ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#KCE


DELTA-CCET อิเล็กฯ อ่วม โบรกฯ แนะเลี่ยงลงทุน

DELTA-CCET อิเล็กฯ อ่วม โบรกฯ แนะเลี่ยงลงทุน

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เช้านี้ปรับตัวลงกันถ้วนหน้า นำโดย DELTA-CCET รับผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ทางภาษีของสหรัฐ บล.กรุงศรี ระบุ การปรับขึ้นของภาษีของสหรัฐ โดยสร้างผลกระทบเชิงลบต่ออุตสาหกรรมอย่างชัดเจน มองว่ารายได้ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จะมีความผันผวนอย่างมากในช่วงไตรมาส 2/2568 ทันที สัดส่วนรายได้ของกลุ่ม Electronic ใน US มีดังนี้ DELTA 26% HANA 25% KCE 21 % SVI 11% (คำนวนจากการส่งสินค้าทางตรง โดยอาจจะมีสัดส่วนทางอ้อมที่สูงกว่านี้)           เชื่อว่าจะไม่ส่งผลร้ายถึงขนาดมีการปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนหรือโครงสร้างของธุรกิจอย่างชัดเจน การย้ายฐานการผลิตในกลุ่มประเทศในเอเชียน่าจะมีอย่างจำกัด เนื่องจากทุกประเทศถูกคำนวนภาษีในระดับเดียวกัน อาจจะมีปัจจัยบวกเล็กน้อยจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า โดยล่าสุดค่าเงินบาทอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 3 เดือน           ยังคงมุมมองเดิมว่าควรหลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นกลุ่ม Electronics ภายหลังมีการประกาศงบการเงินไตรมาส 1/2568 (ที่ยังมีความเสี่ยงด้านผลการดำเนินงานที่อ่อนแอ)

KCE กำไรปี 67 ลดลง 4.14% ยอดขายหด

KCE กำไรปี 67 ลดลง 4.14% ยอดขายหด

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) (KCE) รายงานผลการดำเนินงานในปี 2567 รายได้รวมของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 15,210.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน รายได้รวมประกอบด้วยรายได้จากการขายสินค้า จำนวน 14,832.9 ล้านบาท และรายได้อื่น จำนวน 377.6 ล้านบาท ในปี 2567 รายได้อื่นของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 339.7 ล้านบาท ในปี 2566 โดยปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้อื่นเพิ่มขึ้นมาจากกำไรจากการขายสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลให้บริษัทรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน           ปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มรายได้อื่น คือกำไรจากการขายสินทรัพย์ จำนวน 119.9 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงการขายโรงงานเก่าของบริษัทย่อย การดำเนินการนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์การบริหารสินทรัพย์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสนับสนุนการเติบโตและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในอนาคต           กลุ่มบริษัทรายงานกำไรสุทธิรวมจำนวน 1,648.5 ล้านบาท ซึ่งลดลงคิดเป็นร้อยละ 4.14 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีกำไรจากการดำเนินงานในปี 2567 จำนวน 1,538.5 ล้านบาท (ไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 56.9 ล้านบาท กำไรขาดทุนสุทธิจากการขายสินทรัพย์และการด้อยค่าของทรัพย์สินจำนวน 55.2 ล้านบาท และภาษีหัก ณ ที่จ่ายในต่างประเทศของการรับเงินปันผล 2.1 ล้านบาท) ซึ่งลดลงร้อยละ 1.97 จากปีที่ผ่านมา ส่งผลให้กำไรต่อหุ้นพื้นฐาน (Basic EPS) ของปี 2567 อยู่ที่ 1.39 บาท เทียบกับ 1.45 บาทต่อหุ้นในปี 2566

