ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#MGC-ASIA


MGC ไฟเขียวทุ่มงบ 100 ล.  ซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 30 ล้านหุ้น

MGC ไฟเขียวทุ่มงบ 100 ล. ซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 30 ล้านหุ้น

                 หุ้นวิชั่น - บอร์ด บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA ไฟเขียว ทุ่มเงิน 100 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 30 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 2.7 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน หลังราคาหุ้นต่ำกว่าระดับมูลค่าที่แท้จริงและไม่สะท้อนการเติบโตในอนาคต โดยกำหนดกรอบระยะเวลาเริ่มซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 17 กันยายน 2568 ด้าน CEO “ดร.สัณหวุฒิ  ธรรมชวนวิริยะ” ย้ำปีนี้รายได้โต 10% จากการขับเคลื่อนการเติบโตใน 4 กลุ่มธุรกิจ                  ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยว่า จากกรณีที่ราคาหุ้นของบริษัทฯ ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ส่งผลให้ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ กลับคืน ผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) โดยจะดำเนินการซื้อหุ้นคืนสูงสุดไม่เกิน 30 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.7 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ภายในวงเงินซื้อคืนสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาท ตามกรอบกำหนดระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม ถึงวันที่ 17 กันยายน 2568 โดยการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน และเพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) และกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนถึงราคาหุ้นที่แท้จริง รวมทั้งเป็นโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและ  นักลงทุนในอนาคต จากการซื้อหุ้นคืนและขายกลับในจังหวะเวลาที่เหมาะสมซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับส่วนของผู้ถือหุ้น                  “สาเหตุการซื้อหุ้นคืนในครั้งนี้ เนื่องจากราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี จึงได้ตัดสินใจดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนบริหารโครงสร้างเงินทุน (Capital Management) เพื่อเสริมสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น ทั้งนี้บริษัทฯ มีศักยภาพและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกินเพียงพอ โดยมีกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 เท่ากับ 828.54 ล้านบาท และมีความสามารถในการชำระหนี้ที่ครบกำหนดภายในระยะเวลา 6 เดือน ดังนั้นการซื้อหุ้นคืนจะส่งผลให้มูลค่าทางบัญชีในส่วนของผู้ถือหุ้น และจำนวนหุ้นที่ถือโดยผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ลดลง  ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของ ผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) สูงขึ้น และที่สำคัญจะสร้างโอกาสที่ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น ในระดับที่ P/E เท่าเดิม”                  นอกจากนี้ ดร.สัณหวุฒิ ได้ตอกย้ำถึงภาพรวมการเติบโตของบริษัทฯ ว่า ในปี 2568 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้รวมเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2567 ที่มีรายได้รวม 20,334 ล้านบาท จาก กลยุทธ์การขับเคลื่อนใน 4 กลุ่มธุรกิจ 1. กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) 2. กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service) 3. กลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่าและพนักงานขับ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว (Car Rental and Driver Services) และ 4. กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) ได้แก่ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ผู้ให้บริการทางการเงินให้กับกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง มีความชำนาญในด้านสินทรัพย์ที่เป็นยานพาหนะหรู ทั้งรถยนต์ เรือยอทซ์ และเครื่องบิน ตลอดจน อสังหาริมทรัพย์ โดยในปีนี้มุ่งเน้นการขยายตลาดสินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่สูงขึ้น พร้อมตั้งเป้าการขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นแตะระดับ 12,500 ล้านบาท รวมถึง บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการประกันภัยชั้นแนวหน้า โดยในปีนี้มีแผนขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่หลากหลาย รวมทั้งประกันที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนตามแนวทาง ESG เช่น ในกลุ่มพลังงาน พลังงานสะอาด พลังงานทางเลือก และเมกะเทรนด์ต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการ และรักษาการเป็นโบรกเกอร์ระดับชั้นนำ                  “จากมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯดังกล่าว เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน หลังราคาหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ประกอบกับแผนการขับเคลื่อนทางธุรกิจ สู่การต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ในอนาคต ซึ่งเป็นการตอกย้ำที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการดูแลผู้ถือหุ้นและนักลงทุน สู่การสร้างเสถียรภาพด้านราคาเพื่อให้สะท้อนถึงมูลค่าที่แท้จริง” [PR News]

