ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#SAPPE


SAPPE แนวโน้มเชิงลบสะท้อนราคาแล้ว  โบรกแนะ

SAPPE แนวโน้มเชิงลบสะท้อนราคาแล้ว โบรกแนะ "ซื้อ" ปรับเป้าใหม่ที่ 52 บ.

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กรุงศรี ระบุว่า SAPPE นักวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 52 บาท (จาก 70 บาท) เพื่อนำแนวทางการจัดการมาใช้ ซึ่งจะทำให้การเติบโตของยอดขายลดลงเหลือ 5% (จากเดิม 10-15%) และอาจส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายสูงขึ้น เนื่องจากยอดขายที่ลดลง เราปรับลด EPS สำหรับปี 2025F ลง 4.5% และปี 2026F ลง 4.4% เราคาดการณ์ว่า EPS สำหรับปี 2025F จะโต 7% จาก 14% ในปี 2024 และส่งผลให้เรากำหนดราคาเป้าหมายไว้ที่ 12.1 เท่าของปี 2025F ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว -1SD โทนการประชุมเป็นลบ ฝ่ายบริหารปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของยอดขายลงเหลือ 5% (จาก 10-15%) สำหรับปี 2025F โดยอ้างถึงสภาพที่ท้าทายในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา ฝ่ายบริหารคาดการณ์ว่ายอดขายจะเติบโต 15% ในประเทศไทย 10% ในเอเชียและตะวันออกกลาง ในขณะที่ในยุโรปและอเมริกา ยอดขายอาจลดลง 10% ใน 1Q25 ยอดขายอาจลดลงจากปีก่อน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจในยุโรปที่อ่อนแอ ในยุโรป SAPPE ประสบภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส จากการมีสต็อกสินค้ามากเกินไปจากฤดูร้อนที่เย็นสบายใน 3Q24 รวมถึงสภาพที่ท้าทายในยุโรป ในอเมริกา ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อาจสร้างความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ สายการผลิตที่ 6 (เพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 20%) ซึ่งกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเริ่มดำเนินการใน 2Q25 จะเริ่มดำเนินการใน 1Q26 นอกจากนี้ เรายังคำนึงถึงการลดหย่อนภาษีจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สำหรับสายการผลิตที่ 5 อีกด้วย ซึ่งน่าจะส่งผลให้ภาษีลดลงประมาณ 50 ล้านบาทในปี 2025 คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 52 บาท เราตั้งราคาเป้าหมายไว้ที่ 52 บาท เท่ากับ 12.1 เท่าของ P/E ปี 2025 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวถึง -1SD เราเชื่อว่าแนวโน้มเชิงลบนั้นได้สะท้อนราคาแล้ว โดยหุ้นของบริษัทซื้อขายอยู่ที่ 8.9 เท่าของ P/E ปี 2025 คำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 52 บาท ความเสี่ยงหลักคือความไม่แน่นอนในธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

SAPPEตั้งเป้ารายได้ปี68 โต 5% เตรียมเจาะตลาดต่างประเทศเพิ่ม

SAPPEตั้งเป้ารายได้ปี68 โต 5% เตรียมเจาะตลาดต่างประเทศเพิ่ม

           หุ้นวิชั่น - SAPPE ตั้งเป้ารายได้จากการขายรวมปี 2568 เติบโต 5% เล็งออกสินค้าใหม่เพิ่ม พร้อมชู “โมกุ โมกุ” เจาะตลาดในต่างประเทศ ยังคงเป้ายอดขายสู่ 10,000 ล้านบาทในปี 2569 โบรกคาดกำไรหลักปี 2568 จะเติบโต 12% ยอดขายโตต่อ พร้อมแรงหนุนจากเครื่องดื่ม Mogu Mogu ซึ่งยอดขายสามารถเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกๆ สี่ปี เคาะเป้าที่ 70.00 บาท แนะนำ ซื้อ นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ปี2568 บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้รวม(Target Growth) เติบโตที่ 5% เมื่อเทียบกันกับปีก่อน โดยการเติบโตเป็นภายในประเทศที่ 15% ในตลาดเอเชียที่ 5% ตลาดในยุโรปตั้งเป้าติดลบลดลงเหลือ 10% และตลาดตะวันออกกลางรวมถึงอเมริกาตั้งเป้ารายได้จากการขายเติบโตที่ 10% อีกด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทเดินหน้าผลักดันรายได้จากการขายเติบโตสู่ระดับ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 แม้เป้าหมายยังคงมีความท้าทาย บริษัทพร้อมที่จะปรับกลยุทธ์ต่างๆเพื่อไปสู่แผนที่วางไว้ โดย ณ สิ้นปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 6,775 ล้านบาท เติบโต 11.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนแผนการขยายกำลังการผลิตจากโรงงานใหม่ คาดจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 1 ในปี2569 โดยปีนี้จะเติบโตจากการกำลังผลิตเดิมที่บริษัทมีอยู่ ด้านต้นทุนปี 2568 คาดจะมีแรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยบริษัทพร้อมมองหาโอกาสการนำเทคโนโลยี เข้ามาใช้เพื่อลดต้นทุนเพิ่ม รวมถึงการเปิดคลังสินค้าใหม่ บริษัทมั่นใจสามารถควบคุมอัตราต้นทุนใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ตั้งเป้าออกสินค้าใหม่เพิ่ม ด้านการออกสินค้าใหม่ในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าออกสินค้าใหม่ราว 20 SKU ซึ่งจะใกล้เคียงจากปีก่อนหน้า โดยเจาะตลาดในแต่ละประเทศมากขึ้น ควบคู่ไปกับการทำการตลาดที่ตรงจุดฐานลูกค้าให้มากขึ้น พร้อมชูเครื่องดื่ม Mogu Mogu ให้เป็นที่รู้จักสำหรับคนรุ่นใหม่ สินค้าต้องมีความชัดเจน ทั้งช่องทาง Traditional Trade และ e-Commerce ผ่านการทำการตลาดบนโลกออนไลน์เพิ่มขึ้นในปีนี้ ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย 6,775 ล้านบาท เติบโต 11.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1,074 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 18.5% จากปีก่อนอยู่ที่ 16.6% ซึ่งเป็นการขยายตัวของยอดขาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โบรกเคราะเป้าที่ 70 บ.แนะนำซื้อ ด้านฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรหลักปี 2568 จะเติบโต 12% โดยจะได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของยอดขายที่ 10% ซึ่งได้รับแรงสนับสนุน ทั้งตลาดในไทยและตลาดต่างประเทศ โดยฝ่ายวิจัยได้ประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นในเชิงอนุรักษ์ที่ทรงตัว YoY ที่ 46.4% แต่อาจสูงขึ้นได้เนื่องจากราคาน้ำตาลที่ลดลง (10% ของ COGS) YoY (ประมาณ 5%). ฝ่ายวิจัยได้ตั้งราคาเป้าหมายที่ 15.6x 2025F P/E. ฝ่ายวิจัยชอบ SAPPE สำหรับรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยหลักจะได้รับแรงหนุนจากเครื่องดื่ม Mogu Mogu ซึ่งยอดขายสามารถเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุกๆ สี่ปี ส่วนความเสี่ยงที่สำคัญ คือราคาวัตถุดิบที่ผันผวน ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยแนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าปี2568 ที่ 70.00 บาท

