ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#NEO


NEO ขยับเกมรุก เปิด 'LovliTails'  เสริมทัพกลุ่ม Pet Parent

NEO ขยับเกมรุก เปิด 'LovliTails' เสริมทัพกลุ่ม Pet Parent

          บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) เปิดตัว "LovliTails" (เลิฟลี่เทล) กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง (Pet Care) ใหม่ ภายใต้แนวคิด PET-CENTRIC NATURAL SOLUTION ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ดูแลสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) จึงต้องการผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ปลอดภัย อ่อนโยนด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ เพื่อให้บรรดาน้องๆ ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดทั้งร่างกายและจิตใจ นับเป็นการแตกไลน์สู่แบรนด์ใหม่ล่าสุดในรอบ 15 ปีของนีโอ ตอกย้ำความเป็น Segment Creator ผู้นำด้านนวัตกรรม FMCG เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน           นางปัทมา ถกลศรี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการพาณิชย์ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ตลาดสัตว์เลี้ยงหรือ Pet Economy มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยปัจจัยผลักดันจากเทรนด์การดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัวของกลุ่มผู้บริโภค Pet Parent ที่กำลังขยายตัวทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย และจากการสำรวจล่าสุดพบว่า ค่าใช้จ่ายในการดูแลด้วยความรัก ความเอาใจใส่เหมือนลูกหรือ Pet Humanization อาจสูงกว่าการเลี้ยงสัตว์แบบทั่วไปได้ถึง 4 – 5 เท่าตัว           เราจึงเล็งเห็นถึงโอกาสในการเปิดตัวแบรนด์ 'LovliTails' ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงที่ตอบโจทย์ความต้องการและเติมเต็มช่องว่างของตลาดศักยภาพสูงกลุ่มนี้ (Untapped Growing Market) โดยมุ่งเน้นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง อ่อนโยน ปลอดภัย ช่วยดูแลสัตว์เลี้ยงให้มีสุขภาวะที่ดี สุขภาพแข็งแรง และมีความสุข จากการศึกษาวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจัง กว่า 3 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต ผสานกับการใช้นวัตกรรมที่ทันสมัยในการพัฒนาสินค้า เพื่อให้มั่นใจว่าตอบโจทย์ความต้องการความชอบของสัตว์เลี้ยงอย่างลึกซึ้ง ขณะเดียวกัน ก็คำนึงถึงความเป็นมิตรของผลิตภัณฑ์ต่อมนุษย์ หรือคนที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะในเรื่องกลิ่น และส่วนผสมต่าง ๆ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ 'LovliTails' โดดเด่นและแตกต่าง เป็นโซลูชันที่ช่วยแก้ Pain Point ของผู้บริโภค พร้อมเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียม (Premium) ที่ครองใจกลุ่มผู้บริโภค Pet Parent ทั่วประเทศ           ที่ผ่านมา เราได้รับผลตอบรับที่ดีจากการขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่กลุ่ม Pet-Friendly ผ่านผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม เช่น ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มไฟน์ไลน์ ที่ช่วยลดขนสัตว์ติดเสื้อผ้า และ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น Tomi ที่ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงแนวทางของเราในการพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้อย่างแท้จริง”           สำหรับ “LovliTails” ถูกพัฒนาโดยอาศัย 5 หลักการ Pet-Centric เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีแบบองค์รวมให้กับทั้งสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ ซึ่งประกอบด้วย: ความอ่อนโยนจากธรรมชาติ (Natural & Mild): เลือกใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่อ่อนโยนและปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง แม้แต่ในกรณีที่สัตว์เลี้ยงมีอาการแพ้หรือผิวหนังที่บอบบาง กลิ่นหอมที่สัตว์เลี้ยงชื่นชอบ (Pet-Friendly Fragrance): สัตว์เลี้ยงแต่ละตัวมีความชอบในกลิ่นที่แตกต่างกัน จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีกลิ่นหอมที่สัตว์เลี้ยงชื่นชอบและไม่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ค่า pH ที่เหมาะสมกับผิวสัตว์เลี้ยง (pH Balance): ให้ความสำคัญกับค่า pH ของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์จะไม่ทำให้ผิวของสัตว์เลี้ยงแห้ง หรือระคายเคือง คุมกลิ่นได้ยาวนาน (Odor Control): ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพในการควบคุมกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างยาวนาน โดยไม่ใช้สารเคมีที่รุนแรง ปลอดภัย ผ่านการทดสอบจากสัตวแพทย์ (Veterinarian Approved): ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นผ่านการทดสอบจากสัตวแพทย์ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด           “กลุ่มผลิตภัณฑ์ LovliTails ครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์ดูแลความสะอาดสัตว์เลี้ยง (Pet Care) และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสุขลักษณะ (Pet Household) ได้แก่ แชมพูสูตรอ่อนโยน สำหรับสุนัขและแมว, สเปรย์ดับกลิ่นอเนกประสงค์ ที่ใช้เทคโนโลยี Odor Stop Tech, ทิชชูเปียกสำหรับสัตว์เลี้ยง ที่ช่วยทำความสะอาดและลดกลิ่นไม่พึงประสงค์, ผลิตภัณฑ์ล้างจานและล้างของเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์ถูพื้นสำหรับสัตว์เลี้ยง สูตรอ่อนโยน 100% Food Grade ทั้งสารทำความสะอาดและน้ำหอม ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการพัฒนาเพื่อให้เหมาะสมกับการดูแลทั้งสัตว์เลี้ยงและเจ้าของ สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย ในช่วงแรกของการเปิดตัวจะเน้นที่แพลตฟอร์ม e-commerce และ Pet Shop ชั้นนำ พร้อมกับการออกบูธในงาน Pet Care ต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ และเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง นอกจากนี้ ยังมีแผนการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ ในอนาคต เพื่อรองรับการเติบโตและการขยายตลาดในระยะยาว" นางปัทมา กล่าวเพิ่มเติม           ปัจจุบัน LovliTails มีจำหน่ายแล้วทางช่องทางออนไลน์ทั้ง Lazada, Shopee และ TikTok Shop และร้านขายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงชั้นนำทั่วประเทศ และเตรียมพบกับผลิตภัณฑ์ LovliTails พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษได้ที่งาน Pet Expo Thailand 2025 ระหว่างวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2568 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์           ผลิตภัณฑ์ของ LovliTails พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวความสุขของสัตว์เลี้ยงและคนรักสัตว์เลี้ยง ภายใต้ นีโอ คอร์ปอเรท ผู้นำ FMCG แห่งนวัตกรรมที่พัฒนาผลิตภัณฑ์จากความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ไม่เพียงยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคทุกช่วงวัย แต่ยังเป็นโซลูชันที่ช่วยดูแลและส่งเสริมสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยงอีกด้วย           ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.neo-corporate.com/ หรือเฟซบุ๊ก NEOCorporate และเฟซบุ๊ก LovliTailsThailand [PR News]