MGC เปิดตัว แอสตัน มาร์ติน รุ่น ‘แวนเทจ ใหม่’

MGC เปิดตัว แอสตัน มาร์ติน รุ่น ‘แวนเทจ ใหม่’

          หุ้นวิชั่น - กรุงเทพฯ – แอสตัน มาร์ติน แบงคอก แบรนด์พาร์ทเนอร์ บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA เปิดตัว แอสตัน มาร์ติน รุ่น ‘แวนเทจ ใหม่’ (New Vantage) เครื่องยนต์วางหน้า วี8 สูบ 665 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ยนตรกรรมสปอร์ตคู่ใจสายขับตัวจริง กำหนดค่าตัว 21.90 ล้านบาท           นาย ธีรไนย มาศดิตถ์ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ผู้จำหน่ายยนตรกรรมสปอร์ตจากประเทศอังกฤษ ‘แอสตัน มาร์ติน’ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย แบรนด์พาร์ทเนอร์ของ บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยว่า แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ได้จัดงานเปิดตัวรุ่น แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ ใหม่ (New Vantage) ‘Engineered For Real Drivers’ นิยามใหม่แห่งรถสปอร์ต ที่เป็นเหมือนกับตัวแทนของสมรรถนะขั้นสูงสุดของสายพันธุ์ แวนเทจ ที่ถือกำเนิดมากว่า 76 ปี ผสมผสานด้วยจิตวิญญาณแห่งความเร็ว สร้างความเร้าใจสูงสุดให้ผู้ขับ ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาพละกำลังระดับฮาร์ดคอร์และการควบคุมที่เฉียบคม ผสานโครงสร้างแบบเครื่องยนต์วางหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ที่มีสมดุลไร้ที่ติ โดย แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ ใหม่ เปิดตัวด้วยราคาเริ่มต้น 21.90 ล้านบาท* (*ราคารวม warranty 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)           สำหรับ แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน วี8 สูบ ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร 665 แรงม้า (PS) แรงบิด 800 นิวตันเมตร พร้อมอัตราส่วนการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 มีโครงสร้างและระบบขับเคลื่อนถูกปรับแต่ง เพื่อสร้างความเร้าใจสูงสุดให้ผู้ขับ ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมทั้งยังมีเทคโนโลยี Active Vehicle Dynamics, Bilstein DTX adaptive dampers, Electronic Rear Differential (E-diff) และยาง Michelin Pilot S 5 ขนาด 21 นิ้ว ที่ผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อใช้กับ แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ ใหม่ อีกทั้งห้องโดยสารยังมีการออกแบบใหม่ทั้งหมด พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ล้ำสมัย ที่มาพร้อมความหรูหรา และคุณภาพเหนือระดับ           “แอสตัน มาร์ติน เป็นรถยนต์สัญชาติอังกฤษ ที่กำเนิดช่วงปีค.ศ. 1913 และปีนี้นับว่าครบรอบ 112 ปี ที่ก่อตั้งโดย ไลโอเนล มาร์ติน กับ โรเบิร์ต แบมฟอร์ต ซึ่งทั้งคู่สร้างรถแข่งร่วมกัน เพื่อไปแข่งรายการ แอสตัน คลินตัน ฮิลล์ไคล์ม (Aston Clinton Hillclimb) และสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ และครั้งนี้ก็นับเป็นโอกาสดีสำหรับลูกค้าในประเทศไทย ที่จะได้สัมผัสกับ แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ ใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Thrill Driven’ ซึ่งยังคงรักษาเอกลักษณ์และกลิ่นอายตามแบบฉบับดั้งเดิม ไว้ได้อย่างครบถ้วน ทำให้ แวนเทจ ใหม่ เป็นยนตรกรรมเปี่ยมสมรรถนะ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการขับจากสนามแข่งฟอร์มูลาวัน สะท้อนตัวตนออกมาได้อย่างชัดเจนและทรงพลังที่สุด” นายธีรไนย กล่าว [PR News]

MGC ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10% มองหาพันธมิตรธุรกิจใหม่เสริมแกร่ง

MGC ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10% มองหาพันธมิตรธุรกิจใหม่เสริมแกร่ง