SAPPE ร่วงกว่า 10% รับรายได้ปีนี้หดแรง

SAPPE ร่วงกว่า 10% รับรายได้ปีนี้หดแรง

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บล.กรุงศรี ระบุ SAPPE วันนี้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงแรง ทีมกลยุทธ์เข้าฟังงาน Opportunity day เป็นโทนลบ Key highlight หลัก - บริษัทลดเป้ารายได้จาก 15-20% เหลือ 5% y-y สัญญาณคำสั่งซื้อยังชะลอ - เลื่อนแผนการเพิ่ม Cap ออกไป จากกลางปี 68 เป็นปี 69 - แนวโน้ม 1Q68 คาดยังชะลอ

SAPPE คาดปีนี้กำไรนิวไฮพุ่ง 18.8%  Mogu Mogu ขึ้นเชลฟ์ Costco สหรัฐหนุน

SAPPE คาดปีนี้กำไรนิวไฮพุ่ง 18.8% Mogu Mogu ขึ้นเชลฟ์ Costco สหรัฐหนุน

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ SAPPE  รายงานกำไรสุทธิใน 4Q24 ที่ 189 ลบ. (-37.0% QoQ, +12.6% YoY) และหากหักกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 9 ลบ. กำไรปกติจะอยู่ที่ 180 ลบ. (-37.5% QoQ, +19.6% YoY) ใกล้เคียงกับที่คาด แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยกำไรทั้งปี 2024 จะอยู่ที่ 1,233 ลบ. (+13.7% YoY) ตามคาด ► รายได้อยู่ที่ 1,377 ลบ. (-12.1% QoQ, +13.9% YoY) ใกล้เคียงคาด โดยลดลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วง Low season ของธุรกิจที่เป็นฤดูหนาว รวมถึงเป็นช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดเป็นจำนวนมาก แต่สามารถกลับมาเติบโต YoY ได้อีกครั้ง จากยอดขายในอินโดนีเซียและตะวันออกกลางที่กลับเข้าสู่ระดับปกติ รวมถึงการเริ่มรับรู้ผลของการนำ Mogu Mogu เข้าไปจำหน่ายยังร้าน Costco ในสหรัฐฯ ► อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 46.4% ดีกว่าคาดเล็กน้อย โดยสูงขึ้นทั้ง QoQ และ YoY หนุนจากการรับรู้ผลของราคาต้นทุนการผลิตทั้งน้ำตาล และเม็ดพลาสติก (PET Resin) ที่ปรับตัวลงมากกว่าคาด ► ค่าใช้จ่าย SG&A อยู่ที่ 475 ลบ. (+12.4% QoQ, +17.8% YoY) และหากเทียบกับรายได้ จะมีสัดส่วนที่ 34.3% ตามคาด โดยสูงขึ้น QoQ เนื่องจากมีบันทึกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโบนัสพนักงานในช่วงท้ายปี และสูงขึ้น YoY จากค่าใช้จ่ายทางการตลาดมากขึ้น อาทิ การทำ Global Campaign กับวง “SEVENTEEN” ► บริษัทมีส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมที่ 3 ลบ. โดยบริษัทยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่เบื้องต้นคาดมาจากการตั้งด้อยค่าสินค้าล้าสมัยของ WOPE ขณะที่ Danone และ M-Intelligent คาดยังสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง Our Take ► เราคาดกำไรปกติเบื้องต้นใน 1Q25 สามารถกลับมาเติบโต QoQ และ YoY ได้อีกครั้ง หนุนจากการผ่านพ้นช่วง Low season ส่งผลให้ลูกค้ากลับมาสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น ประกอบกับการรับรู้ผลของการนำ Mogu Mogu เข้าไปจำหน่ายยังร้าน Costco ในสหรัฐฯ เต็มไตรมาส ขณะที่ GPM คาดสูงขึ้นทั้ง QoQ และ YoY เช่นกันจาก U-rate ที่ดีขึ้น รวมถึงการรับรู้ผลของราคาต้นทุนการผลิตที่คาดลดลงต่อเนื่องทั้งราคาน้ำตาล และเม็ดพลาสติก ► ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในปี 2025 เราคาดกำไรปกติที่ 1,466 ลบ. (+18.8% YoY) ทำ New High ได้ต่อ หนุนจาก ยอดขายในยุโรปที่คาดกลับมาเติบโตได้อีกครั้งจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ การรับรู้ผลของการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังร้าน Costco ในสหรัฐฯ เต็มปี การออกสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 20 SKUs การขยายกำลังการผลิตใหม่ (+25% YoY) ขณะที่ GPM อาจลดลงเล็กน้อย YoY จากการรับรู้ค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิต แต่เราประเมินว่าจะสามารถชดเชยได้บางส่วนจากราคาต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวลง นอกจากนี้ ประมาณการของเรายังมี Upside จากโอกาสในการได้ BOI ลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้ NPM สูงกว่าประมาณการเรา ► คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 82.00 บาท ราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายบน PER25 ต่ำเพียง 11.1 เท่า รวมถึงยังมี Upside gain 55.5% คงคำแนะนำ “ซื้อ” อย่างไรก็ตาม แม้กำไรจะออกมาใกล้เคียงที่เราคาด แต่ถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ตลาดคาด ในเชิงกลยุทธ์ เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนปัจจัยลบจากกำไรใน 4Q24 ที่อ่อนแอไปแล้ว แนะนำทยอยเข้าสะสม

