ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#PTG


โบรกประสานเสียงแนะ “ซื้อ” PTG  เคาะราคาสูงสุด 10.5 บ./หุ้น

โบรกประสานเสียงแนะ “ซื้อ” PTG เคาะราคาสูงสุด 10.5 บ./หุ้น

          หุ้นวิชั่น - เซียนหุ้นพร้อมใจแนะ “ซื้อ” หุ้น PTG ให้กรอบราคา 9.00-10.5 บาทต่อหุ้น โดย บล.เอเซีย พลัส คาดกำไรปี 68 เติบโตต่อเนื่อง ประเมิน Dividend Yield เฉลี่ย 5-6% ต่อปี ให้ราคาเป้าหมาย 9.50 บาทต่อหุ้น บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดกำไรปีนี้อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่ม 27% จากปีก่อน รับแรงหนุนจากการขยายจำนวน Touchpoint, การเติบโตของธุรกิจ Non-Oil, กลยุทธ์บัตรสมาชิก, อุปสงค์น้ำมันฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในประเทศ คงราคาเหมาะสม 9 บาทต่อหุ้น บล. กรุงศรี ประมาณการกำไรสุทธิไว้ที่ราว 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% รับอานิสงส์ธุรกิจ Oil ที่คาดว่าค่าการตลาดน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน เป็นราว 1.73 บาท/ลิตร และรายได้จากพันธุ์ไทย เพิ่มขึ้น 35% ตามการขยายสาขาหนุนรายได้โต           บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) โดยคงคำแนะนำ Outperform จากแนวโน้มกำไรปกติปี 2568 ที่เห็นการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน และภาพระยะยาวยังมีความโดดเด่นด้านการเติบโตที่สูงในกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมัน พร้อมคาดหวังปันผลในระดับดี Dividend Yield เฉลี่ย 5-6% ต่อปี ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 9.50 บาทต่อหุ้น           สำหรับประเด็นที่น่าสนใจของ PTG คือ ปี 2568 ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตทั้งในส่วนของธุรกิจ Oil และ Non-Oil  ซึ่งธุรกิจน้ำมันตั้งเป้าขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่ม 50 สถานี มาอยู่ที่ 2,279 สถานี ยอดขายเติบโต 5-10% มาอยู่ราว 7.0-7.4 พันล้านลิตร, ธุรกิจ Non-Oil ที่ยังมีกาแฟพันธุ์ไทยเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยจะขยายเพิ่มอีก 600 สาขา ไปสู่ 1,947 สาขา และสัดส่วนกำไรขั้นต้นขึ้นมาอยู่ที่ 30-35% จากปัจจุบันที่ 25%           รวมถึงยังตั้งเป้างบลงทุนปี 2568 ที่ 3.0-4.0 พันล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจ Oil, กาแฟพันธุ์ไทย และอื่นๆ อีกทั้งปีนี้จะมุ่งเน้นการปรับปรุงรูปโฉมสถานีบริการน้ำมันเดิม ให้มีรูปแบบใหม่ที่ทันสมัย และมีผลิตภัณฑ์ครบครันต่อความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขายต่อสาขาเดิมให้เติบโต 20-30% ซึ่งยังมีส่วนช่วยเพิ่มรายได้กลุ่ม Non-Oil และแม้ว่าสภาวะการแข่งขันของกลุ่มสถานีบริการน้ำมันยังรุนแรง แต่ผู้บริหารมั่นใจจะมีส่วนแบ่งการตลาดเติบโต จากปัจจุบันที่ 21.9% โดยใช้เครือข่าย Max Card และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย           ทั้งนี้แม้ปัจจุบัน PTG ยังไม่ได้รับการจัดอันดับใน SET ESG Rating แต่อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทฯ ได้มีการเผยแพร่รายงานความยั่งยืน และกำหนดดัชนีชี้วัดในแต่ละด้าน ซึ่งฝ่ายวิจัยมีความเห็นว่า การดำเนินงานด้าน ESG ของ PTG ช่วยให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนในด้านการสร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ รวมถึงยังมีการให้ความสำคัญทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยสามารถบรรลุกรอบเป้าหมายได้บางหัวข้อ ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้ PTG ได้รับการจัดอันดับ ESG ในอนาคต           ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินผลประกอบการปี 2568 ของ PTG จะสามารถเติบโตจากปีก่อนจากการขยายจำนวน Touchpoint, การเติบโตของธุรกิจ Non-Oil, กลยุทธ์บัตรสมาชิก, อุปสงค์น้ำมันฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในประเทศ คงประมาณการกำไรปกติปี 2568 ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อน คงราคาเหมาะสม 9 บาทต่อหุ้น แนะนำ ซื้อ จาก Valuation ไม่แพง ปัจจุบันซื้อขายบน PER 9.6 เท่า           ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มอง slightly negative ในประเด็นค่าการตลาดน้ำมันของ PTG ที่ฟื้นตัวช้า โดยช่วงเดือนมกราคม 2568 มีแนวโน้มคงที่จากไตรมาส 4/2567 ที่ราว 1.65 บาท/ลิตร และผู้บริหารประเมินว่าการแข่งขันในตลาดและนโยบายรัฐอาจทำให้ค่าการตลาดน้ำมันไปเร่งในไตรมาส 2/2568 แทน สะท้อนแนวโน้ม Downside ของกำไรปี 2568  ทั้งนี้จากสภาวะที่ราคาน้ำมันดิบลดลงจากปีก่อน และภาครัฐลดภาระขาดทุนกองทุนน้ำมันได้ต่อเนื่อง           ฝ่ายวิจัยประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ราว 1.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อน รับอานิสงส์จากฝั่ง Oil ที่คาดค่าการตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้น 5% เป็นราว 1.73 บาท/ลิตร และ รายได้จากพันธุ์ไทยเพิ่มขึ้น 35% ตามการเร่งขยายสาขาส่งผลให้รายได้โตเฉลี่ย 28% CAGR ในช่วง 2568-2569 คาดว่ากำไรปกติโตสูงต่อเนื่องเฉลี่ย 31% CAGR ในช่วงเดียวกัน           ดังนั้นจึงแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 10.5 บาท/หุ้น หากรับความเสี่ยงกฎหมายคุมราคาน้ำมันได้ มอง PTG น่าสนใจ บนแนวโน้มการเติบโตทั้งธุรกิจ Oil ที่ค่าการตลาดน้ำมันมีแนวโน้มฟื้นตัวในระยะยาวจากแรงกดดันด้านต้นทุนที่ทยอยลดลง และ Non-Oil ที่ PunThai / Max Mart / Autobacs เติบโตต่อเนื่อง และทำได้ดีกว่าเป้า [PR news]

[ภาพข่าว] PTG ปักหมุดปี 68 ขยาย Non-Oil ผ่านฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus

[ภาพข่าว] PTG ปักหมุดปี 68 ขยาย Non-Oil ผ่านฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus

          คุณธีรพันธ์ ดิษยบุตร (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน พร้อมด้วยคุณปรเมษฐ์ สงวนโชควณิชย์ (ขวา) ผู้อำนวยการอาวุโสประจำสำนักกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Head of Investor Relations บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) ร่วมนำเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานปี 2567 ในงาน Opportunity Day บนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยระบุว่าในปี 2568 PTG มีแผนขยายเครือข่ายธุรกิจในหลากหลายมิติ ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ และใช้ฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 25 ล้านสมาชิก เป็นกลไกสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ Oil และ Non-Oil และภายในปี 2568 ตั้งเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นเป็น 30-35% และจะขยายสาขากาแฟพันธุ์ไทยสู่ 2,000 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงก้าวสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2573 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ PTG ที่พร้อมเชื่อมต่อทุกคนให้เข้าถึง ชีวิตที่ "อยู่ดี มีสุข" ในทุกช่วงของชีวิต ผ่าน Max Card และ Max Card Plus โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ณ อาคาร CW ทาวเวอร์ รัชดา กรุงเทพฯ

PTG ลุยกาแฟพันธุ์ไทย  บุก600สาขา-เป้าขายโต50%

PTG ลุยกาแฟพันธุ์ไทย บุก600สาขา-เป้าขายโต50%

              หุ้นวิชั่น - PTG วางงบลงทุนรวม ปี2568 ที่ 3,000 – 4,000 ล้านบาท จัดให้กาแฟพันธุ์ไทย 1-1.5 พันล้านบาท ปีนี้เพิ่มอีก 600 สาขา  ตั้งเป้ายอดขายกาแฟ โต 40-50%  ด้านโบรกเคาะพื้นฐาน 10.50 บาท               นายปรเมษฐ์ สงวนโชควณิชย์ ผู้อำนวยการอาวุโสประจำสำนักกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทวางงบลงทุนในปี 2568 ราว 3,000 – 4,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นธุรกิจ Oil ราว 1,000-1,500 ล้านบาท, ธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย ราว 1,000-1,500 ล้านบาท, กลุ่มธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ ในบริษัท ราว 500-1,000 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจใหม่อีกราว 1,000-1,500 ล้านบาท จากภาพรวมการงบลงทุนในปี 2568 บริษัทเล็งธุรกิจ Oil มากขึ้น ใช้ในการปรับปรุงสาขาเพื่อดึงลูกค้า และตั้งเป้าขยายสาขาราว 50 สถานี รวมทั้งสิ้น 2,279 สถานีในปี 2568 เพื่อสนับสนุนเป้าหมายปริมาณยอดขายปีนี้เติบโตที่ 5-10% ดันกาแฟพันธุ์ไทย ส่วนธุรกิจ Non-Oil นำโดยร้านกาแฟพันธุ์ไทย ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าขยายสาขาอีกราว 600 สาขา และตั้งเป้ายอดขายเติบโต 40-50% (ไม่รวม LPG) โดยคาดหวังอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นราว 30-35% จากปีที่แล้วอยู่ที่ 25% และตั้งเป้า EBITDA เติบโตที่ 8-12% อีกด้วย               ด้านนายปรเมษฐ์ ยังเปิดเผยต่อว่า จากที่ผ่านมาธุรกิจ Oil ได้เติบโตเพิ่มขึ้น 10 เท่า ส่วนธุรกิจ Non-Oil ได้เติบโตมากกว่า GDP ส่งผลให้ภาพรวมของปีนี้ บริษัทจะเน้นการใช้ Max Card และ Max Card Plus จากกลุ่มลูกค้ามาส่งเสริมให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกกลุ่ม พร้อมตั้งเป้าหมายรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้น 25-30% กำไรปี 2567 โต 7.9%               สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2567 ยังคงเติบโต โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ได้แรงหนุนจากรายได้รวม ที่เพิ่มขึ้น 27,002 ล้านบาท รวมทั้งปี 2567 อยู่ที่ 225,813 ล้านบาท มาจากปัจจัยหลักการเติบโตมาจากธุรกิจ Oil ที่ขยายตัว 12.3% ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางที่เติบโตถึง 12.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือคิดเป็นปริมาณรวม 6,708 ล้านลิตร โดยมาจากยอดขายผ่านสถานีบริการของ PT ที่ 6,548 ล้านลิตร ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นการเติบโต 12.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงกว่าระดับการเติบโตของอุตสาหกรรม เนื่องจากภาพรวมปริมาณการใช้น้ำมันของประเทศผ่านสถานีบริการมีการเติบโตเพียง 0.4%               นอกจากนี้ ธุรกิจ Non-Oil ได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ 4,270 ล้านบาท หรือ 31.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น จากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น รวมถึง SSSG จากกลุ่มลูกค้าสมาชิก การทำการตลาดและแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เคาะเป้า 10.50 บาท               ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มอง slightly negative ต่อข้อมูลในที่ประชุมนักวิเคราะห์ในประเด็นของค่าการตลาดน้ำมันของ PTG ที่ฟื้นตัวช้า โดยช่วง ม.ค. 25 มีแนวโน้มคงที่ Vs. 4Q24 ที่ราว 1.65 บาท/ลิตร และผู้บริหารประเมินว่าสภาวะการแข่งขันในตลาดและนโยบายรัฐอาจทำให้ค่าการตลาดน้ำมันไปเร่งใน 2H68 แทน สะท้อนแนวโน้ม downside ของกำไรปี 2568 หากค่าการตลาดต่ำกว่าคาด (ทุก ๆ ค่าการตลาดต่ำกว่าคาด 0.01 บาท/ลิตร กระทบกำไรราว -51 ล้านบาท หรือ -3.6%)               สำหรับข้อมูลเป้าธุรกิจ Oil และ Non-Oil ไม่ได้เปลี่ยนไปจากข้อมูลที่เปิดเผยก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ จากสภาวะที่ราคาน้ำมันดิบลดลง y-y และภาครัฐลดภาระขาดทุนกองทุนน้ำมันได้ต่อเนื่อง ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ราว 1.4 พันล้านบาท +39% y-y หนุนจากทั้งฝั่ง Oil ที่คาดค่าการตลาดน้ำมัน +5% y-y เป็นราว 1.73 บาท/ลิตร และรายได้ Pun Thai +35% ตามการเร่งขยายสาขา               ฝ่ายวิจัยจึงคงคำแนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 10.50บาท/หุ้น หากรับความเสี่ยงกฎหมายคุมราคาน้ำมันได้มอง PTG น่าสนใจ บนแนวโน้มการเติบโตทั้งธุรกิจ Oil ที่ค่าการตลาดน้ำมันมีแนวโน้มฟื้นตัวในระยะยาวจากแรงกดดันด้านต้นทุนที่ทยอยลดลง และ Non-Oil ที่ Pun Thai/Max Mart/Autobacs เติบโตต่อเนื่อง