           หุ้นวิชั่น - ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยในงาน Opportunity Day ถึงทิศทางการเติบโตธุรกิจว่า ในปี 2568 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้รวมเพิ่มขึ้น 10% จากปี 2567 ที่มีรายได้รวม 20,334 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจาก 4 กลุ่มธุรกิจ รวมทั้งมีแผนศึกษาเพื่อขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศ ที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้การแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อน MGC-ASIA สู่การต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต สอดรับกับ กลยุทธ์การขับเคลื่อนใน 4 กลุ่มธุรกิจ กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) : โดยล่าสุด บริษัทฯ เตรียมส่งมอบ XPENG X9 รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ พวงมาลัยขวาล็อตแรกของโลก ให้กับลูกค้าที่จองสิทธิ์ไว้ ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2568 เป็นต้นไป โดย XPENG X9 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ เมืองทองธานี ในวันที่ 24 มีนาคม - 6 เมษายนนี้ เพื่อรักษาอันดับ 1 ในส่วนของส่วนแบ่งตลาดรถพรีเมียม นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลากหลายแบรนด์ดังอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น โรลส์ – รอยซ์ โกสต์ ซีรีส์ ทู ที่เป็นกลุ่ม อัลตร้า-ลักซูรี่ เซกเมนต์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ Lifestyle Mobility Ecosystem ที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์การเดินทางอย่างครบวงจร กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service) : รายได้ของกลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและซ่อมบำรุงมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากยอดการเข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัทฯได้อย่างต่อเนื่อง และนอกจากนี้บริษัทฯ ได้เตรียมขยายสาขา MMS Car Service & Tire ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร (One-Stop Service) เพิ่มอีก 5 สาขา และมีการขยายการให้บริการซ่อมสีและตัวถังยานยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) เพิ่มบริการให้ครอบคลุมในหลากหลายพื้นที่ เพื่อสร้างอัตราการกลับมาใช้บริการของลูกค้าให้สูงขึ้น กลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่าและพนักงานขับ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว (Car Rental and Driver Services) : กลุ่มบริษัทฯ เตรียมเพิ่มสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อตอบโจทย์การให้บริการในกลุ่มลูกค้าองค์กร รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับภาค การท่องเที่ยว รวมถึงรถเช่า มีดีมานด์เพิ่มขึ้น และ 4. กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) : ได้แก่ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ผู้ให้บริการทางการเงินให้กับกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง มีความชำนาญในด้านสินทรัพย์ที่เป็นยานพาหนะหรู ทั้งรถยนต์ เรือยอร์ช และเครื่องบิน ตลอดจน อสังหาริมทรัพย์ โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นผู้นำในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เพื่อให้บริการแบบครบวงจร และเพื่อต่อยอดความสำเร็จจากปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิเป็นปีแรก จากกลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วยการรุกตลาดสินเชื่อเพื่อสร้างความมั่งคั่ง (Wealth Lending) เจาะกลุ่มลูกค้า High Net Worth ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทฯ มุ่งเน้นการขยายตลาดสินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่สูงขึ้น พร้อมตั้งเป้าการขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นแตะระดับ 12,500 ล้านบาท รวมทั้งปรับปรุงกระบวนการ และเพิ่มประสิทธิภาพ ในการดำเนินงานโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และควบคุมผลขาดทุนด้านเครดิต โดยการนำเสนอการแก้ปัญหาในการชำระหนี้ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า เพื่อสร้างผลกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจให้บริการประกันภัยชั้นแนวหน้า อย่าง บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด กลุ่มบริษัทฯ วางแผนกลยุทธ์ในปีนี้ ที่จะขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งประกันที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ตามแนวทาง ESG เช่น ในกลุ่มพลังงาน พลังงานสะอาด พลังงานทางเลือก และเมกะเทรนด์ต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการ และรักษาการเป็นโบรกเกอร์ระดับชั้นนำ   “ในปีนี้ MGC-ASIA ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มความได้เปรียบสูงสุด ให้ธุรกิจในกลุ่มการเงิน, ประกันภัย และยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงการแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อน MGC-ASIA สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนในอนาคต ภายใต้การตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้รวมเพิ่มขึ้น 10%“

MGC-ASIA ประเดิม Marine Business ลุยงาน ‘Riverdale Marina Boat Fair 2025’

MGC-ASIA ประเดิม Marine Business ลุยงาน ‘Riverdale Marina Boat Fair 2025’