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

SAPPE ผลงานปี 67 ทำ All Time High ยอดขายแตะ 6,775 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,252 ล้านบาท

SAPPE ผลงานปี 67 ทำ All Time High ยอดขายแตะ 6,775 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,252 ล้านบาท

          ‘บมจ. เซ็ปเป้’ หรือ SAPPE ประกาศผลการดำเนินงานปี 2567 ทำ All Time High ด้วยรายได้จากการขาย 6,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.9% และมีกำไรสุทธิ 1,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะทวีปตะวันออกกลางและทวีปอเมริกา พร้อมเดินหน้าปี 2568 มุ่งสู่เป้าหมายสร้างแบรนด์ไทยให้เป็น Global Brand อย่างยั่งยืนต่อไป           นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 6,775 ล้านบาท เติบโต 11.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 6,053 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 1,252 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% จากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1,074 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 18.5% จากปีก่อนอยู่ที่ 16.6% ซึ่งการขยายตัวของยอดขายทั้งในและต่างประเทศ ทำให้แบรนด์ SAPPE เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับสากล และสะท้อนผ่านผลประกอบการที่เติบโตในปีที่ผ่านมา           สำหรับตลาดต่างประเทศในปี 2567 เซ็ปเป้มีรายได้จากการขาย 5,404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศคิดเป็น 80% ของรายได้จากการขายรวม จากการส่งออกไปมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ด้วยช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ ช่องทางห้างค้าปลีก (Modern Trade) และร้านค้าดั้งเดิม (Traditional Trade) รวมทั้งการทำ O2O (Online to Offline Marketing) ในบางประเทศ โดยตลาดที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มทวีปตะวันออกกลางที่เติบโต 54% ทวีปอเมริกาเติบโต 37% ทวีปเอเชียเติบโต 6% โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมที่สุดในตลาดต่างประเทศ ยังเป็นน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวแบรนด์ Mogu Mogu (โมกุ โมกุ) และเครื่องดื่มผสมว่านหางจระเข้แบรนด์ Sappe Aloe Vera Drink (เซ็ปเป้ อโลเวร่า ดริ้งค์)           ขณะที่ตลาดในประเทศ เซ็ปเป้มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,372 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องกว่า 16 SKUs เช่น เครื่องดื่มน้ำผสมวิตามินแบรนด์ B’lue 2 รสชาติ 2 อารมณ์ คือ “รสอกหัก” และ “รสคลั่งรัก” และผลิตภัณฑ์คอลลาเจนชนิดผง เซ็ปเป้ บิวติ พาวเดอร์ สติกซ์ (Sappe Beauti Powder Stix) ที่ทำยอดขายเติบโตแรงในร้านสะดวกซื้อ 7-11, ช่องทาง Traditional Trade และ E-Commerce ด้วยจุดแข็งด้านราคาที่เข้าถึงง่าย และยังไม่มีคู่แข่งในตลาดนี้โดยตรง รวมถึงมีการประกาศรีแบรนด์ดิ้ง (Rebranding) ครั้งใหญ่อย่างเป็นทางการของ “เซ็ปเป้ บิวติ” (Sappe Beauti) ซึ่งได้ผลตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างดี ขณะที่มะพร้าวน้ำหอมแบรนด์ All Coco มีการเติบโตโดดเด่นในช่องทางห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) อย่างแมคโคร และการขายเป็นวัตถุดิบให้กับโรงงานต่างๆ           ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวว่า ในปี 2568 มีการคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งทำให้สภาพอากาศร้อนสลับฝน และส่งผลให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มมองหาเครื่องดื่มที่ช่วยบรรเทาความร้อนมากขึ้น ขณะเดียวกัน กระแสการดูแลสุขภาพยังคงเติบโตต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นพัฒนาและคิดค้นผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่หลากหลาย โดยล่าสุดได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ Sappe Beauti x Dr.PONG เครื่องดื่มแบบช็อต (Healthy Shot Drink) 2 สูตร ได้แก่ Colla Gluta และ Asta Q10 ซึ่งได้รับผลตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคอย่างดี นอกจากนี้ เครื่องดื่มน้ำผสมวิตามินแบรนด์ B’lue ก็ยังคงเดินหน้าเจาะเซ็กเมนต์ใหม่ๆ เพื่อครองใจผู้บริโภคมากขึ้น [PR News]

SAPPE ปีนี้ลุยอเมริกา โบรกคาดยอดขายพุ่ง แนะ “ซื้อ” เป้า 111 บ.