PTG มุ่งขยายพอร์ต Non-Oil เพิ่มสัดส่วนกำไรขั้นต้น 50% ในปี 71

PTG มุ่งขยายพอร์ต Non-Oil เพิ่มสัดส่วนกำไรขั้นต้น 50% ในปี 71

           หุ้นวิชั่น - บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจปี 2568 ภายใต้ Max World เดินหน้าขยายเครือข่ายธุรกิจในหลากหลายมิติ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ "อยู่ดี มีสุข" ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ และใช้ฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 25 ล้านสมาชิก เป็นกลไกสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ Oil และ Non-Oil  ตั้งเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 2571 มุ่งเน้น กาแฟพันธุ์ไทย เป็นหัวหอกสำคัญ ขยายสู่ 5,000 สาขาทั่วประเทศ และก้าวสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2573 คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยในงาน  “ PTG Drive for Tomorrow: Max Card. Max Growth. Max World.” ว่าปี 2567 ที่ผ่านมา PTG สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมี PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 25 ล้านสมาชิก (คิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรไทย) เป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งในด้านปริมาณ คุณภาพ และกลยุทธ์            ธุรกิจ Oil ของ PTG ทำสถิติใหม่ด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6,548 ล้านลิตร เติบโต 12.9% YoY สูงกว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมกว่า 10 เท่า (ตลาดเติบโต 0.4% YoY) พร้อมครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 21.9% จาก Same-Store Sales Growth (SSSG) กว่า 11.6% YoY โดยมี PT Max Card เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ดึงดูดลูกค้าให้กลับมาเติมน้ำมันมากขึ้น บ่อยขึ้น และต่อเนื่องขึ้น นอกจากปริมาณที่เติบโตขึ้นแล้ว PTG ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ โดยเน้นโครงการหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐาน และคุณภาพการบริการ เช่น บริการส่งน้ำมัน Max Service การเช็ดกระจก การดูแลลูกค้า พร้อมกลยุทธ์การเติบโตควบคู่ไปกับลูกค้า ชุมชน และ คู่ค้า ผ่านการพัฒนา Max Enterprise Connect (MEC) โซลูชันสำหรับลูกค้าองค์กร และร่วมมือกับกรมการค้าภายใน เพื่อสร้างคุณค่าร่วมกับภาครัฐและชุมชน อีกทั้งได้พัฒนาและปรับปรุงสถานีบริการให้เป็น One-Stop Destination รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วให้ทุกสถานีกลายเป็นมากกว่าสถานีเติมน้ำมัน            ขณะเดียวกัน ธุรกิจ Non-Oil เติบโตอย่างแข็งแกร่งครอบคลุมทุกมิติ ในมุมของปริมาณทางฝั่งธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เติบโต 31.2% YoY ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP 10 เท่า (GDP เติบโต 2.5% YoY) ขณะที่กำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้น 35% YoY โดยมีกาแฟพันธุ์ไทยเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนธุรกิจ Non-Oil ด้วยการเติบโตที่โดดเด่นของกำไรขั้นต้นซึ่งเพิ่มขึ้น 80.2% YoY จากการขยายสาขาเฉลี่ยกว่า 1.3 สาขาต่อวันไปยังสถานีบริการน้ำมันและภายนอกสถานีบริการน้ำมันที่มีศักยภาพ อีกทั้งได้พัฒนาสินค้าและบริการต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า โดยพัฒนาโมเดลร้านให้หลากหลาย  รวมถึงการทำแคมเปญที่สอดรับกับการสนับสนุนวัตถุดิบท้องถิ่นอย่าง “ไทยริกาโน”  ขณะที่ Autobacs ซึ่งประกอบธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ และศูนย์บริการ มาตรฐานระดับญี่ปุ่น กำไรขั้นต้นเติบโต 70.9% YoY จากการขยายสาขาเป็น 117 สาขาภายในปี 2567  โดยมีรายได้เติบโตด้วยเช่นกันที่ 76% YoY            ทั้งนี้การเติบโตของกาแฟพันธุ์ไทย และ Autobacs เกิดจากพลังของฐานลูกค้าสมาชิกมีการเติบโตสะท้อนจากยอดขายกาแฟพันธ์ไทยกว่า 75% มาจากสมาชิก Max Card และ Max Card Plus โดยสมาชิก Max Card Plus มีการบริโภคกาแฟมากกว่าลูกค้าทั่วไป 7 เท่าต่อเดือน อีกทั้งซื้อกาแฟต่อครั้งมากกว่าลูกค้าทั่วไปถึง 2 เท่า            นอกจากนี้ PTG ยังเติบโตเชิงกลยุทธ์โดยร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญอย่าง บสย. เพื่อเสริมรากฐานการขยายแฟรนไชส์กาแฟพันธุ์ไทยที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังได้มีการร่วมมือกับ กรมป่าไม้ แม่ฟ้าหลวง และ ธกส. ในการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าและพืชเศรษฐกิจยั่งยืนเพื่อรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรท้องถิ่นอย่างเป็นธรรมในอนาคต            รวมถึงการส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดผ่านการรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มของกาแฟพันธุ์ไทยเพื่อต่อยอดเพิ่มมูลค่า สนับสนุนเกษตรกร กระจายรายได้สู่ชุมชน และสร้างความยั่งยืนในทุกภูมิภาค            คุณพิทักษ์ กล่าวอีกว่าสำหรับอนาคต PTG มุ่งสู่ Max World ซึ่งเป็นระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้เข้าถึงชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข ผ่าน 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่ ยกระดับคุณภาพให้ลูกค้ามี “ชีวิตดี” ผ่านบัตร Max Card และ Max Card Plus โดยมอบโอกาสให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย และได้รับสิทธิพิเศษมากขึ้น เช่น เข้าพักจุดบริการ PT MAX CAMP ฟรีระหว่างการเดินทาง ส่วนลด 50 สตางค์/ลิตร สำหรับน้ำมันใสหรือ LPG ส่วนลด 50% สำหรับเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยหรือคอฟฟี่เวิลด์ ฟรีค่าบริการจัดส่งน้ำมันฉุกเฉิน มูลค่า 100 บาท เป็นต้น โดยสิทธิประโยชน์เหล่านี้ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม และเกิดการบอกต่ออย่างกว้างขวางจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่าทุกสิ่งที่ PTG ขับเคลื่อนอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจลูกค้า ดังคำกล่าว “ใครจะเข้าใจคนไทย... ได้ดีกว่าคนไทยด้วยกัน” ขยายธุรกิจ Non-Oil ให้ “เติบโต” โดยตั้งเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 2571 ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% ของกําไรขั้นต้น พร้อมกับธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ อีก 25% โดยการเพิ่มในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มีปัจจัยมาจากการขยายกาแฟพันธุ์ไทยสู่ 5,000 สาขา ภายในปี พ.ศ. 2571 การขยายสาขานี้จะทําให้กาแฟพันธุ์ไทยเข้าถึงชุมชนและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ในมุมธุรกิจใหม่ Subway ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศธุรกิจของ PTG ผ่านบัตร Max Card โดยใช้ประโยชน์จากฐานสมาชิกกว่า 25 ล้านราย เพื่อมอบความคุ้มค่าและสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น                         ด้านนายรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ได้กล่าวเสริมว่า PTG ได้ขยายขอบเขตไปยังธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการเชื่อมต่อกับ Max Card ให้ลูกค้าปลดล็อกสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะในด้าน บริการสินเชื่อที่ PTG ได้ร่วมมือกับ Paisan Capital เพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบการขนส่ง เสริมศักยภาพในการเข้าถึงสินเชื่อด้วยเงื่อนไขที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการ อีกทั้ง PTG เป็นผู้นำในการนำ Subscription Model มาเชื่อมต่อกับสถานีชาร์จ EV Elex by EGAT PT ให้ลูกค้าปลดล็อกสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่า พร้อมยกระดับสุขอนามัยของคนในชุมชนผ่านธุรกิจบริหารจัดการขยะและ PTG ได้ย่อ Max World มาอยู่ในมือลูกค้า ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me เพื่อเพิ่ม “ความสะดวกสบาย” ให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มที่รวมสินค้า บริการ และสิทธิพิเศษไว้ในที่เดียว นอกจากนี้ PTG ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณค่าให้กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมา PTG ได้ดำเนินโครงการที่ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการติดตั้ง Solar Roof ในสถานีบริการ, ค่ายอาสาทำจริงไม่ทิ้งกัน, การส่งเสริมพืชเศรษฐกิจและไม้ยืนต้นร่วมกับการปลูกกาแฟ และการฟื้นฟูป่าชายเลน รวมถึง การร่วมมือกับกรมการค้าภายใน รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรเพื่อนำมาแจกให้ลูกค้าสถานีบริการน้ำมัน            อีกทั้ง PTG ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นด้าน ธรรมาภิบาลและความโปร่งใส โดยได้รับรอง CAC ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยแนวคิดของ PTG คือ การเติบโตของธุรกิจต้องไปพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะ PTG ตระหนักดีว่าภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกภาคส่วนจากวิกฤตน้ำท่วม ไฟป่า ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและต้นทุนคาร์บอนในระดับโลก ปัจจุบัน 140 ประเทศทั่วโลกได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero ซึ่งกำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมพลังงานผ่าน นโยบาย COP, ภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) และ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนให้กับธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง ด้วยเหตุนี้ PTG จึงให้คำมั่นในการก้าวสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2030 (Scope 1 และ 2) ผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ Reduce (10%): ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร (Drive Internal Decarbonization) Reforestation (30%): ดูดซับและกักเก็บคาร์บอนผ่านการปลูกป่า การฟื้นฟู และการปกป้องระบบนิเวศชายฝั่ง (Forest Protection & Conservation Actions) Readjust Portfolio (60%): ลงทุนใน ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต ที่สามารถชดเชยคาร์บอนและเติบโตในระยะยาว (Deploy investments in a carbon offset portfolio)            ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ PTG ที่ไม่ได้มอง ESG เป็นเพียงมาตรฐาน แต่เป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ PTG เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมเชื่อมต่อทุกคนให้เข้าถึง ชีวิตที่ "อยู่ดี มีสุข" ในทุกช่วงของชีวิต ผ่าน Max Card และ Max Card Plus ซึ่งเป็นมากกว่าบัตรสะสมแต้ม แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

จับตา PTG ปรับโฉมใหม่ คาดหนุนยอดขายเพิ่ม 20-30%

จับตา PTG ปรับโฉมใหม่ คาดหนุนยอดขายเพิ่ม 20-30%

              หุ้นวิชั่น - บล.เอเซียพลัส ประเมินหุ้น PTG จากการประชุมนักวิเคราะห์ ภาพธุรกิจปี 2568 ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตทั้งในส่วนของธุรกิจ Oil และ Non-Oil โดยธุรกิจน้ำมัน ตั้งเป้าขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่ม 50 สถานี มาอยู่ที่ 2,279 สถานี ยอดขายเติบโต 5-10% YoY มาอยู่ราว 7.0-7.4 พันล้านลิตร               ด้านธุรกิจ Non-Oil ยังมีกาแฟพันธุ์ไทยเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยจะขยายเพิ่มอีก 600 สาขา ไปสู่ 1,947 สาขา และสัดส่วนกำไรขั้นต้นขึ้นมาอยู่ที่ 30-35% จากปัจจุบันที่ 25%               ทั้งนี้ ตั้งเป้า CAPEX ปี 2568 ที่ 3.0–4.0 พันล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจ Oil 1.0-1.5 พันล้านบาท, กาแฟพันธุ์ไทย 1.0-1.5 พันล้านบาท และอื่นๆ รวม 1.5-2.5 พันล้านบาท               สำหรับกลยุทธ์ปี 2568 จะมุ่งเน้นการปรับปรุงรูปโฉมสถานีบริการน้ำมันเดิม ให้มีรูปแบบใหม่ที่ทันสมัย และมีผลิตภัณฑ์ครบครันเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขายต่อสาขาเดิมให้เติบโต 20-30% และยังเป็นส่วนช่วยเพิ่มรายได้กลุ่ม Non-Oil               รวมถึงสภาวะการแข่งขันของกลุ่มสถานีบริการน้ำมันยังรุนแรง อย่างไรก็ตามผู้บริหารมั่นใจว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเติบโต จากปัจจุบันที่ 21.9% โดยใช้เครือข่าย Max Card และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย พร้อมคาดอัตรากำไรขั้นต้น/ลิตรที่ 1.7-1.8 บาท/ลิตร จาก 1.65 บาท/ลิตรในปี 2567 จากนโยบายพลังงานที่คาดเริ่มผ่อนคลายในช่วง 2H68 ด้านต้นทุนเมล็ดกาแฟที่สูงขึ้น คาดส่งผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยคาดยอดขายที่เติบโตจะส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยยังมีกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY               ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ Outperform จากแนวโน้มกำไรปกติปี 2568 ที่เห็นการเติบโตต่อเนื่อง YoY และภาพระยะยาวยังมีความโดดเด่นด้านการเติบโตที่สูงในกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมัน พร้อมคาดหวังปันผลในระดับดี dividend yield เฉลี่ย 5-6% /ปี