NEO แบรนด์ใหม่ Lovli Tails รุกกลุ่มสัตว์เลี้ยง - เช็กเป้าด่วน!

NEO แบรนด์ใหม่ Lovli Tails รุกกลุ่มสัตว์เลี้ยง - เช็กเป้าด่วน!

             หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) ระบุว่า คงคำแนะนำ Neutral ด้วยราคาเป้าหมาย 35 บาท สำหรับ NEO โดย NEO ได้เปิดตัวสินค้าแบรนด์ใหม่ Lovli Tails ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มดูแลสัตว์เลี้ยง โดยเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่มีนาคมที่ผ่านมาและจะทำการตลาดอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม เรามองว่าแบรนด์ใหม่นี้จะยังไม่มีนัยสำคัญต่อรายได้และกำไรของบริษัท เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นแบรนด์และบริษัทตั้งเป้ารายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และในช่วงต้นคาดว่าจะถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายการตลาด ดังนั้นเราจึงยังคงประมาณการผลประกอบการของเราไว้ดังเดิม โดยคาดกำไรปี FY25F ของ NEO จะลดลง 13% yoy มาที่ 879 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าการเติบโตของรายได้ เปิดตัวแบรนด์ใหม่ Lovli Tails สินค้าในกลุ่มดูแลสัตว์เลี้ยง NEO ได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “Lovli Tails” ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่มดูแลสัตว์เลี้ยง ที่จะจับตลาด Premium mass ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ ได้แก่ แชมพู, สเปรย์ดับกลิ่น, ทิชชูเปียก, ผลิตภัณฑ์ล้างจานและล้างของเล่น และน้ำยาถูพื้นสำหรับสัตว์เลี้ยง โดยเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมในงาน PET Expo และจะเน้นการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง E-Commerce เป็นหลัก คาดเพิ่มรายได้เพียงเล็กน้อย ยังไม่มีนัยสำคัญ เรามีมุมมองเชิงบวกจากการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในรอบหลายปีของบริษัท เนื่องจากเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าและเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ซึ่งตลาด Petcare product มีมูลค่าตลาดรวมราว 3,000 ล้านบาทและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ด้วยบริษัทเป็นแบรนด์ใหม่ในตลาดและเริ่มวางจำหน่ายในช่วงปีแรก บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ค่อนข้างระมัดระวังเพียง 30 ล้านบาท เท่านั้น หรือคิดเป็นเพียง 1% ของรายได้ในปัจจุบันของบริษัทที่ประมาณ 3,000 ล้านบาทในปี FY24 เท่านั้น ดังนั้นจึงยังไม่มีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของรายได้และผลประกอบการของบริษัท ดังนั้นเราจึงยังคงประมาณการเดิมของเรา โดยคาดกำไรปี FY25F อยู่ที่ 879 ล้านบาท (-13% yoy) คงคำแนะนำ Neutral ราคาเป้าหมาย 35 บาท ราคาเป้าหมายของเราอิงจาก 12x 2025F P/E ซึ่ง -20% จากค่าเฉลี่ยของ Sector เนื่องจากการคาดการณ์การเติบโตที่ต่ำ โดยเราคาดกำไรเติบโตเฉลี่ยเพียง 7% ต่อปี (2-ปี CAGR FY25-27F) เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการเติบโตของรายได้ สำหรับความเสี่ยง upside/downside มาจากต้นทุน/รายได้ที่ดีกว่าคาด

NEO คาดกำไรปีนี้ที่ 879 ลบ.  โบรกแนะซื้อ ปรับเป้าใหม่ 35 บ.

NEO คาดกำไรปีนี้ที่ 879 ลบ. โบรกแนะซื้อ ปรับเป้าใหม่ 35 บ.

