ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#SHR


SHR เปิด 3 ปัจจัยหนุน ราคาหุ้นน่าสน เคาะเป้า 2.90บ. 

SHR เปิด 3 ปัจจัยหนุน ราคาหุ้นน่าสน เคาะเป้า 2.90บ. 

             หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กรุงศรี แนะนำซื้อสำหรับ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR โดยราคาเป้าหมายที่ 2.90 บาท โดยได้รับแรงหนุนจาก (i) การดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง โดย RevPAR เติบโต 9% yoy และคาดการณ์ว่า RevPAR จะเติบโตในระดับตัวเลขเดียวใน 1Q25F ซึ่งขับเคลื่อนโดยโรงแรมในประเทศไทยและ Outrigger (ii) SHR กำลังเข้าสู่ช่วงการเติบโตสูง โดยคาดว่ากำไรจะเติบโตสองเท่าในปี 2025F (iii) แม้ว่าตลาดจะกังวลว่านักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทย ทำให้ราคาหุ้น SHR ปรับตัวลดลง แต่เราคาดว่าผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะมีผลจำกัดต่อ SHR เนื่องจากการกระจายทำเลที่ตั้งและลูกค้า ประเทศไทยคิดเป็น 18% ของรายได้และสัดส่วนลูกค้าจีนคิดเป็นเพียง 3% ของทั้งหมด ดังนั้น ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมาทำให้ SHR น่าสนใจในแง่มูลค่า ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 16 เท่า และ P/BV 0.4 เท่า

SHR โบรกอัพเป้าใหม่ 3.2 บ. จับตาโรงแรมกลับมาเด่น

SHR โบรกอัพเป้าใหม่ 3.2 บ. จับตาโรงแรมกลับมาเด่น

             หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง SHR (ซื้อ / ปรับเป้าขึ้นเป็น 3.20 บาท) 2025E โตเด่นจากไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก SO Maldives              เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" SHR และปรับราคาเป้าหมายปี 2025E ขึ้นเป็น 3.20 บาท (เดิม 2.60 บาท) โดยอิง DCF (WACC 8.6%, terminal growth 2.5%) จากการปรับกำไรเพิ่มขึ้น เรามีมุมมอง เป็นบวก จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ เนื่องจากบริษัท จะไม่ต้องบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนจาก SO Maldives ตั้งแต่ 1Q25E เพราะที่ผ่านมาบันทึกขาดทุนจนเกินมูลค่าเงินลงทุนที่ 12 ล้านเหรียญสหรัฐ (เราคาดว่าส่วนแบ่งขาดทุนปี 2025 อยู่ที่ -178 ล้านบาท)              ผู้บริหารตั้งเป้า RevPAR ปี 2025E โต 5-10% (เราคาด 5%) โดยได้แรงหนุนจาก การเติบโตของโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ เป็นหลัก พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 2025E ไว้ที่ 11,000 ล้านบาท (+6% YoY) ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ ภาพรวม Occupancy Rate (Occ. Rate) ในเดือน ม.ค. 2025 ปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ โดย มัลดีฟส์อยู่ที่ 90% (เพิ่มขึ้นจาก 4Q24 ที่ 80%) และ ไทยอยู่ที่ 90% (เพิ่มขึ้นจาก 4Q24 ที่ 59%) ส่วน UK ลดลงเหลือ 48% (จาก 4Q24 ที่ 64%) เนื่องจากเป็นช่วง Low Season              เราปรับประมาณการ กำไรสุทธิปี 2025E/2026E ขึ้น +56%/+31% จากการปรับออกส่วนแบ่งขาดทุนของ SO Maldives และปรับอัตราภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 22% จาก 20% เนื่องจากผลกระทบจาก GMT ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิปี 2025E อยู่ที่ 453 ล้านบาท (+238% YoY) ขณะที่กำไร 1Q25E คาดว่าจะยังเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากยังเป็น High Season ของไทยและมัลดีฟส์ โดยเฉพาะเดือน ม.ค. 2025 ที่ทำกำไรได้เทียบเท่ากับทั้ง 4Q24 แล้ว ราคาหุ้นปรับขึ้น +22% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับ SET จากกำไร 4Q24 ที่ออกมาดี และแนวโน้ม 1Q25E ที่ยังดีต่อเนื่อง รวมถึงการไม่มีบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนจาก SO Maldives อีกต่อไป ประกอบกับ 2025E EV/EBITDA อยู่ที่เพียง 8.3x (-2.00SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี) และ PBV เพียง 0.5x ซึ่งต่ำที่สุดในกลุ่มท่องเที่ยว            แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 3.20 บาท

