ตลท.สั่ง PTECH-SABUY-TSR ชี้แจงงบ ภายใน 3 เม.ย.นี้

             หุ้นวิชั่น - ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ บมจ. พลัส เทค อินโนเวชั่น (PTEC) ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินประจำปี 2567 โดยผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขในประเด็นมูลค่าการสำรองทรัพย์สินสูญหาย และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของกลุ่มบริษัท ทั้งนี้ ขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 3 เมษายน 2568 สำหรับความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบขอให้ชี้แจงภายในวันที่ 10 เมษายน 2568 นอกจากนี้ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินและติดตามคำชี้แจงของบริษัท ข้อมูลสำคัญในงบการเงินประจำปี 2567 ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติสูญหาย และไม่ตรงกับทะเบียนทรัพย์สิน รวม 89 ล้านบาท (32% ของตู้ทั้งหมด) บันทึกขาดทุนจากการตัดจำหน่าย 12 ล้านบาท เนื่องจากตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ 184 ตู้ สูญหาย โดยบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการทางกฎหมาย รับรู้สำรองค่าใช้จ่ายทรัพย์สินสูญหาย 77 ล้านบาท จากการพบตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ 1,171 ตู้ ที่ไม่ตรงกับรายละเอียดทรัพย์สิน ซึ่งยังไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุได้ ทั้งนี้ คณะกรรมการมีมติรับทราบให้บริษัทตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และจะสรุปผลภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568 ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นรวม 101 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ 2 ล้านบาท โดยตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนของลูกหนี้ค่าบริหารจัดการซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของผู้ถือหุ้นใหญ่ (บมจ. สบาย เทคโนโลยี) จำนวน 60 ล้านบาท รวมถึงตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนของลูกหนี้การค้าสูงกว่ายอดลูกหนี้การค้าที่เกินกำหนดชำระ ประเด็นที่ขอให้บริษัทชี้แจง : กรณีทรัพย์สินสูญหาย อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสรุปผลการตรวจสอบตามที่บริษัทแจ้งว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568 รวมทั้งการดำเนินการแก้ไขระบบควบคุมภายในเพื่อดูแลทรัพย์สิน และมาตรการตรวจนับทรัพย์สินของกลุ่มบริษัทเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวอีก ผลกระทบที่มีต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจหลักของบริษัทคือธุรกิจตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ สาเหตุที่ตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของลูกหนี้หมุนเวียนอื่นและลูกหนี้การค้า เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อน และบริษัทมีการพิจารณาคุณภาพของลูกหนี้อย่างไร จึงตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตฯ สำหรับลูกหนี้การค้าที่ยังไม่เกินกำหนดชำระด้วย ทั้งนี้ การตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตฯ ดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้อย่างไร รวมทั้งแนวทางการติดตามหนี้ ความเห็นของคณะกรรมการและคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับ (1) ความเพียงพอและเหมาะสมของระบบการควบคุมภายในของกลุ่มบริษัทจากกรณีในข้อ 1. รวมทั้งกลไกการติดตามดูแลของคณะกรรมการตรวจสอบ และมาตรการกำกับดูแลเรื่องดังกล่าว (2) มาตรการกำกับดูแลเพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามกฎหมายและนโยบายที่ได้กำหนดไว้ โดยเฉพาะการทำรายการที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่าบริษัทปฏิบัติไม่เป็นไปตามเกณฑ์การทำรายการที่เกี่ยวโยงกันกับ SABUY ทั้งกรณีการจำนองสินทรัพย์ของบริษัทเพื่อเป็นประกันหนี้ และกู้ยืมเงิน ทั้งนี้ หากผลการตรวจสอบทรัพย์สินสูญหายและต้องมีการปรับปรุงระบบการควบคุมภายในเรื่องดังกล่าวซึ่งยังไม่แล้วเสร็จหรืออยู่ระหว่างดำเนินการ ขอให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลพร้อมกับการนำส่ง งบการเงินทุกไตรมาสหรือเมื่อมีความคืบหน้าในการดำเนินการใดๆ ที่สำคัญ *SABUY ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินประจำปี 2567  โดยผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตดังนี้ (1) ทรัพย์สินและสินค้าคงเหลือสูญหาย 215 ล้านบาท (2) การประเมินมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ธุรกิจให้เช่าตู้ล็อคเกอร์ยังไม่แล้วเสร็จ (มีค่าความนิยม 71% ของมูลค่าซื้อ) อาจมีการปรับปรุงมูลค่า   ในอนาคต (3) ความไม่แน่นอนอย่างมีสาระสำคัญต่อการดำเนินงานต่อเนื่อง กรณีปี 2567 ขาดทุน 6,238 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3,283%) มีขาดทุนสะสม 8,152 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1,103%) โดยขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 3 เมษายน 2568                 ในส่วนความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบขอให้ชี้แจงภายในวันที่ 10 เมษายน 2568 นอกจากนี้ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินและติดตามคำชี้แจงของบริษัท ข้อมูลสำคัญในงบการเงินประจำปี 2567 ผู้สอบบัญชีพบว่ามีทรัพย์สินและสินค้าคงเหลือสูญหายรวม 215 ล้านบาท ซึ่งบริษัทบันทึกค่าความเสียหายดังกล่าวในงวดไตรมาสที่ 4 ปี 2567 โดยส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินของบริษัท 114 ล้านบาท (53%) ของ PTECH 89 ล้านบาท (41%) และที่เหลือเป็นของบริษัทย่อยอื่น ปัจจุบันคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงลึก เดือนตุลาคม 2567 บริษัทซื้อบจก. ลอคบอกซ์ กรุ๊ป (LOCKBOX) และบจก. ลอคบอกซ์ เวนเจอร์ส (LOCKVENT) ซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่าตู้ล็อคเกอร์ ในราคา 360 ล้านบาท โดยมีค่าความนิยม 257 ล้านบาท (71% ของมูลค่าซื้อ) ซึ่งการประเมินมูลค่ายุติธรรมยังไม่แล้วเสร็จ อาจมีการปรับปรุงมูลค่าในอนาคต บริษัทมีประเด็นเรื่องความไม่แน่นอนอย่างมีสาระสำคัญต่อการดำเนินงานต่อเนื่อง กรณีปี 2567 ขาดทุน 6,238 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3,283%) มีขาดทุนสะสม 8,152 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,103%) รวมทั้งบริษัทถูกสถาบันการเงินฟ้องคดีแพ่งจากการผิดนัดชำระหนี้ สรุปสาเหตุสำคัญที่บริษัทขาดทุนสูงมาก ดังนี้ 1.ผลกระทบจากการลงทุนใน TSR AS PTECH และบริษัทอื่น 5,731 ลบ. 2.ขาดทุนจากการวัดค่าสินทรัพย์ทางการเงิน 111 ลบ. 3.ขาดทุนจากการด้อยค่าธุรกิจและยกเลิกสัญญาทางธุรกิจ (ธุรกิจที่ตั้งด้อยค่า ได้แก่ ธุรกิจช่องทางการจัดจำหน่ายและเชื่อมต่อเข้าถึงลูกค้า ธุรกิจบริการด้านชำระเงินและระบบการเงินอิเลคทรอนิกส์ ธุรกิจให้บริการสินเชื่อและประกันภัย และธุรกิจให้บริการสำหรับองค์กรและไลฟ์สไตล์ / ธุรกิจที่ยกเลิกสัญญา ได้แก่ ธุรกิจบริการด้านชำระเงินและระบบการเงินอิเลคทรอนิกส์ และธุรกิจให้บริการสินเชื่อและประกันภัย) ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ SABUY ชี้แจงข้อมูลดังนี้ 1.       