SAPPE ปีนี้ลุยอเมริกา โบรกคาดยอดขายพุ่ง แนะ “ซื้อ” เป้า 111 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.ฟิลลิป คาด SAPPE ยอดขาย 4Q67 ที่ 1,354 ลบ. -13.6% q-q, +12.0% y-y เติบโตในทุกภูมิภาคยกเว้นยุโรปที่ยังมีสินค้าค้างสต็อกสูง มี GPM ที่สูงขึ้นจากราคาต้นทุนวัตถุดิบสินค้าที่ลดลง ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิ 205 ลบ. -31.7% q-q, +22.1% y-y และคาดการณ์ยอดขายรวมปี 67 อยู่ที่ 6,752 ลบ. +11.6% กำไรสุทธิที่ 1,269 ลบ. +18.1% นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นบุกตลาด US ในปี 68 คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน: 111.00 บาท 4Q67 ยอดโตทุกภูมิภาค เว้น “ยุโรป”           ใน 4Q24 คาดว่าภาพรวมยอดขายยังเติบโตในหลายภูมิภาค แนวโน้มในเอเชียยังเติบโต แม้ในเกาหลีใต้ยังพบความกดดันจากคู่แข่ง ซึ่งสินค้าประเภทน้ำผลไม้บรรจุขวด (ไม่มีวุ้นมะพร้าว) ได้เร่งทำแคมเปญส่งเสริมยอดขาย กดดันยอดขายสินค้าของบริษัทอย่าง Mogu Mogu ส่วนภูมิภาคที่คาดว่าโตเด่นคือตะวันออกกลาง แต่ในยุโรปคาดว่าอ่อนตัวต่อเนื่องจาก 3Q67 จากการที่ลูกค้ายังมีสินค้าในสต็อกอยู่มาก จาก Demand ที่หดตัวตามฤดูกาล แนวโน้มยอดขายและกำไรปี 67 ยังโตสองหลัก           คาดยอดขาย 4Q67 อยู่ที่ 1,354 ลบ. -13.6% q-q, +12.0% y-y กำไรสุทธิที่ 205 ลบ. -31.7% q-q, +22.1% y-y และคาดยอดขายปี 67 ที่ 6,752 ลบ. +11.6% กำไรสุทธิที่ 1,269 ลบ. +18.1% ทางฝ่ายมองว่าการแข่งขันในเกาหลีใต้ Mogu Mogu ยังมีจุดแตกต่างคือวุ้นมะพร้าวที่สามารถเคี้ยวได้ และการรุกตลาด US ในปี 68 เป็นตลาดที่มี Potential การเติบโตของยอดขายสูง คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน: 111.00 บาท

SAPPE คาด Q4 มีกำไร 224 ล้านบาท โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 70.0 บาท

SAPPE คาด Q4 มีกำไร 224 ล้านบาท โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 70.0 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.เคจีไอ คาดว่า SAPPE จะรายงานกำไรสุทธิใน 4Q67F อยู่ที่ 224 ล้านบาท (+34% YoY แต่ -25% QoQ) การที่กำไรจะยังคงลดลง QoQ จะเป็นเพราะยอดขายที่อ่อนแอลง 14% จากปัจจัยฤดูกาลและยอดขายที่ซบเซาในตลาดหลัก ๆ บางแห่ง โดยเฉพาะยุโรป แต่ทว่า ภูมิภาคตะวันออกกลางจะเป็นข้อยกเว้นที่คาดว่ายอดขายจะฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำในไตรมาสก่อน อีกทั้ง เราคาดว่าการแข็งค่าของเงินบาทจะส่งผลกระทบต่อ GPM ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 45.5% (-0.4ppts QoQ) อย่างไรก็ดี เรามองว่าบริษัทน่าจะได้รับประโยชน์ทางภาษีจากโรงงานแห่งใหม่ที่เริ่มดำเนินการแล้วใน 3Q67 ทั้งนี้ การเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง YoY จะได้แรงหนุนจากยอดขายที่เติบโต 12% จากการขยายตัวในประเทศ ตะวันออกกลาง และอเมริกา นอกจากนั้น เราคาดว่าอเมริกาจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตใหม่สำหรับ SAPPE หลังจากเจาะตลาดเข้าสู่ร้านค้าสมัยใหม่ขนาดใหญ่ อย่าง Walmart และ Costco ทางด้าน GPM และสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายน่าจะดีขึ้น YoY จากการควบคุมต้นทุนได้ดีและการประหยัดต่อขนาด ปรับเพิ่มประมาณการกำไรด้วยประโยชน์ทางภาษีจะช่วยหนุนการเติบโต           เรายังคงมีมุมมองระมัดระวังต่อยอดขายของ SAPPE ในปี 2568F อยู่ที่ 6% และคาดว่า GPM จะลดลง YoY เนื่องจากค่าเสื่อมราคาสูงขึ้นและการแข็งค่าของเงินบาท อย่างไรก็ดี ในแง่บวก SAPPE น่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายทางการตลาดบางส่วนหลังจากสัญญากับแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกสิ้นสุดลงในเดือนเมษายนปีนี้ เนื่องจากบริษัททบทวนกลยุทธ์การตลาดเพื่อเน้นเฉพาะในภูมิภาคที่มีผลกระทบเชิงบวก นอกจากนี้ SAPPE จะได้รับประโยชน์จากการยกเว้นภาษีของโรงงานแห่งใหม่ที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วใน 3Q67 ซึ่งเราคาดว่าจช่วยลดอัตราภาษีจ่ายลงอย่างมีนัยสำคัญที่ 13.0% จาก 19.7% ในปี 2567F ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิขึ้น 3% อยู่ที่ 1.29 พันล้านบาทในปี 2567F (+20% YoY) และ 7% อยู่ที่ 1.34 พันล้านบาทในปี 2568F (+4% YoY) ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาททุก ๆ 1.0 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จากสมมติฐานของเราที่ 33.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลบวกต่อประมาณการกำไรของเราราว 11% Valuation & action           เราปรับเพิ่มคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ" จากถือ และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่ปี 2568 ขึ้นที่ 70.0 บาท (จากเดิม 65.00 บาท) อิงจาก PER ที่ 16x หรือ -0.5S.D. ขณะที่ การลดลงของราคาหุ้นในปัจจุบันได้สะท้อนกำไรที่อ่อนแอใน 4Q67F พร้อมการเติบโตเล็กน้อยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้าไปแล้ว ทั้งนี้ การเบี่ยงเบนไปจากประมาณการของเราน่าจะค่อนไปในทางบวกจากการอ่อนค่าของเงินบาทและประโยชน์ทางภาษีจากโรงงานแห่งใหม่ที่จะดำเนินการในปี 2568F Risks           รายได้โตต่ำกว่าที่คาดไว้ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