SHR ปีนี้ปักธงรายได้ 11,000 ลบ. คาด RevPar โต โบรกเคาะเป้า 3.50 บาท

SHR ปีนี้ปักธงรายได้ 11,000 ลบ. คาด RevPar โต โบรกเคาะเป้า 3.50 บาท

 หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กสิกรไทย คงมุมมองเชิงบวกต่อ SHR จากการประชุมที่ผ่านมา โดยผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ในปี 2568 ที่ระดับ 11,000 ล้านบาท คาดการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPar) ที่ 5-10% เมื่อเทียบกับปีก่อน นำโดยโรงแรมในไทยที่คาดว่าจะเติบโต 20-25% เมื่อเทียบกับปีก่อน และโรงแรมใน Mauritius ที่คาดเติบโต 25-30% ในขณะที่โรงแรมใน Maldives และ Fiji จะเติบโตประมาณ 5-10% ส่วนการเติบโตในระยะยาวจะมาจากการขาดทุนที่น้อยลงของกิจการร่วมค้าใน Maldives การลดลงของอัตราดอกเบี้ย และการเพิ่มอัตรากำไรจากทั้งการเพิ่มอัตราค่าห้องพักและอัตราการเข้าพัก นอกจากนี้ เราคาดว่าในไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทจะยังคงสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่นจากโรงแรมในไทยอย่าง SAii Laguna Phuket ภายหลังจากการกลับมาเปิดในช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา SHR: ราคาพื้นฐาน 3.50 บาท

SHR คาดโตต่อเนื่อง ลุ้นกำไรนิวไฮ เป้าที่ 2.80 บ.

SHR คาดโตต่อเนื่อง ลุ้นกำไรนิวไฮ เป้าที่ 2.80 บ.

         หุ้นวิชั่น - บล.กรุงศรี ประเมินหุ้น SHR โดยฝ่ายวิจัย คงคำแนะนำ “ซื้อ สำหรับ SHR ด้วยราคาเป้าหมาย 2.80 บาท จาก (i) การดำเนินงานที่ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง ด้วย RevPar ที่เติบโต +16% yoy ในเดือนมกราคม และเติบโตสองหลักใน 1Q25F จากโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ (ii) คาด 4Q25F พลิกกลับมาเป็นกำไร และผลประกอบการเติบโต 25% ต่อปี (CAGR FY25-27F) จากการเติบโตของการท่องเที่ยวและการดำเนินงานที่ดีขึ้นในทุกพอรต์ และ (iii) มูลค่าหุ้นที่น่าสนใจ ปัจจุบัน 6.0x EV/EBITDA and 0.4x P/BV on FY25F ซึ่งอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่ม          ทั้งนี้ คาด SHR จะรายงานกำไรหลักสำหรับ 4Q25F ที่ 131 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 102% yoy และ ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับขาดทุนในไตรมาสก่อน) ซึ่งบริษัทจะประกาศผลประกอบการในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ คาดว่า SHR จะมีการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งในปีนี้          โดยคาดกำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ใน 1Q25F จากการจองห้องพักที่แข็งแกร่ง สำหรับโรงแรมในประเทศไทยและมัลดีฟส์ในช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการปรับโครงสร้างหนี้

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

SHR เล็ง Q4 พลิกกำไร  โบรกแนะซื้อ เป้า 3.30 บ.

SHR เล็ง Q4 พลิกกำไร โบรกแนะซื้อ เป้า 3.30 บ.

