ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#SET100


หุ้น SET100 น่าเก็บเข้าพอร์ต Valuation ถูก ปันผลสม่ำเสมอ

หุ้น SET100 น่าเก็บเข้าพอร์ต Valuation ถูก ปันผลสม่ำเสมอ

          หุ้นวิชั่น - หุ้น SET100 คุณภาพดี Valuation ไม่แพง-จ่ายปันผลสม่ำเสมอ InnovestX มอง เป็นโอกาสทยอยซื้อสะสม! เก็บเข้าพอร์ต!           ภายหลังการปรับตัวลดลง YTD ของ SET Index แย่กว่าตลาดหุ้นภูมิภาค ทำให้ Risk/Reward เริ่มน่าสนใจ และเป็น “โอกาสทยอยซื้อสะสม” หุ้น Real Sector ที่มีพื้นฐานดี โดยคัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายของกองทุนและมี Downside Risk จำกัด เนื่องจากมีจุดแข็ง ดังนี้ 1) ปี 2568 คาดกำไรยังมั่นคงและสามารถเติบโตได้ YoY 2) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีสภาพคล่องทางการเงินสูง (Current ratio > 1) และมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยสูง (Interest Coverage ratio > 1) อีกทั้งมองมีโอกาสซื้อหุ้นคืน หลังมี PBV < 1 เท่า 3) Valuation ไม่แพง โดยปัจจุบันซื้อขาย PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD และ 4) มีศักยภาพจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 5% ซึ่งพบว่า มี 5 หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ AP BCP PTT SPALI และ TU SET ปรับตัวลง 7.1%YTD สู่ระดับ 1,301.02 จุด ทำจุดต่ำสุดในรอบ 5.5 เดือน ซึ่งแย่กว่าตลาดหุ้นภูมิภาค สาเหตุนอกจากมีปัจจัยลบจากต่างประเทศแล้ว  ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญปัจจัยลบในประเทศด้วย อาทิ ขาดความเชื่อมั่นด้าน Good Governance ของ บจ. ไทย สะท้อนผ่านปริมาณซื้อขายต่อวันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง, ปัจจัยลบเฉพาะตัวที่ทำให้เกิดแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่  เช่น ประเด็น GMT, กังวลการแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังจะรุนแรงมากขึ้น (CBG OSP), กังวลกลุ่มซีพี (CPALL CPF CPAXT) จะต้องใช้เงินทุนมากหากมีแผนลงทุนซื้อกิจการเซเว่นในญี่ปุ่น เป็นต้น INVX มองปัจจุบัน SET ปรับลงมาสะท้อนปัจจัยลบต่างๆ ไปมากพอสมควรแล้ว จนทำให้ซื้อขาย PER 68F ที่ระดับ 13.6 เท่า ต่ำกว่าในอดีตที่ซื้อขายในกรอบ PER 14-16 เท่า (-1SD-เฉลี่ย) หรือหากเทียบกับช่วงเกิดวิกฤติ COVID-19 ซึ่งพบว่า SET ปรับตัวลงมาไปซื้อขาย PER ที่ 13 เท่า จะสามารถเทียบได้กับ SET Index ที่บริเวณ 1250 จุด ซึ่งใกล้เคียงกับปัจจุบันแล้ว (กรณีแย่สุดในช่วงเกิด Panic จาก COVID-19 พบว่า SET ซื้อขายที่ PER ต่ำสุดที่ 12 เท่าในช่วงเวลาเพียง 2-3 วันเท่านั้น หรือเทียบได้กับ SET ที่ระดับ 1150 จุด) SET Index ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าตลาดในภูมิภาค ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง 7.1% ตั้งแต่ต้นปี 2025 และลดลง 12% นับตั้งแต่ ปธน. ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในช่วงต้นเดือน พ.ย. 2024 นับเป็นการปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดในภูมิภาค 5% และลดลงมากกว่า 7% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนต่ำที่สุดตั้งแต่ต้นปี 2025 ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมยกเว้นกลุ่มธนาคารมีผลตอบแทนติดลบ โดยกลุ่มที่มีการปรับตัวลดลงมากที่สุดได้แก่กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (-18%) กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (-10%) กลุ่มปิโตรเคมี (-9%) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (-9%) กลุ่มท่องเที่ยวและขนส่ง (-8%) กลุ่มการแพทย์ (-7%) และกลุ่มค้าปลีก (-6%) หากพิจารณาถึงการปรับตัวลดลงเรามองว่าดัชนีปรับตัวเป็นเรื่องของปัจจัยภายในประเทศ 55% (กำลังซื้อที่ลดลง ดอกเบี้ยที่ลดลงช้า การแข่งขันภายในประเทศ การปรับเปลี่ยนนโยบายของภาครัฐ) และปัจจัยภายนอก 45% (สงครามการค้า เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า ยอดขาย Semiconductor ชะลอตัวลง) ดังนั้นเราจึงมองว่าปัจจัยภายในประเทศทำให้ตลาดขาดความมั่นใจในแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในประเทศ ด้วยการขาดปัจจัยภายในประเทศ และมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกเพิ่มขึ้นจึงทำให้ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายค่อนข้างมากและค่อนข้างผันผวน เมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาค แต่อย่างไรก็ดีเรายังไม่เห็นความผิดปกติจากการขายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นไปตามตลาดภูมิภาคที่มีแรงขายจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์และความกังวลต่อสงครามการค้า ที่มา : InnovestXResearch คลิก https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/strategy-insight/stock-strategy/special-report/strategy-setindexriskreward-20250205