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กรุงศรี ปรับคำแนะนำสำหรับ NEO เป็น NEUTRAL (จากเดิม BUY) ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 35 บาท (จาก 39 บาท) แม้ว่าการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้จะเน้นย้ำถึงการเติบโตของรายได้ที่เป็นบวกจากผลิตภัณฑ์ใหม่และการขยายช่องทางการจำหน่าย แต่ความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นและค่าเสื่อมราคาจากโรงงานใหม่ ทำให้นักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการกำไรสำหรับปี 25-26F ลง 6-10%            ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิในปี 25F จะลดลง 13% yoy เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าการเติบโตของรายได้ โดยคาดอัตราการเติบโตของกำไรเฉลี่ย 2 ปี (FY25-27F) ที่เพียง 7% ท่ามกลางแนวโน้มต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น จึงมองว่าหุ้นนี้มีความน่าสนใจน้อยลง แม้ว่าปัจจุบัน PER จะอยู่ที่ 10 เท่า ก็ตาม มุมมองปกติจากการประชุมนักวิเคราะห์จากข้อมูลที่คลาดเคลื่อนกัน            นักวิเคราะห์คาดการณ์การเติบโตของรายได้ FY25F ที่ 10% yoy ใกล้เคียงกับเป้าหมายของบริษัทที่คาดเติบโต 2 หลัก โดยผู้บริหารคาดว่าการเติบโตของรายได้จะมาจาก การเติบโต 2 หลัก สำหรับยอดขายในประเทศจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ (50 SKUs ใน 1Q25F และ 207 SKUs ในปี 2024) โดยเฉพาะใน กลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมแมส ซึ่งคาดว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายในปี 2026F จากปัจจุบันที่ 5% การฟื้นตัวของยอดขายส่งออก ได้แรงหนุนจากผลิตภัณฑ์และช่องทางใหม่ใน 20 ประเทศ รวมถึงการกลับมาอย่างแข็งแกร่งในเวียดนาม (ยอดขาย YTD เพิ่มขึ้น 40% yoy) คาดว่ารายได้จากการส่งออกจะเติบโต 10% yoy ต่ำกว่าเป้าหมาย 20% ของผู้บริหาร บริษัทปรับเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นที่ 41-43% ต่ำกว่า 45% ใน FY24 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโรงงานใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนมีนาคมนี้ ปรับลดประมาณการกำไรปี FY25-26F จากมาร์จิ้นที่ถูกกดดัน ได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 25-26F ลง 6-10% ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิอยู่ที่ 879 ล้านบาท (-13% yoy) สำหรับปี 25F 934 ล้านบาท (+6% yoy) สำหรับปี 26F            สาเหตุหลักมาจากการลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นเหลือ 42% (จากเดิม 44%) จาก 45% ในปี 24 ซึ่งสะท้อนถึงแรงกดดันด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนใน 4Q24 โดยอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 42.8% จาก 45.7% ใน 9M24            รวมถึงต้นทุนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นและการดำเนินงานของโรงงานใหม่ ทั้งนี้ ประเมินว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตรากำไรขั้นต้น 1% อาจส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรของนักวิเคราะห์ได้ถึง 10% ปรับคำแนะนำเป็น Neutral ราคาเป้าหมายใหม่ 35 บาท (จาก 39 บาท)            ราคาเป้าหมายอิงจาก 12x 2025F P/E ซึ่ง -20% จากค่าเฉลี่ยของ Sector เนื่องจากการคาดการณ์การเติบโตที่ต่ำ จึงปรับคำแนะนำเป็น Neutral จากเดิม Buy เพื่อสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนตัว            คาดว่ากำไรเติบโตเฉลี่ยเพียง 7% ต่อปี (2 ปี CAGR FY25-27F) เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการเติบโตของรายได้ สำหรับความเสี่ยง upside/downside มาจาก ต้นทุน/รายได้ ที่ดีกว่าคาด

