ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#PRM


PRM เปิดแผนลงทุนใหม่ พร้อมรับรู้รายได้ Q1/68

PRM เปิดแผนลงทุนใหม่ พร้อมรับรู้รายได้ Q1/68

               หุ้นวิชั่น - นางสาวสุธาสินี หมื่นละม้าย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี พร้อมด้วย นายพชร รอดสมบูรณ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ร่วมแถลงข้อมูลบริษัทฯ และแผนการดำเนินธุรกิจของปี 2568 ในงานประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ (Analyst Meeting) และพบนักลงทุนใน Opportunity Day ประจำไตรมาส 4/2567 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ณ ห้องประชุมใหญ่ บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็วๆ นี้                โดยการดำเนินธุรกิจปี 2568 ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์การให้บริการภายใต้สัญญาระยะยาว และการกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนในธุรกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore Support Vessel หรือ OSV) เพื่อความมั่นคงของรายได้และปรับโครงสร้างรายได้แต่ละธุรกิจให้มีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้ปี 2568 จะเติบโตตามแผนงาน โดยเริ่มต้นจากการปิดดีลลูกค้ารายใหญ่ บริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี (ADNOC) โดยให้บริการเรือ Hybrid Crew Boat เพิ่มจำนวน 2 ลำกับกลุ่ม ADNOC ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา พร้อมรับข่าวดีจากการกลับมาให้บริการของเรือใหญ่ 2 ลำ ได้แก่เรือที่พักอาศัยสำหรับพนักงานบนแท่นขุดเจาะน้ำมัน (AWB) และเรือขนส่งน้ำมันดิบระหว่างประเทศ (VLCC) และเตรียมรับรู้รายได้เต็มปี 2568 ของบริษัท VC Shipping ที่บริษัทฯ เข้าซื้อกิจการในช่วงไตรมาส 4/2567 ที่ผ่านมา รวมถึง Project G1FSO เดินหน้าเต็มที่ภายหลังการเข้าทำสัญญา Bare Boat เรือ FSO กับกลุ่ม Nova X พันธมิตรสำคัญซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญงานด้าน Offshore สัญชาติไทยรายแรกที่ให้บริการ FSO แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบทางวิศวกรรม การจัดหาอุปกรณ์ ก่อสร้าง การติดตั้ง และการทดสอบ (EPCIC) ไปจนถึงการดำเนินงานและบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งานของโครงการในพื้นที่ G1/61 กลางอ่าวไทย                ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 2,000 - 3,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นกลุ่มเรือขนส่งปิโตรเคมีเหลว ตามความต้องการขนส่งปิโตรเคมีของลูกค้ากลุ่มโรงกลั่นต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและมีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มธุรกิจเรือ OSV ที่ยังคงมีความต้องการใช้งานสูงตามกิจกรรมการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยที่อยู่ในช่วงขยายตัว ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าธุรกิจ OSV ยังมีโอกาสเติบโตต่อจากนี้ในระยะ 3-5 ปี โดยล่าสุดเตรียมรับเรือ Crew Boat ลำใหม่จากประเทศสิงคโปร์ พร้อมรับรู้รายได้ทันทีในช่วงปลายไตรมาส 1/2568 ซึ่งจะช่วยให้ปี 2568 เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามเป้าหมายการเติบโตที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ในระดับ 8-10% จากปีที่ผ่านมา พร้อมเปิดอีกหนึ่งข่าวดี เตรียมรับรู้กำไรพิเศษจากการขายเรือเก่าในไตรมาส 1/2568

PRM คาดกำไรปีนี้ 2,338 ลบ. โบรกชี้หุ้นมี upside เคาะพื้นฐาน 9.35 บ.

PRM คาดกำไรปีนี้ 2,338 ลบ. โบรกชี้หุ้นมี upside เคาะพื้นฐาน 9.35 บ.

               หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.ฟิลลิป ระบุ 1H68 คาดกำไรปกติ PRM จะอ่อนกว่าปีก่อน จากเรือใหญ่เข้าอู่หลายลำและขายเรือ FSU 1 ลำ จะมีกำไรจากการขายเรือ แต่ใน 2H68 จะกลับโตทั้ง y-y และ h-h จากเรือทำงานได้เต็มที่มากขึ้น รวมถึง Crew Boat ใหม่ 4 ลำที่รับใน 1H68 และมีเรือใหญ่เข้าอู่เพียง 1 ลำในช่วง 4Q68 ทั้งปี เรือเข้าอู่ 19 ลำ จากปีก่อน 28 ลำ คาดกำไรโต 10.3% y-y ที่ 2,338 ล้านบาท อิง P/E ที่ 9 เท่า ราคาพื้นฐานที่ 9.35 บาท และยังมี Div. Yield ที่ 8.3% ยังคงแนะนำ “ซื้อ” 1Q68 แนวโน้มกำไรปกติอ่อนลง y-y จากเรือใหญ่เข้าอู่ซ่อมบำรุง ซึ่งยังไม่รวมกำไรขายเรือ                เรือที่เข้าอู่ซ่อมบำรุงในช่วงของ 4Q67 เริ่มทยอยกลับเข้าทำงานใน 1Q68 เรือ AWB (นวธานี) เรือโรงแรมลอยน้ำกลับมาทำงาน 26 ม.ค., เรือ VLCC ที่ขนส่งน้ำมันดิบกลับมาทำงาน 5 ก.พ., เรือ Aframax ที่นำไปดัดแปลงตั้งแต่กลางปี 2567 เป็นเรือ FSO (ขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่นขุดเจาะน้ำมัน) กลับมาทำงาน 26 ก.พ. และรับเรือ Crew Boat ใหม่ 3 ลำเข้าทำงานกับ ADNOC 2 ลำเมื่อ 6 ม.ค. และ 1 ลำเมื่อ 22 มี.ค. แต่แนวโน้มกำไรคาดไม่ดีเท่าปีก่อน จากเรือใหญ่ AWB และ VLCC ที่เข้า Dry Dock คาบเกี่ยวมาจาก 4Q67 และ 1Q-2Q68 เรือ Aframax ยังให้บริการขนส่งน้ำมันดิบก่อนออกไปดัดแปลงเป็นเรือ FSO ตั้งแต่ 3Q67 แม้จะกลับมาเป็นเรือ FSO แต่ให้เช่าแบบเรือเปล่า (Bare Boat) ที่รายได้ต่ำลงกว่าขนส่งน้ำมันดิบ อีกทั้งจะขายเรือ FSU ในเดือน มี.ค. เร็วกว่าแผนที่จะขาย ก.ย. ทำให้รายได้หายไปราวครึ่งเดือน ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นทำให้ 1Q68 แนวโน้มกำไรปกติอ่อนตัว y-y แต่ดีขึ้น q-q เงินบาทที่กลับมาแข็งค่าจากสิ้นปี 2567 ที่ 34 บาท/ดอลลาร์ เป็นราว 33.60-33.80 บาท คาดมีการบันทึกขาดทุน Fx และกำไรขายเรือ ซึ่งในปี 2566 มีการขายเรือ FSU กำไรที่ 312 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรือแบบเดียวกับที่ขายในเดือน มี.ค. แต่เรืออายุเรือมากกว่า คาดกำไรน้อยกว่าปี 2566 แต่จะยังมีนัยสำคัญอยู่ คาดกำไรสุทธิโต y-y และ q-q คาดจะเห็นรายได้และกำไรเติบโตใน 2H68                2Q68 จะมีผลกระทบจากเรือ FSU ที่ขายได้ใน 1Q68 แต่จะมีเรือแบบเดียวกันลำใหม่เข้าทำงานใน พ.ค. ทำให้วันทำงานหายไปราว 1 เดือน แม้เรือลำใหม่จะสามารถเก็บน้ำมันได้มากกว่าเรือเก่าที่ขายไป ซึ่งเก็บได้เพียง 2 ใน 3 ของความจุเรือ เรื่องความปลอดภัยจากอายุเรือ และเรือ Aframax ยังวิ่งขนส่งน้ำมันดิบ แม้ปีนี้มาเป็นเรือ FSO แต่ค่าเช่าถูกลง และตามแผนจะมีรับเรือ Crew Boat อีก 1 ลำเดือน มิ.ย. คาดกำไรปกติจะมีขึ้นกว่า 1Q68 แต่ยังต่ำกว่าปีก่อน                ครึ่งปีหลัง 2568 จะเห็นทิศทางที่ดีขึ้นกว่าในครึ่งปีแรกและช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเรือที่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น, เรือ FSU ลำใหม่สามารถเก็บน้ำมันได้สูงกว่าลำเดิมที่ในปี 2567 มีอัตราการใช้งาน (U Rate) เพียง 65% เมื่อเทียบกับอีก 4 ลำที่ U Rate เฉลี่ยที่ 81% คาดจะเห็น U Rate ดีขึ้นกว่าปีก่อน และเรือใหญ่ VLCC เข้า Dry Dock เพียง 1 ลำใน 4Q68 เมื่อรวมเรือประเภทอื่นมีเข้า Dry Dock ที่ 9 ลำเทียบกับทั้งปีที่ 19 ลำ และน้อยกว่าปี 2567 ที่เข้า Dry Dock ที่ 28 ลำ เรือสามารถทำให้ งานได้มากขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่มองว่ารายได้และกำไรในครึ่งปีหลังจากดีขึ้น h-h และ y-y ยังมี upside หากแผนลงทุนโครงการใหม่ทำได้สำเร็จ                ในปี 2567 PRM ได้มีการลงทุนราว 4,500 ล้านบาท ทั้งเพิ่มกองเรือและ M&A ในปี 2568 วางกรอบเงินลงทุนราว 3,000 ล้านบาท โดยลงทุนในกลุ่มเรือ 1) เรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี (PCT) ราว 1,000 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการเจรจาหาผู้เช่า ซึ่ง PRM ได้โควต้าเรือใหม่มาจากอู่ต่อเรือที่จีน 2 ลำ และ 2) เรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (OSV) ราว 2,000 ล้านบาท เพราะเรือกลุ่มนี้มีหลายประเภท เช่น เรือลากจูง (Anchor Tug) เรือสนับสนุนงานก่อสร้างในทะเล (DB2: Derrick Barge 2) เป็นต้น หรืออาจพิจารณาต่อเรือใหม่เพิ่ม จากปัจจุบันในบริการเรือ AWB, Crew Boat และ FSO รวมถึงการทำ M&A ถ้าโครงการประสบความสำเร็จ จะเป็น upside เพิ่มเติม ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 9.35 บาท                บริษัทมีข้อดี คือ มีรายได้ประจำ (recurring income) ที่กว่า 70% ของรายได้ เกิดจากการทำสัญญาระยะยาว 2-10 ปีเพื่อต้องการลดความเสี่ยงด้านรายได้จากการลงทุนที่สูง ทางฝ่ายยังคงคาดในปี 2568 คาดรายได้ +7.5% ที่ 9,451 ล้านบาท และกำไรที่ 2,338 ล้านบาท +10.3% (ยังไม่รวมกำไรขายเรือในเดือน มี.ค.) PRM ได้ทำการซื้อหุ้นคืนรอบแรกที่ 172.89 ล้านหุ้น คิดเป็น 6.92% และอยู่ระหว่างซื้อคืนรอบที่ 2 อีก 75 ล้านหุ้น คิดเป็น 3% โดยมีแผนลดทุนหุ้นซื้อคืนจะทำให้ทุนชำระแล้วเหลือ 2,252.11 ล้านหุ้น ปรับ P/E ลงเป็น 9 เท่า มีพรีเมียมจากการซื้อขายเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังที่ 8.5 เท่า จากกำไรปีนี้ที่ยังเติบโตได้ ราคาพื้นฐาน 9.35 บาท อีกทั้งหากอิง Payout Ratio จ่ายปันผลที่ 54% เท่าปีก่อน คาดปันผลของปีนี้ที่ 0.56 บาท (จ่ายปีละ 2 ครั้ง) มีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 8.3% ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