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล. หยวนต้า คาด SHR กำไรปกติ 4Q24 ที่ 132 ล้านบาท ฟื้นตัวเด่น QoQ จากขาดทุนปกติ 20 ล้านบาทใน 3Q24 จาก 1) การเข้าสู่ High Season ของกลุ่มโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ซึ่งมีอัตราทำกำไรสูง ทำให้คาด GPM ที่ 39.0% (+80 bps QoQ) ดีขึ้นทั้งๆ ที่คาดว่า RevPar และรายได้ทรงตัว QoQ เพราะกลุ่มโรงแรมใน UK (35% ของรายได้) เริ่มเข้า Low Season 2) โรงแรมในไทยทยอยรับคืนห้องที่รีโนเวทช่วงกลางเดือนพ.ย. 2024 หนุนให้ Capacity ในการให้บริการเพิ่มขึ้น QoQ และ 3) ต้นทุนการเงินคาดที่ 245 ล้านบาท (-14% QoQ) ผลบวกจากการปรับโครงสร้างหนี้และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของหนี้สินสกุลเงินหลัก (หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ณ สิ้น 3Q24 เป็นสกุลเงินบาท, ดอลลาร์สหรัฐฯ และปอนด์ คิดเป็น 43%/25%/22% ตามลำดับ)            ขณะที่เทียบกับ 4Q23 กำไรปกติเติบโตดี YoY จาก 1) RevPar เฉลี่ยทั้งกลุ่มคาดเติบโต 15% YoY เติบโตดีระดับ 10-15% YoY ในทุกตลาด ยกเว้นโรงแรมใน UK ที่ทรงตัว YoY 2) คาดผลประกอบการของบริษัทร่วมหรือ SO Maldives ดีขึ้น คาดส่วนแบ่งขาดทุนที่ 35 ล้านบาทใน 4Q24 เทียบขาดทุน 66 ล้านบาทใน 4Q23 คาดผลประกอบการ 1Q25 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY            แนวโน้ม 1Q25 เบื้องต้นคาดกำไรปกติเติบโตทั้ง QoQ และ YoY หนุนจากช่วง High Season ต่อเนื่องของโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ โรงแรมในไทยได้รับคืนห้องรีโนเวทเฟสที่ 2 ครบ 100% คาดหนุนให้ ADR โรงแรมดังกล่าวเพิ่มขึ้น 15-20% (แผนการรีโนเวทส่วนที่เหลือถูกเลื่อนไปปี 2026 ดังนั้นตลอดปี 2025 กลุ่มโรงแรมในไทยจะรับรู้ผลบวกจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวและ ADR ที่เพิ่มขึ้นได้ตลอดทั้งปี) คงประมาณการ...คาดกำไรปกติปี 2025 เติบโตเด่น 99% YoY            หากกำไรปกติ 4Q24 ออกมาตามคาด กำไรปกติปี 2024 จะอยู่ที่ 159 ล้านบาท ใกล้เคียงคาดการณ์            คงมุมมองบวกต่อการเติบโตของผลประกอบการ SHR ในปี 2025 การเติบโตหนุนจาก 1) RevPar เฉลี่ยทั้งกลุ่มที่ดีขึ้น 8% YoY ด้วยการเติบโตของกลุ่มโรงแรมในไทยและ Outrigger เป็นหลัก 2) ผลบวกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและปรับโครงสร้างเงินกู้ของบริษัท ทั้งการ Refinance เงินกู้ในไทยและออกหุ้นกู้สกุลเงินบาทเพื่อไปชำระคืนหนี้สกุลเงิน USD/GBP บางส่วนก่อนกำหนด และ 3) บริษัทร่วมหรือ SO Maldives ในช่วงปลาย 4Q24 ผลการดำเนินงานดีขึ้นจนใกล้เคียงระดับคุ้มทุนจากช่วง High Season และการเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มตะวันออกกลางได้มากขึ้น            คาดส่วนแบ่งขาดทุนปี 2025 ที่ 120 ล้านบาท ลดลงจากราว 224 ล้านบาทในปี 2024 คงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสมที่ 3.30 บาทต่อหุ้น            คงประมาณการและคงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 3.30 บาทต่อหุ้น (อิง EV/EBITDA Multiple ที่ 7.5 เท่า) หุ้นซื้อขายบน EV/EBITDA ปี 2025 เพียง 6x ซึ่งต่ำกว่า -2SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีกลุ่มโรงแรม และ PBV25 ต่ำ 0.5 เท่า สะท้อนว่าหุ้นไม่แพงแล้ว            ประเมินเป็นจังหวะกลับเข้าสะสมรอบใหม่ หลังผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2024 ลุ้นการฟื้นตัวเด่นของผลประกอบการตั้งแต่ 1Q25 เป็นต้นไป ความเสี่ยงสำคัญ:            จำนวนนักท่องเที่ยวต่ำกว่าคาดการณ์, การระบาด COVID-19 รอบใหม่, เศรษฐกิจถดถอยรุนแรงทั่วโลก และการแข่งขันด้านราคาในระยะถัดไป

SHR ธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติในเครือสิงห์ เอสเตท [HoonVision x FynnCorp]

SHR ธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติในเครือสิงห์ เอสเตท [HoonVision x FynnCorp]

