราภาษีคงเดิมที่ 20%           9. กำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 226.31 ล้านบาท (61.0%) จาก 371.24 ล้านบาท เป็น 597.55 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น อัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น และภาษีลดลง

SMPC 9 เดือน กำไร 451.87 ลบ. คาด Q4 แรงต่อ หนุนยอดขายปี 67 โต 20%

SMPC 9 เดือน กำไร 451.87 ลบ. คาด Q4 แรงต่อ หนุนยอดขายปี 67 โต 20%

          SMPC โชว์ฟอร์มแกร่ง งวด 9 เดือนแรกปีนี้ โกยกำไร 451.87 ลบ. โต 68.8% มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 3,445.23 ลบ. เพิ่มขึ้น 24.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งซิก Q4 โค้งสุดท้ายของปี โตต่อเนื่อง หนุนยอดขายทั้งปีเติบโต 20% ตามแผน พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์เน้นเพิ่มการขายผลิตภัณฑ์ถังทนความดันต่ำประเภทอื่นๆ เพิ่มมาร์จิ้น ลุยขยายตลาดในภูมิภาคที่หลากหลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง           นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 451.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 184.10 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 267.77 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น อัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น และภาษีลดลง มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 3,445.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 670.23 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.2% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,775.00 ล้านบาท เป็นผลจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 24% จากความต้องการต่อเนื่องเพื่อใช้ถังเป็นบรรจุภัณฑ์ในการขายแก๊สและทดแทนถังเดิมบางส่วน ทางด้านราคาขายราคาวัตถุดิบ (เหล็ก) ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 15% แต่ราคาขายลดลงจากงวดก่อนเล็กน้อย เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 4%           “ผลประกอบการที่ออกมาในงวด 9 เดือนของปี 2567 เป็นที่น่าพอใจทั้งรายได้และกำไร โดยกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 778.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 486.58 ล้านบาท เป็นผลจากงวดเดียวกันของปีก่อนสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงถดถอย ส่งผลให้คำสั่งซื้อลดลงและเกิดการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรงในบางตลาด ในขณะที่งวดนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น บริษัทได้รับคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก การแข่งขันด้านราคาจึงลดลง นอกจากนี้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ลดลงทำให้อัตราการทำกำไรดีขึ้น” นายสุรศักดิ์ กล่าว ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,166.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 335.44 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40.4% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 831.14 ล้านบาท เป็นผลจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น 46% จากความต้องการต่อเนื่องเพื่อใช้ถังเป็นบรรจุภัณฑ์ในการขายแก๊สและทดแทนถังเดิมบางส่วน โดยราคาขายลดลงจากงวดก่อนเล็กน้อย เนื่องจากงวดนี้สัดส่วนการขายถังสองส่วนซึ่งเป็นถังขนาดเล็กเพิ่มขึ้นจากงวดก่อนที่ส่วนใหญ่เป็นการขายถังสามส่วนซึ่งเป็นถังขนาดใหญ่ ประกอบกับราคาเหล็กลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 12% ส่วนค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 100.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.85 ล้านบาท หรือ 18.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 84.37 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น อัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้น และภาษีลดลง           โดยในไตรมาส 3/2567 บริษัทยังได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ค่าขนส่งทางเรือปรับราคาเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ลูกค้าบางส่วนชะลอการสั่งซื้อและชะลอการรับของ และผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2567 และไตรมาส 3/2566 ทำให้ยอดขายลดลง           สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ช่วงโค้งสุดท้ายของปี คาดว่ามีการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยบริษัทยังคงนโยบายและกลยุทธ์ในการขาย เน้นเพิ่มการขายผลิตภัณฑ์ถังทนความดันต่ำประเภทอื่นๆ นอกเหนือจากถังแก๊สสำหรับใช้ตามครัวเรือนที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักในปัจจุบัน และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ผลิตน้อยรายแต่มีโอกาสเติบโตสูง เพื่อรักษาอัตราการทำกำไรของบริษัทให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ในขณะเดียวกันยังคงเร่งเข้าไปทำการตลาดในภูมิภาคที่หลากหลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ถังใหม่ซึ่งพัฒนาสำเร็จ และได้รับการรับรองมาตรฐานตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มยอดขายและอัตราการทำกำไร           อย่างไรก็ดี ปี 2567 นี้ บริษัทคาดยอดขายจะเติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน โดยการเติบโตจะมาจากสัญญาณความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เห็นได้จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเดินหน้าบุกตลาดถังพัฒนาใหม่ ถังขนาดใหญ่และถังประเภทอื่นที่มีอัตราการทำกำไรดี ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการกระจายความเสี่ยง รวมถึงการรักษาระดับมาร์จิ้นของบริษัทให้ดีขึ้นได้ [PR News]

พฤอา
242526272812345678910111213141516171819202122232425262728293031123456