PRM ขยายกองเรือ แนะ “ซื้อ” เป้า 10.20 บ.

PRM ขยายกองเรือ แนะ “ซื้อ” เป้า 10.20 บ.

                      หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง PRM ว่า สรุปสาระสำคัญจากประชุมนักวิเคราะห์ PRM เหตุการณ์สำคัญ ► เรือ 3 ลำที่เข้าซ่อมแซมใน Drydocking ช่วง 4Q24 ได้แก่ 1) เรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ VLCC 2) เรือกักเก็บน้ำมันดิบ FSU และ 3) เรือขนส่งและที่พักอาศัยสำหรับพนักงาน AWB ซึ่งได้ทยอยกลับมาให้บริการในช่วงเดือน ก.พ. – มี.ค. แล้ว ► PRM ได้ปลดระวางเรือ FSU ที่มีอายุการใช้งานสูงออก 1 ลำในเดือน มี.ค. ทำให้บริษัทจะรับรู้กำไรพิเศษใน 1Q25 ► บริษัทมีแผนรับเรือ FSU ใหม่ในเดือน พ.ค. 2025 และ Crew Boat ใหม่ในเดือน มิ.ย. 2025 หากเป็นไปตามแผน PRM จะมีกองเรือทั้งหมด 68 ลำ ณ สิ้นปี 2025 ► PRM มีแผนซ่อมบำรุงเรือทั้งหมด 19 ลำในปี 2025 โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรือขนส่งน้ำมันในประเทศและเรือบริกรนอกชายฝั่ง (OSV) ► บริษัทตั้งเป้า CAPEX ปี 2025 ระหว่าง 3.0-4.5 พันล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจขนส่งน้ำมันในประเทศและ OSV โดยจะศึกษาการลงทุนในเรือประเภทใหม่ในช่วง 2H25 แนวโน้มและการประเมิน ► คาดกำไรปกติ 1Q25 ฟื้นตัว QoQ จากการขนส่งน้ำมันในประเทศที่เร่งตัวขึ้นตามฤดูกาลท่องเที่ยวและทรงตัว YoY โดยคาดผลประกอบการจะกลับมาขยายตัวตั้งแต่ 2Q25 เป็นต้นไปจากการเพิ่มเรือใหม่ ► คาดกำไรปกติปี 2025 เติบโต 16% YoY จากการขยายกองเรือเชิงรุก คาดกำไรกลับมาขยายตัวทั้ง QoQ และ YoY ตั้งแต่ 2Q25 เป็นต้นไป ► ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER 25 ที่ 7.0x ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี โดยคาด Dividend Yield ปี 2025 สูงถึง 7.9% ► แนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 10.20 บาท/หุ้น