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) [SHR] Holding Company ถือหุ้นในบริษัทที่บริหารจัดการโรงแรมระดับนานาชาติ ธุรกิจโรงแรมทั้งในไทยและต่างประเทศรวม 36 แห่ง โรงแรมภายใต้แบรนด์ของตัวเอง อย่าง SANTIBURI, SAii และอื่นๆ Key Highlights เน้นการทำธุรกิจโรงแรมระดับ Upper Upscale ผ่านการบริหารจัดการ 4 รูปแบบ ได้แก่ การบริหารเองภายใต้เเบรนด์ของบริษัท ภายใต้สัญญาแฟรนไชส์ ภายใต้สัญญาบริหารจัดการโดยบุคคลภายนอก และในลักษณะร่วมค้า เติบโตผ่านการเข้าซื้อกิจการและสินทรัพย์ พร้อมกับพัฒนายกระดับแบรนด์ทราย (SAii) และ Reposition & Rebrand โรงแรมศักยภาพในสหราชอาณาจักร เสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุดแก่ประชาชนทั่วไป อายุ 2 ปี และ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.5% -5.0% ต่อปี ตามลำดับ เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน จองซื้อในระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2568 โดยปัจจุบัน บริษัทมีหุ้นกู้คงค้าง 1 รุ่น มูลค่า 1,300 ล้านบาท S Hotels: Flagship Company ด้านธุรกิจโรงแรมของกลุ่มสิงห์ เอสเตท บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 โดยบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่าง สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่ง SHR ประกอบธุรกิจผ่านการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาและบริหารจัดการโรงแรม เน้นการลงทุนในโรงแรมระดับนานาชาติ รวมถึงขยายธุรกิจและพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทมีโรงแรมทั้งสิ้น 36 แห่ง รวม 4,290 ห้อง ทั้งในไทย 4 โรงแรม และในต่างประเทศ อย่าง สาธารณรัฐมัลดีฟส์ (4 โรงแรม) สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ (2 โรงแรม) สาธารณรัฐมอริเชียส (1 โรงแรม) และสหราชอาณาจักร (25 โรงแรม) ซึ่งรายได้มากกว่า 80% มาจากต่างประเทศ โดยมาจากโรงแรมของบริษัทในสหราชอาณาจักรเป็นหลัก (36%) การบริหารจัดการโรงแรมดังกล่าว แบ่งได้เป็น 4 รูปแบบหลัก ดังนี้ โรงแรมที่บริหารจัดการและดำเนินการเอง ภายใต้แบรนด์ของบริษัท (Self-Managed) ได้แก่ SANTIBURI, SAii และ Konotta Maldives โรงแรมที่บริหารจัดการและดำเนินการเองภายใต้สัญญาแฟรนไชส์ (Self-Managed with Franchise Agreement) ผ่านแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ CROSSROADS อย่าง SAii Lagoon Maldives และ Hard Rock Hotel Maldives โรงแรมที่บริหารจัดการภายใต้สัญญาบริหารจัดการโดยบุคคลภายนอก (Third-party Hotel Management Agreement) ด้วยการว่าจ้างผู้ประกอบการโรงแรมภายนอก ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภายใต้แบรนด์ Outrigger, Mercure, Castaway, The Unlimited Collection โรงแรมที่มีการดำเนินงานในลักษณะร่วมค้า เช่น SO/ MALDIVES และ Holiday Inn โดยโรงแรมส่วนใหญ่ของบริษัทจะอยู่ในระดับบน (Upper Upscale) เป็นหลัก ดังรูป อัตราการเข้าพักโรงแรมในฟิจิทะลุ 90% ส่งผลบวกต่อรายได้ รายได้จากการให้บริการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 7,745.6 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 7.2% YoY ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงบริษัทมีการปรับปรุงห้องพักให้ทันสมัยและตอบโจทย์ การกำหนดราคาตรงเป้าหมาย ทำให้โรงแรม Outrigger โรงแรมในโครงการ CROSSROADS และโรงแรมที่บริษัทบริหารเองในไทย มีรายได้เพิ่มขึ้น 45%, 8% และ 5% YoY ตามลำดับ โดยโรงแรม Outrigger ทั้งในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ และมอริเชียส มีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) โตขึ้นโดดเด่น อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือน มีผลขาดทุนสุทธิ 13.4 ล้านบาท จากส่วนแบ่งขาดทุนจากกิจการร่วมค้าเป็นหลัก และผลกระทบจากการรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและการปรับมูลค่ายุติธรรมของตราสารอนุพันธ์ อีกทั้ง ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 6.4% YoY ส่วนหนึ่งมาจากการออกหุ้นกู้ในไตรมาส 4 ปี 2566 ผลการดำเนินงาน เติบโตผ่านการเข้าซื้อกิจการและสินทรัพย์ ภายใต้งบ 1.5 หมื่นล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนโอกาสการเติบโตผ่านการเข้าซื้อกิจการและสินทรัพย์ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ด้วยงบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมกับพัฒนายกระดับแบรนด์ทราย (SAii) ในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับลักซ์ซัวรี่ และวางงบกว่า 1 พันล้านในการปรับปรุงห้องพัก ขณะที่แผน Reposition & Rebrand โรงแรมศักยภาพในสหราชอาณาจักร คาดว่าจะเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2569 ในปี 2568 บริษัทตั้งเป้ารายได้เฉลี่ยต่อห้องพักที่มีให้บริการ (RevPAR) ในภาพรวมโตอยู่ที่ 5-10% YoY โดยเฉพาะในไทยที่คาดว่าจะโตระหว่าง 