NEO ปี 67 นิวไฮ กำไรเกินพันลบ. เคาะจ่ายปันผล 1.35 บ./หุ้น

NEO ปี 67 นิวไฮ กำไรเกินพันลบ. เคาะจ่ายปันผล 1.35 บ./หุ้น

            หุ้นวิชั่น - บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO ประกาศผลประกอบการประจำปี 2567 สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดขาย 10,062 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายภายในประเทศเติบโต 10.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังสามารถสร้างผลกำไรส่วนของบริษัทได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,008 ล้านบาท เติบโต 21.4% YoY นับเป็นการทำอัตรากำไรระดับเลขสองหลักครั้งแรกที่ 10.0% ซึ่งสะท้อนความสำเร็จจากกลยุทธ์ “Segment Creator” และ “Innovation-led Premiumization” ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค จากการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าพรีเมียมที่เติบโตตามคาด บอร์ดเสนอจ่ายปันผล 1.35 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 30 เมษายน 2568              นายสุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ปี 2567 นับเป็นปีแห่งความสำเร็จครั้งสำคัญของนีโอ คอร์ปอเรท นอกจากการพาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ บริษัทยังสามารถสร้างยอดขายภายในประเทศเติบโต 10.5% YoY  แซงหน้าอัตราการเติบโตของ GDP ไทย และสามารถทำกำไรส่วนของบริษัท 1,008 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.4% จากปีก่อนหน้า ด้วยผลกำไรที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์และสร้างอัตรากำไรสองหลักได้เป็นครั้งแรก นับเป็นบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ “Innovation-led Premiumization” ที่มุ่งเน้นนวัตกรรมของเรา โดยในปี 2568 เรามุ่งมั่นที่จะต่อยอดความสำเร็จนี้ด้วยการรุกตลาดกลุ่มใหม่ ๆ ให้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์และทุกช่วงวัยมากขึ้น ด้วยกลยุทธ์ “Segment Creator” พร้อมนำเสนอนวัตกรรมสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในทุกช่วงวัยและทุกมิติ" ผลประกอบการกลุ่มของใช้ส่วนบุคคลเติบโตโดดเด่น พร้อมรุกตลาดใหม่ Silver Age และ Pet Parent             ในปี 2567 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจหลักทั้งสามกลุ่มของ NEO ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก ทั้ง 8 แบรนด์ ล้วนมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าพรีเมียมที่มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่น บรรลุเป้าหมายสัดส่วนยอดขายที่ 5% โดยมีสินค้าที่สำคัญ อาทิ ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ไฟน์ไลน์ สูตรเข้มข้นพิเศษ พรีเมี่ยมซอฟท์ และผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำ บีไนซ์ เพอร์ฟูม ชาวเวอร์ เจล เป็นตัวชูโรงในปีที่ผ่านมา และเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตในกลุ่มตลาดใหม่ๆ ที่บริษัทเป็นผู้บุกเบิก ได้แก่ กลุ่ม Silver Age นวัตกรรมการกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ของผู้สูงวัย ภายใต้แบรนด์ ดีนี่ ดีลักซ์ รองรับการเติบโตสังคมสูงวัย และกลุ่ม Pet Parent ที่เป็นผลิตภัณฑ์แบบ Pet Friendly สำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงในที่อยู่อาศัย ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมแผนงานและสินค้าเพื่อเจาะกลุ่มตลาดเหล่านี้อย่างจริงจังในปี 2568 ช่องทางจัดจำหน่ายโตแกร่งทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เกาะเทรนด์ผู้บริโภค รุกตลาดด้วยนวัตกรรม             ในปีที่ผ่านมา ช่องทางจัดจำหน่ายของ NEO มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สามารถขยายร้านค้าช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิมได้มากกว่า 30% จากเป้า 20% ปัจจุบันมีช่องทางการจัดจำหน่ายกว่า 28,000 ร้านค้า ขณะที่ช่องทางออนไลน์เติบโตมากกว่า 10% จากปีก่อนหน้า พร้อมผลักดันกิจกรรมส่งเสริมการตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่อง และเข้มข้นมากขึ้นทั้งในช่องทางในประเทศและต่างประเทศเพื่อเพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2568 บริษัทมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ไม่น้อยกว่า 100 SKUs โดยเน้นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์สอดคล้องกับเทรนด์ผู้บริโภค พร้อมก้าวสู่การเป็นบริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย สร้างสรรค์อนาคตยั่งยืนด้วยหลักการ ESG             NEO มุ่งมั่นดำเนินงานตามแนวทาง ESG Corporate Goal เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่กำหนดไว้ โดยในปี 2567ที่ผ่านมา สามารถบรรลุผลลัพธ์สำคัญในหลายด้าน เช่น เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดถึง 22% พัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถึง 36% ใช้พลาสติกที่ผ่านการใช้งานแล้วถึง 30% ตลอดจนให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพนักงาน โดยมีการติดตาม ประเมิน และตรวจสอบความปลอดภัย ส่งผลให้ในปี 2567 อัตราการเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงถึงขั้นต้องหยุดงานอยู่ในระดับ 0%             “NEO ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายต่อปีแบบทบต้นเฉลี่ย 5 ปี (CAGR) ตั้งแต่ปี 2566-2571 ด้วยตัวเลขสองหลัก หรือ 10-15% โดยปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญคือการมุ่งขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ และตลาดที่มีศักยภาพ หรือ “Segment Creator” ควบคู่ไปกับการดำเนินกลยุทธ์ “Innovation-led Premiumization” ที่มุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัย และสร้างประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับผู้บริโภค  เราเชื่อว่าตลาด FMCG ในประเทศไทยปี 2568 ยังมีศักยภาพแข็งแกร่ง แม้เผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจและการแข่งขันที่รุนแรง เพราะเราไม่ได้เพียงแค่มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค แต่เรามั่นใจว่าด้วยการปรับตัวที่รวดเร็ว การตัดสินใจที่คล่องตัว และ Market Insight ที่แข็งแกร่ง NEO จะสามารถสร้างการเติบโตในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง” นายสุทธิเดช กล่าวสรุป             ในวันเดียวกันนี้ บริษัทแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นบริษัทในอัตรา 1.35 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XM ในวันที่ 11 มีนาคม 2568 ตามด้วยเครื่องหมาย XD ในวันที่ 30 เมษายน 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