PRM ปักเรือธงใหม่ “G1FSO” เสริมแกร่งธุรกิจเรือ

PRM ปักเรือธงใหม่ “G1FSO” เสริมแกร่งธุรกิจเรือ

            หุ้นวิชั่น - PRM ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการให้บริการเรือขนส่งปิโตรเลียมและเคมี และเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเลอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว “เรือขนส่งและกักเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล G1FSO” ที่มีระวางบรรทุกสำหรับกักเก็บปิโตรเลียมมากกว่า 6 แสนบาร์เรล ซึ่งเริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา บนพื้นที่โครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) ของ PTTEP ภายใต้สัญญาระยะยาว 5+5 ปี            นางสาวสุธาสินี หมื่นละม้าย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และเคมีเหลวทางเรือแบบครบวงจร เปิดเผยล่าสุดว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัว “เรือ G1FSO” ซึ่งเป็นเรือขนส่งและกักเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล (Floating Storage and Offloading “FSO”) พร้อมกับระบบยึดโยงเรือแบบทุ่นลอยน้ำแบบครบวงจร สำหรับการเก็บและขนถ่ายน้ำมัน รวมถึงก๊าซธรรมชาติ ที่ผลิตได้จากแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมกลางทะเล โดยให้บริการในพื้นที่โครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) ของบริษัท ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา พร้อมเริ่มรับรู้รายได้โดยทันที ภายใต้สัญญาระยะยาว 5+5 ปี ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในการให้บริการ ธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore Support Vessel Business “OSV”) ซึ่งถือเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่บริษัทฯ ให้ความสนใจในการขยายธุรกิจ และใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการสร้างเสถียรภาพทางด้านรายได้ของบริษัทฯ “การให้บริการเรือกักเก็บน้ำมันดิบ G1FSO ภายใต้แผนการขยายธุรกิจ OSV ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของ PRM ที่จะช่วยลดความผันผวนของธุรกิจโดยรวมให้กับทางบริษัทฯ เนื่องจากธุรกิจดังกล่าว เป็นธุรกิจที่ให้บริการภายใต้สัญญาระยะยาว ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้ที่มั่นคงและแน่นอน และการให้บริการภายใต้สัญญาแบบ Bareboat Charter จะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของเรือได้ สำหรับแผนธุรกิจในปี 2568 นี้ บริษัทฯ ยังคงเน้นการขยายตัวในธุรกิจ Offshore Support Vessel (OSV) เนื่องจากบริษัทฯ มองว่าความต้องการใช้เรือในกลุ่มนี้ยังมีอีกมาก สอดคล้องกับสภาวะอุตสาหกรรมการสำรวจและผลิตน้ำมันกลางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ในช่วงขยายตัว” นางสาวสุธาสินี หมื่นละม้าย กล่าว

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

PRM ปี 67 กวาดกำไร 2.2 พันลบ. เล็งขยายธุรกิจ OSV หลังปิดดีลลูกค้าฯ

PRM ปี 67 กวาดกำไร 2.2 พันลบ. เล็งขยายธุรกิจ OSV หลังปิดดีลลูกค้าฯ

             หุ้นวิชั่น - PRM เผยผลประกอบการปี 67 ทุบสถิติทำรายได้รวม 8,790.6 ล้านบาท กวาดกำไร 2,249 ล้านบาท สะท้อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แย้มเป้าหมายปี 68 นี้ เดินหน้าขยายธุรกิจ OSV ต่อ หลังปิดดีลลูกค้าบริษัทน้ำมันในตะวันออกกลาง พร้อมขยายฐานลูกค้าต่างชาติต่อเนื่อง              นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยตัวเลขผลประกอบการของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 8,790.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และมีกำไรสุทธิที่ 2,249 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสุทธิจากการดำเนินงานทั้งหมด โดยเปรียบเทียบกำไรสุทธิจากการดำเนินงานของปี 2566 ซึ่งมีกำไรจากการขายเรือจำนวน 312.2 ล้านบาท พบว่ากำไรสุทธิจากการดำเนินงาน ปี 2567 เติบโตขึ้นจากปี 2566 ถึงร้อยละ 18.2              โดยการเติบโตหลักมาจาก ธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (OSV) ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 65.2% ธุรกิจเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล (FSU) ที่สร้างรายได้เพิ่มขึ้น 13.2% ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี (PCT) ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 7.6% รวมถึงการรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อธุรกิจ VC Shipping ที่ทำให้ธุรกิจตัวแทนสายเดินเรือและออกของ (SAS) เติบโตขึ้นถึง 28.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์การให้บริการภายใต้สัญญาระยะยาว และการจายความเสี่ยงจากการลงทุนไปยังธุรกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้นเพื่อความมั่นคงและแน่นอนของรายได้              ส่วนปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง  คาดการณ์อยู่ในระดับ 8-10% เริ่มต้นจากการปิดดีลบริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี (ADNOC) ตั้งแต่สิ้นปี 2567 โดยเริ่มให้บริการเรือ Hybrid Crew Boat เพิ่มจำนวน 2 ลำแล้วตั้งแต่มกราคม 2568 ที่ผ่านมา รวมถึงเรือขนส่งและกักเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล (Floating Storage and Offloading) หรือ FSO ที่พร้อมให้บริการในเดือนมีนาคม 2568 ที่จะถึงนี้              นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจ OSV (Offshore Support Vessel) ต่อเนื่อง โดยจะรับเรือ Crew Boat ต่อใหม่เข้ามาอีก 2 ลำภายในมีนาคม 2568 และ Q2/68 ตามลำดับ โดยการขยายธุรกิจ OSV เป็นอีก 1 กลยุทธ์หลักของบริษัทฯ ที่จะช่วยลดความผันผวนให้กับธุรกิจอื่น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ให้บริการภายใต้สัญญาระยะยาวและเป็นรูปแบบสัญญา Time Charter ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดค่าใช้จ่ายของน้ำมันที่ใช้ในการเดินเรือ พร้อมเดินหน้าการขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง โดยเริ่มให้บริการบริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี (ADNOC) ภายใต้สัญญาระยะยาว 5 ปี ตั้งแต่ต้นปี 2568 ไปเป็นเรียบร้อยแล้วตามที่กล่าวไปข้างต้น นับเป็นการเปิดโอกาส  ขยายฐานลูกค้าต่างประเทศในอนาคต              “สำหรับการดำเนินงานใน Q1/68 คาดว่าจะสามารถสร้างผลงานได้ตามแผนที่วางไว้ และมั่นใจว่าในปีนี้จะรักษาอัตราการเติบโต และรายได้ให้เป็นไปตามเป้า จากสัญญาณภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และภาคการท่องเที่ยวที่กำลังเข้าสู่ช่วง High-Season ทำให้ความต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น” นายวิริทธิ์พล กล่าว