20-25% ท่ามกลางปัจจัยภายนอกอย่างนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนภาคการท่องเที่ยว หุ้นกู้ SHR ทริสคงอันดับอันดับเครดิตองค์กรที่ BBB+ แนวโน้มเป็น Negative ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 จากการเป็นบริษัทลูกหลักของบริษัท สิงห์ เอสเตท และมีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ของบริษัทแม่ ท่ามกลางผลการดำเนินงานในธุรกิจโรงแรมปรับตัวดีขึ้นและอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ทริสยังคาดว่า บริษัทจะเข้าลงทุนในโรงแรมเพิ่มเติมในช่วง 2567 - 2569 ส่งผลต่อรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่วนแนวโน้มจาก Stable เป็น Negative เป็นไปตามแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทแม่ (S) ส่วนหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ถูกจัดอันดับเครดิตที่ BBB (6 มกราคม 2568) ประวัติอันดับเครดิตองค์กร ข้อกำหนดการดำรงอัตราส่วนทางการเงิน ผู้ออกหุ้นกู้จะดำรงอัตราส่วนของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Interest-Bearing Debt to Equity Ratio) ตามงบการเงินรวมไม่เกินกว่า 2.5 เท่า โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทดำรงอัตราส่วนนี้เท่ากับ 0.71 เท่า ส่วนอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ปรับตัวดีขึ้น ณ สิ้นไตรมาส 3 มาอยู่ที่ 1.30 เท่า จาก 1.34 เท่าในปี 2566 ในขณะที่ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม Tourism & Leisure ในปี 2566 อยู่ที่ 3.09 เท่า หุ้นกู้คงค้าง บริษัทเสนอขายหุ้นกู้ต่อนักลงทุนทั่วไปเป็นครั้งแรกในปี 2566 ทำให้ในปัจจุบันมีหุ้นกู้คงค้างจำนวน 1 รุ่น มูลค่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระในเดือนตุลาคม 2569 และบริษัทมีเงินสด ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 1,876.5 ล้านบาท เสนอขายหุ้นกู้แก่ประชาชนทั่วไป เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน จำนวน 2 ชุด เปิดให้จองซื้อในระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2568 ได้แก่ ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570 อัตราดอกเบี้ย 4.5% ต่อปี ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2571 อัตราดอกเบี้ย 5.0% ต่อปี วัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อ 1) ให้บริษัทย่อยกู้ยืม นำเงินไปชำระคืนหนี้ที่มีต่อสถาบันการเงิน (มูลค่าหนี้รวม 2,835 ล้านบาท) 2) สนับสนุนการลงทุน ปรับปรุงและพัฒนาโรงแรม หรือขยายธุรกิจ 3) ใช้เป็นเงินทุนสำรองระยะสั้นในการประกอบกิจการ โดยมี ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่ - ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) - ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) - ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) - บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) - บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ปัจจัยเสี่ยง ความเสี่ยงเรื่องโครงสร้างหนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมอยู่ที่ 89% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ใช้เป็นเงินลงทุนของบริษัทย่อย เป็นต้น โดยผู้ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน จะมีสิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์ของบริษัทที่ด้อยกว่าหนี้ที่มีลำดับได้รับชำระคืนก่อน ความเสี่ยงจากการจัดหาเงินทุนและสภาพคล่อง การจัดหาเงินทุนจากภายนอกขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ผลประกอบการ ภาวะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงิน ซึ่งธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกสูง หากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง จะมีผลต่ออัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก ซึ่งส่งผลต่อผลการดำเนินงาน ดังนั้น หากความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรลดลง จะส่งผลให้การเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือเงื่อนไขการกู้ยืมมีความยากมากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการเลือกใช้เครื่องมือในการจัดหาเงินทุนที่เหมาะสมตามสถานการณ์ ทำให้ ณ ปัจจุบัน บริษัทสามารถจัดหาเงินทุนเพื่อพัฒนาโครงการได้ตามแผนงาน ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยผ่านการทำ IRS Hedging บนเงินกู้ยืมในสกุลดอลล่าร์สหรัฐและปอนด์ ซึ่งเป็นเงินกู้หลักของบริษัทในสัดส่วนเฉลี่ยกว่า 90% ของวงเงินกู้ยืม ความเสี่ยงจากอำนาจผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นรวมมากว่า 50% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ซึ่งสัดส่วนรวมดังกล่าวสามารถควบคุมมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้เกือบทั้งหมด รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://app.visible.vc/shared-update/e6ce568b-4838-4f7e-aebe-25ed226805b5