SAPPE คาดกำไรปี68 นิวไฮ 1,466 ลบ. โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 82.00 บาท

SAPPE คาดกำไรปี68 นิวไฮ 1,466 ลบ. โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 82.00 บาท

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า มองว่า SAPPE ราคาหุ้นที่ปรับตัวสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว คาดกำไรใน 4Q67 สามารถกลับมาเติบโต YoY ได้อีกครั้งเราคาดรายได้ 4Q67 ที่ 1,366 ล้านบาท (-12.8% QoQ, +13.0% YoY) ลดลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วง Low season แต่สามารถกลับมาเติบโต YoY ได้อีกครั้ง หนุนจากการปรับโครงสร้างการกระจายสินค้าในอินโดนีเซียที่สิ้นสุดลงและท่าเรือในตะวันออกกลางบางแห่งที่กลับมาเปิดใช้งานตามปกติ รวมถึงการเริ่มรับรู้ผลของการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังร้าน Costco ในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม รายได้รวมทั้งปี 2024 อาจเติบโตอยู่ที่เพียง 12.0% ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 15-20% เนื่องจากยอดขายในยุโรปที่ยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่ GPM ใน 4Q24 คาดอยู่ที่ 45.2% เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY แม้ U-rate จะลดลง เนื่องจากการเริ่มรับรู้ผลของราคาเม็ดพลาสติกที่ปรับตัวลง รวมถึงสัดส่วนส่งออกที่สูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทได้เริ่มใช้สิทธิ BOI เป็นไตรมาสแรก คาดว่าจะสามารถลดภาษีจ่ายได้ราว 14 ล้านบาท จากปัจจัยดังกล่าว คาดกำไรปกติ 4Q24 อยู่ที่ 183 ล้านบาท (-36.4% QoQ, +21.8% YoY) และหากกำไรออกมาตามคาด กำไรของทั้งปีจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประมาณการทั้งปีของเรา คาดกำไรในปี 2025 ยังทำ New High ได้ต่อ แม้มีฐานสูงในปีก่อน เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในปี 2025 ของ SAPPE โดยคาดกำไรปกติจะเติบโตเป็น 1,466 ล้านบาท (+15.7% YoY) ทำ New High ได้ต่อเนื่อง หนุนจาก: 1. การขยายกำลังการผลิต (+25% YoY) ในช่วง 2Q25           2. ภูมิภาคยุโรปที่คาดกลับมาเติบโตจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเป็นแบบ Domestic marketing จากปี 2024 ที่ใช้กลยุทธ์แบบ Global marketing           3. ภูมิภาคสหรัฐฯ เติบโตจากการรับรู้ผลของการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังร้าน Costco เต็มปี           4. การออกสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 20 SKUs ครอบคลุมการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ แม้ GPM อาจลดลง YoY จากการรับรู้ค่าเสื่อมที่สูงขึ้นจากการขยายกำลังการผลิต แต่คาดจะชดเชยได้บางส่วนจากราคาต้นทุนวัตถุดิบ เช่น ราคาน้ำตาลและเม็ดพลาสติกที่ปรับตัวลง รวมถึงการรับรู้ประโยชน์จากการยกเว้นภาษีจาก BOI เต็มปี มองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว แนะนำ “ซื้อ”นอกจากนี้ ประมาณการกำไรปี 2025 ยังมี Upside จากการได้ BOI ยกเว้นภาษีเพิ่มเติมจากกำลังการผลิตใหม่ที่อาจส่งผลให้ NPM สูงกว่าที่คาด แต่อาจต้องติดตามผลของลานีญาที่มีโอกาสทำให้ยอดขายในประเทศและเอเชียต่ำกว่าที่คาด เราปรับ PE ในการประเมินมูลค่าลงเป็น 17.0 เท่า จากเดิม 20.0 เท่า เพื่อสะท้อนถึงภาวะตลาดในปัจจุบัน ทำให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 82.00 บาท ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรง 36.6% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนปัจจัยลบจากการเติบโตของรายได้ในปี 2024 ที่ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทไปมากแล้ว โดยราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายบน PER25 ที่ 12.6 เท่า คิดเป็น -1.5 SD ของ PE Band ย้อนหลัง 5 ปี ขณะที่แนวโน้มกำไรในปี 2025 คาดทำ New High ได้ต่อเนื่อง จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ความเสี่ยงสำคัญ: • ความเสี่ยงจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ • ราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ผันผวน • ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน • การได้รับผลกระทบจากลานีญากดดันอุปสงค์สินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม

SAPPE กำไรฟื้นแรง โบรกอัพเป้าใหม่ 96 บ.