PRM คาดกำไรปีนี้ที่ 2.4 พันลบ.  จ่อขยายกองเรือเชิงรุก โบรกเคาะเป้า 10.20 บาท

PRM คาดกำไรปีนี้ที่ 2.4 พันลบ. จ่อขยายกองเรือเชิงรุก โบรกเคาะเป้า 10.20 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ Prima Marine (PRM) ไม่ได้รับผลกระทบเพียงชั่วคราวจากการซ่อมบำรุงเรือ คาดกำไรปกติลดลงจากการนำเรือเข้าซ่อมบำรุง คาดกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 468 ลบ. หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 60 ลบ. กำไรปกติจะอยู่ที่ 408 ลบ. (-22% QoQ, -4% YoY) ปัจจัยหลักที่กดดันผลประกอบการทั้ง QoQ และ YoY คือการนำเรือเข้าอู่แห้งเพื่อซ่อมบำรุง 3 ลำ (เรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ – VLCC, เรือกักเก็บน้ำมันดิบ – FSU, เรือขนส่งและที่พักอาศัยสำหรับพนักงาน – AWB) เป็นเวลา 2 เดือนใน ธ.ค. 2024 ถึง ม.ค. 2025 คาดรายได้รวมที่ 1.9 พันลบ. (-10% QoQ, -5% YoY) ลดลง QoQ แม้เป็น High Season ของกลุ่มธุรกิจขนส่งน้ำมัน คาด GPM รวมใน 4Q24 ที่ 33.5% (-287bps QoQ, +68bps YoY) ลดลง QoQ ในทิศทางเดียวกันกับรายได้ คาด SG&A เพิ่มขึ้นใน 4Q24 อยู่ที่ 170 ลบ. คิดเป็นอัตรา SG&A/Sales ที่ 8.7% Capacity เริ่มขยายตัวตั้งแต่ 1Q25 เป็นต้นไป แนวโน้มกำไรปกติ 1Q25 กลับมาฟื้นตัว QoQ หลังเรือ 3 ลำเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุง เรือ AWB ได้กลับมาให้บริการแก่ PTTEP แล้วในวันที่ 26 ม.ค. เรือ VLCC คาดกลับมาเดินเรือใน 31 ม.ค. เรือ FSU คาดกลับมาให้บริการในเดือน ก.พ. แผนการขยายกองเรือของ PRM ในปี 2024 จะทำให้บริษัทเริ่มรับรู้ Capacity ที่เพิ่มขึ้นจาก เรือ FSU ที่ซื้อมาใน 4Q24 คาดเริ่มรับรู้รายได้ใน มี.ค. เรือขนส่งน้ำมันที่นำไปดัดแปลงเป็นเรือกักเก็บและขนถ่ายน้ำมัน (FSO) จะต่ออายุการใช้งานได้อีก 5 ปี คาดลงพื้นที่ให้บริการในต้นเดือน ก.พ. PRM ได้ส่ง Hybrid Crew Boat 2 ลำเพื่อให้บริการนอกชายฝั่งแก่ ADNOC (บริษัทพลังงานต้นน้ำที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง) และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 6 ม.ค. แล้ว           การเติบโต YoY ของกำไรปกติ 1Q25 อาจท้าทายจากฐานสูง แต่ประเมินผลบวกจากการขยายกองเรือเต็มไตรมาสจะผลักดันการเติบโต YoY ของผลประกอบการตั้งแต่ 2Q25 เป็นต้นไป แนวโน้มกำไรปี 2025 สดใส เงินปันผลงวด 2H24 อาจมี Upside           คาดกำไรปกติปี 2025 ที่ 2.4 พันลบ. เติบโต 10% YoY แม้ฐานสูงจากแผนขยายกองเรือเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจเรือบริการนอกชายฝั่งที่เป็นธุรกิจ High Margin สำหรับปี 2025 PRM รอรับ Crew Boat ต่อใหม่อีก 2 ลำ และอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อเรือสนับสนุนลาก-จูง การจัดการสมอ (Anchor Handling Tug Supply - AHTS) ที่ให้บริการพร้อมกับเรือ AWB ในงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล และในปี 2026 มีแผนการรับเรือขนส่งน้ำมันอีก 6 ลำ           คาดเงินปันผลงวด 2H24 ที่ 0.16 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่ 2.2% อย่างไรก็ดี คาดการณ์อาจมี Upside จาก Guidance บริษัทที่คาดเงินปันผลไม่ต่ำกว่างวด 2H23 ที่ 0.26 บาท/หุ้น ซึ่งคิดเป็น Dividend Yield ที่ 3.6% ราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 16% YTD สะท้อนผลประกอบการ 4Q24 ที่ไม่โดดเด่นไปมากแล้ว แนวโน้มผลประกอบการที่คาดว่าจะกลับมาเร่งตัวตั้งแต่ 1Q25 และเงินปันผลงวด 2H24 ที่อาจมี Upside ทำให้มองเป็นจังหวะสะสม คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 10.20 บาท/หุ้น ความเสี่ยงสำคัญ: ลูกค้ายกเลิกสัญญาก่อนกำหนด, ภัยธรรมชาติ, เรือเข้าอู่แห้งนอกแผน, การหยุดชะงักทางธุรกิจของลูกค้า, ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น