PTG โชว์กำไรปี67 เติบโต7.9% ปี68 เร่งขยายธุรกิจต่อยอด

PTG โชว์กำไรปี67 เติบโต7.9% ปี68 เร่งขยายธุรกิจต่อยอด

           หุ้นวิชั่น - PTG โชว์กำไรปี 2567 โต 7.9% แตะ 1.04 พันลบ. ด้านแนวโน้มปี 2568 ตั้งเป้าขยายสถานีบริการน้ำมัน 2,279 สาขา และ Non-Oil (ไม่รวม LPG) แตะ 2,978 สาขา พร้อมคาดการณ์ การเติบโตของ Non-Oil ที่ 40-50% YoY และ EBITDA โต 8-12% YoY ส่วนงบลงทุนที่ 3-4 พันล้านบาท บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567            เศรษฐกิจไทยปี 2567 ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงหนุนจาก การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว และ การบริโภคภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนในบางหมวดจะชะลอตัว ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อโดยรวมอยู่ในระดับต่ำ แต่ยังมีความผันผวนในบางช่วงของปี ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามองในสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ทั้งนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังและเตรียมรับมือกับ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และ ผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่ส่งผลต่อราคาพลังงานโลก ผลประกอบการปี 2567 ของ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”)            บริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิ 1,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% YoY การเติบโตดังกล่าวได้รับแรงหนุนจาก รายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 27,002 ล้านบาท แตะระดับ 225,813 ล้านบาท ปัจจัยหลักของการเติบโตมาจาก ธุรกิจน้ำมัน (Oil) ที่ขยายตัว 12.3% YoY ตามการเพิ่มขึ้นของ ปริมาณจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทาง ที่เติบโตถึง 12.5% YoY คิดเป็นปริมาณรวม 6,708 ล้านลิตร โดยมาจาก ยอดขายผ่านสถานีบริการ PT ที่ 6,548 ล้านลิตร สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เติบโต 12.9% YoY สูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมมากกว่า 10 เท่า เนื่องจากภาพรวมปริมาณการใช้น้ำมันของประเทศผ่านสถานีบริการเติบโตเพียง 0.4% YoY            การเติบโตที่แข็งแกร่งนี้ทำให้บริษัทฯ ขยายส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 21.9% โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจาก การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same-Store-Sales Growth: SSSG) ผ่าน กลุ่มลูกค้าสมาชิก Max Card และ Max Card Plus เป็นหลัก ธุรกิจ Non-Oil เติบโตโดดเด่น            ธุรกิจ Non-Oil ของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ 4,270 ล้านบาท หรือ 31.2% YoY เป็น 17,958 ล้านบาท โดยธุรกิจกาแฟ "พันธุ์ไทย" มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น 82.6% YoY แตะ 2,266 ล้านบาท            การเติบโตดังกล่าวได้รับแรงหนุนจาก การขยายสาขาเพิ่มขึ้น 465 สาขา จาก 882 สาขา เป็น 1,347 สาขา หรือคิดเป็น การขยายเฉลี่ย 1.3 สาขาต่อวัน รวมถึง SSSG จากกลุ่มลูกค้าสมาชิก เป็นหลัก ผ่าน การดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดและแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง รายได้จากธุรกิจ Non-Oil และการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าขยะ            ส่วนหนึ่งของรายได้ผ่านธุรกิจ Non-Oil ที่เพิ่มขึ้น มีผลมาจาก การบันทึกบัญชีตามมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 12 (TFRIC 12) อันเป็นผลจากสิทธิในการให้บริการภายใต้ ข้อตกลงสัมปทานธุรกิจ กำจัดขยะมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากชุมชนเทศบาลเมืองบ้านพรุ (ธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะ) โดยรับรู้รายได้คู่ต้นทุน จำนวน 558 ล้านบาท ตามการรับรู้สิ่งตอบแทนที่ได้รับสำหรับ มูลค่าเริ่มแรกด้วยมูลค่ายุติธรรมในสินทรัพย์ไม่มีตัวตน ตามเงื่อนไขของข้อตกลงสัมปทาน มุมมองของผู้บริหารและทิศทางในการดำเนินธุรกิจ เป้าหมายด้านการดำเนินงานและการเงินของปี 2568E เป้าหมายจำนวนสาขาธุรกิจและการดำเนินงาน • สถานีบริการน้ำมัน: 2,279 สถานีบริการ • ธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวม LPG): 2,978 สาขา • สาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทย: 1,947 สาขา • Touchpoints อื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil: 1,031 สาขา เป้าหมายการเติบโต • อัตราการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน: 5-10% YoY • อัตราการเติบโตของยอดขายในธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวม LPG): 40-50% YoY • สัดส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Non-Oil: 30-35% • อัตราการเติบโตของ EBITDA: 8-12% YoY • งบลงทุน: 3,000 – 4,000 ล้านบาท มุมมองของผู้บริหารและทิศทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ปี 2568            ในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงแสดงให้เห็นถึง การเติบโตที่แข็งแกร่ง ในธุรกิจหลักทั้ง Oil และ Non-Oil โดยปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโตสูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม และธุรกิจ Non-Oil ยังคงสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการขยายสาขาและการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม            สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้น การขยายเครือข่ายธุรกิจในทุกมิติ พร้อมพัฒนาระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยตั้งเป้าหมาย การเติบโตของธุรกิจน้ำมันที่ 5-10% YoY และ ธุรกิจ Non-Oil ที่ 40-50% YoY พร้อมขยายสถานีบริการและ Touchpoints ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ธุรกิจ Oil            บริษัทฯ ตั้งเป้า การเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน 5-10% YoY พร้อมขยายเครือข่ายสถานีบริการ ปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าผ่าน โซลูชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่            ปัจจัยมหภาคยังมีบทบาทสำคัญต่อแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันในปี 2568 โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (“สภาพัฒน์”) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในกรอบ 2.3%-3.3% ในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจาก การบริโภคภาคเอกชน การส่งออกสินค้า การลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน และการท่องเที่ยว ซึ่ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (“ททท.”) ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 ที่ 40 ล้านคน สร้างรายได้ระหว่าง 1.98–2.23 ล้านล้านบาท คาดว่าจะเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์            สำหรับปัจจัยภายใน บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายสถานีบริการ PT อย่างต่อเนื่อง โดย เน้นขยายสาขาในทำเลที่มีศักยภาพ ควบคู่กับการ Renovate สถานีบริการ และพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป            การเติบโตของฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน กว่า 25 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุน การขยายตัวของยอดจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ PT โดยตรง จากพฤติกรรมการใช้ซ้ำและสิทธิประโยชน์ที่ออกแบบให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ธุรกิจ Non-Oil            บริษัทฯ ตั้งเป้าหมาย การเติบโตของรายได้จากธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวม LPG) ที่ 40-50% YoY ในปี 2568 โดยมุ่งเน้น การขยาย Touchpoints อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมาย ขยายธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวมธุรกิจ LPG) เป็น 2,978 สาขา ซึ่งรวมถึง • ร้านกาแฟพันธุ์ไทย 1,947 สาขา • Touchpoints อื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil 1,031 สาขา            กาแฟพันธุ์ไทยยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของธุรกิจ Non-Oil โดยใช้กลยุทธ์การ เลือกทำเลที่มีศักยภาพสูง เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ผ่าน ฐานข้อมูลสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถกำหนดพื้นที่ขยายสาขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นไปยังทำเลที่มีศักยภาพ เช่นย่านใจกลางเมือง (CBD)            หัวเมืองหลักในจังหวัดต่าง ๆศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า สถานที่ราชการ โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย            การเติบโตของกาแฟพันธุ์ไทย ไม่ได้มาจากเพียงการขยายสาขาเท่านั้น แต่ยังได้รับแรงสนับสนุนจาก การเติบโตของ SSSG ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องจาก ความต้องการของลูกค้าสมาชิกและบุคคลทั่วไปที่เพิ่มขึ้น รวมถึง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภค            นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยาย Autobacs เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ Max Mart เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคที่เข้าถึงง่าย และ Subway เพื่อเพิ่มทางเลือกด้านอาหารเพื่อสุขภาพให้กับลูกค้าในสถานีบริการน้ำมันและพื้นที่เชิงพาณิชย์ แนวโน้มกำไรและการบริหารต้นทุน            จากกลยุทธ์การขยายธุรกิจดังกล่าว บริษัทฯ คาดว่า สัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil จะอยู่ที่ 30-35% โดยได้รับแรงหนุนจาก การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และ การพัฒนาแคมเปญส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นการใช้บริการซ้ำและเพิ่มความภักดีของลูกค้า            บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ธุรกิจ Non-Oil โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทย จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตขององค์กรในปี 2568 ผ่าน การขยายเครือข่ายที่แข็งแกร่ง และ การพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม

PTGค่าการตลาดยังกด ความท้าทายนโยบายรัฐ

PTGค่าการตลาดยังกด ความท้าทายนโยบายรัฐ

           หุ้นวิชั่น- บทวิเคราะห์ บล.ดาโอระบุว่า PTG คงคำแนะนำ “ถือ” แต่ปรับราคาเป้าหมายลงมาที่ 8.50 บาท (เดิม 10.00 บาท) อิง PER 13X หรือเทียบเท่า -1SD ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี สะท้อนการปรับประมาณการลงหลังกังวลความเสี่ยงนโยบายภาครัฐกดดันค่าการตลาด            ทั้งนี้ประเมินกำไรสุทธิ 4Q24E ที่ 253 ล้านบาท (-53% YoY, +261% QoQ) YoY ลดลงค่าใช้จ่าย SG&A outrun การเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นจากการขยายธุรกิจโดยค่าการตลาดลดลง ในขณะที่ QoQ เพิ่มขึ้นจาก Oil sales volume ที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล โดยใน 4Q24E ประเมิน oil sales volume ที่ 1.7 พันล้านลิตร (+10% YoY, +8% QoQ) ในขณะทีค่าการตลาดอยู่ที่ 1.65 บาท/ลิตร (-11% YoY, ทรงตัว QoQ) ส่วน SG&A ประเมินที่ 3.4 พันล้านบาท (+18% YoY, +2% QoQ) ตามการขยายธุรกิจ และส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2024E มีโอกาสอยู่ที่ระดับ 1.0 พันล้านบาท (+11% YoY) ต่ำกว่าประมาณการเดิมของเราราว -11% จากค่าการตลาดที่ต่ำกว่าที่ประเมิน            พร้อมกันนี้เราได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E ลงมาที่ 1.2 พันล้านบาท (+18% YoY) ลดลงจากประมาณการเดิม -18% จากการปรับสมมติฐานหลักค่าการตลาดในปี 2025E ลงมาที่ระดับ 1.65 บาท/ลิตร (เดิม 1.70 บาท/ลิตร) จากความกังวลนโยบายควบคุมราคาพลังงานของรัฐราคาหุ้น underperform SET ราว -3% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ความผันผวนของค่าการตลาด และความกังวลการแทรกแซงราคาพลังงานของนโยบายภาครัฐ แม้ปัจจุบันราคาหุ้นลงมาเทรดใน band -1SD (เป็นกรอบต่ำสุดในรอบ 3 ปี) แต่ประเด็นดังกล่าวคาดว่ายังเป็นปัจจัย overhang ราคาหุ้นให้กลับไป outperform ตลาดได้ยาก

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

PTG แจก

PTG แจก "พวงกุญแจ ThaiGP 2025" เปิดประสบการณ์ “PT Grand Prix of Thailand 2025”

          หุ้นวิชั่น - นายสุทธิพงษ์ วรรณวานิช (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิโตรเลียมไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันพีที ในกลุ่ม บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) พร้อมผู้บริหาร ขอเชิญชวนลูกค้าทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก หรือ โมโตจีพี 2025 ซึ่งประเทศไทยได้รับโอกาสครั้งสำคัญในการเป็นเจ้าภาพ สนามที่ 1 ในการเปิดฤดูกาลการแข่งขันประจำปีนี้ ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2025” การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกที่ได้รับความนิยมจากแฟนๆชาวไทยและทั่วโลก           ทั้งนี้ พีที สเตชั่น ได้จัดแคมเปญมอบของพรีเมียมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ "พวงกุญแจ ThaiGP 2025" ให้กับสมาชิกบัตร PT Max Card ได้เก็บสะสมเป็นที่ระลึก เพียงเติมน้ำมันกลุ่มเบนซินทุกชนิด ครบ 1,000 บาท หรือ เมื่อเติมน้ำมันดีเซล ครบ 1,200 บาท รับทันทีพวงกุญแจ ThaiGP 2025 จำนวน 1 ชิ้น (มูลค่า 159 บาท) ที่สถานีบริการน้ำมันพีทีที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 - วันที่ 9 มีนาคม 2568 หรือจนกว่าของจะหมด [PR News]

ชวนแฟนกีฬา Countdown สู่ “โมโตจีพี” ครั้งแรกที่ไทย-ในโลก

ชวนแฟนกีฬา Countdown สู่ “โมโตจีพี” ครั้งแรกที่ไทย-ในโลก

          หุ้นวิชั่น - กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวนับถอยหลังการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2025” (พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์)  ศึกมอเตอร์สปอร์ตพรีเมียมที่มีผู้ชมมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก ที่ไทยได้รับบทบาทสำคัญ ทั้ง การแถลงเปิดฤดูกาล Season Premier ที่ One Bangkok กรุงเทพ โดยดอร์น่าสปอร์ต วันที่ 9 ก.พ. ต่อด้วย Pre-Season Test  12-13 ก.พ. และ Main Race 28 ก.พ.-2 มี.ค.68 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพปีที่ 6           นางโปรดปราน สมานมิตร รองผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้สนับสนุนภาครัฐและเอกชน นำโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, จังหวัดบุรีรัมย์, กรมการขนส่งทางบก, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด (ดูคาติ ไทยแลนด์), แกร็บ ประเทศไทย (Grab) รวมทั้ง, ทัพสื่อมวลชน-อินฟลูเอนเซอร์ และผู้สนับสนุนร่วมงานมากมาย           นางโปรดปราน สมานมิตร รองผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย เปิดเผยว่า “นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่วัน ก็จะเข้าสู่สุดสัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตไทย กับการเป็นสนามเปิดฤดูกาลโมโตจีพีเป็นครั้งแรก โดยจะมีการจัดงาน Season Premier อย่างยิ่งใหญ่ ที่ One Bangkok ซึ่งเป็นกิจกรรมแฟนมีต ที่จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทย และถือเป็นวันที่ยิ่งใหญ่แห่งโลกมอเตอร์สปอร์ต โอกาสสำคัญที่จะได้ประชาสัมพันธ์ความสวยงามของกรุงเทพผ่านการถ่ายทอดสดออนไลน์สู่สายตาแฟนๆ โมโตจีพีที่มีมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก ขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความพร้อม 100% ทั้งในส่วนการทดสอบสนามก่อนเปิดฤดูกาล ( Pre-Season Test ) และวันแข่งขัน (Main Race) เราจะใช้โอกาสนี้เป็นเวทีแสดงศักยภาพของประเทศไทยในด้านกีฬามอเตอร์ระดับโลกอีกครั้ง”           นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โมโตจีพีไม่ใช่เพียงแค่การแข่งขันกีฬาในระดับโลก แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย Sport Tourism ของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยการเป็นเจ้าภาพ สนามเปิดฤดูกาล ถึง 2 ปีติดต่อกัน (2025 และ 2026) ถือเป็นโอกาสสำคัญอย่างมากของประเทศไทยในการประชาสัมพันธ์ประเทศ รวมถึง ในโอกาสปี “Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025” นี้ ไทยจีพีจะถือเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ Grand Festivity โดยเป็นหมุดหมายของมอเตอร์สปอร์ตเฟสติวัลระดับโลก เป็นพลังสำคัญในขับเคลื่อนสร้าง การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยอย่างยั่งยืนต่อไป           นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ กล่าวว่า กองทุนฯ มีพันธกิจที่สำคัญในการสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการจัดการแข่งขันโมโตจีพีในประเทศไทยมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยอีกหนึ่งพันธกิจคือการสนับสนุนนักกีฬาไทยให้ก้าวขึ้นไปสร้างชื่อเสียงบนเวทีระดับโลก ซึ่งในปีนี้มี 'ก้อง สมเกียรติ จันทรา' นักแข่งโมโตจีพีคนแรกในประวัติศาสตร์ เริ่มต้นจากสนามโฮมเรซในประเทศไทย ขอเชิญชวนแฟนกีฬาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ผลักดันกิจกรรมในครั้งนี้ ที่ยังมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศมหาศาลให้กระหึ่มโลกด้วยกันอีกครั้ง           นายรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ในฐานะ Title Sponsor กล่าวว่า ปีนี้ PTG เตรียมการต้อนรับแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตจากทั่วโลกอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการขยายพาวิลเลียนขนาดยักษ์ให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ติดตั้ง จอ LED ยักษ์ สูงเทียบเท่ากับตึก 2 ชั้น ไว้เป็นแลนด์มาร์คใหม่ โดยใช้เทคนิคการ    แอนนิเมทภาพ 3 มิติที่สวยงาม ภายในยังมีกิจกรรมสนุกเต็ม Max ไปกับ Hero Walk และ Meet and Geet นักแข่งจากทุกคลาสทั้ง MotoGP Moto2 Moto3 แฟนความเร็วจะได้ถ่ายภาพและขอลายเซ็นได้อย่างใกล้ชิด           รวมทั้งทัพใหญ่ของแบรนด์ในเครือของ PTG  ไม่ว่าจะเป็น PT Station / PT Maxnitron / Autobacs / กาแฟพันธุ์ไทย / Coffee World / Max Card Plus พิเศษสำหรับสมาชิกบัตร Max Card Plus และบัตร Max Card รับสิทธิพิเศษภายในงานอีกมากมาย           นางเจษฎากร โคชส์ ผู้อำนวยการสำนักการตลาด น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง ในฐานะหัวเรือหลักของผู้เสิร์ฟกิจกรรมบันเทิงในรูปแบบของมอเตอร์สปอร์ตเฟสติวัล กล่าวว่า ปีนี้ช้างฯ จัดเต็มความสนุกครบรส ตลอด 3 วัน ส่งมอบประสบการณ์การชมโมโตจีพีแบบสุด Exclusive ใน Chang House เต้นท์ติดแอร์ขนาดใหญ่ วงดนตรี และดีเจ นอกจากนี้ยังมี คอนเสิร์ต Chang Music Connection ที่ยกทัพศิลปินดัง เริ่มจาก 28 กุมภาพันธ์ UrboyTJ (ยัวร์บอยทีเจ) และ “กอล์ฟ F.Hero” (เอฟ.ฮีโร่), 1 มีนาคม Musketeers และ “โจอี้ ภูวศิษฐ์”, ส่งท้าย 2 มีนาคมด้วยวง “Paradox” (พาราดอกซ์) พร้อมจุดบริการ Chang Shuttle Station รับส่งแฟนๆเข้าสู่สนาม กันแบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย           นายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต กล่าวว่า การที่โมโตจีพีเลือกประเทศไทยจัดกิจกรรมที่สุดพิเศษ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ได้จัดงานแบบนี้มาก่อน ทั้ง Season Premier ความพิเศษของตัวงานนี้มีอยู่ด้วยกันหลายกิจกรรมถ่ายโปรโมตประเทศไทย ณ วัดเบญจมบพิตร,  ขบวนรถแข่งโมโตจีพีบริเวณ One Bangkok, กิจกรรม Hero Walk, การเดินพรมแดงของเหล่านักบิด ฯลฯ นอกจากนี้ยังมี Pre-season Test และ Main Race ทั้งหมดจัดขึ้นที่ประเทศไทย กำไรพิเศษของแฟนความเร็ว ซื้อบัตร Main Race แถมเข้าชม Pre-season Test ฟรี           แฟนความเร็วซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซด์ allticket นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นสุดพิเศษ เรียก Grab เดินทางไป-กลับสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต  ระหว่าง วันที่ 28 ก.พ. - 2 มี.ค.68 ใส่รหัส "THAIGP" รับส่วนลด 15% สูงสุด 100 บาท สามารถใช้ได้กับทุกบริการ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram หรือรับข่าวสารผ่านช่องทางไลน์ โดยเพิ่มเพื่อน Line ID : @changcircuit