NEO คาดกำไรปีนี้ 981 ลบ. โบรกแนะซื้อ เคาะเป้า 40.00 บาท

NEO คาดกำไรปีนี้ 981 ลบ. โบรกแนะซื้อ เคาะเป้า 40.00 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.ดาโอ คงคำแนะนำ NEO “ซื้อ” คงราคาเป้าหมายที่ 40.00 บาท อิง 2025E PER 12.5x NEO รายงานกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 240 ล้านบาท (+67% YoY, +4% QoQ) กำไรขยายตัว YoY 1) รายได้รวมทำสถิติสูงสุดใหม่ +8% YoY จากสินค้า personal care และ household เติบโตดี นอกจากนี้สินค้า premium mass อาทิ Silver Age และ Pet Parent ได้รับการตอบรับที่ดี, 2) GPM ลดลง YoY จากสัดส่วนรายได้ Baby & Kid ปรับตัวลดลง ด้านกำไรที่เติบโต QoQ เป็นไปตามฤดูกาล ทั้งนี้ NEO ประกาศจ่ายปันผลที่ 1.35 บาท ขึ้น XD วันที่ 30 เม.ย.           คงประมาณการกำไรปี 2025E ที่ 981 ล้านบาท (-3% YoY) โดยรายได้ที่โตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์แต่กำไรปรับตัวลดลงจากค่าเสื่อมโรงงานใหม่และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น           ราคาหุ้น underperform SET -1% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบัน NEO เทรดอยู่ที่ 2025E PER 9.6x เรายังชอบ NEO จาก 1) เป็นผู้นำตลาด FMCG ที่มี brand portfolio ที่แข็งแกร่ง, 2) มีแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องในทุกปี และ 3) รายได้ต่างประเทศยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจาก penetration rate ที่ยังต่ำ Event: 4Q24 Results Review           ❑ กำไร 4Q24E โต YoY, QoQ NEO รายงานกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 240 ล้านบาท (+67% YoY, +4% QoQ) กำไรขยายตัว YoY 1) รายได้รวมทำสถิติสูงสุดใหม่ +8% YoY จากสินค้า personal care และ household เติบโตดี นอกจากนี้สินค้า premium mass อาทิ Silver Age และ Pet Parent ได้รับการตอบรับที่ดี, 2) GPM ลดลง YoY จากสัดส่วนรายได้ Baby & Kid ปรับตัวลดลง ด้านกำไรที่เติบโต QoQ เป็นไปตามฤดูกาล ทั้งนี้ NEO ประกาศจ่ายปันผลที่ 1.35 บาท ขึ้น XD วันที่ 30 เม.ย. Implication           ❑ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E ที่ 981 ล้านบาท (-3% YoY) จาก 1) รายได้รวมเติบโต +9% YoY จากการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้ง Personal care plant & Household plant, 2) GPM ลดลง จากค่าเสื่อมโรงงานใหม่ที่เพิ่มขึ้น และ 3) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น Valuation/Catalyst/Risk           คงราคาเป้าหมายที่ 40.00 บาท อิง 2025E PER 12.5x ทั้งนี้ เรายังชอบ NEO จาก 1) เป็นผู้นำตลาด FMCG ที่มี brand portfolio ที่แข็งแกร่ง, 2) มีแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องในทุกปี 2023-27E CAGR ที่ +15% และ 3) รายได้ต่างประเทศยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

NEO ทุ่มงบ 2,464 ล้านบาท  ผนึก “ฤทธา-เมตริก” สร้าง “โรงงานแห่งอนาคต”

NEO ทุ่มงบ 2,464 ล้านบาท ผนึก “ฤทธา-เมตริก” สร้าง “โรงงานแห่งอนาคต”

          บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) ผนึก บริษัท ฤทธา จำกัด และ บริษัท เมตริก วิศวกร ที่ปรึกษา และสถาปนิก จำกัด สร้าง “โรงงานแห่งอนาคต” ด้วยงบลงทุนกว่า 2,464  ล้านบาท ครบครันด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ปักธงยกระดับประสิทธิภาพด้วยระบบการผลิตที่ทันสมัย รองรับการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน และตอบสนองความต้องการของตลาดที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าแล้วเสร็จเฟสแรกปลายปี 2569           นายสุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท นีโอ แฟคทอรี่ จำกัด กล่าวว่า “นีโอ มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในตลาด FMCG ของไทยและเอเชีย ด้วยการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การลงทุนขยายโรงงานครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการผลิตภายใต้กลยุทธ์ “Efficient Supply Chain” เสริมศักยภาพการแข่งขันและรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยวางงบลงทุนตามแผนการขยายโรงงานกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก อยู่ที่ ประมาณ 2,464 ล้านบาท มุ่งพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผ้า (Fabric Care) และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นผิวภายในบ้าน (Home Cleaning) รวมถึงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก (Baby & Kids) ให้สอดคล้องกับตลาดที่เติบโตขึ้น ทั้งหมดนี้ดำเนินการตามมาตรฐานคุณภาพ ความปลอดภัย และหลัก ESG เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม           นายปณิธาน เทพนิกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฤทธา จำกัด กล่าวเสริมว่า “การร่วมมือกับนีโอและเมตริกในโครงการนี้ จะประสานประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมและก่อสร้างของฤทธาในการพัฒนาโรงงานที่รองรับระบบการผลิตที่ทันสมัย การจัดการห่วงโซ่อุปทาน และเทคโนโลยีการผลิตเฉพาะทาง โดยมุ่งเน้นประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ความต้องการของนีโอทั้งในการเพิ่มกำลังการผลิตบรรลุเป้าหมายในการเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรม FMCG ของไทย”           นายณรงค์ฤทธ กุศลมนิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมตริก วิศวกรที่ปรึกษา และสถาปนิก จำกัด กล่าวว่า “เมตริกมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ ซึ่งเราได้นำความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน และการใช้เทคโนโลยี BIM มาใช้ในการออกแบบและก่อสร้างโรงงานแห่งนี้ให้มีความทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อให้เป็นโรงงานต้นแบบที่ผสานนวัตกรรมและความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกัน ตลอดจนส่งเสริมการเติบโตของนีโอในระยะยาว”           โครงการขยายโรงงานแห่งนี้ จะใช้เวลาก่อสร้าง 36 เดือน แบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรกจะเริ่มก่อสร้างในเดือน กุมภาพันธ์ 2568  ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่โรงงานในปัจจุบันของนีโอ ในอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี มีพื้นที่ ใช้สอยกว่า 71,307 ตารางเมตร บทพื้นที่กว่า 16  ไร่  และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนพฤศจิกายน 2569 ส่วนเฟสที่สองจะเริ่มก่อสร้างในเดือน ตุลาคม 2569  และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนเมษายน 2571 ใช้งบประมาณลงทุนในการออกแบบและก่อสร้างประมาณ 2,464 ล้านบาท คาดว่าโครงการดังกล่าวสามารถรองรับกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มของใช้ในครัวเรือนซึ่งรวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็กอย่างน้อย 359,086 ตันต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 215,318  ตันต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 67% นอกจากนี้ การแบ่งการขยายออกเป็น 2 เฟส ยังช่วยลดภาระทางการเงิน และส่งผลดีต่อการงบการเงินรวมของบริษัทอีกด้วย           การลงทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของรายได้ พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เช่น เครื่องผสม (Mixing Machine) ที่เพิ่มประสิทธิภาพและลดของเสียในกระบวนการผลิต ประหยัดพลังงาน รวมถึงระบบการจัดการพลังงานและการใช้น้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐาน ISO 14001 การรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ทั้งทางตรงและทางอ้อม ก่อให้เกิดการจ้างงานทั้งในส่วนการก่อสร้าง การจ้างงานในโรงงานเมื่อเปิดดำเนินการ และกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนโดยรอบ [PR News]