PRM ปี68 ได้เรือใหม่หนุนโต แนะ “ซื้อ” เป้า 10 บาท

PRM ปี68 ได้เรือใหม่หนุนโต แนะ “ซื้อ” เป้า 10 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล. ฟิลลิป ระบุ 4Q67 คาด PRM กำไรปกติจะอ่อนลง q-q จากนำเรือเข้าอู่เร็วกว่าแผน แต่ดีขึ้น y-y จากเรือที่เพิ่มขึ้น ในปี 2568 จะได้ปัจจัยบวกจากเรือที่รับระหว่างปี 2567 และในปี 2568 โดยเฉพาะขนาดเรือใหญ่ มีเรือเข้าอู่น้อยกว่าปี 2567 และได้ทำสัญญาเช่าระยะยาวกับลูกค้า มี recurring income ในสัดส่วน 70% ของรายได้ คาดกำไรสุทธิปี 2567 และ 2568 ที่ 2,147 ล้านบาท และ 2,338 ล้านบาท อิง P/E 10 เท่า ราคาพื้นฐาน 10 บาท คงแนะนำ “ซื้อ” 4Q67 แนวโน้มกำไรปกติลดลง q-q จากเรือใหญ่เข้าอู่นอกแผน แต่ยังโตได้ y-y 4Q67 PRM ได้นำเรือใหญ่เข้า Dry Dock เร็วกว่าที่แผนจากหลายเหตุผล ได้แก่ เรือ AWB (เรือที่พักอาศัย) 1 ลำ เนื่องจากเป็นช่วงมรสุมในไตรมาส 4 อีกทั้งได้สัญญาใหญ่ จึงนำเรือเข้าเร็วขึ้นเพื่อให้ในปี 2568 ทำงานได้เต็มที่ เริ่มเข้าอู่ ธ.ค. 2567 - ปลาย ม.ค. 2568 และกลับมาทำงานในค่าเช่าเดิมและเริ่มสัญญาใหม่ มิ.ย. 2568 เป็นเวลา 3 ปี ในอัตราค่าเช่าที่สูงขึ้น เรือ FSU 1 ลำ เข้าอู่ 30-35 วัน ใน พ.ย. และกลับมาทำงานแล้วใน ธ.ค. เรือ VLCC (ขนส่งน้ำมันดิบ) 1 ลำ เข้าอู่ในช่วง ธ.ค. 2567 - ม.ค. 2568 เป็นเวลา 30-35 วัน เนื่องจากลูกค้าไม่อยากให้กระทบกับธุรกิจในปี 2568           แต่เนื่องจากเรือเข้าอู่ทั้ง 3 ลำเป็นเรือขนาดใหญ่และรายได้ต่อลำสูง แม้รับเรือใหม่ Crew Boat เพิ่ม 2 ลำจากการได้สัญญา ADNOC (สัญญา 5 ปี) เริ่มงาน 15 ธ.ค. และเรือ FSO (ได้สัญญา PTTEP ที่ 5 ปีและขอต่อได้อีก 5 ปี) เริ่มงาน 25 ธ.ค. รวมถึงเริ่มรวมงบ วี.ซี.ชิปปิ้งฯ ที่เข้าถือหุ้นเดือน ต.ค. บวกไม่มากเพราะเข้ามาปลายไตรมาส แต่ยังมีปัจจัยบวกจาก high season ของธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี (PCT) ประกอบกับเงินบาทเฉลี่ย 4Q67 อยู่ที่ 34 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเทียบกับ 3Q67 เฉลี่ยที่ 34.80 บาท จะยังกระทบการแปลงกลับมาเป็นเงินบาทอยู่บ้าง เพราะ PRM มีรายได้ดอลลาร์ที่ราว 40 ล้านดอลลาร์ต่อไตรมาส           คาดกำไรปกติลดลง q-q แต่ยังโต y-y (ไม่รวมกำไรขายเรือ) แต่ค่าเงินบาท/ดอลลาร์ปิดสิ้น 4Q67 ที่ 33.97 บาท เทียบสิ้น 3Q67 ที่ 32.26 บาท อ่อนตัวลง คาดจะมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินฝากสูงกว่าหนี้สิน จะพลิกมีกำไรสุทธิโต q-q แต่ลดลง y-y เมื่อรวมกำไรขายเรือปีก่อนที่ 312 ล้านบาท 1Q68 และปี 2568 ทั้งรายได้และกำไรคาดโต y-y           1Q68 คาดรายได้และกำไรโต y-y แม้เรือ AWB และ VLCC เข้าอู่ค่อมมาจาก 4Q67 และเรือ Aframax ที่ขนส่งน้ำมันดิบยังให้บริการในปีที่แล้ว ก่อนปรับปรุงเป็นเรือ FSO กลับมาทำงาน 25 ธ.ค. ได้ค่าเช่าลดลง แต่ได้ปัจจัยบวกจากเรือที่เพิ่มขึ้นจาก Crew Boat 2 ลำที่เริ่มทำงาน 15 ธ.ค. 2567 อีก 1 ลำที่จะรับใน ก.พ. และเรือ FSU (เรือขนาดใหญ่) ลำที่ 6 เข้า ทำงานกลาง ก.พ. เทียบปีก่อนที่มี 5 ลำ และอัตราการใช้งาน (U Rate) คาดสูงกว่า 1Q67 ที่ 70.7% เมื่อดูจาก 2 ไตรมาสล่าสุดที่สูงกว่า 80% อีกทั้งเป็น high season ของการขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี (PCT) จากการท่องเที่ยวที่มีการขนส่งน้ำมันสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องบิน 2Q68 เป็นต้นไปคาดจะดีขึ้น           หลังจากเรือใหม่และเรือเข้าอู่ทำงานได้เต็มไตรมาส อีกทั้งเรือเข้าอู่ลดลงจากปี 2567 ที่ 26 ลำ มีเรือใหญ่ 6 ลำ และยังมีการสลับเรือ VLCC ในช่วง 3Q67 วันทำงานหายไป 23 วัน เทียบกับปี 2568 ที่มีเรือเข้าอู่ 20 ลำ โดยมีเรือใหญ่ 1 ลำที่จะเข้าอู่ปลายปี 2568 คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 10 บาท           ข้อดีของ PRM คือ มีรายได้ประจำ (recurring income) ที่ราว 70% ของรายได้ เกิดจากการทำสัญญาระยะยาว เพื่อต้องการลดความเสี่ยงด้านรายได้และการลงทุน