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

            หุ้นวิชั่น - ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ได้ประเมินหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 ในรอบครึ่งแรกปี 68 เบื้องต้น ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7, TCAP และหุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 ได้แก่ BCP, CENTEL, EA, TIDLOR โดยคาดว่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ไม่ติดอันดับเป็นสาเหตุที่ทำให้หลุดออกจาก SET50 ทั้งนี้ประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             สำหรับหุ้นคาดว่าจะเข้า SET100 ในรอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ JTS, CCET, COCOCO, PR9 ขณะที่คาดว่าหุ้นที่จะออกจาก SET100 ได้แก่ MBK, RBF, TIPH, TOA สาเหตุที่คาดว่า MBK และ TOA จะหลุดออกจาก SET100 เนื่องจาก Turnover ratio 1% ไม่ครบ 9 ใน 12 เดือน ส่วน TIPH จะหลุดจาก SET100 เพราะมูลค่าซื้อขายไม่ผ่านเกณฑ์ 25% ของค่าเฉลี่ยรวมทั้งตลาด 9 ใน 12 เดือน และ RBF ที่หลุด เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ติดอันดับ โดยประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) น่าจะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 ในรอบ ครึ่งแรกปี 68 ในช่วงวันที่ 13 - 18 ธ.ค.2567 และเริ่มใช้วันที่ 1 ม.ค.- มิ.ย. 2568             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากข้อมูลหุ้นที่เข้า SET50 ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หรือ 16 รอบของการปรับหุ้นเข้าและออกใน SET50 พบว่าหากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 1 เดือน ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.83% ขณะที่หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.15% ดังนั้น จากข้อมูลดังกล่าวพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงหุ้นใน SET50 นั้น หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนในเชิงบวก             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า หุ้นที่ได้รับการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง และมี เปอร์เซ็น upside สูง เป็นหุ้นที่น่าสนใจ โดยเมื่อเปรียบเทียบเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus กับค่า Z Score ช่วง 12 เดือน FWD PE 5 ปีย้อนหลัง หุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่างมีเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus สูง และมี SETESG Rating ในระดับ A ขึ้นไป ได้แก่ TCAP (7.7%) และ BANPU (0.5%) ในขณะที่ค่า Z-Scores 12 เดือน FWD PE 5 ปีจะอยู่ที่ -0.95 และ 0.003 ตามลำดับ             ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) กับราคาเป้าหมายย้อนหลัง 1 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้นได้แก่ COM7 ขณะที่หุ้นที่ราคาลงมามากที่สุด โดยเปรียบเทียบย้อนหลัง 1 เดือนล่าสุดได้แก่ BANPU (-11.3%) และเมื่อพิจารณาข้อมูลการซื้อขายสุทธิของผู้บริหาร ตั้งแต่ต้นปี 2567 ถึงปัจจุบัน จะได้หุ้นที่ มียอดซื้อขายสุทธิของผู้บริหารมากสุด ได้แก่ SAWAD 323.24 ล้านบาท และ BANPU 8.54 ล้าน บาท

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011