           หุ้นวิชั่น - บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA เดินหน้าธุรกิจเรือ ส่ง บริษัท เอ็มจีซี มารีน แอนด์ ชาร์เตอร์ (เอเชีย) จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายเรือยอทช์ อะซิมุท (AZIMUT) และเรือสันทนาการ คริส-คราฟท์ (Chris-Craft) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย จัดทัพเรือแม่น้ำ แบรนด์ดังระดับโลก ‘คริส-คราฟท์’ ร่วมงาน ‘Riverdale Marina Boat Fair 2025’ ชวนสัมผัส Calypso Series และ Catalina Series ลำหรูอย่างใกล้ชิด ตอบโจทย์คนรักเรือ ระหว่าง 5-9 มีนาคม นี้ ณ โชว์รูม คริส-คราฟท์ โครงการ ริเวอร์เดล มารีน่า ปทุมธานี            นายฉัตรชัย แก้วผ่องศรี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็มจีซี มารีน แอนด์ ชาร์เตอร์ (เอเชีย) จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัทฯ เตรียมจัดทัพเรือแม่น้ำ แบรนด์ดังระดับโลกอย่าง ‘คริส-คราฟท์’ ร่วมงานมหกรรมเรือและกิจกรรมทางน้ำ ครั้งที่ 3 ‘Riverdale Marina Boat Fair 2025’ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-9 มีนาคมนี้ ณ โชว์รูม คริส-คราฟท์ โครงการ ริเวอร์เดล มารีน่า จังหวัดปทุมธานี ซึ่งภายในงานจะมี คริส-คราฟท์ 2 รุ่น ได้แก่ Calypso 24 และ Catalina 24” “คริส-คราฟท์ คือสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จที่เหนือระดับ ควบรวมเข้ากับความคลาสสิกอันสมบูรณ์แบบบนผืนน้ำเจ้าพระยา โดยรุ่นยอดนิยม อย่าง Calypso 24 และ Catalina 24 ผ่านการนำเสนอโดยผู้เชี่ยวชาญ ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ภายในโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจร ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม สำหรับความโดดเด่นของ Calypso Series เป็นเรือแบบ Center Console ที่ตำแหน่งผู้ขับอยู่กลางลำเรือ จึงมีทางเดินด้านข้างสองฝั่ง ผู้โดยสารสามารถเดินรอบเรือได้สะดวก ขณะที่ Catalina Series เป็นเรือแม่น้ำแบบ Dual Console ที่ยกตำแหน่งผู้ขับให้สูงขึ้น ส่งผลดีต่อทัศนวิสัย เหมาะสำหรับการเดินทางแบบครอบครัว”            อย่างไรก็ตาม ภายในงาน สำหรับคนรักเรือ ‘ครบ จบ ในงานเดียว’ นอกจากจะได้ร่วมกิจกรรมลงทะเบียนลุ้นล่องเรือแบบเอ็กซ์คลูซีฟแล้ว ยังได้สัมผัสสมรรถนะเหนือระดับของ คริส-คราฟท์ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะโชว์รูม ที่ทันสมัย รองรับกลุ่มลูกค้าทุกวัย พร้อมมุมพักผ่อนที่ให้ความเป็นส่วนตัวเหนือระดับ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดง คริส-คราฟท์ อีกหลายรุ่น พร้อมทั้งยังมีเรือมือสองและเรือ Demo (สินค้าตัวโชว์) ราคาพิเศษ เริ่มต้น 3.39 ล้านบาท ตอบโจทย์ความอุ่นใจแบบไร้กังวล สไตล์ ‘Free Worry Care’ เมื่อจองเรือ คริส-คราฟท์ ภายในงานรับฟรี ค่าจอดเรือ, ค่ากัปตัน, ค่าตรวจเช็ก และประกันภัยชั้นหนึ่ง นาน 1 ปี            ทั้งนี้ คริส-คราฟท์ ดูแลลูกค้า ทั้งก่อนและหลังการขาย ยินดีรับเทรด-อิน เรือใช้แล้ว การันตี ความมั่นใจจาก เอ็มจีซี มารีน แอนด์ ชาเตอร์ (เอเชีย) มาร่วมสัมผัสสมรรถนะเหนือระดับของ คริส-คราฟท์ แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ไปพร้อมกันในงานมหกรรมเรือและกิจกรรมทางน้ำ ครั้งที่ 3 ‘Riverdale Marina Boat Fair 2025’ ณ โชว์รูม คริส-คราฟท์ โครงการ ริเวอร์เดล มารีน่า ปทุมธานี [PR News]