รัฐบาลไทยแถลงข่าวใหญ่ “โมโตจีพี” สนามที่ 1  PT Grand Prix of Thailand 2025

รัฐบาลไทยแถลงข่าวใหญ่ “โมโตจีพี” สนามที่ 1 PT Grand Prix of Thailand 2025

            รัฐบาลไทย โดย ก.ท่องเที่ยวและกีฬา แถลงข่าวใหญ่ต้อนรับศึกกรังด์ปรีซ์เบอร์ 1 ของโลก ยิ่งใหญ่ไปกับการเป็นสนามเปิดฤดูกาล “โมโตจีพี” ครั้งแรกในไทยและครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในรอบ 25 ปี กับ 3 กิจกรรมสุดพิเศษที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด - ทั่วโลกเฝ้ารอ คณะกรรมการฝ่ายจัดฯ ยืนยันพร้อมเสิร์ฟประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ต เฟสติวัล ชั้นพรีเมียม ด้วยเสน่ห์วิถีไทยครองใจคนทั่วโลก ร่วมเชียร์นักบิดไทยคนแรกในรุ่นโมโตจีพี “ก้อง สมเกียรติ จันทรา” อย่างเต็มภาคภูมิ ถ่ายทอดสดกว่า 200 ประเทศ สู่ผู้ชม 800 ล้านคนทั่วโลก หลังเปิดจำหน่ายบัตร ที่นั่งแกรนด์สแตนด์ กว่า 10,000 ที่นั่ง ทุบสถิติ Sold Out ด้วยเวลา 2.55 นาที ขณะที่สแตนด์อื่นๆ มียอดจองอย่างรวดเร็วกว่าทุกปี คาดกระแสดี เต็มที่นั่งแน่นอน             การแถลงข่าวการจัดการแข่งขันและเปิดจำหน่ายบัตร ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ สนามที่ 1 ของฤดูกาล รายการ PT Grand Prix of Thailand 2025 (พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์) ที่ไทยได้รับบทบาทสำคัญ ทั้ง การแถลงเปิดฤดูกาล Season Premier ที่ One Bangkok กรุงเทพ โดยดอร์น่าสปอร์ต วันที่ 9 ก.พ. ต่อด้วย Pre-Season Test 12-13 ก.พ.และ Main Race 28 ก.พ.-2 มี.ค.68 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพปีที่ 6             นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีแถลงข่าว พร้อมด้วยผู้สนับสนุนภาครัฐ-เอกชน นำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย, จังหวัดบุรีรัมย์, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กรมการขนส่งทางบก, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG, น้ำแร่ธรรมชาติ ตรา ช้าง, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด ( ดูคาติ ไทยแลนด์ ),   สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ทัพสื่อมวลชนและผู้สนับสนุนร่วมงานมากมาย             นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า   ปีนี้นับเป็นปีที่ 6 ของการเป็นเจ้าภาพจัด “โมโตจีพี” บนผืนแผ่นดินไทย โดยได้รับเกียรติสูงสุดในการเป็นเจ้าภาพสนามเปิดฤดูกาล 2 ปีซ้อนทั้งในปี 2568 และ 2569 ซึ่งสนามแรกในประเทศไทยในปีนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ -2 มีนาคม 2568 จากทั้งหมด 22 สนามใน 18 ประเทศ นับเป็นการเปิดฤดูกาลครั้งแรกในไทย และครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รอบ 25 ปี             โมโตจีพี สนามประเทศไทย ถือเป็นแบบอย่างนโยบาย Sport Tourism อย่างเป็นรูปธรรม ในหลายมิติ ทั้งด้านกีฬา เศรษฐกิจ ท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ประเทศ โดยปี 2567 มียอดผู้ชมในสนามสูงถึง 205,343 คน สร้างเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 4,759 ล้านบาท และในปีนี้ ดอร์น่า สปอร์ตยังเลือก  ที่จะจัด 3 กิจกรรมหลักที่แฟนความเร็วทั่วโลกรอคอย ได้แก่ แถลงเปิดฤดูกาล Season Premier, ทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล Pre-Season Test และ Main Race สนามแรกของปี เหล่านี้เองเป็นเครื่องแสดงศักยภาพของไทยที่เป็นที่ประจักษ์ในเวทีระดับโลกในการจัดมหกรรมกีฬาระดับสากลและก้าวสู่ศูนย์กลางของกีฬามอเตอร์สปอร์ตในภูมิภาคเอเชียในอนาคต             ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้มีความท้าทายค่อนข้างมาก จากกรอบเวลาการทำงานที่สั้นลง แต่ด้วยประสบการณ์และความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เดินหน้าเต็มระบบ มั่นใจได้ว่าการแข่งขันในปีนี้จะยิ่งใหญ่ที่สุด สมกับการเป็นสนามเปิดฤดูกาลอย่างแน่นอน ซึ่งความพิเศษในครั้งนี้ คือคนไทยจะได้ร่วมจารึกประวัติศาสตร์การมีนักแข่งไทยคนแรก คือ “ก้อง สมเกียรติ จันทรา” ที่จะได้ลงแข่งในรุ่นโมโตจีพี ซึ่งนับเป็นความสำเร็จสูงสุดของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนานักกีฬา และสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนและนักกีฬารุ่นใหม่อย่างแท้จริง             มร. มาร์กอส ตอร์โรบา ผู้จัดการด้านการจัดการแข่งขัน ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ กล่าวว่า เหตุผลที่ดอร์น่าสปอร์ตเลือกประเทศไทย เป็นเจ้าภาพในกิจกรรมหลักและเปิดประเดิมฤดูกาล มาจากทั้งความพร้อมด้านสนามแข่งขัน การจัดการ และความคลั่งไคล้ในโมโตจีพีของแฟนชาวไทย ทำให้มีผู้ชมที่จำนวนมาก โดยเฉพาะการจัดแถลงเปิดฤดูกาล Season Premier ที่กรุงเทพ ซึ่งเป็นมหานครที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยเป็นปีที่พิเศษที่คนไทยสามารถส่งกำลังใจให้ฮีโร่เจ้าบ้านในคลาส MotoGP ได้เป็นครั้งแรก การเปิดฤดูกาลในกรุงเทพ จะทำให้เข้าถึงแฟนๆ ชาวไทยได้มากขึ้น รวมทั้งทำให้ “โมโตจีพี สนามประเทศไทย” กลายเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกอย่างแท้จริง             นายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ความพิเศษของปีนี้ชาวบุรีรัมย์จะมีโอกาสเปิดประตูเมืองต้อนรับ “โมโตจีพี” ด้วยช่วงเวลาที่มากขึ้นกว่า 2 สัปดาห์ ซึ่งการเตรียมพร้อมสำหรับ            การแข่งขัน จังหวัดฯได้ประสานทุกภาคส่วน เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจ และมอบช่องเวลาที่แสนพิเศษให้แก่ผู้มาเยือน ตลอดช่วงเวลาที่พำนักอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยนำบทเรียนจากการแข่งขันในปีก่อนๆ มาปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการจราจร การรักษาความสะอาด และการเพิ่มศูนย์ให้ข้อมูลที่ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ชมจากหลากหลายประเทศ ขยายที่พัก สนับสนุนที่พักแบบโฮมสเตย์เพื่อให้แฟนความเร็วได้สัมผัสเสน่ห์ของวิถีชีวิตชุมชนอย่างแท้จริง             นายพิทักษ์ รัชกิจประการ   ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG กล่าวว่า ในฐานะไตเติ้ลสปอนเซอร์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และเป็นส่วนสำคัญในการจารึกไทยแลนด์กรังด์ปรีซ์บทใหม่ในปี 2025 นั้น PTG ภายใต้ปณิธาน “บริษัทพลังงานของคนไทย เพื่อเติมความสุขให้คนไทย อยู่ดีมีสุข” การสนับสนุนการแข่งขันในครั้งนี้ เป็นการเติมเต็มความฝันของแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทย มอบโอกาสให้ได้สัมผัสกับการแข่งขันระดับโลกในบ้านเรา โดยไม่ต้องเดินทางไปชมยังต่างประเทศ นอกจากนี้ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นของ PTG ในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในวงการมอเตอร์สปอร์ต จะช่วยผลักดันประเทศไทยให้เป็น Destination สำคัญในโลกของมอเตอร์สปอร์ต และสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจและพัฒนาวงการกีฬาอย่างยั่งยืน             นายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา สนามประเทศไทยได้รับความชื่นชมจากดอร์น่า สปอร์ตว่าเป็นสนามที่มีการจัดการด้านกิจกรรมเสริมได้ดีที่สุดในฤดูกาล 2024 ไม่ว่าจะเป็น Hero walk, Meet & Greet, Rider Parade, กิจกรรมเสริมในลาน Commercial Area, คอนเสิร์ตจาก Chang Music Connection รวมถึง Thai Thai Pavilion ในปีนี้การได้เป็นเจ้าภาพ กิจกรรมหลักที่สำคัญมากมาย ยืนยันถึงความพร้อมและมาตรฐานการทำงานระดับโลกที่เป็นที่ยอมรับ คณะกรรมการจัดการแข่งขัน รวมถึงสนามช้างฯ จะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษามาตรฐาน พร้อมกับพัฒนาทุกๆ ด้านให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้แฟนๆ ทุกท่าน ได้ประทับใจ กับ      มนต์เสน่ห์ของโมโตจีพีวิถีไทย ที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก             ภายในงานยังได้มีการเปิดจำหน่ายบัตรชมการแข่งขัน โมโตจีพี สนามประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. โดยที่นั่งบัตรแกรนด์สแตนด์ ทุบสถิติอีกครั้ง Sold Out ด้วยเวลา 2.55 นาที ด้วยความพิเศษของ “บัตรชมโมโตจีพี” ที่สุดคุ้มถึง 2 ต่อ ได้ชม “Pre-Season Test” ฟรี รวมทั้งปรากฎการณ์แห่งการร่วมใจเชียร์นักบิดไทย ฝ่ายจัดฯคาดว่า บัตรชมการแข่งขันปีนี้ จะประสบความสำเร็จในแง่ยอดจัดจำหน่ายสูงสุด เต็มทุกสแตนด์ที่นั่งอย่างรวดเร็วแน่นอน             ทั้งนี้ “บัตรเข้าชม โมโตจีพี สนามประเทศไทย 2025” แบ่งเป็น 4 ประเภท เข้าชม Pre-Season Test ได้ฟรี และชม Main Race ได้ทั้ง 3 วัน ได้แก่ 1.แกรนด์สแตนด์ (Grandstand)  5,000 บาท (เห็นทุกโค้งทั่วสนาม) 2.ไรเดอร์ สแตนด์ (Rider Stand) 3,000 บาท สำหรับกองเชียร์นักแข่ง 3 คน ได้แก่ มาร์เกซ สแตนด์, กวาร์ตาราโร สแตนด์, จันทรา สแตนด์ (พร้อมของที่ระลึก ลิขสิทธิ์แท้จากนักบิด) 3. แบรนด์ สแตนด์ (Brand Stand ) 2,000 บาท สำหรับกองเชียร์จากค่ายรถจักรยานยนต์  Honda, YAMAHA และ DUCATI  (พร้อมสิทธิ์ลุ้นชิงโชคและรับของที่ระลึกจากผู้สนับสนุน) 4. ไซด์สแตนด์  (Side Stand) 2,000 บาท  ส่วนผู้ชมที่ต้องการซื้อเฉพาะบัตรชม Pre-Season Test ทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล วันที่ 12-13 กุมภาพันธ์ 2568 ราคาจำหน่ายบัตร แบ่งเป็น บัตร Grand Stand ราคา 500 บาทต่อวัน หรือเหมา 2 วัน 900 บาท, บัตร VIP 5,000 บาท ต่อวัน             สำหรับส่วนลดและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ยังคงจัดเต็มเช่นเคย โดย PTG มอบส่วนลดในการซื้อบัตรชม  การแข่งขัน เพื่อเติมความสุขอย่างเต็ม Max ไม่ว่าจะเป็น บัตรแดง PT Max Card Plus เพียงโชว์บัตรที่ จุดจำหน่าย รับส่วนลด 25% ,บัตรเขียว PT Max Card ลด 20% และยังมีกิจกรรมพิเศษ ลด-แลก-แจก-ช้อปภายในงาน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ในเครือ PT Maxnitron กาแฟพันธุ์ไทย ศูนย์บริการ Autobacs ฯลฯ และยังมีของที่ระลึกโมโตจีพีลิมิเต็ดมากมาย ติดตามได้ที่แฟนเพจ  PT Station หรือสิทธิ์ส่วนลด 20%  จากผู้สนับสนุนอื่นๆ ได้แก่ Chang International Circuit Friend Club, กุญแจรถจักรยานยนต์ Honda, YAMAHA  ส่วนกุญแจรถ DUCATI ใช้เป็นส่วนลดได้เฉพาะสแตนด์ดูคาติเท่านั้น (สงวนสิทธิ์เลือกใช้ส่วนลดได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง)             แฟนความเร็วซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซด์ allticket ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram หรือรับข่าวสารผ่านช่องทางไลน์ โดยเพิ่มเพื่อน Line ID : @changcircuit [PR News]