กรณีทรัพย์สินสูญหาย อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรอบเวลาในการตรวจสอบเชิงลึกและผลการตรวจสอบ  การดำเนินการแก้ไขระบบควบคุมภายในเพื่อดูแลทรัพย์สินและมาตรการตรวจนับทรัพย์สินของกลุ่มบริษัทเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวอีก 2.     กรณีซื้อกิจการให้เช่าตู้ล็อคเกอร์ อธิบายกรอบเวลาของการประเมินราคาทรัพย์สินแล้วเสร็จและการประเมินความเสี่ยงที่อาจด้อยค่าเงินลงทุนและค่าความนิยมของธุรกิจ 3.     แนวทางจัดการกรณีถูกสถาบันการเงินฟ้องคดีแพ่งจากการผิดนัดชำระหนี้ ความคืบหน้าการเจรจาและแนวทางการติดตามหนี้กับ TSR รวมทั้งมาตรการกำกับดูแลความเสี่ยงกรณีอาจจะไม่ได้รับชำระหนี้ 4.     แนวทางดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคต เนื่องจากมีการด้อยค่าธุรกิจและยกเลิกสัญญาธุรกิจหลายรายการ รวมทั้งมีประเด็นเรื่องความไม่แน่นอนอย่างมีสาระสำคัญต่อการดำเนินงานต่อเนื่อง พร้อมอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขาดทุนจากการวัดค่าสินทรัพย์ทางการเงิน 5.     ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับ (1)  ความเพียงพอและเหมาะสมของระบบควบคุมภายในของกลุ่มบริษัทจากกรณีในข้อ 1. รวมทั้งกลไกการติดตามดูแลของคณะกรรมการตรวจสอบและมาตรการกำกับดูแลเรื่องดังกล่าว (2)    มาตรการกำกับดูแลความเสี่ยงจากการให้เงินกู้ยืม การลงทุนในธุรกิจต่างๆ การลงทุนในหลักทรัพย์ ซึ่งส่งผลให้ ผลการดำเนินงานปี 2567 เป็นขาดทุนสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงหากมีการลงทุนหรือทำธุรกรรมใดๆ ในอนาคตด้วย ทั้งนี้ หากผลการตรวจสอบเชิงลึกทรัพย์สินสูญหายและต้องมีการปรับปรุงระบบการควบคุมภายในเรื่องดังกล่าว ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จหรืออยู่ระหว่างดำเนินการ ขอให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลพร้อมกับการนำส่งงบการเงินทุกไตรมาสหรือเมื่อมีความคืบหน้าในการดำเนินการใดๆ ที่สำคัญ *TSR ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้บมจ.ทีเอสอาร์ ลิฟวิ่ง โซลูชั่น (TSR) ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินประจำปี 2567                 โดยผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน เนื่องจากมีความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญของการดำเนินงานต่อเนื่อง กรณีปี 2567 ขาดทุน 715 ล้านบาท มีขาดทุนสะสม 945 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากการบันทึกด้อยค่าลูกหนี้และค่าความนิยมทั้งจำนวนในธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่ลงทุนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 รวมทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม (SABUY) ยกเลิกการให้ความช่วยเหลือทางการเงินและขอให้ชำระหนี้คืนซึ่งมีเงินต้น 873 ล้านบาท กรณีข้างต้นอาจกระทบต่อฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และการประกอบธุรกิจของบริษัทในอนาคต โดยขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 3 เมษายน 2568  ในส่วนความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบขอให้ชี้แจงภายในวันที่ 10 เมษายน 2568 นอกจากนี้ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินและติดตามคำชี้แจงของบริษัท ข้อมูลสำคัญในงบการเงินและคำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการประจำปี 2567 ปี 2567 TSR ขาดทุน 715 ล้านบาท เกือบทั้งหมดเกิดจากการบันทึกด้อยค่าลูกหนี้ 4 กลุ่มธุรกิจ และผลขาดทุนจากด้อยค่าความนิยมทั้งจำนวนในธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ รวม 641 ล้านบาท สรุปดังนี้ ผลขาดทุนจากการด้อยค่าลูกหนี้ 4 