9 หุ้นแกร่ง ลุ้นรีบาวน์แรง รับ Cover Short

9 หุ้นแกร่ง ลุ้นรีบาวน์แรง รับ Cover Short

หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บล.กรุงศรี ระบุ บรรยากาศลงทุน SET ที่เริ่มฟื้นตัวจากโซนลงทุน จากความคาดหวังเชิงบวกการกลับมาDomestic Long Term Fund ประเมินมีหุ้นอีกชุด Underperform SET และถูก Short สูงมีโอกาสรีบาวน์แรงจากการเร่ง Cover Short ภายใต้เกณฑ์ ผลตอบแทน YTD เคลื่อนไหว Underperform SET100 ที่ YTD ให้ผลตอบแทน -7.3% ยอด Short Sales สูงกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นใน SET100 ที่ 0.64% ของทุนชำระแล้ว อิงเกณฑ์ดังกล่าว ผสาน องค์ประกอบที่เป็นหุ้นที่มีความแข็งแกร่งระดับหนึ่งในทางพื้นฐานและมีปัจจัยหนุนรออยู่ ได้ 9 บริษัทที่เหมาะกับการลงทุนลุ้นรีบาวน์แรงดังนี้           BGRIM (YTD -32.8%, Short Sales 1.19%) กระแสเทคโนโลยีระยะนี้กลับมาเด่น คาดมีโอกาสหนุนหุ้นโรงไฟฟ้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก           OSP (YTD -27.9%, Short Sales 1.51%) เตรียมรับช่วงหน้าร้อน มี.ค.- เม.ย.68           SPRC (YTD -22.9%, Short Sales 1.59%) ค่าการกลั่นเช้าวันนี้เร่งขึ้นสู่ 4.07 เหรียญฯ +22.6%d-d           JMT (YTD -21.98%, Short Sales 0.97%) งบ 4Q24 มีสัญญาณ Cash Collection ฟื้นตัว q-q           BANPU (YTD -21.7%, Short Sales 1.26%) มีโอกาสได้รับประโยชน์ทางบวกธุรกิจในสหรัฐฯ           COM7 (YTD -17.3%, Short Sales 0.78%) คาดยอดจับจ่ายปลายปี-ต้นปีคึกคักต่อเนื่องตามฤดูกาล + มาตรการกระตุ้นรัฐฯ           WHA (YTD -16%, Short Sales 1.13%) หุ้นนิคมมีสัญญาณบวก FDI เร่งต่อเนื่อง ผสาน จิตวิทยาบวก Trade Tension เข้ามาเป็นระยะๆ           BH(YTD -12.3%, Short Sales 1.1%) ภาพใหญ่สังคมสูงวัยไม่เปลี่ยน ขณะที่หุ้นถูกกดันจากปัจจัยลบชั่วคราว           KCE (YTD -11.8%, Short Sales 2.15%) แรงกดดันอุตสาหกรรมยานยนต์บรรเทาลง โดยเฉพาะล่าสุดภาษีเท่าเทียม เตรียมยกเว้นสินค้ายา+ยานยนต์ เชิงกลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรหุ้นชุดดังกล่าว BGRIM, OSP, SPRC, JMT, BANPU, COM7, WHA ,BH, KCE ลุ้นรีบาวน์แรงจากการเร่ง Cover Short