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

[Vision Exclusive] PTG เติมไม่พักน้ำมันโต10% ลุ้นค่าการตลาดเกิน 2บ./ลิตร

[Vision Exclusive] PTG เติมไม่พักน้ำมันโต10% ลุ้นค่าการตลาดเกิน 2บ./ลิตร

          หุ้นวิชั่น - PTG ยอดจำหน่ายน้ำมันปี 2568 โต 8-10% รับอานิสงส์เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวฟื้นตัว พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ Non-Oil ทั้ง 'กาแฟพันธุ์ไทย' สู่ 2,200 สาขา และศูนย์บริการ Autobacs เพิ่มเป็น 180 สาขา ด้านโครงการ 'Elex by EGAT PT' เตรียมเพิ่มสถานีชาร์จ EV อีก 200 จุด คาดค่าการตลาดน้ำมันปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1.7-1.8 บาท/ลิตร พร้อมตั้งเป้าปีหน้าไม่ต่ำกว่าระดับดังกล่าว           นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า สำหรับปี 2568 ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันจะเติบโตที่ 8-10 % โดยความต้องการน้ำมันยังดีต่อเนื่อง ขยายตัวตามเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากการใช้บริการของสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผนวกกับการพัฒนาบริการ PT Service Master เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า การปรับปรุงสถานีให้ทันสมัยและครบครันมากยิ่งขึ้นพร้อมขยายสาขาในทำเลศักยภาพ ทำให้การเข้ามาใช้บริการอย่างช่วงท้ายปี ที่ปกติก็มียอดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนปีนนี้คาดว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางที่ 10-15% เทียบปีที่ผ่านมา           สำหรับค่าการตลาดน้ำมันในปีนี้ คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.7-1.8 บาทต่อลิตร โดยมีความคาดหวังว่าค่าการตลาดในปีหน้าจะไม่ต่ำกว่าระดับดังกล่าว ทั้งนี้ มีการศึกษาว่าค่าการตลาดที่เหมาะสมควรอยู่ที่ระดับประมาณ 2.3 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นระดับที่สอดคล้องกับต้นทุนการดำเนินงานของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม และช่วยให้เกิดความสมดุลในระบบเศรษฐกิจ ทั้งยังส่งผลดีต่อผู้บริโภค เนื่องจากทำให้การกำหนดราคาน้ำมันมีความโปร่งใสและยั่งยืน โดยค่าการตลาดในระดับที่เหมาะสมนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพและรองรับความต้องการของตลาดในระยะยาวได้อย่างมีเสถียรภาพ           ธุรกิจ Non-Oil มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 โดยคาดว่าสัดส่วนกำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ร้อยละ 25-30 เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ประมาณร้อยละ 20 ธุรกิจหลักอย่าง 'กาแฟพันธุ์ไทย' และศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ 'Autobacs' จะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ในส่วนของธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย มีแผนขยายสาขาเพิ่มเป็น 2,100-2,200 สาขา จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีอยู่ราว 1,300 สาขา พร้อมด้วยแคมเปญการตลาดที่เข้มข้นและต่อเนื่อง ซึ่งช่วยผลักดันยอดขายจากสาขาเดิม (Same-Store Sales Growth) ให้เติบโตได้ดี ด้านศูนย์บริการ Autobacs ก็ยังเดินหน้าขยายบริการครอบคลุมในทำเลที่มีศักยภาพ โดยคาดว่าปีหน้าจำนวนสาขาจะเพิ่มขึ้นเป็น 170-180 สาขา จากปีนี้ที่ราว 119 สาขา ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจ Non-Oil ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ทั้งนี้ ธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างภายใน เพื่อนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ปี 2569-2570           โครงการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า 'Elex by EGAT PT' ตั้งเป้าเพิ่มสถานีชาร์จ EV อีก 180-200 จุดภายในปีนี้ รองรับการใช้งานของลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต แม้ยอดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยยังไม่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงการตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในช่วงของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ สถานีชาร์จ EV ที่พัฒนาเพิ่มเติมจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับ และยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาวในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาดในอุตสาหกรรมยานยนต์ รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว สำนักข่าว Hoonvision

เมืองไทยประกันชีวิต จับมือ แมกซ์ โซลูชัน มอบความสุขต้อนรับเทศกาลปีใหม่แก่สมาชิก Max Card

เมืองไทยประกันชีวิต จับมือ แมกซ์ โซลูชัน มอบความสุขต้อนรับเทศกาลปีใหม่แก่สมาชิก Max Card

          เมืองไทยประกันชีวิต และ แมกซ์ โซลูชัน บริษัทในเครือพีทีจี ผนึกกำลังส่งมอบความสุขและรอยยิ้มในช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2568 แก่สมาชิก Max Card ทั่วประเทศ ผ่าน “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” อุ่นใจด้วยความคุ้มครองครอบคลุมทั้งด้านชีวิตและค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ เพียงสมาชิก Max Card  ใช้คะแนน 100 คะแนน แลกรับสิทธิ์ง่าย ๆ ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Max Me           นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมืองไทยประกันชีวิต ได้ร่วมกับ แมกซ์ โซลูชัน ส่งมอบความอุ่นใจให้กับลูกค้าคนสำคัญ ต้อนรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568  ให้เต็มไปด้วยความสุข รอยยิ้ม และความสนุกสนาน  พร้อมยังเป็นการสนับสนุนให้ทุกคนในสังคมสามารถเข้าถึงประกันชีวิตเพื่อการมีหลักประกันที่มั่นคง  สอดรับกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุให้กับตนเองและครอบครัว และเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากระบบการประกันภัยเพื่อบริหารความเสี่ยงจากอุบัติเหตุได้สะดวก เข้าถึงได้ง่าย และรวดเร็วยิ่งขึ้น           ด้าน นายพร้อมศักดิ์  จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด  บริษัทในเครือพีทีจี กล่าวว่า  บริษัทยังคงยึดมั่นในพันธกิจที่อยากเห็นคนไทย “อยู่ดีมีสุข” จึงได้เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์ลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทุกปี สำหรับปีนี้ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน ได้ร่วมมือกับ เมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ยาวนาน ร่วมส่งมอบความสบายใจและลดความกังวลให้กับสมาชิก Max Card กว่า 23 ล้านราย           โดยสมาชิก Max Card สามารถใช้คะแนนสะสมเพียง 100 คะแนน แลกรับสิทธิ์ "กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)" ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me พร้อมความคุ้มครองนานถึง 30 วันนับจากวันเริ่มต้นความคุ้มครอง ทั้งนี้ จำกัดจำนวนสิทธิ์ 1,000 สิทธิ์ เพื่อให้สมาชิกทุกท่านได้เดินทางอย่างมั่นใจ คลายกังวล และมีความสุขตลอดการเดินทางในช่วงเทศกาลนี้ ทั้งนี้ความคุ้มครอง “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” ที่ลูกค้าจะได้รับ ประกอบด้วย ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรมลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัย 50,000 บาท ความคุ้มครองการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า การสูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง เนื่องจากอุบัติเหตุสาธารณะ จำนวนเงินเอาประกันภัย 100,000 บาท ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจ้างพยาบาลพิเศษ อุปกรณ์ค้ำยันต่าง ๆ (ยกเว้นไม้ค้ำยัน) รถเข็นผู้ป่วย อวัยวะเทียมภายนอกร่างกายค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) การฝังเข็ม จำนวนเงินเอาประกันภัยตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 5,000 บาท           โดย “กรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์)” มีระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน    นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาเอาประกันภัย ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องถือสัญชาติไทยเท่านั้น และมีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย  โดยสมาชิก Max Card ที่สนใจสามารถแลกคะแนนได้ ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 (จำนวนสิทธิ์ 1,000 สิทธิ์) หมายเหตุ :                                 ผู้เอาประกันภัยจะต้องมีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปีบริบูรณ์ ณ วันที่ทำประกันภัย และถือสัญชาติไทยเท่านั้น สมาชิก Max Card ใช้ 100 คะแนน รับสิทธิ์ลงทะเบียนกรมธรรม์ประกันภัยปีใหม่สุขกายสุขใจ (ไมโครอินชัวรันส์) ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me (ไม่จำกัดสิทธิ์ / สมาชิก ซึ่งผู้รับความคุ้มครองต้องไม่ใช่บุคคลเดียวกัน) เริ่มต้นคุ้มครองตั้งแต่วันถัดไปของวันที่ลูกค้าลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ เวลา 01 น. จนถึงวันที่สิ้นสุดความคุ้มครอง 30 วัน เวลา 24.00 น. และไม่มีการต่ออายุอัตโนมัติ เงื่อนไขและความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุในกรมธรรม์ การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์การให้ความคุ้มครองโครงการนี้กับสมาชิก Max Card เท่านั้น บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการจัดส่งกรมธรรม์ครั้งนี้ โดยการยืนยันความคุ้มครองผ่านทาง SMS เท่านั้น ลูกค้าสามารถแลกคะแนนได้ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 หรือ มีผู้รับสิทธิ์ครบ 1,000 สิทธิ์ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร PT Call Center 1614 ทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น.หรือเมืองไทยประกันชีวิต โทร. 1766 ตลอด 24 ชั่วโมง คำเตือน : ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

กูรูหุ้นเชียร์ “ซื้อ” PTG เคาะเป้าสูงสุด 12.7 บ./หุ้น คาดกำไร Q4/67 สดใส

กูรูหุ้นเชียร์ “ซื้อ” PTG เคาะเป้าสูงสุด 12.7 บ./หุ้น คาดกำไร Q4/67 สดใส

       หุ้นวิชั่น - เซียนหุ้น 3 แห่งพร้อมใจแนะซื้อหุ้น PTG เคาะกรอบราคาเป้าหมาย 11-12.70 บาท โดยบล.ยูโอ เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ประเมินยอดขายน้ำมันQ4/67 เติบโต 8-10 % เทียบกับ QoQ ให้ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 12.7 บาท ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดกำไรปี 68  เติบโตดี เทียบกับ YoY รับแรงหนุนจากปริมาณยอดขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและธุรกิจ Non-Oil ,ท่องเที่ยวขยายตัว,กลยุทธ์ PT Max Card หนุน ให้ราคาเหมาะสม 11 บาท ขณะที่บล. ทรีนีตี้ คาดกำไรปี 67 อยู่ที่ 1,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบ YoY จากค่าการตลาดที่ระดับปกติ 1.7 บาทต่อลิตร ส่วนผลงาน Q4/67 โตโดดเด่น ให้ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 11 บาท บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์  โดยประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิ Q4/2567 ของหุ้น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี  จำกัด (มหาชน) (PTG)  จะฟื้นตัวจาก High season ของการท่องเที่ยว รวมไปถึงผ่านช่วงฤดูฝนตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.เป็นต้นไป ถือเป็นปัจจัยหนุนยอดขายน้ำมันให้กลับมาฟื้นตัว ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าจะได้เห็นยอดขาย Q4/2567 เติบโต 8-10% เมื่อเทียบ QoQ นอกจากนี้ Traffic ในการเข้าสถานีบริการที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้จากธุรกิจ Non-Oil เติบโตเมื่อเทียบ QoQ ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าสมมติฐานค่าการตลาดที่ 1.7 บาทต่อลิตร ยังมีความเป็นไปได้และอยู่ในกรอบเป้าหมายของบริษัทฯ ที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตรในปี 2567 ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงแนะนำ    “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 12.7 บาท อ้างอิง P/E เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ระดับ -1.0 S.D.ที่ 17.8 เท่า ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของผลประกอบการ Q4/2567 ทำให้ PTG กลับมามีความน่าสนใจในการลงทุน อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวหลังจากที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มกว่า 23% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา         ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด   ระบุว่า ตามที่ผู้บริหารบริษัทฯ Guidance Q4/2567 ปริมาณขายน้ำมันเติบโตเมื่อเทียบ QoQ จากอุปสงค์ฟื้นตัวตามฤดูกาล และน้ำท่วมคลี่คลาย คงเป้าหมายทั้งปีเติบโต 10-15% เมื่อเทียบ YoY ขณะที่ QTD ใน Q4/2567 คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจน้ำมันต่อลิตรสูงขึ้นเมื่อเทียบ QoQ จาก 1.65 บาทต่อลิตรใน Q3/2567 และคาดการณ์ทั้งปีเฉลี่ย 1.7-1.8 บาทต่อลิตร   ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่า แม้ SG&A จะปรับตัวขึ้นจากค่าใช้จ่ายช่วงปลายปีและการเร่งขยายสาขาธุรกิจ Non-Oil  แต่คาดกำไรปกติจะเติบโตเมื่อเทียบ QoQ  โดยได้รับปัจจัยบวกจาก 1.) ยอดขายน้ำมันเร่งตัวตามปัจจัยฤดูกาลทั้งกิจกรรมเดินทางท่องเที่ยวช่วงปลายปีและผ่านพ้นฤดูมรสุม 2.) กลยุทธ์บัตรสมาชิก PT Max Card 3.)อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และ 4.) ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจน้ำมันปาล์มมีโอกาสเร่งตัวจากการพุ่งขึ้นของราคา CPO แตะระดับสูงสุดรอบกว่า 2 ปี         ทั้งนี้ คาดว่ากำไรปี 2568 ของ PTG จะเติบโตได้ดีเมื่อเทียบ YoY ตามปริมาณสาขาธุรกิจ Oil และ Non-Oil,ภาคท่องเที่ยวขยายตัว,กลยุทธ์ PT Max Card,แรงกดดันค่าการตลาดต่ำลงจากทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกชะลอตัว และเงินบาทแข็งค่า   โดยในช่วง 6 เดือนข้างหน้าคาดผลประกอบการ Q4/2567-Q1/2568 ดีขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลนับตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. ที่ราคาหุ้น -14% ถือว่าสะท้อนความอ่อนแอของ Q3/2567 ไปแล้ว  ซึ่งราคาปัจจุบันถือว่ามี Upside gain เปิดกว้าง ทางพื้นฐานปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ให้ราคาเหมาะสม 11.00 บาท นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าแผน Spin-off บริษัทลูก 1.ATLAS ธุรกิจ LPG ในปี 2568 (ปัจจุบันยื่น Filing) และ 2.Punthai ธุรกิจร้านกาแฟ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม Spin-off ในอนาคต         บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คงประมาณการกำไรของ PTG ในปี 2567 ที่ 1,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% YoY จากค่าการตลาดที่ระดับปกติ 1.7 บาทต่อลิตร แม้ Q3/2567 จะเป็นช่วง Low Season หน้าฝน ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง นอกจากนี้ระยะสั้นอาจจะมีความเสี่ยงเรื่องกฎหมายบริหารโครงสร้างราคา ซึ่งอาจจะส่งผลต่อ Margin ต่อลิตรของบริษัทฯ ได้  แต่จะกลับมาโดดเด่นในช่วง Q4/2567  โดย Non-Oil ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปริมาณจำหน่ายน้ำมันต่อสถานีบริการที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯ เน้นปริมาณ Traffic ที่จะเข้ามาใช้บริการมากกว่าการขยายจำนวนสถานีบริการ ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงคงราคาเป้าหมายปี 2568 ไว้ที่ 11 บาท  อิง Avg PER ที่ 14.5 เท่า และคงคำแนะนำ  Trading Buy แนวโน้มระยะสั้นอาจจะถูกกดดันจากผลการดำเนินงานที่อ่อนตัว แต่เป็นจังหวะซื้อช่วง Q4 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการบริโภคน้ำมันมากจากช่วงวันหยุดยาว [PR News]