SAPPE กำไรฟื้นแรง โบรกอัพเป้าใหม่ 96 บ.

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ SAPPE (ซื้อ/เป้า 96.00 บาท) Outlook ดีกว่าคาด, กำไร 4Q24E ฟื้นตัวแรง YoY แต่ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 96.00 บาท อิง 2024E PER 22.0x (เดิมที่ 92.00 บาท อิง 2024E PER 22.0x) ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) บริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 2024E เติบโตที่ 15-20% YoY โดยรายได้ 4Q24E จะฟื้นตัวแรงคาดไม่ต่ำกว่า +29% YoY จากยอดขาย Domestic, อินโดนีเซีย, Middle East ทั้งนี้ รายได้ 9M24 อยู่ที่ +11% YoY, 2) ได้รับ Tax Privilege จาก BOI ที่ 275 ล้านบาท (จากไลน์การผลิตใหม่ที่ COD ในปี 2024) และเริ่มใช้ BOI ตั้งแต่ 3Q24 โดยมีระยะเวลา 5 ปี, และ 3) สำหรับปี 2025E บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% YoY จากทุก regions โดย USA & Europe จะเติบโตโดดเด่น ผู้บริหารมองว่าราคา raw & packaging materials ไม่ผันผวนมาก โดยราคา PET Resin & น้ำตาลอยู่ในขาลง คาด GPM ทรงตัว YoY ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิ 4Q24E โตเด่น YoY และชะลอตัวเล็กน้อย QoQ หนุนโดย 1) รายได้รวมขยายตัว YoY และโตเล็กน้อย QoQ, 2) GPM ขยายตัว YoY, ทรงตัว QoQ จาก utilization rate ที่ดีขึ้นเราปรับประมาณการก าไรสุทธิปี 2024E ขึ้น +5%         ทั้งนี้ประเมินกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 1,353 ล้านบาท (+26% YoY)และคงประมาณการกำไรปี 2025E ที่ 1,580 ล้านบาท (+22% YoY) ราคาหุ้น outperform SET +6% ฝ่ายวิเคราะห์ยังชอบ SAPPE จาก 3 ปัจจัยหลัก 1) ผู้นำแบรนด์เครื่องดื่มไทยในตลาดระดับ Global 2) ปลดล็อคปัญหากำลังการผลิตที่ไม่เพียงพอจำหน่าย โดยการขยายกำลังการผลิตปีละ 25-30% YoY ทุกปี และ 3) valuation น่าสนใจโดย 2023-25E EPS CAGR +21%