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

MGC กางแผน 3 ปี มุ่ง 4 กลุ่มธุรกิจ สู่การพัฒนาแพลตฟอร์มตอบโจทย์ลูกค้า

MGC กางแผน 3 ปี มุ่ง 4 กลุ่มธุรกิจ สู่การพัฒนาแพลตฟอร์มตอบโจทย์ลูกค้า

          กรุงเทพฯ - บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA ก้าวสู่ปีที่ 25 เดินหน้าตอกย้ำการเป็นผู้นำ LIFESTYLE MOBILITY ครบวงจร พร้อมประกาศยุทธศาสตร์ 3 ปี (2568-2570) เร่งขับเคลื่อน 4 กลุ่มธุรกิจ สู่การพัฒนาแพลตฟอร์มตอบโจทย์ลูกค้า-พัฒนาบุคลากร-พัฒนาเทคโนโลยีและดิจิทัล เพื่อมุ่งสู่กลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้าน CEO ‘ดร.สัณหวุฒิ  ธรรมชวนวิริยะ’ เดินเกมรุกลุยธุรกิจ EV - Alpha X - Howden Maxi สร้างรายได้เพิ่มในอนาคต           ดร.สัณหวุฒิ  ธรรมชวนวิริยะ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม  บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ปี 2568 MGC-ASIA ก้าวสู่ปีที่ 25 ของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งขององค์กรและความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในการเป็นผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้แบบครบวงจร โดยในปีนี้ บริษัทฯ วางกลยุทธ์การขับเคลื่อนทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโต 4 กลุ่มธุรกิจสู่ความยั่งยืน ผ่าน 3Ps ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักสู่ความสำเร็จ คือ PEOPLE : มุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถสูง มีทัศนคติที่มุ่งเน้นการให้บริการ และส่งเสริมศักยภาพองค์กรให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ PROCESS : พัฒนากระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด สร้างมาตรฐานการดำเนินงานที่โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ โดยมุ่งปรับขั้นตอนการทำงานในส่วนต่างๆ ให้เหมาะสม ลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน ประหยัดทั้งเวลาและทรัพยากร เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานให้ทัดเทียมสากล และ PROFIT : ขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยมุ่งสร้างผลกำไรให้บริษัทฯ ผ่านการจำหน่ายยานยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมถึงบริการต่างๆ แบบครบวงจร ผสานกับบริการหลังการขาย รวมถึงศูนย์ซ่อมสีตัวถัง และบริการดูแลรถยนต์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รถเช่า มีแผนนำเทคโนโลยีทันสมัย มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพให้กับฟลีตรถเช่า ทั้งระยะสั้น และระยะยาว รวมถึงเพิ่มจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าในฟลีตรถเช่าระยะยาว รองรับการเติบโตของลูกค้าองค์กร นำไปสู่การสร้างผลกำไรสูงสุด ท่ามกลางระบบนิเวศทางธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ”           นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางยุทธศาสตร์การเติบโต ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1. STRATEGIC GROWTH OBJECTIVES : โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นขับเคลื่อนการเติบโตผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจ ควบคู่กับแผนการขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการสร้างความน่าเชื่อถือและรักษาการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความประทับใจกับกลุ่มลูกค้าในทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการ 2. BUSINESS ECOSYSTEM SEGMENTS : สร้างแบรนด์ร่วม (Co-Branding) สู่การพัฒนา เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงแผนการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก โดยบริษัทฯ จะร่วมกับ XPENG และ ZEEKR ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน เพื่อขยายตลาดและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ 3. SUSTAINABILITY AND INNOVATION : ก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยการลดปริมาณปล่อยคาร์บอน เพื่อต่อยอดสู่พลังงานหมุนเวียน           ปี 2568 ทางบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการเพิ่มความได้เปรียบสูงสุด ให้ธุรกิจในกลุ่มการเงิน, ประกันภัย และยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงการแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อน MGC-ASIA สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนในอนาคต สอดรับกับกลยุทธ์การขับเคลื่อนใน 