abs

ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร

PTG คาด Q4 ไฮซีซั่นท่องเที่ยวหนุน แนะ “ซื้อ” - เป้า 10.20 บาท

PTG คาด Q4 ไฮซีซั่นท่องเที่ยวหนุน แนะ “ซื้อ” - เป้า 10.20 บาท

           หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป คาด 4Q67 ผลประกอบการ PTG มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยปัจจัยหลักจากการเข้าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น รวมไปถึงช่วยหนุนยอดขายธุรกิจกาแฟ Punthai เช่นกัน นอกจากนี้ปี 68 คาดว่าจะมี Upside จากการนำธุรกิจก๊าซ LPG ของบริษัท หรือ ATLAS เข้าตลาด ช่วยปลดล็อกมูลค่าในอนาคต และคงคำแนะนำ “ซื้อ” คาด 4Q67 ปัจจัยฤดูกาลหนุน: ทางฝ่ายคาดแนวโน้มไตรมาส 4 ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน ทั้งนี้คาดปัจจัยหลักจะมาจากการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ทำให้ทางฝ่ายคาดว่าจะช่วยหนุนให้ปริมาณขายปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ เนื่องจากการกลับมาเพาะปลูกของเกษตรกร คาดว่าจะช่วยหนุนปริมาณขายน้ำมันเช่นกัน โดยเฉพาะยอดขายน้ำมันดีเซล โดยหากอ้างอิงจากปีที่แล้วคาดยอดขายน้ำมันจะปรับตัวขึ้นได้ 10% q-q ด้านธุรกิจ LPG คาดว่าแนวโน้มจะดีขึ้นเช่นกันตามภาวะเศรษฐกิจ ด้านธุรกิจกาแฟ Punthai ทางฝ่ายมองว่ายังเติบโตได้ต่อเนื่องจากปัจจัยหนุนช่วงฤดูท่องเที่ยวที่กล่าวไปข้างต้น รวมไปถึงการขยายสาขาจะเป็นตัวช่วยหนุนการเติบโตของรายได้อีกหนึ่งปัจจัย ซึ่ง ณ 3Q67 มีจำนวนสาขาแล้ว 1,126 สาขา และปี 67 นี้บริษัทตั้งเป้าขยายสาขากาแฟ Punthai เป็น 1,282 สาขา จาก 882 สาขาในปี 66 นอกจากนี้ ทางฝ่ายยังมองว่าธุรกิจก๊าซ LPG ภายใต้แบรนด์ ATLAS จะมี Upside ในปี 68 จากการนำธุรกิจนี้เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดย ATLAS เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับก๊าซสำหรับครัวเรือน อุตสาหกรรม และการขนส่ง คาดว่าจะเข้าตลาดในช่วงไตรมาส 1Q68 ซึ่งจะช่วยปลดล็อกมูลค่าธุรกิจและเพิ่มศักยภาพในการขยายกิจการของ ATLAS ในอนาคต คงคำแนะนำ “ซื้อ”: โดยรวมทางฝ่ายคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาพื้นฐาน 10.20 บาท จากแนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการในช่วง 4Q67 ตามปัจจัยการท่องเที่ยวช่วงปลายปีที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนยอดขายทั้งส่วนธุรกิจน้ำมัน รวมไปถึงธุรกิจ Non-oil โดยเฉพาะกาแฟ Punthai ที่คาดจะได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวเช่นกัน

[ภาพข่าว] พีที จับมือกรมแรงงานจังหวัด กระทรวงแรงงาน ช่วยน้ำท่วมภาคใต้

[ภาพข่าว] พีที จับมือกรมแรงงานจังหวัด กระทรวงแรงงาน ช่วยน้ำท่วมภาคใต้

           บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ร่วมกับกรมแรงงานจังหวัด กระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ เป็นตัวแทนส่งมอบน้ำดื่ม ขนาด 1,500 CC จำนวน 99,900 ขวด เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ 5 จังหวัด ระหว่างวันที่ 5 - 9 ธันวาคม 2567 ได้แก่  สำนักงานแรงงาน จังหวัดนครศรีธรรมราช 3,400 แพ็ค (20,400 ขวด)  สำนักงานแรงงานจังหวัดสงขลา 3,350 แพ็ค (20,100 ขวด) สำนักงานแรงงานจังหวัดนราธิวาส 3,300 แพ็ค (19,800 ขวด)  สำนักงานแรงงานจังหวัดปัตตานี จำนวน 3,300 แพ็ค (19,800 ขวด) สำนักงานแรงงานจังหวัดยะลา จำนวน 3,300 แพ็ค (19,800 ขวด)            ทั้งนี้ทางแรงงานจังหวัดจะนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบอุทกทัยต่อไป ซึ่ง PTG ในนามสถานีบริการน้ำพีที และ กรมแรงงาน กระทรวงแรงงาน ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องผู้ประสบอุทกภัยทุกท่าน ขอให้เหตุการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว

[Gossip] PTG เด่นสุด! กูรูแนะ

[Gossip] PTG เด่นสุด! กูรูแนะ "ซื้อ"เคาะเป้า 10.5 บ.

         หุ้นวิชั่น - เซียนหุ้นจาก บล.กรุงศรี ยกให้ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG)  เด่นสุดในกลุ่มทั้งการเติบโตของปริมาณขาย Oil และ Non-Oli ที่โต Double Digits แถมยังชิงมาร์เก็ตแชร์ได้ต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากรอบการฟื้นตัวของค่าการตลาดดีเซล สวนทางกับกลุ่มที่ทรงตัว หนุนกำไรปี 2024-2025 เพิ่มขึ้น 22%  CAGR เด่นกว่าคู่แข่ง (เพิ่มขึ้น 3%) ...งานนี้หากทำได้ตามเป้าในปี 2025 จะเป็น Upside  ต่อประมาณการกำไรสุทธิ 2025 ของฝ่ายวิจัยที่ 6-14%  จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2025 อยู่ที่ 10.5 บาท โดดเด่นในกลุ่ม มีพื้นฐานดีขนาดนี้  ต้องมีติดพอร์ตไว้ด่วนๆเลยคร้าา!

abs

Hoonvision

PTG ชี้ Maxbit โตก้าวกระโดด สร้างแบรนด์แข็งแกร่ง-เจาะรายย่อย

PTG ชี้ Maxbit โตก้าวกระโดด สร้างแบรนด์แข็งแกร่ง-เจาะรายย่อย

           หุ้นวิชั่น - บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด (Maxbit Digital Asset Co., Ltd.) ฉายภาพผลการดำเนิน งานที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2567 พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสินทรัพย์ ดิจิทัลอย่าง เต็มศักยภาพในปี 2568 ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการขยายฐานตลาดลูกค้ารายย่อย (Retail) ให้มาก ขึ้น รวมถึงตั้งมั่นเป็นแพลตฟอร์มที่มีตัวเลือกในการลงทุนหรือคู่เหรียญที่มากที่สุดในตลาด เพื่อเตรียมพร้อมรับการเติบโตในช่วงตลาดขาขึ้น (Bull Run) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2568  “นายปกเขตร รัชกิจประการ” ซีอีโอ มั่นใจปี 2568 ธุรกิจจะเติบโตตามกระแสตลาดที่เป็นขาขึ้น ได้อย่างมั่นคงและโดดเด่น             นายปกเขตร รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด ประกาศถึงปีแห่งความสำเร็จและการเติบโตที่น่าประทับใจในปี 2567 นี้ซึ่งได้ยกระดับสถานะให้เป็นหนึ่งใน แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทย ด้วยอัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อเดือน (CMGR) ที่ 36.11% ตั้งแต่การเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 และคาดว่ามูลค่าการซื้อขายใน เดือนพฤศจิกายน 2567 จะสูงกว่า 5,000 ล้านบาท ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แมกซ์บิทประสบความสำเร็จในปีนี้ ได้แก่: การได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 27001 และ ISO 27701 ซึ่งเน้นย้ำถึงความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าบนแพลตฟอร์ม การนำแนวคิด Co-Creation ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ โดยปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านความสะดวกสบายในการใช้งานหรือบริการที่รองรับลูกค้าทุกกลุ่ม การวางกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มลูกค้าระดับสูง (High Net Worth) และนักลงทุนในตลาด Private Equity ซึ่งยังไม่ได้รับบริการที่เพียงพอในตลาดคริปโตของไทย นายปกเขตร  กล่าวต่อว่า การเติบโตในปีนี้ไม่ได้มาจากตัวเลขเพียงอย่างเดียว แต่เป็น ผลลัพธ์ของ การที่เราให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าร่วมกันกับลูกค้า และการนำเสนอบริการ ที่ตอบ โจทย์ความ ต้องการของตลาดเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง “ในปีนี้เรายังได้สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกและการ พัฒนาที่มุ่งเน้นความต้องการของตลาดในประเทศไทยโดยเฉพาะ” สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปี 2568 แมกซ์บิทจะมุ่งเน้นไปที่การขยายฐาน ลูกค้ารายย่อย (Retail) เพื่อทำให้แพลตฟอร์มของเราครอบคลุมและเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายสำคัญใน การยกระดับสถานะของบริษัทให้เป็นผู้นำในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ด้วยกลยุทธ์ดังนี้: โฟกัสกลุ่มลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก: บริษัทจะมุ่งเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มและบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ารายย่อย ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหน้าใหม่หรือผู้ที่มีประสบการณ์ แต่ยังขาดความเชื่อมั่นหรือเครื่องมือที่เหมาะสม เช่น การเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านการจัดกิจกรรมการศึกษา การสัมมนา และการให้ข้อมูลที่มีคุณภาพ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือและบริการที่ใช้งานง่าย เหมาะกับผู้ใช้งานทุกระดับ เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง: มุ่งเน้นการตลาดที่ให้ความรู้และเชื่อมโยงกับกลุ่มลูกค้ารายย่อย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในชื่อเสียงและบริการของบริษัท เป็นแพลตฟอร์มที่มีคู่เหรียญมากที่สุดในประเทศไทย: เพิ่มจำนวนคู่เหรียญบนแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักลงทุนรายย่อย และเสริมศักยภาพในการเข้าถึงโอกาสการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งนี้ ในปี 2568 เรามุ่งมั่นที่จะสร้างแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมและเข้าถึงลูกค้ารายย่อยได้มากที่สุด การให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้ารายย่อยถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และเรามั่นใจ ว่านี่คือก้าวสำคัญที่จะทำให้แมกซ์บิท กลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับนักลงทุนทุกกลุ่ม

PTG ส่งสัญญาณโค้งสุดท้ายเกษตร-ท่องเที่ยว-เศรษฐกิจฟื้น ปริมาณจำหน่ายน้ำมันโตเข้าเป้า 10-15%

PTG ส่งสัญญาณโค้งสุดท้ายเกษตร-ท่องเที่ยว-เศรษฐกิจฟื้น ปริมาณจำหน่ายน้ำมันโตเข้าเป้า 10-15%

           หุ้นวิชั่น –  บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ประเมินโค้งสุดท้ายปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางและอุปสงค์การใช้น้ำมันมีทิศทางสดใส คงเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันปี 67 เติบโต 10-15% รับแรงหนุนจากระบบสมาชิก Max Card ฤดูกาลเก็บเกี่ยวทางการเกษตร  ภาพรวมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวฟื้นตัว ส่วนธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวมธุรกิจ LPG)  คงยืนเป้ายอดขายทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 40-50%  พร้อมโชว์รายได้งวด 9 เดือนปี 2567 เท่ากับ  167,132 ล้านบาท กำไรสุทธิ 806 ล้านบาท ส่วนปริมาณการขายน้ำมันผ่านทุกช่องทางทุบสถิติสูงสุดใหม่นิวไฮ อยู่ที่ 5,013 ล้านลิตร รวมถึงครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 21.3% นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยคุณรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงินและความยั่งยืน   นายปรเมษฐ์ สงวนโชควณิชย์ ผู้อำนวยการอาวุโสประจำสำนักกรรมการผู้จัดการใหญ่  และนายธีรพันธ์  ดิษยบุตร ผู้อำนวยการอาวุโสสาขาบัญชีและการเงิน  บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) ร่วมนำเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/2567 ในงาน Opportunity Day บนแพลตฟอร์มออนไลน์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยนายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยถึง แนวโน้มการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทาง และอุปสงค์การใช้น้ำมันในช่วงที่เหลือของปี 2567 เชื่อว่ายังมีทิศทางการเติบโตที่ดี เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวทางการเกษตร รวมถึงการเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากการใช้บริการของสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผนวกกับการพัฒนาบริการ PT Service Master เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า การปรับปรุงสถานีให้ทันสมัยและครบครันมากยิ่งขึ้นพร้อมขยายสาขาในทำเลศักยภาพ  โดยปีนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางที่ 10-15% เทียบปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีสถานีบริการน้ำมันครบ 2,251 สาขา สำหรับธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวมธุรกิจ LPG)  บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายอัตราการเติบโตของยอดขายทั้งปี ไม่ต่ำกว่า 40-50%  เมื่อเทียบปีก่อน   ซึ่งในส่วนของธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยยังคงวางเป้าหมายการขยายสาขาเป็น 1,282 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมี 1,126 สาขา เป็นผลมาจากการใช้บริการของอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้ารายเดิมและกลุ่มลูกค้าสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus  รวมถึงมีแคมเปญทางการตลาดที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง ที่ส่งผลต่อการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same-Store Sales Growth) นอกจากนี้ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil ยังวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็นจำนวน 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints  โดยการขยายสาขาจำนวนหลักๆ มาจากสถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT  และธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs  รวมถึงสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart  ซึ่งเป็นการสร้างความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการทั้งในด้านการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและการดูแลบำรุงรักษารถยนต์อย่างครบวงจร และสอดคล้องกับเป้าหมายในการยกระดับความอยู่ดี มีสุขของคนไทยทุกพื้นที่ให้สามารถเดินทางได้อย่างมั่นใจ มีความสุข และปลอดภัยในทุกเส้นทาง ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2567 (สิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2567) มีกำไรสุทธิ 806 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 90.1% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 424 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่  0.48 บาทต่อหุ้น ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 167,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.0% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 149,286 ล้านบาท   ขณะที่งวดไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 74 ล้านบาทเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 24 ล้านบาท การเติบโตของรายได้ดังกล่าวมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil มีรายได้เติบโตที่ 11.0%  เป็น 154,640 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางยังคงสร้างสถิติยอดขายสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็น  5,013 ล้านลิตร  หรือเพิ่มขึ้นถึง 13.6% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน รวมถึงปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในงวด 9 เดือนที่ผ่านมา จึงส่งผลทำให้บริษัทฯ ครองส่วนแบ่งตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 21.3% เมื่อเทียบกับ 18.7% ในปีก่อนหน้า ส่วนธุรกิจ Non-Oil งวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้จำนวน 12,492  ล้านบาท เติบโต 25.8%  โดยการเติบโตของยอดขายเป็นผลมาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยและธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ   ซึ่งธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มีรายได้จากการขายและการบริการที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ 75.1% เป็นจำนวน 1,540 ล้านบาท เป็นผลจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการใช้บริการอย่างต่อเนื่องของกลุ่มลูกค้ารายเดิมและจากกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus  ที่ส่งผลต่อการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same-Store Sales Growth) ยังคงอยู่ในระดับ 20-30% ในงวด 9 เดือนบริษัทฯ มีสาขาของธุรกิจ Non-Oil รวมทั้งสิ้น 1,878 สาขา (ไม่รวมสาขาธุรกิจ LPG) เพิ่มขึ้น  525  สาขา หรือเติบโต 38.8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อเน้นย้ำความพยายามในการรักษาสมดุลระหว่างการดำเนินงานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้ขับเคลื่อนไปด้วยกัน หวังเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกช่วงของชีวิต