NEO Q4 รายได้ All-Time High  ตั้งเป้าโตต่อ 15% โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 40 บ.

NEO Q4 รายได้ All-Time High ตั้งเป้าโตต่อ 15% โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 40 บ.

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.ดาโอ คาด NEO กำไร 4Q24E เติบโต YoY, QoQ จากรายได้ทำ All-Time High คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 40.00 บาท อิง 2025E PER 12.5x (เดิม 55.00 บาท อิง 2025E PER 14.8x) เราประเมินกำไรสุทธิ 4Q24E ที่ 254 ล้านบาท (+78% YoY, +10% QoQ) กำไรขยายตัว YoY หนุนโดย 1) รายได้รวมทำสถิติสูงสุดใหม่ +8% YoY จากสินค้า Personal Care และ Baby ที่เติบโตดี นอกจากนี้สินค้า Premiumization อาทิ Silver Age และ Pet Parent ได้รับการตอบรับที่ดี, 2) GPM ขยายตัวจาก Product Mix ที่ดี และสินค้ากลุ่ม Premiumization ซึ่ง High Margin ปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้านกำไรที่เติบโต QoQ เป็นไปตามฤดูกาล             ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ขึ้น +2% เพื่อสะท้อน GPM ที่ดีกว่าคาด เราประเมินกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 1,022 ล้านบาท (+23% YoY) แต่ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E ลงที่ -13% เพื่อสะท้อนการกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดและค่าใช้จ่ายของโรงงานใหม่ โดยเราประเมินกำไรสุทธิปี 2025E ที่ 981 ล้านบาท (-4% YoY)             ราคาหุ้น Underperform SET -1% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบัน NEO เทรดอยู่ที่ 2025E PER 9.6x เรายังชอบ NEO จาก 1) เป็นผู้นำตลาด FMCG ที่มี Brand Portfolio ที่แข็งแกร่ง, 2) มีแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องในทุกปี และ 3) รายได้ต่างประเทศยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจาก Penetration Rate ที่ยังต่ำ (สัดส่วนรายได้ต่างประเทศที่ 10% ของรายได้รวม) Event: 4Q24E Earnings Preview ❑ กำไร 4Q24E โต YoY, QoQ เราประเมินกำไรสุทธิ 4Q24E ที่ 254 ล้านบาท (+78% YoY, +10% QoQ) กำไรขยายตัว YoY หนุนโดย รายได้รวมทำสถิติสูงสุดใหม่ +8% YoY จากสินค้า Personal Care และ Baby ที่เติบโตดี นอกจากนี้สินค้า Premiumization อาทิ Silver Age และ Pet Parent ได้รับการตอบรับที่ดี GPM ขยายตัวจาก Product Mix ที่ดี และสินค้ากลุ่ม Premiumization ซึ่ง High Margin ปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้านกำไรที่เติบโต QoQ เป็นไปตามฤดูกาล ❑ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2025E โตแข็งแกร่ง 10-15% YoY จากการเติบโตของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยมีแผนที่จะออกสินค้าใหม่เพื่อเจาะ Segment ที่เป็น Untapped Market สำหรับยอดขายเวียดนามจะฟื้นตัวใน 2Q25E เป็นต้นไป หลังแก้ปัญหาเรื่องผู้จัดจำหน่ายเวียดนามเสร็จ ด้าน GPM บริษัทตั้งเป้าที่ 42-43% สำหรับ Depreciation ของโรงงานใหม่และเครื่องจักรใหม่จะอยู่ที่ 80-100 ล้านบาท/ปี และดอกเบี้ยจ่ายที่ 40-50 ล้านบาท/ปี (เริ่มรับรู้ตั้งแต่ปลาย 1Q25E) ทั้งนี้ เราประเมินรายได้เติบโตเพียง +9% YoY หากเป็นไปตามบริษัทคาดจะเป็น Upside ต่อประมาณการเรา Implication ❑ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ขึ้น แต่ปรับปี 2025E ลง เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024E ขึ้น +2% เพื่อสะท้อน GPM ที่ดีกว่าคาด เราประเมินกำไรสุทธิปี 2024E ที่ 1,022 ล้านบาท (+23% YoY) และสำหรับปี 2025E เราปรับประมาณการกำไรสุทธิลงที่ -13% เพื่อสะท้อนการกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดและค่าใช้จ่ายของโรงงานใหม่ โดยเราประเมินกำไรสุทธิปี 2025E ที่ 981 ล้านบาท (-4% YoY) จาก รายได้รวมเติบโต +9% YoY จากการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้ง Personal Care Plant และ Household Plant GPM ลดลงจากค่าเสื่อมโรงงานใหม่ที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น Valuation/Catalyst/Risk เราปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 40.00 บาท อิง 2025E PER 12.5x (เดิมที่ 55.00 บาท อิง 2025E PER 14.8x) เรา Derate PER ลงเพื่อสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาด ทั้งนี้ เรายังชอบ NEO จาก เป็นผู้นำตลาด FMCG ที่มี Brand Portfolio ที่แข็งแกร่ง มีแผนขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องในทุกปี 2023-27E CAGR ที่ +15% รายได้ต่างประเทศยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