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) : บริษัทฯ ยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดรถพรีเมียม เพื่อครองอันดับ 1 โดยเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลากหลายแบรนด์ดังอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเตรียมพัฒนา MGC-MOBILIFE แพลตฟอร์ม loyalty program ที่มอบสิทธิประโยชน์เหนือระดับ โดยใช้ระบบ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล และปรับแต่งให้ลงตัวกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า 2. กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service) : ปีนี้ บริษัทฯ เตรียมขยายสาขา MMS Car Service & Tire ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร (One-Stop Service) เพิ่มอีก 6 สาขา จากเดิม 22 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อขยายการให้บริการซ่อมสีและตัวถังยานยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) และเพิ่มบริการให้ครอบคลุมในหลากหลายพื้นที่ เพื่อสร้างอัตราการกลับมาใช้บริการของลูกค้าให้สูงขึ้น 3. กลุ่มธุรกิจให้บริการรถเช่าและพนักงานขับ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว (Car Rental and Driver Services) : กลุ่มบริษัทฯ วางแผนในการดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมการเดินทางให้ครบวงจรทุกมิติ และปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์การให้บริการตามการเติบโตของการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังเพิ่มสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มที่ให้บริการลูกค้าองค์กรมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจที่มุ่งเน้นพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ ‘MGC-ASIA Ecosystem’ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ให้ทุกกลุ่มธุรกิจ 4. กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) : สำหรับธุรกิจบริการทางการเงินอย่างครบวงจร บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ซึ่ง MGC-ASIA ร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ในปีนี้ จะมุ่งเน้นการเติบโตจากการให้สินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้นพร้อมปรับปรุงกระบวนการ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และควบคุมผลขาดทุนด้านเครดิต โดยการนำเสนอการแก้ปัญหาในการชำระหนี้ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า เพื่อสร้างผลกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนบริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจบริการประกันภัย ชั้นแนวหน้า กลุ่มบริษัทฯ วางแผนกลยุทธ์ในปีนี้ ที่จะขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการ รักษาการเป็นโบรกเกอร์ระดับชั้นนำ           อย่างไรก็ตาม จากแผนกลยุทธ์และเป้าหมายการเติบโตดังกล่าว สอดคล้องกับเป้าพันธกิจ 3 ปี (2568-2570 )ของ MGC-ASIA ที่จะนำพาบริษัทฯ สู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ผ่านธุรกิจใหม่ อย่าง AI- Powered Solutions รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ผ่านการทำ ESG อย่างเป็นระบบ พร้อมความมุ่งมั่นในการต่อยอดความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าปัจจุบัน สร้างประสบการณ์พิเศษแบบเฉพาะตัว ผ่านการบริการ ที่โดดเด่นและเหนือระดับ นำไปสู่ความพึงพอใจสูงสุด สำหรับลูกค้าทุกราย ภายใต้วิสัยทัศน์ ที่ต้องการเป็นผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้แบบครบวงจร ภายใต้ระบบนิเวศทางธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ สร้างการเติบโต อย่างยั่งยืนในอนาคต           สำหรับผลการดำเนินงานของ MGC-ASIA ในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 20,334 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 145.60 ล้านบาท และ EBITDA ที่ระดับ1,631 ล้านบาท โดยไตรมาส 4/2567 (ตุลาคม-ธันวาคม 2567) บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรได้สูงสุด โดยมีรายได้รวม 5,977 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 ที่ผ่านมา(QoQ) และมีกำไรสุทธิ 95.