PTG ต้อนรับนักวิเคราะห์-โชว์ศักยภาพธุรกิจแข็งแกร่ง

PTG ต้อนรับนักวิเคราะห์-โชว์ศักยภาพธุรกิจแข็งแกร่ง

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ (ที่ 8 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยคุณรังสรรค์ พวงปราง (ที่ 10 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงินและความยั่งยืน  บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) พร้อมทีมงานบริษัทฯ ให้การต้อนรับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำในโอกาสให้เกียรติเข้ารับฟังข้อมูลผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 รวมถึงแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตของเครือบริษัทฯ เผยกำไรสุทธิงวด 9 เดือนที่ผ่านมาโตเกือบเท่าตัว หรือเพิ่มขึ้นถึง 90% อยู่ที่ 806 ล้านบาท ส่วนยอดขายเท่ากับ 1.67 แสนล้าบาท ขณะที่ปริมาณขายน้ำมันทุบสถิติใหม่ 5,013  ล้านลิตร พร้อมคงเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันปี 2567 โต 10-15% ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้นที่ตึก CW Tower เมื่อเร็วๆ นี้

[Gossip] PTG ดีเดย์ XD ปันผล 26 พ.ย.นี้

[Gossip] PTG ดีเดย์ XD ปันผล 26 พ.ย.นี้

          หลังจาก บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) โชว์กำไรงวด 9 เดือนปี 67 เพิ่มขึ้นถึง 90% เรียกได้ว่าโตเกือบเท่าตัว บอร์ดไม่รอช้าเคาะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดเอาใจผู้ถือหุ้นทันทีในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น หากไม่อยากตกขบวนรับเงินปันผลอย่ารีรอ! เพราะวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD และรับเงินในวันที่ 12 ธันวาคม 2567   … โอกาสดีๆ มาถึงแล้ว รีบคว้าไว้เลยคร้า!

PTG เปิดตัว “พีที แมกซ์นิตรอน เรซเซอร์ แมกซ์ สปีด”

PTG เปิดตัว “พีที แมกซ์นิตรอน เรซเซอร์ แมกซ์ สปีด”

          บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสถานีบริการน้ำมันภายใต้แบรนด์ พีที (PT) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ พีที แมกซ์นิตรอน เรซเซอร์ แมกซ์ สปีด (PT Maxnitron Racer Max Speed) น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์แท้ 100% เกรดพรีเมียมสูตรพิเศษสำหรับรถจักรยานยนต์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันพื้นฐานกลุ่ม Ester (Base Oil Group V) ร่วมด้วยเทคโนโลยี SYN4MAX จาก พีที แมกซ์นิตรอน ใช้ได้กับรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะที่มีขนาดความจุเครื่องยนต์ตั้งแต่ 450 ซีซี ขึ้นไป           นายชัยทัศน์ วันชัย  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฎิบัติการบริษัท พีทีจี   เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG  เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้พัฒนา “พีที แมกซ์นิตรอน เรซเซอร์ ซีรี่ย์” เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่ต้องการน้ำมันหล่อลื่นประสิทธิภาพสูง สำหรับผลิตภัณฑ์  พีที แมกซ์นิตรอน เรซเซอร์ แมกซ์ สปีด เป็นน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์แท้ 100% คุณภาพสูง เกรดพรีเมียมซึ่งเป็นน้ำมันหล่อลื่นสำหรับรถจักรยานยนต์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันพื้นฐานกลุ่ม Ester (Base Oil Group V) ร่วมกับเทคโนโลยี SYN4MAX จาก พีที แมกซ์นิตรอน ช่วยเพิ่มอัตราเร่งให้กับเครื่องยนต์ รักษากำลังเครื่องยนต์ให้คงที่ ส่งผลต่อการจับคลัทช์ที่ดียิ่งขึ้น ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลขึ้นในทุกย่านความเร็ว และสามารถตอบสนองได้ดีในทุกสภาวะการขับขี่           สำหรับคุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์ พีที แมกซ์นิตรอน เรซเซอร์ แมกซ์ สปีด ประกอบด้วย ยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้นานขึ้น ด้วยเทคโนโลยีพิเศษ (SYN4MAX) ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ และได้รับการพิสูจน์แล้ว ทำให้มีการป้องกันการสึกหรอของชิ้นส่วนสำคัญ ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ และชุดเกียร์ ภายใต้สภาวะการขับขี่ ที่ใช้ความเร็ว และรอบเครื่องยนต์สูง เครื่องยนต์ทำงานได้สูงสุดเต็มกำลัง และ สมรรถนะ พีที แมกซ์นิตรอน เรซเซอร์ แมกซ์ สปีด มีสารเพิ่มคุณภาพชะล้างที่มีประสิทธิภาพโดดเด่น ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้กำลังสูงสุด และช่วยควบคุมการเกิดคราบเขม่าสะสมที่บริเวณลูกสูบ และแหวนลูกสูบ ให้เครื่องยนต์สะอาดตลอดการใช้งาน อีกทั้งยังเพิ่มแรงเสียดทานในระบบคลัทช์ที่เหมาะสม ช่วยให้การจับของคลัทช์ดีขึ้น เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวล ทุกย่านความเร็ว ทนทานต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะอุณหภูมิสูง และยืดอายุการเปลี่ยนถ่ายที่ยาวนานด้วยคุณลักษณะด้านการต้านทานการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่ยอดเยี่ยม ทำให้แน่ใจว่าจะมีเสถียรภาพต่อความร้อนและการเกิดออกซิเดชั่น และมีอายุการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันที่ยาวนาน           ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ พีที แมกซ์นิตรอน เรซเซอร์ แมกซ์ สปีด (PT Maxnitron Racer Max Speed)    วางจำหน่ายในราคา 750 บาท พร้อมของแถมพรีเมียมอีกมากมาย เฉพาะช่องทางแอปพลิเคชั่น Lazada ที่ร้าน LazMall PTG Group ได้ตั้งแต่ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 จัดส่งทั่วประเทศ สามารถดูรายละเอียดของผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ Facebook : PT Station หรือ http: PTenergy.co.th/PT Maxnitron [PR News]

[ภาพข่าว] เติมความแรงที่ปั๊มพีที! กับของพรีเมียมที่ระลึกสุดพิเศษ

[ภาพข่าว] เติมความแรงที่ปั๊มพีที! กับของพรีเมียมที่ระลึกสุดพิเศษ "พวงกุญแจ MotoGP"

          นายสุทธิพงษ์ วรรณวานิช (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยผู้บริหาร บริษัท ปิโตรเลียมไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันพีที ในกลุ่ม บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เรียนเชิญลูกค้าทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์ความแรง ผ่านการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2024” ที่ได้รับความนิยมจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก  ด้วยการมอบของพรีเมียมสุดพิเศษ "พวงกุญแจ MotoGP" ให้ได้เก็บสะสมกันเป็นที่ระลึก สำหรับสมาชิกบัตร PT Max Card ทุกประเภท เพียงเติมน้ำมันกลุ่มเบนซินทุกชนิด ครบ 1,200 บาท หรือ เมื่อเติมน้ำมันดีเซล ครบ 2,000 บาท รับทันทีพวงกุญแจ MotoGP 2024 จำนวน 1 ชิ้น (มูลค่า 159 บาท) ที่สถานีบริการน้ำมันพีทีที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2567 ถึง 31 ตุลาคม 2567 หรือจนกว่าของจะหมด

[PR News] AIA ผนึก Max Me มอบสิทธิประโยชน์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ

[PR News] AIA ผนึก Max Me มอบสิทธิประโยชน์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ

          กรุงเทพฯ 11 ตุลาคม 2567 - เอไอเอ ประเทศไทย ผู้นำด้านธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพอันดับหนึ่งของประเทศ ผนึกกำลัง บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด ในเครือพีทีจี มอบประสบการณ์เหนือระดับด้านประกันชีวิตแก่ สมาชิกบัตร Max Card ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me เพื่อสนับสนุนให้สมาชิกกว่า 23 ล้านคน สามารถเข้าถึงความคุ้มครองชีวิต สุขภาพ และการเงินได้ง่ายยิ่งขึ้น ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอ และ แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส ในการส่งเสริมให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน           นายเอกรัตน์  ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอมุ่งมั่นนำเสนอโอกาสที่จะช่วยให้คนไทยได้เข้าถึงประกันชีวิต และประกันสุขภาพ รวมถึงบริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุมครบวงจร เพื่อมีส่วนสนับสนุนให้คนไทยได้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน สืบเนื่องจากปัจจุบันที่อัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ของไทยสูงขึ้นราว 8-10% ต่อปี* โดยเฉพาะในกลุ่มโรคร้ายแรง หรือโรคที่ต้องใช้เวลาในการรักษาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาทิ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง หรือโรคทางสมอง ซึ่งจะยิ่งมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นไปอีก ดังนั้น การมีประกันสุขภาพและประกันโรคร้ายแรง จึงเป็นการวางแผนป้องกันความเสี่ยง และช่วยให้คนไทยหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเงินหากต้องเข้ารับการรักษาเมื่อเจ็บป่วยอย่างไม่คาดฝัน นอกจากนี้ การมีประกันสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรงที่เหมาะสม ยังช่วยให้คนไทยเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่ดีและรวดเร็วมากขึ้น การจับมือกับ แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส ในครั้งนี้ จึงตอบโจทย์เป้าหมายของเอไอเอ อีกทั้งยังช่วยสร้างระบบนิเวศของภาคธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง เพื่อมอบโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าถึงบริการด้านการประกันชีวิตและสุขภาพได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับพันธกิจของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ สำหรับสิทธิประโยชน์ที่สมาชิกบัตร Max Card จะได้รับจากเอไอเอ ประกอบด้วย ฟรีประกันชีวิตความคุ้มครอง 50,000 บาท นาน 1 ปี สำหรับสมาชิกบัตร Max Card Plus เมื่อสมัครผ่าน แอปพลิเคชัน Max Me รับโค้ดส่วนลดเบี้ยประกันเอไอเอสูงสุด 20% ได้ทันที เมื่อแลก Max Point 300 แต้ม ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me โดยโค้ดส่วนลดสามารถนำไปใช้ซื้อประกันผ่านช่องทางตัวแทนเอไอเอทั่วประเทศ เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรงของเอไอเอ ซึ่งหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถกรอกข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน Max Me เพื่อให้เจ้าหน้าที่เอไอเอติดต่อกลับ           “ในอนาคตเอไอเอยังได้เตรียมขยายความร่วมมือไปยังตลาดและกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้คนไทยทั่วประเทศได้เข้าถึงประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรง ซึ่งจะส่งผลให้คนไทยได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการช่วยวางแผนทางการเงิน เพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่มั่นคงในระยะยาว” นายเอกรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย           นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่จะประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญกับ เอไอเอ ประเทศไทย โดยการผนึกกำลังนี้เป็นการรวมจุดแข็งของสององค์กรชั้นนำ เพื่อยกระดับการบริการสมาชิก Max Card กว่า 23 ล้านคน ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์แบบไร้รอยต่อในทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการเติมน้ำมัน ซื้อกาแฟ ชอปปิง สะสมแต้ม สมัครสินเชื่อ ไปจนถึงการสมัครประกันชีวิต และสุขภาพ ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างมูลค่าทางธุรกิจ แต่ยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ กลุ่มพีทีจี เอ็นเนอยี ที่อยากให้คนไทย 'อยู่ดี มีสุข'           นอกจาก สมาชิกบัตร Max Card จะได้รับความสะดวกในการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประกันชีวิตที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ และสิทธิประโยชน์พิเศษมากมายจากเอไอเอ  ทางเรายังได้มอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับสมาชิกที่สมัครประกันเอไอเอ ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me โดยเมื่อชำระเบี้ยประกันภัยปีแรก  ขั้นต่ำ 10,000 บาท ทุก ๆ 50 บาท สมากชิก Max Card จะได้รับ Max Point 1 แต้ม และ สมาชิก Max Card Plus จะได้รับ Max Point 2 แต้ม สูงสุด 1,000 แต้ม**           เราเชื่อมั่นว่าการเป็นพันธมิตรกับ เอไอเอ ประทศไทย จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศทางธุรกิจของ กลุ่มพีทีจี เอ็นเนอยี และทำให้เราเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงิน พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยผ่านการมีประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน”           หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาชิกบัตร Max Card และ แอปพลิเคชัน Max Me สามารถติดต่อ PT Call Center โทร 1614 หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครอง กรุณาติดต่อตัวแทนประกันชีวิต หรือ AIA Call Center 1581

[PR News] PTG เปิดจุดรับบริจาค ช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือ

[PR News] PTG เปิดจุดรับบริจาค ช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือ

บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) และบริษัท โอลิมปัส ออยล์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายก๊าซหุงต้มพีที และสถานีบริการน้ำมัน และก๊าซ LPG ได้สนับสนุนบัตรเติมน้ำมันให้กับมูลนิธิกระจกเงามูลค่า 50,000 บาท เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสิ่งของที่ได้รับบริจาคไปให้พี่น้องผู้ประสบภัย และยังร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา ขอเชิญชวนทุกท่านส่งต่อน้ำใจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม และดินโคลนถล่มในพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ซึ่งอยู่ในภาวะฟื้นฟู ซ่อมแซมที่พักอาศัยให้กลับสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ พีที จึงได้เปิดจุดรับบริจาคภายในปั๊มพีที ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเน้นขอรับบริจาคเครื่องใช้ ไฟฟ้าใหม่ และมือสอง รวมถึงอุปกรณ์และเคมีภัณฑ์ทำความสะอาด เพื่อรวบรวมให้ทางมูลนิธิกระจกเงานำ ไปส่งมอบให้กับผู้ประสบภัยต่อไป ผู้ที่สนใจสามารถนำสิ่งของไปบริจาคได้ที่ปั๊มพีที ทั้ง 5 สาขา ดังนี้ สาขาประตูน้ำพระอินทร์ สาขาประเวศ ปากซอยอ่อนนุช 65 สาขาเทพารักษ์ กม.12 สาขาคลองสาม คลองหลวง สาขาปัฐวิกรณ์ หรือตรวจสอบพื้นที่รับบริจาคใกล้บ้านท่านได้ทาง Facebook Page : PT LPG