SHR โบรกคาด Q4 โตดีกว่าคาด! จับโตต่อช่วงไฮซีซั่น

SHR โบรกคาด Q4 โตดีกว่าคาด! จับโตต่อช่วงไฮซีซั่น

          หุ้นวิชั่น - บล.ดาโอ ประเมินหุ้น SHR โดยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”  และราคาเป้าหมายปี 2025E ที่ 2.60 บาท อิง DCF (WACC 8.6%, terminal growth 2.5%) โดยคาดกำไรปกติ 4Q24E จะอยู่ที่ 127 ล้านบาท (ดีกว่าที่เราคาดไว้เบื้องต้นที่ราว 110 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น +61 YoY และฟื้นตัวจากขาดทุนปกติใน 3Q24 ที่ -20 ล้านบาท โดยมัลดีฟส์ถือว่าโตได้ดีกว่าคาดจากการรุกนักท่องเที่ยวใน Middle East ได้เพิ่มมากขึ้น (RevPAR ที่+16% YoY และ +48% QoQ)           ด้าน SO Maldives จะมีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนลดลงเหลือ -30 ล้านบาท จาก 3Q24 ที่ -60 ล้านบาท (เดือน ธ.ค. 24เป็นจุดที่ดีที่สุดของ SO โดยมีผลขาดทุนเหลือเพียง 3-5 ล้านบาท) ส่วนไทยโตได้ดีตามคาด (RevPAR ที่ +13% YoY และ +54% QoQ) ประกอบกับมีดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงได้ดี(-16% YoY และ -12% QoQ)จากการ Refinance เป็นหุ้นกู้เพิ่มขึ้น           ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2025E อยู่ที่ 291 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +98% YoY จากฐานต่ำในปี2024E และมีการบริหารค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ดีขึ้นได้อีกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คาดกำไร 1Q25E จะยังโตได้ทั้ง YoY/QoQ ได้อย่างต่อเนื่อง เพราะยังเป็นช่วง High season ที่ไทยและมัลดีฟส์ ประกอบกับคาดว่าจะเห็นส่วนแบ่งขาดทุนจาก SO Maldives ลดลงได้อีกจาก 4Q24E ราคาหุ้นลดลง -12% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับ SET ซึ่ง underperform its peers เพราะความกังวลผลการดำเนินงานที่ SO Maldives ฟื้นตัวช้ากว่าคาด          แต่จากกำไร 4Q24E ที่จะดีกว่าคาดประกอบกับมี 2024E EV/EBITDA ที่เพียง 9.8x (-2.00SD below 5-yr average EV/EBITDA)และมี PBV เพียง 0.5x ซึ่งถูกที่สุดในกลุ่มท่องเที่ยว ขณะที่มีพัฒนาการที่ดีในเรื่องของดอกเบี้ยจ่ายที่จะลดลงได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงกำไร 1Q25E จะยังโต YoY/QoQ ได้ต่อเราจึงแนะนำ “ซื้อ”