นักลงทุนคอแห้ง! หุ้นเครื่องดื่มไตรมาส 3 เสิร์ฟกำไรแบบจัดเต็ม

นักลงทุนคอแห้ง! หุ้นเครื่องดื่มไตรมาส 3 เสิร์ฟกำไรแบบจัดเต็ม

อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม สำหรับไตรมาส 3/2567 บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือMALEE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท และบริษัทย่อยมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 61 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3/2566 ที่มีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 9 ล้านบาท ผลการดำเนินงานเติบโต 551% YoY เป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 6% YoY จากกลยุทธ์ที่เน้นการเติบโตของสินค้าภายใต้แบรนด์ Malee ที่เป็น Focus SKU มีการยกเลิกขายสินค้าบางรายการ มีการปรับเพิ่มราคาสินค้าบางกลุ่มสินค้า และในกลุ่มลูกค้า CMG (Contract Manufacturing) ที่เป็นผลิตภัณฑ์ตามสัญญาและรับจ้างผลิต ตลอดจนความมีประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนขายที่ดีขึ้น บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)หรือSSC  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567    กำไรสุทธิของบริษัท เท่ากับ 404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.1% จากผลกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของยอดขายและการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีผลกำไรต่อหุ้นเป็นจำนวน 1.52 บาท เพิ่มขึ้น 0.59 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับผลกำไรต่อหุ้น 0.93 บาทในงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือCBG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ เท่ากับ 741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +40% YoY สะท้อนยอดขายที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนที่ปรับตัวลดลง การควบคุมค่าใช้จ่าย มีรายได้จากการขายรวมเท่ากับ 5,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% YoY โดยในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการดำเนินการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองจำนวน 3,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% YoY จากยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังคาราบาวแดงในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากส่วนแบ่งทางการตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการที่บริษัทฯ ยังคงดำเนินกลยุทธ์หลักคงราคาขายปลีกที่ 10 บาท รวมถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การกระจายสินค้าให้มีเครือข่ายที่กว้างขวางและครอบคลุมมากขึ้นผ่านคู่ค้ารายย่อยระดับอำเภอและระดับตำบล เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ TACC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 และสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 จำนวน 66.31 และ 205.68 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 6.42 และ 36.95 ล้านบาท (คิดเป็น 10.73% และ 21.90%) จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59.89 และ 168.73 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.89% และ 14.16% ของรายได้ของไตรมาส 3 ปี 2567 และ 2566 (ลดลง 0.27%) และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 14.45% และ 13.55% ของรายได้สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 และ 2566 (เพิ่มขึ้น 0.90%)  กลุ่มบริษัทฯ คาดว่ารายได้ทั้งปี 2567 จะเติบโตร้อยละ 10 จากปีก่อน จากกลยุทธ์การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าหลัก เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ นำเสนอสินค้าใหม่จับเทรนด์ผู้บริโภครักสุขภาพ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน)หรือCOCOCO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 172.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.57 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 12.81% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ลดลง 54.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นการลดลง 24.14% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปัจจัยภายนอกจากสถานการณ์ความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนยังคงมีผลกระทบต่อตลาดเงินและค่าเงินบาทในระยะสั้น ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศมีความผันผวน ส่งผลให้การรับรู้กำไรสุทธิลดลง สำหรับงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 603.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 252.45 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 72% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ ICHI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  กำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมา 13/2567 และ โตรมาร 3/2566 เท่ากับ 357.3 ล้านบาท และ 328.0 ล้านบาทหรือ คิดเป็นอัตราทำไรสุทธิของรายได้จากการขาย เท่ากับ 16.7% และ 15.8% ตามลำดับ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20.3 ล้านบาท หรือเท่ากับ 6.9% สำหรับทำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 1.099.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 16.7% กำไร สุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ 805.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.6%ของรายได้จากการขาย กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 294.6 ล้านบาทหรือเท่ากับ 36.6% บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)หรือSAPPE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 รายงานผลประกอบการ กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 300.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.2% ต่อรายได้จากการขาย ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้าที่ 319.1 ล้านบาทบริษัทฯ มีรายได้จากการขายในไตรมาสนี้เท่ากับ 1,566.2 ล้านบาท ลดลง 6.0% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมาจากการลดลงของรายได้จากการขายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ภายในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมีแผนการออกสินค้าใหม่ทั้งหมดมากกว่า 20 รายการ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้รายได้จากการขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)หรือSSC  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567    กำไรสุทธิของบริษัท เท่ากับ 404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.1% จากผลกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของยอดขายและการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีผลกำไรต่อหุ้นเป็นจำนวน 1.52 บาท เพิ่มขึ้น 0.59 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับผลกำไรต่อหุ้น 0.93 บาทในงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุผลที่อธิบายข้างต้น บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน)หรือHTC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567   บริษัทฯ มีกำไรสุทธิแสดงไว้ในงบการเงินรวมเป็นจำนวนเท่ากับ 129.2 ล้านบาท ลดลง 3.6% YoY และลดลง 18.7% QoQ จากปริมาณการขายที่ลดลงจากสภาวะอากาศเย็นและน้ำท่วม และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 6.9% ลดลง 0.3 จุดเปอร์เซ็นต์ YoY และ QoQ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าสภาวะตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในภาคใต้จะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/2567 จากสภาวะการท่องเที่ยวปลายปีที่ปรับตัวดีขึ้น และสภาวะอากาศที่เข้าสู่ฤดูหนาว อีกทั้งจะเริ่มได้รับผลบวกจากการปรับราคาในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเต็มทั้งไตรมาส 4/2567 บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP มีการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) รายงานผลขาดทุนสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ 361 ล้านบาท ลดลง 156.3% จากปีก่อน (YoY) และลดลง 159.8% จากไตรมาสก่อน (QoQ) เนื่องจากมีการบันทึกผลขาดทุนสุทธิจากการจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายขวดแก้วในประเทศเมียนมาตามแผนยุทธศาสตร์การลงทุนตามที่ได้ส่งข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 และการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน รวมเป็นจำนวน 1,033 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 672 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% YoY และลดลง 27.2% Qo