กลุ่มธุรกิจ โดยส่วนหนึ่งคือลูกหนี้ Factoring ที่เป็นอดีตบริษัทในเครือของกลุ่ม SABUY (ขายตรงและตัวแทนจำหน่าย 324 ลบ. / ดิจิทัลออนไลน์และขายทางโทรศัพท์ 132 ลบ. / ค้าปลีกและตัวแทนร้านค้า 20 ลบ. / ธุรกิจองค์กร 16 ลบ.) 492 ลบ. ผลขาดทุนจากด้อยค่าค่าความนิยมทั้งจำนวนในธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เนื่องจากบริษัทย่อย (บจก. เวนดิ้ง คอนเน็กซ์ เทค) มีการชะลอการประกอบธุรกิจดังกล่าว 149 ลบ. เดือนมกราคม 2568 ผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม (SABUY) ยกเลิกการให้ความช่วยเหลือทางการเงินและขอให้ชำระหนี้คืนภายใน 30 วัน (เงินต้น 873 ล้านบาท) ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ 2568 บริษัทมีหนังสือตอบกลับว่าอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางดำเนินการ ทั้งนี้ ระหว่างปี 2567 มีการเจรจาโอนทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้โดยส่งมอบตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติให้กับ SABUY ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป ปัจจุบัน TSR ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการเงินได้ ซึ่งสถาบันการเงินมีสิทธิเรียกชำระหนี้คืนได้ มูลหนี้ 418 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างเจรจาผ่อนผันเงื่อนไขสัญญา และมีผิดนัดชำระหนี้บุคคลและกิจการอื่นอีก 18 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ของกลุ่มบริษัท (934 ล้านบาท) ส่วนหนึ่งถูกใช้เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินกับผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม (SABUY) ทำให้บริษัทมีสินทรัพย์ปลอดภาระผูกพันลดลงซึ่งอาจมีผลต่อความสามารถในการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ TSR ชี้แจงข้อมูลดังนี้ 1.ปัจจัยที่ใช้พิจารณาเพื่อบ่งชี้การด้อยค่าค่าความนิยมทั้งจำนวนของธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในระยะเวลาอันสั้น และปัจจัยที่ใช้ประกอบการพิจารณาลงทุนและความแตกต่างของผลประกอบการภายหลังเข้าลงทุนพร้อมเหตุผล 2.ที่มาและสาเหตุของการพิจารณาตั้งด้อยค่าลูกหนี้ 4 ธุรกิจ ผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจดังกล่าว สรุปรายละเอียดของลูกหนี้ที่ด้อยค่าโดยสังเขป รวมถึงความสัมพันธ์กับบริษัททั้งในอดีตและปัจจุบัน ความครบถ้วนการตั้งด้อยค่าลูกหนี้ แนวทางดำเนินการเพื่อให้ได้รับชำระหนี้ 3. สรุปการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัท ณ ปัจจุบัน และธุรกรรมที่ยังคงมีกับผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม (SABUY) โดยขอให้อธิบายประเด็นที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (ถ้ามี) รวมถึงผลกระทบเกี่ยวกับการพิจารณาตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนหรือด้อยค่าเพิ่มเติม 4.     ความคืบหน้าของการเจรจา แนวทางแก้ไขปัญหา และมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้กับผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม (SABUY) สถาบันการเงิน และเจ้าหนี้ต่างๆ รวมทั้งการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อชำระหนี้ดังกล่าว ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับ 5.1  ความเหมาะสมและเพียงพอของการตั้งด้อยค่า รวมทั้งความเหมาะสมของแนวทางการติดตามลูกหนี้ 5.2  นโยบายการประกอบธุรกิจในอนาคตของบริษัทภายหลังจากการเปลี่ยนกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมทั้งการทำธุรกิจร่วมกับผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม (SABUY) 416 ลบ.