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

SHR โตต่อ! โบรกลุ้นนิวไฮ ช่วงขาขึ้นท่องเที่ยว

SHR โตต่อ! โบรกลุ้นนิวไฮ ช่วงขาขึ้นท่องเที่ยว

           หุ้นวิชั่น - บล.กรุงศรี เจาะหุ้น SHR โดยฝ่ายวิจัยคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท จาก (i) คาดกำไรปกติใน 4Q24F-1Q25F เติบโตได้โดดเด่นและลุ้นที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้จากปัจจัยฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุดในไทยและมัลดีฟส์ที่ผลักดันให้รายได้และยอดจองโรงแรมเติบโต รวมกับแนวโน้มมาร์จิ้นดีขึ้น ผลจากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง รวมทั้งขาดทุนจาก SO Maldives ลดลง              (ii) ฝ่ายวิจัยมองว่า SHR จะเข้าสู่ช่วงเติบโตสูงคาดเฉลี่ย 25% ต่อปี ในอีก 2 ปีข้างหน้า (FY25-27F) (iii) มูลค่าหุ้นที่น่าสนใจ ปัจจุบัน SHR ซื้อ ขายที่7x EV/EBITDA และ 0.5x PBV 2025F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ดังนั้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” คาดกำไรเติบโตแข็งแกร่งใน 2025F ด้วยแนวโน้มผลประกอบการ 4Q24F ที่ดีกว่าคาด ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการผลประกอบการปี FY24Fขึ้นมาอยู่ ที่ 156 ล้านบาท (+94% yoy)           แต่คงประมาณการสำหรับ FY25F เป็นต้นไป  โดยคาดกำไรใน FY25F จะเติบโตเท่าตัวมาที่ 300 ล้านบาท จากคาดรายได้เติบโต +8% yoy ตามการเพิ่มขึ้นของ RevPar คาด +8% yoy ซึ่งได้ปัจจัยหนุนจากการกลับมาเปิด SAii Laguna Phuket, การเติบโตของโรงแรมในมัลดีฟส์ จากคาดรัฐบาลมัลดีสฟ์ จะเปิดให้บริการสนามบินใหม่ได้ในกลางปี 2025 ซึ่งจะส่งผลบวกต่อจำนวนนักท่องเที่ยว และ คาดจะรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก SO/Maldives ลดลงมาที่ 120 ล้านบาท            รวมทั้ง ผลจากการปรับโครงสร้างหนี้ที่จะทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง 8% yoy ซึ่งทำให้ SHR มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น ด้วยคาด IBD/E เพียง 0.8x ในปี 2025F ดังนั้น ฝ่ายวิจัยคาดกำไรโดยรวมของ SHR จะเติบโตได้โดดเด่น

SHR คาดพลิกกำไรใน Q4 รับอานิสงส์ ไฮซีซันเที่ยวไทย-มัลดีฟส์

SHR คาดพลิกกำไรใน Q4 รับอานิสงส์ ไฮซีซันเที่ยวไทย-มัลดีฟส์

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กรุงศรี คงแนะนำ “ซื้อ” SHR ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท สำหรับ SHR จาก (i) คาดว่าจะกลับมาทำกำไรได้ใน 4Q24F จากปัจจัยฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุดในไทยและมัลดีฟส์ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง และขาดทุนจาก SO Maldives ลดลง (ii) เรามองว่า SHR จะเข้าสู่ช่วงเติบโตสูง คาด 25% ต่อปี ในอีก 2 ปีข้างหน้า (FY25-27F) ทั้งนี้ปัจจุบัน SHR ซื้อขายที่ 7x EV/EBITDA และ 0.6x PBV 2025F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม โรงแรมในไทยและมัลดีฟส์แข็งแกร่ง ด้วย RevPar เติบโตสองหลัก           SHR เปิดเผยตัวเลขการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ดีกว่าที่เราคาดไว้ ด้วย RevPar +12% yoy สำหรับโรงแรมในไทยหลักๆ มาจากการปรับขึ้นค่าห้องพัก และผลจากการเปิดให้บริการโรงแรม SAii Laguna Phuket ซึ่งบริษัทคาดค่าห้องพักสำหรับโรงแรมในไทยจะเติบโตระดับสองหลักต่อเนื่องไปยัง 1Q25 สำหรับโรงแรมในมัลดีฟส์ RevPar +15% yoy จากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้นมาที่ 80% แม้ว่าค่าห้องพักจะปรับตัวลดลง สำหรับ Outrigger (Fiji และ Mauritius) ยังเติบโตได้สูง 41% yoy หลังจากกลับมาเปิดให้บริการโรงแรมหลังจากปิดปรับปรุง ในขณะที่ UK RevPar ทรงตัวจากการเริ่มเข้าสู่ช่วง low season ซึ่งบริษัทคาดกำไรสุทธิใน 4Q24 จะใกล้เคียงกับระดับ 1Q24 ได้ที่ 128 ล้านบาท คาดผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q24 แล้วและคาดไตรมาส 4 พลิกเป็นกำไร           มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อผลประกอบการใน 4Q24F โดยคาดจะพลิกกลับมาเป็นกำไรและเติบโต yoy, qoq จาก i) การเติบโตของ RevPar ในทุกประเทศ โดยเฉพาะในไทยและมัลดีฟส์ จากการเข้าสู่ช่วง high season การเปิดโรงแรม SAii Laguna Phuket หลังจากปิดปรับปรุง รวมถึงคาดการรับรู้ผลขาดทุนจาก SO Maldives ที่คาดว่าจะลดลงจาก 60 ล้านบาทใน 3Q24 โดยมี RevPar เพิ่มขึ้นกว่า 42% qoq จากอัตราการเข้าพักเพิ่มเป็น 53% (40% ใน 3Q24) และค่าห้องพักเฉลี่ยที่ 2.1 หมื่นบาท (vs 1.9 หมื่นบาทใน 3Q24) นอกจากนี้ จากการจ่ายชำระคืนหนี้และดอกเบี้ยลดลง เราคาดจะเห็นดอกเบี้ยจ่ายลดลงมาน้อยกว่า 280 ล้านบาทใน 3Q24 และด้วยตัวเลขเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนที่ดีกว่าเราคาดไว้สำหรับโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ ดังนั้น ดูเหมือนจะมี upside ต่อประมาณการของเรา คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท           ราคาเป้าหมายของเราอิงจากการประเมินมูลค่า DCF (WACC 6.3%, 2.5% Rf, 8% market risk premium, 1x beta, 1% terminal growth) ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นที่เปลี่ยนแปลงทุก 1% มีผลต่อประมาณการของเรา 30% และอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงทุก 0.1% มีผลต่อประมาณการของเรา 3%

