หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.หยวนต้า ชี้ BANKING SECTOR กำไรชะลอลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังโต YoY คาดกำไรสุทธิของกลุ่มใน 4Q24 โต 12.9% YoY แต่ลดลง 12% QoQ จากค่าใช้จ่ายที่เร่งตัวขึ้น เราคาดหุ้นกลุ่มธนาคารภายใต้ Coverage ของเราทั้ง 7 แห่ง จะมีกำไรสุทธิรวมใน 4Q24 จำนวน 48,182 ลบ. โต 12.9% YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อน เพราะมีการตั้งสำรองเพื่อรองรับความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทใหญ่ในกลุ่มรับเหมา ขณะที่ปีนี้ยังไม่มีสัญญาณบริษัทใหญ่ที่มีปัญหาเพิ่มเติม แต่คาดกำไรสุทธิกลุ่มจะลดลง 12% QoQ เพราะเป็นช่วงที่หลายธนาคารจะตั้งค่าใช้จ่ายลงทุนพัฒนาระบบงานและเทคโนโลยีจำนวนมาก ทำให้ Cost to Income Ratio เร่งตัวขึ้นสูงกว่าไตรมาสอื่น รวมทั้งมีผลลบจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่คาดจะลดลง เพราะมีผลกระทบเชิงลบจาก NIM ที่ชะลอตัวหลังมีการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2024 อย่างไรก็ดี เราคาดปัจจัยลบดังกล่าวบางส่วนจะถูกชดเชยด้วย
รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เร่งตัวขึ้น หนุนจากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจนายหน้าประกัน, ธุรกิจบริหารจัดการกองทุน และธุรกิจ Wealth Management ที่ขยายตัวได้ดี และ
คาดการตั้งสำรองโดยรวมลดลงราว 3.2% QoQ เพราะหลายธนาคารเร่งตั้งสำรองไปมากแล้ว และคาดได้อานิสงส์บวกจากมาตรการรัฐฯ ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีแรงขับเคลื่อนมากขึ้น
ธนาคารใหญ่ที่คาดกำไรสุทธิโดดเด่นคือ SCB และ KTB
ในส่วนของธนาคารใหญ่ คาดกำไรสุทธิรวมใน 4Q24 ที่ 40,514 ลบ. โต 14.6% YoY แต่ลดลง 12.9% QoQ โดยธนาคารใหญ่ที่ผลดำเนินงานแข็งแรงคือ SCB (คาดกำไรสุทธิ 11,099 ลบ. +0.9% YoY, +1.4% QoQ) เนื่องจากคาดจะได้อานิสงส์จากธุรกิจ Gen3 ที่มีผลขาดทุนลดลง หลังขายหุ้นบริษัท Purple Venture (ผู้ให้บริการแอป Robinhood) ให้กับกลุ่มยิบ อิน ซอยไปแล้ว รวมทั้งไม่มีค่าใช้จ่ายด้อยค่าเหมือนกับ 3Q24 (บันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าราว 731 ลบ.) ทำให้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานไม่ได้เร่งตัวขึ้นมาก QoQ เหมือนกับธนาคารอื่น ขณะที่การตั้งสำรองคาดลดลง 14% QoQ เพราะคุณภาพสินทรัพย์ของ CardX เริ่มฟื้นตัว รองลงมาคือ KTB (คาดกำไรสุทธิ 10,410 ลบ. +70.4% YoY, -6.3% QoQ) โตเด่น YoY จากฐานต่ำในปีก่อน ส่วน QoQ คาดคุณภาพสินทรัพย์แข็งแรงขึ้น แต่รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิจะปรับลง เพราะมีสินเชื่อกลุ่มงานภาครัฐฯ เพิ่มขึ้นมามาก
ส่วน KBANK (คาดกำไรสุทธิ 9,862 ลบ. +5.0% YoY, -17.6% QoQ) และ BBL (คาดกำไรสุทธิ 9,143 ลบ. +3.2% YoY, -26.7% QoQ) ถูกกดดันจาก NIM ที่ลดลง หลังเน้นขยายสินเชื่อในกลุ่มบริษัทใหญ่มากขึ้น และค่าใช้จ่ายดำเนินงานเร่งตัวขึ้นสูงในช่วงปลายปี แต่คาดการตั้งสำรองจะเริ่มทยอยปรับลง เพราะควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี
ธนาคารกลาง/เล็กถูกกดดันจากสินเชื่อเช่าซื้อรถมือหนึ่งที่ชะลอตัวตามยอดขายรถในประเทศ
สำหรับธนาคารขนาดกลาง/เล็ก คาดกำไรสุทธิรวม 7,667 ลบ. โต 4.8% YoY แต่ลดลง 7.0% QoQ ภาพรวมยังมีแรงกดดันจากสินเชื่อรวมที่ชะลอตัวสอดรับกับยอดขายยานยนต์ในประเทศที่แย่ลง และการเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่ ทำให้คาด TISCO (คาดกำไรสุทธิ 1,672 ลบ. -6.1% YoY, -2.4% QoQ), TTB (คาดกำไรสุทธิ 4,918 ลบ. +1.1% YoY, -6.0% QoQ) และ KKP (คาดกำไรสุทธิ 1,077 ลบ. +60.8% YoY, -17.5% QoQ)
แนวโน้มการเติบโตของกำไรในปี 2568 จะเริ่มชะลอตัวมากขึ้นจาก NIM ที่ชะลอตัวลง เรามีการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิของ SCB ในปี 2024/25 ลง 2.6%/1.6% เพื่อเพิ่มความระมัดระวังในประเด็นการตั้งสำรองสำหรับกลุ่มสินเชื่อบ้านที่มีความเสี่ยงมากขึ้น และปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของ TTB ขึ้น 3.3% ในปี 2024 เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ควบคุมได้ดีกว่าคาด สำหรับแนวโน้มปี 2025 เรามองว่าการเติบโตของกลุ่มจะค่อนข้างจำกัด โดยประเมินว่ากำไรรวมจะอยู่ที่ 221,245 ลบ. โต 4.7% YoY เพราะมีแรงกดดันจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่จะทยอยปรับตัวลงรับผลของการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ และเป็นผลจากมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่จะมีการลดดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้บางส่วน แลกกับการได้รับส่วนลดอัตราเงินนำส่ง FIDF และโอกาสในการลดการตั้งสำรองลงตามการชำระเงินของลูกหนี้ภายใต้มาตรการที่ดีขึ้น
คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” แนะนำ KBANK และ SCB เป็น Top Pick ของกลุ่ม แม้เราคาดการเติบโตของกำไรจะจำกัดมากขึ้นตามทิศทางของดอกเบี้ยนโยบาย แต่ผลดำเนินงานยังสามารถโตได้จากการลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานและการทยอยลดการตั้งสำรองลง อีกทั้งเป็นกลุ่มที่มีความโดดเด่นในเรื่องของเงินปันผล (คาดการณ์เงินปันผล 2H24 ในตารางที่ 3) เราจึงคงคำแนะนำลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารที่ “เท่ากับตลาด” โดยหุ้น Top Pick เราแนะนำ KBANK (TP@175) แม้กำไรสุทธิ 4Q24 จะไม่เด่น แต่คาดจะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในแง่ของคุณภาพสินทรัพย์ ทำให้มีโอกาสที่บริษัทจะลดการตั้งสำรองลงมากกว่าที่ประเมินไว้ อีกทั้งคาดจะเป็นธนาคารเดียวที่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากมาตรฐานบัญชี TFRS17 ที่จะช่วยลดผลขาดทุนจากธุรกิจประกันชีวิต (KBANK ถือหุ้นใน MTL 51%) นอกจากนี้ยังแนะนำ SCB (TP@130) สำหรับเก็งผลดำเนินงาน 4Q24 ที่คาดจะออกมาแข็งแรงกว่าธนาคารอื่น และมีจุดเด่นที่ปันผล 2H24 ที่คาดจะจ่ายหุ้นละ 7 บาท คิดเป็น Div. Yield 5.9%