[ภาพข่าว] PTG คว้า 2 รางวัลระดับสากลจากเวที HR Asia Awards

[ภาพข่าว] PTG คว้า 2 รางวัลระดับสากลจากเวที HR Asia Awards

          บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จํากัด (มหาชน) (PTG) ผู้นำด้านบริการในธุรกิจพลังงานแบบครบวงจร คว้า 2 รางวัลระดับสากล “HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2024” และรางวัล "Diversity, Equity, Inclusion Awards" จากเวที HR Asia Awards ท่ามกลางองค์กรระดับโลกทั่วเอเชียที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในครั้งนี้  ถือเป็นรางวัลต่อเนื่องปีที่ 4  โดยมี ดร.วัลภา สันติธรรมารักษ์ Chief Strategy and Transformation Officer เป็นตัวแทนรับมอบ    และการที่ได้รับ 2 รางวัลในครั้งนี้ ถือเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาและดูแลบุคลากรอย่างต่อเนื่อง สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่หลากหลาย มีความเท่าเทียม และให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคน ถือเป็นความภาคภูมิใจในความสำเร็จนี้  โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรให้เป็นสถานที่ทำงานที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นไป

[PR News] PTG เป็น Title Sponsor รายใหม่ โมโตจีพี ปี5

[PR News] PTG เป็น Title Sponsor รายใหม่ โมโตจีพี ปี5

          พร้อมกระหึ่ม! รัฐ-เอกชนผนึกแถลงนับถอยหลังสู่กรังด์ปรีซ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก “โมโตจีพี” ปีที่5 บนแผ่นดินไทย พร้อมเปิดตัวถ้วยรางวัล ThaiGP2024           รัฐบาลไทยผนึกภาคเอกชน แถลงความพร้อมโค้งสุดท้ายสู่สุดยอดศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก “PT Grand Prix of Thailand 2024”  ที่แฟนความเร็วทั่วโลกรอคอย ชูความพร้อมเดินเครื่องเต็มระบบ บูรณาการความร่วมมือทุกมิติ พร้อมเปิดตัวโทรฟี่ ThaiGP สง่างามด้วยธีม “บัลลังก์เจ้าแห่งความเร็ว” สไตล์ไทยโมเดิร์นผสานความงดงามปราสาทหินพนมรุ้ง โดยมีการนำชิ้นส่วนรถมอเตอร์ไซค์มาเป็นส่วนหนึ่งของถ้วยรางวัล กลางถ้วยมีสัญลักษณ์การพนมไหว้ “สวัสดี” สื่อถึงการต้อนรับอันอบอุ่นและการให้ความเคารพในแบบไทย เผยภายในงานจะได้พบกับจุดไฮไลท์ใหม่ Thai Thai Pavilion นำเสนอเสน่ห์แบบไทยสุดอลังการ 25-27 ต.ค.นี้ที่ จ.บุรีรัมย์ การันตีชื่อชั้นความมันส์ พร้อมสร้างความประทับใจและความสุขครบเครื่องระดับโลกสู่แฟนกว่า 800 ล้านคนทั่วโลกแล้ว           กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวนับถอยหลังการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ “PT Grand Prix of Thailand 2024” ศึกสองล้อที่เร็วที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก  ระหว่าง 25- 27 ตุลาคม 2567 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์           ที่สโมสรราชพฤกษ์ กรุงเทพ : ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้สนับสนุนภาครัฐและเอกชน นำโดย, จังหวัดบุรีรัมย์, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, กรมการขนส่งทางบก, บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง, บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, บริษัท โมโตเร อิตาเลียโน จำกัด (ดูคาติ ไทยแลนด์) รวมทั้ง อินฟลูเอนเซอร์ แพร ทวินันท์ เพิ่มพูน และ  ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ทัพสื่อมวลชน-ผู้สนับสนุนร่วมงานมากมาย           พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว “ถ้วยรางวัลการแข่งขันหรือโทรฟี่” ThaiGP ประจำปี 2024 ด้วยธีม “บัลลังก์เจ้าแห่งความเร็ว” ลักษณะไทยโมเดิร์น ผสานความงดงาม “ปราสาทหินพนมรุ้ง” ส่วนกลางถ้วยมีสัญลักษณ์การพนมไหว้ “สวัสดี” สื่อถึงการต้อนรับอันอบอุ่นและการให้ความเคารพในแบบไทย “ตัวเลข ๑ ของไทย” อยู่ตรงกลางและด้านล่างจะเป็นลวดลายไทย ส่วนวัสดุของตัวถ้วยมีการดัดแปลงนำ “ชิ้นส่วนรถมอเตอร์ไซค์” มาเป็นส่วนหนึ่งของถ้วยรางวัล เช่น ตัวน็อต และ เฟรมอลูมิเนียม 5 แผ่น สื่อถึงการจัดการแข่งขันโมโตจีพีที่ประเทศไทยเป็นปีที่ 5 ด้วยสีทองและดำที่เป็นสีแห่งเกียรติยศ ความแข็งแกร่ง ความสง่าและทรงคุณค่า การออกแบบสอดผสานความงดงามแบบไทยสู่สายตาชาวโลก           ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โมโตจีพี ถือเป็นการแข่งขันกีฬาระดับโลกรายการใหญ่ที่สุดที่มีการจัดในประเทศไทย มีผู้ติดตามชมมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก โอกาสสำคัญที่จะได้แสดงศักยภาพมาตรฐานการจัดแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติฝีมือคนไทยและพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬาไทยในทุกมิติ รวมทั้งช่วยผลักดันการพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยไปสู่ระดับโลกอย่างแท้จริง           “นับถอยหลังอีกเพียงไม่ถึง 1 เดือน จะเข้าสู่สุดสัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตไทย จากความร่วมแรง    ร่วมใจของหน่วยงานทั้งส่วนกลาง-ภูมิภาค ภาคเอกชน-ประชาชนที่ร่วมกันวางแผนงานเป็นอย่างดีนั้น จะทำให้การจัดการแข่งขันในครั้งนี้จะบรรลุเป้าหมายตามที่รัฐบาลตั้งไว้ รวมทั้งทำให้การแข่งขันเป็นไปอย่างราบรื่นและประทับอยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดไป เป็นสนามแข่งขันที่ถูกยกย่องว่าที่ดีสุด มีความสุขที่สุดในโลก ครบเครื่อง คุ้มค่าที่สุด ตามเป้าหมายสำคัญของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่จะใช้ “มหกรรมกีฬา” ในการเป็นแรงส่งสู่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องทั้งระบบ สร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม”           นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTGกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 5 ของการแข่งขันโมโตจีพีบนผืนแผ่นดินไทย แต่เป็นปีแรกของ PTG ในฐานะ Title Sponsor  รายใหม่ของการแข่งขัน ยาวนานต่อเนื่องถึง 3 ปี สิ่งหนึ่งที่ทาง PTG มองว่าสำคัญไม่แพ้กันคือการได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาประเทศไทยตามสโลแกน “บริษัทพลังงานของคนไทย เพื่อเติมความสุขให้คนไทยอยู่ดีมีสุข” นั่นคือการได้ประชาสัมพันธ์ประเทศสู่สายตาคนทั่วโลก แสดงศักยภาพคนไทยและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของคนในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียง           “ขอเชิญชวนทุกท่านให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ระดับโลก ในสีสันที่แตกต่างออกไปในครั้งนี้ ภายใต้กิจกรรมมากมายที่เตรียมไว้ต้อนรับที่ PTG Pavilion โดยได้ยกทัพแบรนด์ในเครือของ PTG ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น PT Station, PT Maxnitron, Autobacs, กาแฟพันธุ์ไทย, Coffee World, Max Card Plus ฯลฯ ขนสิทธิพิเศษ ของรางวัล และกิจกรรมสนุกๆ ให้ร่วมลุ้น แลก แจก ชม ช็อป อย่างเต็มอิ่มจุใจ รวมทั้งกิจกรรมสุด Exclusive ที่แฟนๆ จะได้กระทบไหล่นักแข่งคนดังทุกรุ่นแบบใกล้ชิด ซึ่งจะมีที่ PTG Pavilion ที่เดียวเท่านั้น คือ กิจกรรม Hero Walk และ Meet and Greet ซึ่งจะมีนักแข่งจากทุกคลาสไม่ว่าจะเป็น MotoGP Moto2 Moto3 แฟนๆ จะสามารถ ถ่ายภาพและขอลายเซ็นได้อย่างใกล้ชิด โดย PTG มุ่งมั่นและตั้งใจ ที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่แฟนมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วโลกได้มาสัมผัสกับประสบการณ์อันยิ่งใหญ่นี้ด้วยกัน”           นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดย น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง กล่าวว่า หนึ่งในไฮไลต์ของการจัดโมโตจีพีวิถีไทยที่ได้รับเสียงชื่นชมมากที่สุด นอกจากจะได้ชมเรซที่สนุกสุดมันส์ แฟนความเร็วจากทั่วโลกยังได้สนุกสนานไปกับกิจกรรมบันเทิงในรูปแบบของมอเตอร์สปอร์ตเฟสติวัล ซึ่งน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง เตรียมจัดเต็มความสนุกตลอดทั้ง 3 วัน บริเวณลานกิจกรรมเพื่อให้ผู้ชมได้สนุกเต็มอิ่ม ครบรส ได้แก่ ประสบการณ์สุด Exclusive ใน Chang House ที่จะได้รับชมการแข่งขันโมโตจีพีในเต็นท์ติดแอร์ขนาดใหญ่ วงดนตรี และดีเจ พร้อมมีผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติตราช้างบริการตลอดทั้งวัน           รวมทั้งคอนเสิร์ต Chang Music Connection ตลอด 3 วัน เริ่มต้นวันแรก วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พบกับ “ยังโอม” เจ้าพ่อฮิปฮอปขวัญใจวัยรุ่น และปิดท้ายค่ำคืนกับศิลปินลูกทุ่งขวัญใจชาวอิสาน อย่าง “ก้อง ห้วยไร่”, วันเสาร์ที่   26 ตุลาคม สนุกกันต่อกับการแข่งขัน “ศึกมวยไทย วิถีถิ่นไทย” โดยมีการประกบคู่ชกสุดมันส์ด้วยกันถึง 7 คู่ โดยมีไฮไลท์คู่เอกอยู่ที่ ยอดกตัญญู จิตรเมืองนนท์ ปะทะ เพชรสมาน ส.สมานการ์เมนท์ เอาใจแฟนมวยทั้งไทย           และต่างชาติอย่างเต็มที่ และปิดท้ายค่ำคืนพบกับ “จ๊ะ นงผณี” ลูกทุ่งตัวแม่สุดเซ็กซี่  ส่วนวันสุดท้าย อาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม ปิดฉากโมโต จีพี 2024 ไปกับคอนเสิร์ตสุดมันส์จากศิลปินสุดกวนที่ยกมาทั้งแก็งอย่าง “แจ๊ส สปุ๊กนิค       ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก” และมียังมีจุดบริการ Chang Shuttle Station  บริการ “ชัตเติ้นแต๋น” นับร้อยคัน มาใช้ใน การรับ - ส่งผู้ชมสู่เซอร์กิต ซึ่งมีที่เดียวในโลก คอยรับส่งแฟนๆ กันแบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย           ด้านนายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า สนามช้างฯพร้อมเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะตลอดทั้งปีมีอีเวนต์ต่างๆ มากมาย ที่ต้องรองรับมาตรฐานระดับโลกทั้ง FIM และ FIA ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นผิวสนาม เจ้าหน้าที่บุคลากร หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่พรั่งพร้อม ซึ่งปีนี้จะมีจุดเล็กๆ ที่เพิ่มมิติการแข่งขันในสนุก เร้าใจมากยิ่งขึ้นก็คือเรื่อง Misano Curve ที่ปีที่แล้วได้ทำเพิ่ม 1 จุด และปีนี้เพิ่มเป็น 3 จุด ที่โค้ง 1 โค้ง 5 และโค้ง 8 ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันขับเคี่ยวกันสนุกยิ่งขึ้นกว่าเดิม           ส่วนลานกิจกรรมปีนี้ยังได้พบกับครั้งแรกของ Thai Thai Pavilion ที่มีคอนเซ็ปต์ต่อยอดจากโมโตจีพีวิถีไทย ที่จะนำเสนอเสน่ห์ วัฒนธรรมของไทย ทั้งงานศิลปะ หัตถกรรม ของกิน ของฝากที่เป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน นอกจากนี้ด้านการอำนวยความสะดวกของผู้ชม จังหวัดบุรีรัมย์เป็นแกนหลักในประสานไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบขนส่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย อาสาสมัคร และที่พัก เพื่อให้ทุกๆ อย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดรองรับแฟนความเร็วผู้มาเยือนให้มีช่วงเวลาที่สุดแสนจะประทับใจ รับรองว่ามาชมการแข่งขันที่สนาม สนุกกว่ารับชมที่จอโทรทัศน์ที่บ้านแน่นอน           ปีนี้เรียกได้ว่าจะเป็นปีที่มีความสุขที่สุดของแฟน MotoGP ประเทศไทย เพราะนอกจากจะได้เชียร์นักบิดระดับโลกที่ชื่นชอบ ยังได้เชียร์ “ก้อง สมเกียรติ จันทรา” นักบิดที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย แข่งขันทิ้งท้ายในรุ่น Moto2 ก่อนที่ในฤดูกาลที่จะถึงในปี 2025 นี้ จะได้ขยับไปแข่งขันในรุ่นใหญ่ที่สุดของโลก MotoGP ได้สำเร็จ เป็นคนไทย  คนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการกีฬารถจักรยานยนต์ของไทย           นอกจากนี้ยังมี PT Grand Prix of Thailand 2024 Expo ที่เนรมิตลานกิจกรรมด้านหน้าสนามช้างอินเตอร์-  เนชั่นแนลเซอร์กิต เป็นงานเอ็กซ์โปสำหรับคนมอเตอร์ไซค์ ตั้งแต่ 09.00-20.00 น. ตลอด 3 วันเต็ม โดยมีทั้ง     พาวิลเลียนขนาดยักษ์และร้านค้ารายย่อยมากมาย ได้แก่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน), น้ำแร่ธรรมชาติ  ตราช้าง, ฮอนด้า, ยามาฮ่า, โตโยต้า, ดูคาติ, กรมการขนส่งทางบก โดย กปถ. ฯลฯ ที่พร้อมสร้างสีสัน ความสนุกให้แก่แฟนๆ ได้ช็อปสินค้าแบรนด์ดังมากมาย รวมทั้งครั้งแรกกับการเนรมิต Thai Thai Pavilion ได้ส้มผัสความสวยงามของวัฒนธรรมไทย ชม ชิมเลือกซื้อของดีของขึ้นชื่อ ร้านอาหารชื่อดังจากบุรีรัมย์และทั่วประเทศมาไว้ในงาน ครบจบที่เดียว โดยลานกิจกรรมนี้ผู้ถือบัตรชมการแข่งขันทุกประเภทเข้าชมฟรี หรือซื้อบัตรแอดมิชชั่น (ADMISSION) ราคา 100 บาทต่อวัน หรือเหมา 3 วัน 200 บาท           บัตรเข้าชมการแข่งขันยังสามารถหาซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ ส่วนบัตรแอดมิชชั่น (ADMISSION)  ซื้อบัตรได้ที่บูธ All Ticket หน้างาน วันที่ 25-27 ต.ค. เท่านั้น! ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ Chang Circuit Buriram

พฤอา
242526272812345678910111213141516171819202122232425262728293031123456