โฟกัส MINT-SHR เป้าหุ้นท่องเที่ยว ESG

โฟกัส MINT-SHR เป้าหุ้นท่องเที่ยว ESG

          หุ้นวิชั่น- ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลสำรวจของ SiteMinder Platform ในปี 67 แสดงให้เห็นว่านักเดินทางทั่วโลกมากถึง 79% ให้ความสำคัญ กับการจองโรงแรมที่มีการดำเนินการด้านความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่ World Sustainable Hospitality Alliance ได้นิยามกลยุทธ์ “Net Positive” ว่า เป็นแนวคิดที่จะคืนประโยชน์ให้สังคม, สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจโลกมากกว่าทรัพยากรที่ใช้ไป ดังนั้น การนำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมบริการหรือ Net Positive Hospitality จึงเป็นความร่วมมือกันระหว่างผู้คน, โลก, สถานที่ รวมถึงความมั่งคั่ง เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าและยั่งยืนสำหรับทุกคน           World Sustainable Hospitality Alliance ได้สร้างกรอบการทำงานแก่ธุรกิจในอุตสาหกรรมบริการ โดยขั้นแรก ของ “Net positive hospitality pathway” คือ การวัดระดับการปล่อยคาร์บอนและบรรเทาผลกระทบเชิงลบ ส่วน ขั้นต่อไปคือ การหาวิธีลดผลกระทบเชิงลบให้เหลือน้อยที่สุด และริเริ่มโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวก ตามด้วยการทำให้ผลกระทบเชิงลบหมดไป และสร้างผลกระทบเชิงบวกที่แข็งแกร่งก่อนจะส่งคืนประโยชน์ที่มาก กว่าเดิมให้กับสิ่งแวดล้อมและชุมชุม           World Sustainable Hospitality Alliance เน้นย้ำว่าประเด็นด้านความยั่งยืนที่สำคัญ (Materiality factor) ซึ่งมีผลต่อธุรกิจและผู้ถือหุ้นคือ 1.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2.การจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ 3.การใช้น้ำ 4. การบริหารจัดการขยะ 5.สิทธิมนุษยชน ทั้งนี้โรงแรมที่ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ทำการศึกษาอาจอยู่ในขั้นตอนที่ต่างกันในเส้นทางสู่เป้าหมาย แต่เมื่อประเมินโดยเฉลี่ยแล้วพบว่า MINT และ SHR มีความคืบหน้าในการพัฒนาด้าน ESG           ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI เชื่อว่า ผู้ประกอบการโรงแรมทั้ง 4 บริษัทที่ทำการศึกษามีความเสี่ยงด้าน ESG ค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการเหล่านี้ยังต้องดำเนินการอีกมากเพื่อมุ่งสู่ Net zero และกลายเป็น Net positive ขณะที่เห็นว่า MINT น่าจะเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการของไทยเมื่อ พิจารณาด้าน ESG เพราะ MINT มีคะแนน ESG สูงกว่าคู่แข่ง           นอกจากนี้ เชื่อว่านักลงทุนควรจับตาดู SHR เนื่องจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมา SHR มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญด้านการดำเนินงานภายใต้กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จึงเชื่อว่า SHR อาจมีการประเมินมูลค่าสูงขึ้นจากปัจจุบันที่ EV/EBITDA 7.7 เท่าในปี 69 หรือ 3.2 บาท เป็น 9.9 เท่าหรือ 5.0 บาท ส่วน MINT อาจเพิ่มขึ้นจาก EV/EBITDA 9.5 เท่าในปี 69 หรือ 41 บาท เป็น 10.5 เท่าในปี 69 หรือ 49 บาท

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011