NEO โบรกคาดรายได้ Q4/67 ทำนิวไฮ - ราคาหุ้นน่าสน เคาะเป้าที่ 39 บ.

NEO โบรกคาดรายได้ Q4/67 ทำนิวไฮ - ราคาหุ้นน่าสน เคาะเป้าที่ 39 บ.

หุ้นวิชั่น - บล.กรุงศรี เจาะหุ้น NEO โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 39 บาท จาก (i) ฝ่ายวิจัยคาดผลประกอบการ4Q24F จะเติบโต yoy, qoq ด้วยคาดรายได้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาสจากการออกสินค้าใหม่และโปรโมชั่น ซึ่งจะทำให้ทั้งปีFY24F กำไรเติบโต 22% yoy มาที่1 พันล้านบาท (ii) ฝ่ายวิจัยคงประมาณการผลประกอบการของฝ่ายวิจัย โดยคาดกำไรปี FY25F ทรงตัว yoy ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มตลาด ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของโรงงานใหม่ ทั้งนี้ราคาหุ้น NEO ลดลงกว่า 30% ในช่วงที่ผ่านมา และขณะนี้ซื้อขายอยู่ที่9.7x PER 2025F หรือ -2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่าสะท้อนถึงความกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการที่จะชะลอตัวไปแล้ว ดังนั้น คงคำแนะนำ “ซื้อ ”           ฝ่ายวิจัยปรับราคาเป้าหมายใหม่ของ NEO มาอยู่ที่ 39 บาท อิงจาก 12x PER FY25F (เดิม 16x PER) หรือ เทียบเท่า -1SD ของค่าเฉลี่ยในอดีตของกลุ่ม สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการจะชะลอตัวในปี FY25F           อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาหุ้น NEO ปรับตัวลดลงกว่า -30% ในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 9.7x PER 2025F เท่านั้น ซึ่งมองว่าราคาหุ้นได้สะท้อนถึงความกังวลไปแล้ว ดังนั้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลง 1% ในอัตรากำไรขั้นต้นมีผลกระทบต่อประมาณการของเรา 10% คงคำแนะนำ “ซื้อ ” ราคาเป้าหมายใหม่ 39 บาท

NEO โบรกมองราคาหุ้นน่าสน คาดรายได้โตทั้งในและต่างประเทศ

NEO โบรกมองราคาหุ้นน่าสน คาดรายได้โตทั้งในและต่างประเทศ

            หุ้นวิชั่น - บล.เคจีไอ ประเมินหุ้น NEO โดยฝ่ายวิจัยเริ่มต้นวิเคราะห์หุ้น NEO โดยให้คําแนะนํา "Outperform" และประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 40.00 บาท (PER ที่ 12.0x) ขณะที่คาดว่ากําไรจะเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 3 ปีที่ 10% (ปี 2567F-2569F) หนุนจากการเติบโตของรายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการบริหารจัดการสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทดูน่าสนใจด้วยราคาที่ไม่แพง ปัจจุบัน trading ที่PER 2568 ที่9.7 เท่า และมีส่วนลด 45% เมื่อเทียบกับ global peers ฝ่ายวิจัยมองว่า NEO คาดว่าจะมีการเติบโตในระดับปานกลาง (2025F-2026F) พร้อมอัตราเงินปันผลตอบแทน 4% โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของรายได้ที่ 8% และการบริหารค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีจุดแข็งทางการแข่งขันที่ช่วยสนับสนุนตําแหน่งในตลาดระยะยาว ในระยะสั้นบริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เรามองว่าความเสี่ยงขาลงมีจํากัด และหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่PER เพียง 9.7 เท่า หลังจากราคาหุ้นปรับลดลง 30% ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้สะท้อนความกังวลเรื่องต้นทุนวัตถุดิบไปแล้ว ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่า NEO โดยอิงจาก P/E 12เท่า (-1 S.D. จากค่าเฉลี่ยในอดีต) สะท้อนแนวโน้มระยะสั้นที่ถูกกดดันจากปัจจัยต้นทุน ฝ่ายวิจัยเริ่มต้นศึกษา ด้วยคําแนะนํา "Outperform" สําหรับ NEO ราคาเป้าหมายในปี2025 ที่40.00 บาท