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

SAPPEมีกำไรที่ 300ล้านบาท ลดลง 5.9% ยังเดินหน้าออกสินค้าปีนี้มากกว่า20รายการ

SAPPEมีกำไรที่ 300ล้านบาท ลดลง 5.9% ยังเดินหน้าออกสินค้าปีนี้มากกว่า20รายการ

        หุ้นวิชั่น - บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE รายงานผลประกอบการ กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 300.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.2% ต่อรายได้จากการขาย ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้าที่ 319.1 ล้านบาทบริษัทฯ มีรายได้จากการขายในไตรมาสนี้เท่ากับ 1,566.2 ล้านบาท ลดลง 6.0% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมาจากการลดลงของรายได้จากการขายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก รายได้จากการขายต่างประเทศอยู่ที่ 1,194 ล้านบาท ลดลง 13.2% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า สาเหตุจากการชะลอตัวของยอดขายในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรป เนื่องด้วยสภาพอากาศของประเทศคู่ค้าหลักในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา มีอุณหภูมิต่ำกว่าค่าเฉลี่ยและไม่ร้อนเมื่อเทียบกับสภาพอากาศในโซนยุโรปโดยรวม รวมถึงสภาพเศรษฐกิจ ภาวะสงครามที่ยืดเยื้อ การแข่งขันที่รุนแรงในบางประเทศโซนเอเชียและตะวันออกกลาง รวมถึงแผนการตลาดที่ยังต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับรายได้จากการขายในประเทศอยู่ที่ 372 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.7% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมที่สุดในตลาดในประเทศยังคงเป็นแบรนด์ เซ็ปเป้ บิวติ (Sappe Beauti) รวมถึงผลิตภัณฑ์คอลลาเจนชนิดผง เซ็ปเป้ บิวติ พาวเดอร์ สติกซ์ (Sappe Beauti Powder Stix) ซึ่งทำยอดขายได้ดีในช่องทาง Traditional Trade และ eCommerce ด้วยจุดแข็งด้านราคาที่เข้าถึงง่าย และยังไม่มีคู่แข่งในตลาดนี้โดยตรง ส่วนน้ำผสมวิตามินแบรนด์บลู (B’lue) ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในช่องทาง Modern Trade ภายในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมีแผนการออกสินค้าใหม่ทั้งหมดมากกว่า 20 รายการ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้รายได้จากการขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE รายงานผลประกอบการ กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 300.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.2% ต่อรายได้จากการขาย ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้าที่ 319.1 ล้านบาท  บริษัทฯ มีรายได้จากการขายในไตรมาสนี้เท่ากับ 1,566.2 ล้านบาท ลดลง 6.0% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมาจากการลดลงของรายได้จากการขายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก  รายได้จากการขายต่างประเทศอยู่ที่ 1,194 ล้านบาท ลดลง 13.2% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า สาเหตุจากการชะลอตัวของยอดขายในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรป เนื่องด้วยสภาพอากาศของประเทศคู่ค้าหลักในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา มีอุณหภูมิต่ำกว่าค่าเฉลี่ยและไม่ร้อนเมื่อเทียบกับสภาพอากาศในโซนยุโรปโดยรวม รวมถึงสภาพเศรษฐกิจ ภาวะสงครามที่ยืดเยื้อ การแข่งขันที่รุนแรงในบางประเทศโซนเอเชียและตะวันออกกลาง รวมถึงแผนการตลาดที่ยังต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับรายได้จากการขายในประเทศอยู่ที่ 372 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.7% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมที่สุดในตลาดในประเทศยังคงเป็นแบรนด์ เซ็ปเป้ บิวติ (Sappe Beauti) รวมถึงผลิตภัณฑ์คอลลาเจนชนิดผง เซ็ปเป้ บิวติ พาวเดอร์ สติกซ์ (Sappe Beauti Powder Stix) ซึ่งทำยอดขายได้ดีในช่องทาง Traditional Trade และ eCommerce ด้วยจุดแข็งด้านราคาที่เข้าถึงง่าย และยังไม่มีคู่แข่งในตลาดนี้โดยตรง ส่วนน้ำผสมวิตามินแบรนด์บลู (B’lue) ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในช่องทาง Modern Trade ภายในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมีแผนการออกสินค้าใหม่ทั้งหมดมากกว่า 20 รายการ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้รายได้จากการขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

[ภาพข่าว] SAPPE คว้า ‘BEST COMPANY PERFORMANCE AWARDS’ 2 ปีซ้อน

[ภาพข่าว] SAPPE คว้า ‘BEST COMPANY PERFORMANCE AWARDS’ 2 ปีซ้อน

          ‘ปิยจิต รักอริยะพงศ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE นำพาองค์กรคว้ารางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดในตลาดทุนไทยอีกครั้งกับรางวัล ‘Best Company Performance Awards’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่งมอบให้กับบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการเติบโตโดดเด่น มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี เปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วน และมีเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมคว้ารางวัล Outstanding Company Performance Awards, Outstanding CEO Awards และ Outstanding Investor Relations Awards สะท้อนความสามารถด้านการบริหารงานที่โดดเด่นทุกมิติจนเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน           นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เข้ารับรางวัล  “SET Awards 2024” จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและวารสารการเงินการธนาคาร เพื่อเชิดชูบริษัทจดทะเบียนไทย และผู้บริหารสูงสุดของบริษัทจดทะเบียนที่มีความโดดเด่นในด้านต่าง ๆโดยได้รับเกียรติจาก นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล สำหรับปี 2024 เซ็ปเป้ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติกลุ่ม Business Excellence ถึง 4 รางวัล ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 10,000 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท ได้แก่ Best Company Performance Awards, Outstanding Company Performance Awards, Outstanding CEO Awards โดยทั้ง 3 รางวัลเป็นการได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และในปีนี้สามารถคว้ารางวัล Outstanding Investor Relations Awards ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ตอกย้ำให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และความมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้ยั่งยืนอย่างแข็งแกร่ง ด้วยเครื่องดื่มและอาหารที่เป็นนวัตกรรม เพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้บริโภคดียิ่งขึ้น           “การได้รับรางวัลเกียรติยศจากเวที SET Awards ในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของชาวเซ็ปเป้ทุกคน เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นและความสำเร็จในการสร้างสรรค์สินค้าที่มีคุณภาพและส่งมอบให้กับผู้บริโภคทั่วโลก เรามองไกลเกินกว่าความสำเร็จในเชิงธุรกิจ แต่มุ่งสร้างการเติบโตในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนของทั้งสังคมและโลก และที่สำคัญ เรามุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ไทย สร้างชื่อเสียงและความภูมิใจในฐานะคนไทยที่ได้มีส่วนช่วยขับเคลื่อนสังคมและโลกไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก”  นางสาวปิยจิต กล่าว

[ภาพข่าว] SAPPE ส่งกำลังใจ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

[ภาพข่าว] SAPPE ส่งกำลังใจ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

          นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร และประธานคณะทำงานด้านความยั่งยืน บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) มอบเครื่องดื่ม เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ผ่านสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทยโครงการ “รวมใจบริษัทจดทะเบียนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย” โดยมีพลตรี อมรินทร์ เทศนธรรม (ที่ 2 จากขวา)  ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหาร ผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย รับมอบ นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา เซ็ปเป้ยังมอบผลิตภัณฑ์และของใช้จำเป็นผ่านหน่วยงานต่างๆ อาทิ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย, อาสาสมัครกู้ภัยสโมสรไลอ้อนเชียงราย, โครงการร้อยใจรักษ์เพื่อส่งมอบให้ที่ว่าการอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่, มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ และอาสาสมัครกู้ภัยต่างๆ ที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในหลายจังหวัด หวังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวไทยที่กำลังประสบภัยในตอนนี้

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011