KCE คาดกำไรปีนี้ที่ 1.7 พันลบ.  โบรกเคาะพื้นฐาน 26.50 บาท

KCE คาดกำไรปีนี้ที่ 1.7 พันลบ. โบรกเคาะพื้นฐาน 26.50 บาท

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า คาด KCE กำไรปกติ 4Q24 ลดลง QoQ และ YoY โดยกำไรปกติ 4Q24 คาดอยู่ที่ 331 ล้านบาท (-14% QoQ, -29% YoY) กำไรที่ลดลง QoQ และ YoY มาจากยอดขายสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ลดลง สรุปสาระสำคัญดังนี้ คาดรายได้หลักที่ 3.5 พันล้านบาท (-7% QoQ, -14% YoY) จากคาดการณ์ยอดขายสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ 104.0 ล้านเหรียญ (-5% QoQ, -10% YoY) ยอดขายยังถูกกดดันจากการปรับปรุงสายการผลิตที่ยังต้องทำต่อเนื่อง ขณะที่ Demand ในตลาดรถยนต์โดยรวมยังไม่แข็งแกร่ง อัตรากำไรขั้นต้นคาดที่ 23.0% (+276bps QoQ, +60bps YoY) ค่าเงินบาท/USD แข็งค่า 1.8% QoQ แต่ประสิทธิภาพการผลิตเราคาดว่าจะดีขึ้น SG&A คาดที่ 500 ล้านบาท (-15% QoQ, +19% YoY) ลดลงจากฐานที่สูงผิดปกติใน 3Q24            หากกำไรออกมาตามคาด กำไรปกติทั้งปี 2024 จะอยู่ที่ 1.67 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับประมาณการทั้งปีของเราที่ 1.63 พันล้านบาท คาดยังฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดใน 1Q25 ... ลุ้นฟื้นตัวอย่างเร็วในกลาง 2Q25            การปรับปรุงสายการผลิตที่ยังต้องทำต่อเนื่องในช่วง 1H25 จะลดต้นทุนในระยะยาว แต่ระยะสั้นจะกระทบการขึ้นกำลังการผลิต HDI กดดันการเติบโตของรายได้ ขณะที่ความไม่ชัดเจนของสงครามการค้าที่อาจรุนแรงขึ้น ทำให้เราคาดว่าลูกค้าส่วนใหญ่เลือกชะลอคำสั่งซื้อและสั่งเท่าที่จำเป็น การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมอาจต้องไปรอลุ้นใน 2H25 คงคำแนะนำ TRADING อิงราคาเหมาะสม 26.50 บาทต่อหุ้น            แม้แนวโน้มผลประกอบการ 4Q24 ไม่เด่น แต่อยู่ในประมาณการของเราแล้ว ขณะที่แนวโน้มปี 2025 เรายังคงคาดการณ์กำไรปกติปี 2025 ที่ 1.7 พันล้านบาท (+4.9% YoY) หนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจ HDI ในช่วง 2H25            เราคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 26.50 บาทต่อหุ้น อิง PER 18.4x (-1.50SD) เราคงคำแนะนำ “TRADING” ราคาหุ้นปรับลดลงจน Downside เริ่มจำกัดมากขึ้น หุ้นน่าจะมีรอบของการฟื้นตัวได้บ้างหลังประกาศงบ 4Q24 แต่ยังเป็นไปอย่างจำกัดจากภาพอุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน และความเสี่ยงสงครามการค้าที่ยังคงอยู่ตลอด 1H25

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

KCE ซื้อหุ้นทั้งหมดใน KCED ที่เยอรมนี ร้อยละ 100 มูลค่าลงทุนราว 380.6 ลบ.

KCE ซื้อหุ้นทั้งหมดใน KCED ที่เยอรมนี ร้อยละ 100 มูลค่าลงทุนราว 380.6 ลบ.