[Gossip] NEO เข้าคำนวณดัชนี sSET มุ่ง FMCG แห่งนวัตกรรมเอเชีย

[Gossip] NEO เข้าคำนวณดัชนี sSET มุ่ง FMCG แห่งนวัตกรรมเอเชีย

          หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อไตรมาส 2 ที่ผ่านมาหมาดๆ หุ้น NEO ก็อยู่ในโฟกัสของนักลงทุนรายย่อย-สถาบัน ส่งผลให้การซื้อขายมีความสม่ำเสมอ สภาพคล่องดี ล่าสุดได้เข้าคำนวณดัชนี sSET รอบใหม่ ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 (1 ม.ค.– 30 มิ.ย. 2568) โดยเป็น 1 ใน 20 หลักทรัพย์ใหม่ที่ได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังผ่านเกณฑ์การพิจารณามีสภาพคล่องไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 และมีสัดส่วนการซื้อขายในแต่ละเดือนไม่น้อยกว่า 0.5% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลังตามรอบทบทวน เพื่อให้แน่ใจว่าการซื้อขายของหุ้นบริษัทนั้นมีความต่อเนื่อง แบบนี้ต้องยกนิ้วให้กับ “สุทธิเดช ถกลศรี” CEO บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) ที่วางรากฐาน NEO ไว้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ มุ่งผลักดันให้บริษัทสู่ FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย ส่งผลให้หุ้น NEO มีพื้นฐานแข็งแกร่งและอยู่ในความสนใจของนักลงทุน

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

[ภาพข่าว] NEO คว้า 3  “CEO CFO IR” ยอดเยี่ยม จาก IAA Awards for Listed Companies 2024

[ภาพข่าว] NEO คว้า 3 “CEO CFO IR” ยอดเยี่ยม จาก IAA Awards for Listed Companies 2024

          นายสุทธิเดช ถกลศรี (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ‘บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน)’ หรือ NEO  และคณะผู้บริหาร รับ 3 รางวัลคุณภาพ จาก IAA Awards for Listed Companies 2024 ในหมวดอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค ที่เป็นการโหวตของนักวิเคราะห์และสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน จัดขึ้นโดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ประกอบด้วย รางวัล Outstanding CEO ยอดเยี่ยม ด้วยการวางวิสัยทัศน์ “มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัท FMCG แห่งนวัตกรรมของเอเชีย ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภค” ผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ รางวัล Outstanding CFO ยอดเยี่ยม ที่มีการบริหารจัดการทางการเงินที่เป็นเลิศ ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกสถานการณ์ และรางวัล Outstanding IR ยอดเยี่ยม ตอกย้ำความมุ่งมั่นสร้างคุณค่าให้กับทุกกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักวิเคราะห์และนักลงทุน โดยพิธีมอบรางวัลจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้  ณ โรงแรม ดิแอทธินี โฮเทล แบงค็อก

ดิจิทัลหมื่นบาทมาแล้ว มีหุ้นอะไรได้ประโยชน์?

ดิจิทัลหมื่นบาทมาแล้ว มีหุ้นอะไรได้ประโยชน์?

          หุ้นวิชั่น - บล. DAOL เผยคาดใช้จ่ายกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคมากสุดหลังเริ่มแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท           วานนี้ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เริ่มจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท ตามโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล โดยมีการเริ่มทยอยโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์และบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้ให้กับผู้มีสิทธิ์ และจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. นี้ รวม 6 วัน จำนวน 14.5 ล้านราย หรือคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 145,000 ล้านบาท จากการสำรวจความคิดเห็นประชาชน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่จะนำเงินไปใช้เพื่อการบริโภคและอุปโภคในชีวิตประจำวัน อาทิ ของใช้ในบ้าน, สินค้าเพื่อการศึกษา, สินค้าเพื่อการเกษตร, สินค้าไอที โทรศัพท์มือถือ DAOL: คงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Commerce เป็น "มากกว่าตลาด"           โครงการแจกเงิน 10,000 บาทจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม โดยคาดว่าจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ซึ่งจะช่วยหนุนและเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Commerce โดยตรง เรายังมองเป็นบวกต่อกลุ่ม Commerce ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมได้ โดยจะเป็นประโยชน์ทางอ้อมต่อการบริโภคโดยรวมของกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคสูง           ฝ่ายวิเคราะห์ ชอบ CPAXT (ซื้อ/เป้า 36.00 บาท), CPALL (ซื้อ/เป้า 84.00 บาท) และ CRC (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท) ตามลำดับ จากการคาดการณ์การใช้จ่ายจะอยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก           รองมาเป็นกลุ่ม Home Improvement HMPRO (ซื้อ/เป้า 15.00 บาท), GLOBAL (ถือ/เป้า 16.00 บาท) และ DOHOME (ถือ/เป้า 11.00 บาท) จากจำนวนสาขาที่มีในพื้นที่ที่มีผู้ได้รับสิทธิ์มากที่สุด ตามลำดับ หุ้นอื่นๆ ที่ได้ประโยชน์           และยังชอบกลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยตรง คือ NEO (ซื้อ/เป้า 64.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้จากสินค้าอุปโภค 100%, OSP (ซื้อ/เป้า 28.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้สินค้าอุปโภคที่ 9% ของรายได้รวม และ SFLEX (ซื้อ/เป้า 4.80 บาท) ได้ประโยชน์ต่อเนื่องจากยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีการใช้ flexible packaging เพิ่มขึ้น, CBG (ซื้อ/เป้า 88.00 บาท) กลุ่มเปราะบางเป็นลูกค้าหลักของเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์คาราบาวแดง คาดช่วยหนุนรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศใน 4Q24E โตต่อ YoY, QoQ

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011