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 888.40% (QoQ) ส่งผลให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) แตะ 468 ล้านบาท เติบโต 23% (QoQ)           ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ในปีที่ผ่านมานับว่ามีความท้าทาย โดยหากอ้างอิงจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ มีอัตราส่วนลดลงประมาณ 26% เทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ MGC-ASIA รับมือกับสถานการณ์ได้น่าพอใจ โดยมีอัตราส่วนลดลงเพียง 10% เป็นผลมาจากรถยนต์ไฟฟ้าก็มีการเติบโตอย่างมีนัย ทั้งแบรนด์ XPENG และ ZEEKR ที่ได้การตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และมียอดส่งมอบรถมากกว่า 1,000 คัน จากปีก่อนที่ภาพรวมการส่งมอบรถยนต์ใหม่และรถยนต์มือสองประมาณ 9,000 คัน นอกจากนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ มีสินค้ารอส่งมอบ (Backlog) แบ่งเป็น, XPENG จำนวน 767 คัน, ZEEKR จำนวน 230 คัน, Rolls-Royce จำนวน 8 คัน, BMW จำนวน 42 คัน, MINI Cooper จำนวน 78 คัน, HONDA จำนวน 337 คัน, Harley-Davidson จำนวน 50 คัน และ BMW Motorrad จำนวน 41 คัน และในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ ยังเตรียมส่งมอบรถยนต์ XPENG X9 รถตู้ไฟฟ้าทรงสปอร์ตอัจฉริยะ พวงมาลัยขวาล็อตแรกของโลก เพื่อต่อยอดผลการดำเนินงานให้เติบโต อย่างแข็งแกร่ง           นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะแบรนด์ XPENG จำนวน 12 แห่งทั่วประเทศ และ ZEEKR by Z Mobility Plus อีก 2 สาขา คือ ศรีนครินทร์ และวิภาวดี ขณะที่ธุรกิจบริการหลังการขาย รวมถึงศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง Tesla Approved Body Shop (TAB) ที่ได้รับความไว้วางใจจาก TESLA ให้เป็นผู้บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า TESLA ก็อยู่ในช่วงขยายตัว และมีกำไรต่อเนื่อง จากการเพิ่มจำนวนของรถยนต์ที่เข้ารับบริการ 19%           “ช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจาก คอนติเทนทอล ไทรส์ ผู้ผลิตยางรถยนต์ระดับโลกในการร่วมมือกันทำโครงการที่เอื้อประโยชน์ให้กับลูกค้า พร้อมตอบแทนสังคมอย่างยั่งยืน อีกทั้งมีการขยายธุรกิจสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ที่เราได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ CITY AUTO GROUP ผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ เพื่อศึกษาโอกาสธุรกิจร่วมกัน ทั้งบริการ รถใหม่ รถมือสอง รถเช่า บริการทางการเงิน และประกันภัย เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจ และสร้างการเติบโตร่วมกันในไทยและเวียดนาม” ดร.สัณหวุฒิ กล่าวเสริม           ด้าน Alpha X ผู้ให้บริการทางการเงินให้กับกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง มีความชำนาญในด้านสินทรัพย์ ที่เป็นยานพาหนะหรู ทั้งรถยนต์ เรือยอทช์ และเครื่องบิน ตลอดจน อสังหาริมทรัพย์ โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ที่เป็นผู้นำในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เพื่อให้บริการแบบครบวงจร โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ เน้นการให้สินเชื่อเพื่อสร้างความมั่งคั่ง (Wealth Lending) ซึ่งให้ผลตอบแทนในระดับสูง และมีความเสี่ยงที่ต่ำ ส่งผลให้พอร์ตการให้สินเชื่อเติบโตขึ้นกว่า 45% นอกจากนี้ มีการปรับลดขั้นตอนทำงาน และลดต้นทุนในการดำเนินงานลงได้กว่า 10% จากปีก่อนหน้า และลดการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยง ส่งผลให้การลงทุนทางด้านเครดิตลดลงกว่า 50% เทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเป็นปีแรก และปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเน้นการเติบโตผ่านบริการ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วย AI พร้อมนำเสนอทางออกในการชำระหนี้ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า           ส่วน ธุรกิจบริการประกันภัย ที่บริหารงานโดย บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (Howden Maxi) ในปีงบประมาณช่วงเดือนตุลาคม 2566 ถึง กันยายน 2567 บริษัทฯ สามารถทำรายได้แตะระดับ 337 ล้านบาท เติบโต 2% และ มีกำไรสุทธิ 99 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ รวมถึงการขยายพอร์ตไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่มากขึ้น โดยทีมที่สามารถสร้างรายได้เข้าเป้า มาจากทีมอัญมณีเครื่องประดับ, ทีมงานศิลปะ และทีมงานโครงการพิเศษ  นอกจากนี้ ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเฟื่องฟู ส่งผลให้ธุรกิจรถเช่า SIXT  มีรายได้เติบโต 11.10% ซึ่งถือว่ามีอัตรา การเติบโตและผลกำไรที่น่าพอใจ ทั้งรถเช่าระยะสั้น และรถเช่าระยะยาว รวมถึงบริการพนักงานขับรถ

พฤอา
242526272812345678910111213141516171819202122232425262728293031123456