          หุ้นวิชั่น - นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคซีอี อิเลคทรอนิคส์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) หรือ KCE แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับมติที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 ซึ่งได้มีมติให้บริษัท เซอร์กิต โฮลดิ้ง จำกัด (“Circuit Holding”) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทฯ เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท KCE Printed Circuit Boards GmbH (“KCED”) ตั้งอยู่ในประเทศเยอรมนี คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 จากผู้ถือหุ้นเดิม (“สัญญาซื้อขายหุ้น”) รวมเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 10,650,000 ยูโร หรือเทียบเท่าประมาณ 380,631,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน BOT ณ วันที่ 20 มกราคม 2568 เท่ากับ 35.74 บาท) โดย Circuit Holding จะชำระราคาซื้อขายหุ้นดังกล่าวเป็นเงินสด (“การเข้าลงทุนใน KCED”) โดยมูลค่าดังกล่าวรวมสินทรัพย์หมุนเวียนประมาณ 2 ล้านยูโร           KCED เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศเยอรมนีและภาคพื้นยุโรป มียอดรายได้ที่ให้กับบริษัทฯ มากกว่าร้อยละ 23 โดยมีกำไรสุทธิในปี 2566 อยู่ที่ 488,133 ยูโร และปี 2565 อยู่ที่ 1,322,060 ยูโร การลดลงของกำไรในปี 2566 นั้น เกิดจากการหดตัวของอุตสาหกรรมแผ่นพิมพ์วงจร (printed circuit board: PCB) ในยุโรปและค่าใช้จ่ายบริหารที่ค่อนข้างสูงของ KCED           ทั้งนี้ การเข้าลงทุนใน KCED มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนด้านการขายและสอดคล้องกับกลยุทธ์รวมของทางบริษัทฯ ในการกำหนดควบคุมราคาขายและติดต่อกับลูกค้าได้โดยตรง เพื่อให้บริษัทฯ สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในตลาดที่มีการแข่งขันสูง บริษัทฯ ยังเล็งเห็นถึงโอกาสในการบริหารจัดการค่าขนส่ง การบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมกับบริษัทอื่น ๆ ในเครือ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและส่งผลดีต่อกำไรของกลุ่มบริษัทได้ในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่า หากปรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเรียบร้อยแล้ว จะส่งผลให้กำไรสุทธิของ KCED กลับไปใกล้เคียงหรือมากกว่ากำไรที่ได้รับในปี 2565 ได้           ทั้งนี้ ความสมบูรณ์ของธุรกรรมการเข้าลงทุนใน KCED ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขบังคับก่อนภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้น และการเข้าลงทุนใน KCED จะเสร็จสมบูรณ์เมื่อสัญญาทุกฝ่ายได้ปฏิบัติตามในวันที่การซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ (Closing Date) ทั้งหมดตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้นดังกล่าวสำเร็จครบถ้วน โดยบริษัทฯ คาดว่า การเข้าลงทุนใน KCED จะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนมกราคม 2568 บริษัทฯ จะรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการเข้าลงทุนใน KCED และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับรายการการเข้าลงทุนใน KCED ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป           รายการการเข้าลงทุนใน KCED ข้างต้นเข้าขายเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ทจ.20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญ เข้าขายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน (รวมทั้งมีการแก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 (รวมทั้งมีการแก้ไขเพิ่มเติม) (รวมเรียกว่า "ประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไป") โดยมีขนาดรายการสูงสุดตามเกณฑ์มูลค่ารวมสิ้นตอบแทนเท่ากับร้อยละ 2.31 คำนวณจากงบการเงินรวมฉบับสอบทาน งวด 9 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ซึ่งสอบทานโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแล้ว และเมื่อรวมขนาดรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ก่อนวันที่มีการเข้าทำรายการการเข้าลงทุนใน KCED ในครั้งนี้ ขนาดรายการสูงสุดจะเท่ากับร้อยละ 9.87 ตามเกณฑ์มูลค่ารวมสิ้นตอบแทนซึ่งน้อยกว่าร้อยละ 15 จึงไม่เข้าขายที่จะต้องรายงานสารสนเทศตามที่กำหนดไว้ในประกาศของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 (รวมทั้งมีการแก้ไขเพิ่มเติม)           ทั้งนี้ รายการการเข้าลงทุนใน KCED ไม่เข้าขายรายการที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ท ทจ.21/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน (รวมทั้งมีการแก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546 (รวมทั้งมีการแก้ไขเพิ่มเติม) เนื่องจากผู้ถือหุ้นเดิมของ KCED ซึ่งเป็นผู้ขายไม่ได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯ           อนึ่ง บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องรายงานการเข้าลงทุนใน KCED ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศและการปฏิบัติการใด ๆ ของบริษัทจดทะเบียน พ.ศ. 2560 (รวมทั้งมีการแก้ไขเพิ่มเติม) เนื่องจากเป็นกรณีที่บริษัทในเครือของบริษัทจดทะเบียนได้มีการลงทุนในบริษัทอื่น ซึ่งเป็นผลให้บริษัทนั้นมีสถานะในการเป็นบริษัทในเครือของบริษัทในเครือ