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

PRM เปิดแผนธุรกิจ ปิดดีล “บริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี” รับรู้รายได้ทันทีต้นปี 68

PRM เปิดแผนธุรกิจ ปิดดีล “บริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี” รับรู้รายได้ทันทีต้นปี 68

          PRM ลั่นปี 67 ผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมเปิดแผนปี 68 ปัจจัยสนันสนุนจำนวนเรือเพิ่มขึ้น แถมเรือ Crew Boat ฮอต! เซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่ บริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดใน UAE จำนวน 2 ลำ เร่งลุยต่อ Crew Boat ใหม่เพิ่มอีก 2 ลำ ให้บริการ PTTEP พร้อมทุ่มงบซื้อเรือ FSU เก็บดีมานด์ตลาดปี 68 ทุกเซ็กเมนต์ คาดผลงานเติบโตโดดเด่น           นางสาวสุธาสินี หมื่นละม้าย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายพาณิชย์และการลงทุน บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2567 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามแผนที่วางไว้ และถือเป็นปีที่ดีของบริษัท เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ของกองเรือใหม่ที่เข้ามาตั้งแต่ต้นปี 67 พร้อมกับการฟื้นตัวของธุรกิจ FSU           สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2568 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนเรือให้บริการที่เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดบริษัทได้เซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่ บริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี หรือ ADNOC ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดใน UAE เพื่อให้บริการเรือ Hybrid Crew Boat จำนวน 2 ลำ ภายใต้สัญญาระยะยาว โดยเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการเปิดตลาด และขยายการให้บริการไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ ที่มีศักยภาพและมีขนาดใหญ่ เพื่อต่อยอดการเติบโตในอนาคต           อีกทั้ง ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเข้างานของเรือ Aframax ที่นำไปดัดแปลงเป็นเรือสนับสนุนการผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Floating Storage and Offloading Vessel หรือ FSO) โดยจะเริ่มให้บริการบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ตั้งแต่กลางเดือนมกราคม 2568 เป็นต้นไป ภายใต้สัญญาระยะยาว ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้ที่แน่นอน นอกจากนี้ยังมีการต่อเรือใหม่ เป็นเรือ Crew boat อีก 2 ลำ คาดว่าจะรับรู้รายได้ในเดือนกุมภาพันธ์ และมิถุนายน 2568 เพื่อให้บริการกับ PTTEP ภายใต้สัญญาระยะยาวเช่นกัน           ขณะเดียวกัน บริษัทได้ลงทุนซื้อเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล (Floating Storage Unit หรือ FSU) ลำใหม่เพิ่มเติม ขนาด 306,352 DWT ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุงเรือก่อนเข้าให้บริการ โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 ปี 2568 เป็นต้นไป           นอกจากนี้ ในปี 2568 จะยังสามารถเห็นรายได้ของธุรกิจตัวแทนสายเดินเรือและออกของได้ชัดเจนขึ้น จากการรับรู้รายได้จาก บจก. วี.ซี.ชิปปิ้ง แอนด์ เซอร์วิส แบบเต็มปี หลังการเข้าซื้อกิจการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยบริษัทดังกล่าว เป็นบริษัทชั้นนำในด้านธุรกิจ Shipping ของสินค้าในกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี จึงเป็นโอกาสสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้กับธุรกิจในอนาคต           “ภาพรวมแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2567 มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนเรือ FSU ที่เพิ่มขึ้น และเรือ FSO กลับเข้ามาให้บริการ รวมทั้งกลุ่มเรือ Crew boat ที่เพิ่มขึ้นอีก 4 ลำ ทั้งหมดล้วนผลักดันให้ผลประกอบการปี 2568 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมั่นคงในระยะยาว” นางสาวสุธาสินี กล่าว [PR News]

[PR News] PRM ทุ่มงบซื้อกิจการ Shipping สร้าง Synergy ต่อยอดธุรกิจ โตแกร่ง!

[PR News] PRM ทุ่มงบซื้อกิจการ Shipping สร้าง Synergy ต่อยอดธุรกิจ โตแกร่ง!