KCE แนวโน้ม Q4 ฟื้นตัว นักวิเคราะห์ชี้ชะตา 18 พ.ย.นี้

KCE แนวโน้ม Q4 ฟื้นตัว นักวิเคราะห์ชี้ชะตา 18 พ.ย.นี้

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กรุงศรี ระบุ KCE มีกำไรหลักลดลง 18% yoy และ 27% qoq เป็น 386 ล้านบาทใน 3Q24 ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาดและตลาดคาดไว้ 23% นับเป็นกำไรที่อ่อนแอที่สุดในรอบห้าไตรมาส เนื่องจาก GPM ที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ ราคาหุ้นอาจได้รับแรงกดดันจากกำไรที่อ่อนแอใน 3Q24 เราแนะนำให้รอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้บริหารในวันที่ 18 พฤศจิกายน ทั้งนี้ราคาหุ้นลดลง 22% ภายใน 4 วันที่ทำการ ซึ่งถือว่ามากเกินไป ปัจจุบัน KCE ซื้อขายอยู่ที่ P/E เพียง 16 เท่า (-1.5SD ของค่าเฉลี่ย) รายได้ตามคาด           รายได้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 110 ล้านเหรียญสหรัฐใน 3Q24 (-11% yoy ทรงตัวจากไตรมาสก่อน) แต่รายได้สกุลเงินบาทลดลง 12% yoy และ 5% qoq มาอยู่ที่ 3,800 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราคาดไว้เล็กน้อย การจัดส่ง PCB ประเภท HDI ลดลง 16% qoq เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรบางส่วน ส่งผลให้ปริมาณการผลิตลดลงชั่วคราว โดยแผนการเปลี่ยนเครื่องจักรนี้จะดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ ดังนั้น เราคาดว่ารายได้ HDI จะยังคงอ่อนตัวใน 4Q24 แต่ GPM ต่ำที่สุดในรอบ 5 ไตรมาส           GPM ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 22.6% โดยอยู่ที่ 20.2% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 5 ไตรมาส สาเหตุมาจาก (1) รายได้จาก HDI ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงสุดของบริษัทลดลง (2) ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และ (3) การขายสินค้าในช่วง 3Q24 เป็นช่วงที่จำเป็นต้องใช้สินค้าจากคลัง เนื่องจากวัตถุดิบในช่วง 3Q24 ที่มีต้นทุนสูง แต่บริษัทรับรู้รายได้ต่ำลงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่า นอกจากนี้บริษัทบันทึกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 170 ล้านบาท โดยรายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 556 ล้านบาท (+7% yoy, -13% qoq) ในขณะที่กำไรหลักลดลงเหลือ 386 ล้านบาท (-18% yoy, -27% qoq) ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดการณ์ไว้ 23% รอฟังแนวโน้มจากการประชุมนักวิเคราะห์เบื้องต้นมอง downside จำกัด           กำไรหลัก 9M24 คิดเป็น 70% ของประมาณการทั้งปีของเรา โดยเรามองว่าผลการดำเนินงานใน 4Q24 อาจมีผลการดำเนินงานที่ทรงตัวหรือดีขึ้นเล็กน้อย ซึ่งบ่งชี้ว่าภาพรวมกำไรทั้งปีของบริษัทอาจยังคงฟื้นตัวได้ในปีนี้ เราแนะนำให้นักลงทุนรอรายละเอียดเพิ่มเติมใน Analyst meeting ในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ก่อน ปัจจุบันราคาหุ้นของ KCE ซื้อขายที่ 16 เท่าของ P/E (-1.5SD ของค่าเฉลี่ย) เราคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวในอนาคต

KCE ไตรมาส 3/67 กำไร 216.3 ล้านบาท เดินหน้าสร้างโรงงานใหม่ที่โรจนะ

KCE ไตรมาส 3/67 กำไร 216.3 ล้านบาท เดินหน้าสร้างโรงงานใหม่ที่โรจนะ

          KCE กำไรสุทธิอยู่ที่ 216.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 58.4 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน พร้อมเดินหน้าลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงานเดิม และวางแผนสร้างโรงงานใหม่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ เพื่อตอบสนองความต้องการสินค้า PCB เกรดพิเศษ (HDI) ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง           บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2567 ของบริษัทและบริษัทย่อย (กลุ่มบริษัท) ตามงบการเงินรวมสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 ที่ผ่านการสอบทานแล้ว ปรากฏว่ากลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 3,852.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 216.3 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3 ในปี 2566 ที่มีรายได้รวมจำนวน 4,417.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 519.5 ล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 3 ของปี 2567 และปี 2566           โดย รายได้จากการขายสินค้ารวมของกลุ่มบริษัทฯ ในรูปเงินบาทสำหรับไตรมาส 3/67 มีจำนวน 3,802.3 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ 5.22 จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 12.12 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ในขณะที่ยอดขายในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.11 จากไตรมาสก่อน แต่ลดลงร้อยละ 11.15 จากช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทต่อเงินเหรียญสหรัฐและเงินสกุลยูโรในงวดนี้มีผลทำให้การรับรู้รายได้เงินบาทลดลง 150.5 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน และลดลง 25.8 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันในปีก่อน (ตารางที่ 1)           ปริมาณการส่งสินค้า PCBs เพื่อขายรวมทั้งหมดในไตรมาส 3/67 ลดลงร้อยละ 6.44 จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 10.55 จากปีก่อน ซึ่งมีการส่งขาย PCB เกรดพิเศษ (HDI) ลดลงร้อยละ 15.81 เทียบกับยอดส่งขายในไตรมาส 2/67 แต่เพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 9.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ตารางที่ 5) สาเหตุหลักของการลดลงของปริมาณการส่งออกของ HDI PCB เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากในไตรมาสนี้ได้ทำการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรในกระบวนการผลิตเป็นเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีใหม่เพิ่มขึ้น โดยต้องย้ายเครื่องจักรเก่าออก ติดตั้งและทดลองเครื่องจักรใหม่ ทำให้กระทบปริมาณสินค้าที่ผลิตลดลงกว่าปกติในช่วงการปรับเปลี่ยนนี้ ทั้งนี้ บริษัทต้องวางแผนร่วมกับผู้ผลิตเครื่องจักรในการทยอยเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อคำสั่งซื้อของลูกค้าอย่างเหมาะสมที่สุด โดยมีแผนที่จะปรับเปลี่ยนให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถผลิตสินค้าเกรดพิเศษ (HDI) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น           ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 บริษัทฯ ยังมีคำสั่งซื้อรอผลิตเพื่อส่งขาย ประมาณ 6 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีสินค้าจำนวน 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐที่รอการอนุมัติการจัดส่งจากลูกค้า ซึ่งจะเป็นรายได้ในไตรมาส 4/67 บริษัทยังคงเร่งดำเนินการผลิตตามคำสั่งซื้อที่รอการผลิตทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกรดพิเศษ (HDI) โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตสินค้า HDI ให้มากขึ้น           สำหรับปี 2567 งบประมาณการลงทุน ปี 2567 ที่ 780 ล้านบาท ประกอบไปด้วย การลงทุน 493 ล้านบาท สำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงานที่ลาดกระบัง อีก 105 ล้านบาท ใช้สำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพ โรงงานไฮเทค อยุทธยา และ 182 ล้านบาท ใช้สำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพ โรงงานลามิเนต( โดยการลงทุนในช่วง 9เดือน มีการลงทุนไปแล้ว 313.9 ล้านบาท (ไม่รวมโครงการโรจนะ)           สำหรับ แผนการเพิ่มกำลังการผลิตโดยการสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดเวลาที่จะเริ่มก่อสร้าง เนื่องจากทางบริษัทกำลังปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้า PCB เกรดพิเศษ (HDI) ของโรงงานปัจจุบันทั้งที่ลาดกระบังและอยุธยา ซึ่งจะทำให้สามารถรองรับคำสั่งซื้อเพิ่มได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังคงติดตามสภาวะเศรษฐกิจและความต้องการสินค้าในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อวางแผนการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ให้ทันต่อการเติบโตของตลาดในอนาคตอย่างเหมาะสมและสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้ได้ดีด้วย

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011