          PRM ยกระดับศักยภาพธุรกิจ ทุ่มงบ 200 ล้านบาท ซื้อกิจการ Shipping “บริษัท วี.ซี.ชิปปิ้ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด” พร้อมเปิดกลยุทธ์สร้างแผนขยายธุรกิจเติบโตแกร่ง หนุนผลงานปี 67 เข้าเป้า           นายสุวิทย์ สมปักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีเอ็นเอส โลจิสติกส์ แอนด์ เอเจนซี่ จำกัด หรือ TLA บริษัทในกลุ่มบริษัทพริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่า บริษัท TLA ในนามของบริษัท PRM ได้เข้าลงทุนซื้อหุ้น “บริษัท วี.ซี.ชิปปิ้ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด” หรือ VC ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในด้านธุรกิจ Shipping ของสินค้าในกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี ในมูลค่าการลงทุนรวม 200 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป           โดยบริษัท วี.ซี.ชิปปิ้ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการนำเข้าและส่งออก โดยเป็นผู้นำตลาดในการให้บริการกับกลุ่มลูกค้าโรงกลั่นในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ซึ่งมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์อย่างครบวงจรมาอย่างยาวนานกว่า 56 ปี ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001:2015 และได้รับการรับรองจากกรมศุลกากรให้เป็นตัวแทนออกของ ที่ได้รับอนุญาตตามมาตรฐาน AEO เพื่อให้บริการพิธีการศุลกากร โดยผลการดำเนินที่ผ่านมาเติบโตขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง           การเข้าลงทุนบริษัท VC ในครั้งนี้ จะส่งผลบวกต่อกลุ่ม PRM อย่างมาก เนื่องจากบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้ของ VC ทันทีตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป และยังได้รับทีมงานที่มีคุณภาพ มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในงานด้านโลจิสติกส์ กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า ส่งออกเข้ามาร่วมงาน เพื่อความต่อเนื่องในการดำเนินงาน เสริมความเชื่อมั่นและรักษามาตรฐานในการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ VC ยังจะเข้ามาเสริมกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีของบริษัท โดยจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กลุ่ม PRM จากการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีของไทย ให้พัฒนากลายเป็นผู้เชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมปิโตรเลียมในภูมิภาคเอเชียแปซิปิค เนื่องจากการเข้าซื้อ VC จะช่วยให้กลุ่ม PRM เพิ่มโอกาสการมองเห็นแนวโน้มและภาพรวมของอุตสาหกรรมทั้ง Supply Chain เสริมการขยายฐานลูกค้าในธุรกิจเดิม และสร้างความสัมพันธ์กับคู่ค้ารายใหม่ในระดับภูมิภาค นับเป็นการสร้างโอกาสการขยายธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ และการให้บริการ Logistics แบบครบวงจร           “กลุ่ม PRM เชื่อมั่นว่าธุรกิจ Shipping ที่ได้มาจากการเข้าซื้อ VC ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้กลุ่ม PRM รับรู้รายได้จากธุกิจ Shipping ได้ทันที แต่ยังเป็นการสร้าง Synergy ให้กับธุรกิจเรือขนส่งซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่ม PRM จากการขยายขอบเขตการให้บริการกับฐานลูกค้าเดิม และสร้างความสามารถในการแข่งขันเพื่อขยายฐานธุรกิจกับคู่ค้ารายใหม่ในระดับภูมิภาค ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตทางธุรกิจของกลุ่มบริษัท PRM อย่างโดดเด่น ส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจปี 2567 และในอนาคตเป็นไปตามเป้าที่กำหนด” นายสุวิทย์ กล่าว

PRM จ่ายปันผล 0.24 บ./หุ้น XD 9 ต.ค. 2567 พร้อมลุยลงทุน 1,595 ล้าน ต่อเรือ 6 ลำเสริมศักยภาพ

PRM จ่ายปันผล 0.24 บ./หุ้น XD 9 ต.ค. 2567 พร้อมลุยลงทุน 1,595 ล้าน ต่อเรือ 6 ลำเสริมศักยภาพ

          หุ้นวิชั่น - นายพร้อมพงษ์ ชัยศรีสวัสดิ์สุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") ครั้งที่ 10/2567 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 ได้มีมติในเรื่องที่สำคัญ สรุปได้ดังนี้: อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการประกอบการจากงบเฉพาะกิจการ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.24 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 558.51 ล้านบาท โดยบริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2567 ทั้งนี้ บริษัทมีหุ้นที่ซื้อคืนจากโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินจำนวน 172,889,300 หุ้น ซึ่งจะไม่ได้รับเงินปันผล อนุมัติให้บริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายทั้งหมด ลงทุนต่อเรือบรรทุกน้ำมัน (Oil Tanker) ใหม่ จำนวน 6 ลำ ระวางบรรทุก 2,499 เดทเวทตัน/ลำ เพื่อทดแทนเรือที่มีอายุมากที่มีต้นทุนในการบำรุงรักษาสูง โดยมีมูลค่าลงทุนรวม 45,584,688 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,595.46 ล้านบาท (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 35 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ) ขนาดของรายการประมาณร้อยละ 7.30 ของสินทรัพย์รวมของบริษัทตามงบการเงินรวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 คาดว่าจะได้รับมอบเรือแต่ละลำภายใน 18 เดือนหลังจากดำเนินการลงนามในสัญญาจ้าง

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

พฤอา
242526272812345678910111213141516171819202122232425262728293031123456