ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#ICHI


ฟินันเซีย ชู ICHI หุ้นเด่น ปันผลเร้าใจ 9% - เช็กเป้าเลย!

ฟินันเซีย ชู ICHI หุ้นเด่น ปันผลเร้าใจ 9% - เช็กเป้าเลย!

              หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดว่า SET Index จะแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,170-1,185 จุด โดยประเมินว่าความผันผวนอาจลดลง และคาดว่าตลาดจะรอติดตามการประชุม FED คืนนี้ ซึ่งแม้ว่าจะคงดอกเบี้ยค่อนข้างแน่ แต่โฟกัสจะอยู่ที่ถ้อยแถลงหลังการประชุมเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ รวมถึงประมาณการเศรษฐกิจและ Dot Plot ใหม่ โดยล่าสุด Survey ของ BofA ระบุว่าตลาดลดการถือครองหุ้นสหรัฐฯ และโยกไปหาฝั่งยุโรปและตลาดเกิดใหม่ (EM) รวมถึงถือเงินสดมากขึ้น               ส่วนภาพ Sector: ตลาดลดน้ำหนักกลุ่มเทคโนโลยีและพลังงานลง แต่เพิ่มในกลุ่ม Consumer Staple, ธนาคาร และสาธารณูปโภค สะท้อนความระมัดระวังที่มากขึ้น ด้านสงครามล่าสุด แม้รัสเซียจะปฏิเสธการหยุดยิงกับสหรัฐฯ แต่ระบุว่าจะหลีกเลี่ยงการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ส่งผลให้ค่าน้ำมันดิบกลับมาชะลอตัวลงอีกครั้ง ส่วนปัจจัยในประเทศวานนี้ ครม. ยังไม่เห็นชอบมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ อย่างที่ตลาดคาดหวัง โดยต้องติดตามต่อในสัปดาห์หน้า ภาพรวม:               เราประเมินว่า SET Index ที่ปรับตัวร่วงแรงราว 20% จาก High เดือน ต.ค. 24 ทำให้ Valuation ระยะกลาง-ยาวน่าสนใจ โดยเทรด PER และ PBV เพียง 12.5 เท่า และ 1.13 เท่า ตามลำดับ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยช่วงก่อนโควิดอย่างมีนัยยะ ทำให้ยังมองเป็นจังหวะในการทยอยสะสม โดยยังคงชอบกลุ่ม Domestic และ Tourism-Related Play ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่ากลุ่ม Global-Related Play ที่อาจถูกกระทบจากความไม่แน่นอนของประเด็นการค้าและเศรษฐกิจโลก ส่วนระยะสั้นเน้น Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว กลยุทธ์: ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งในปี 2025 และ Valuation ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดอย่างมีนัยยะ หุ้นเด่นเดือนมี.ค.: BA, BTG, CPALL, MTC, PR9 FSSIA Portfolio: BA, BBL, BTG, CPALL, MTC, NSL, PR9, SEAFCO, SHR หุ้นเด่นวันนี้: ICHI แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท               เบื้องต้นคาดกำไร 1Q25 ทรงตัว q-q และ y-y แต่จะเริ่มขึ้นใน 2Q25 จาก High Season หลังได้ลูกค้า OEM เต็มไตรมาส รวมถึงเตรียมออกสินค้าใหม่หลายรายการในช่วง 1H25 แผนการขายที่ดิน คาดจะแล้วเสร็จและบันทึกกำไรได้ใน 2Q-3Q25 ขณะที่ปัจจุบันพันธมิตรเริ่มสร้างโรงงานแล้ว คาดแล้วเสร็จและเริ่มเปิดได้กลางปี 2026 จุดเด่นของ ICHI ยังอยู่ที่ Valuation ที่ถูก ปัจจุบันเทรด PER เพียง 11 เท่า และให้ Dividend Yield ทั้งปีสูงราว 9% แนวรับ 12 บาท, แนวต้าน 13/14 บาท Fund Flow:               วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงผสมผสาน แต่สุทธิแล้วพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคบางๆ US$69 ล้าน เม็ดเงินไหลเข้ากาหลีใต้ US$278 ล้าน แต่ไหลออกจากไต้หวัน US$74 ล้าน ส่วนด้านอาเซียนไหลออกสูงสุดที่ อินโดนีเซีย US$150 ล้าน แต่ไหลเข้าประเทศไทย US$26 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดทรงตัวโดยรอติดตามผลการประชุมและถ้อยแถลงของประธาน FED คืนนี้ ประเด็นสำคัญวันนี้:               (0) ความกังวลเศรษฐกิจอินโดนีเซีย อาจเป็น sentiment เชิงลบต่อนักลงทุนที่มีรายได้ในตลาดอินโด โดยบริษัทในกลุ่มอาหารเครื่องดื่มที่มีสัดส่วนรายได้ขายไปยังอินโดนีเซียได้แก่ SAPPE คาดสัดส่วนไม่เกิน 10% ของรายได้รวม, TKN 10-15%, RBF สัดส่วนราว 7.8%, SNNP ต่ำกว่า 1%, ICHI 0.7% เรามองข่าวอินโดเป็นเพียง sentiment เชิงลบต่อนักลงทุนกลุ่มนี้ แต่คาดผลกระทบจำกัด เพราะส่วนใหญ่เป็นสินค้าอาหารเครื่องดื่มซึ่งเป็นสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะ RBF ที่ขาย food coating ไปยังผู้ผลิตอาหารที่จำเป็นต่อการบริโภค ส่วน SCGP มีสัดส่วนรายได้จากอินโดนีเซียราว 14% (+) GFPT               Valuation อยู่ในระดับต่ำมากและต่ำที่สุดในกลุ่มเนื้อสัตว์ ราคาหุ้นของ GFPT ปรับตัวลดลงไปถึง 20% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และปัจจุบันมีการซื้อขายที่เพียง 6.6x 2025E P/E คาดกำไร 1Q25 จะฟื้นตัวดี q-q หุ้นมีปัจจัยบวกหลายประการ เช่น ราคาหมูดี, ราคาวัตถุดิบลดลง และส่วนแบ่งกำไรที่ฟื้นตัว คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ที่ 1.56 พันล้านบาท และราคาเป้าหมาย 12.5 บาท, ยังแนะนำ “ซื้อ” (+) EGCO               ปี 2025 บริษัทตั้งงบลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังผลิต ขณะที่รายได้ปี 2025 คาดจะลดลงหลังโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน QPL ฟิลิปปินส์ 460MW ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าหลักที่มีสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานกว่า 24% ของ EGCO แต่จะถูกชดเชยจากโรงไฟฟ้าลม Yunlin 640MW ที่เริ่ม COD ตั้งแต่ต้นปีนี้ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน APEX สหรัฐ ที่มีโอกาสเติบโตสูง คาดแนวโน้มกำไรปี 2025 คงที่ y-y บริษัทคงนโยบายจ่ายเงินปันผล 6.50 บาท/หุ้น/ปี Yield 7% ราคาหุ้นที่ลงลึกจนเทรด P/BV เพียง 0.48 เท่า ขณะที่ Downside มีจำกัด น่าจะเป็นโอกาสลงทุน

ICHI เล็งเป้ารายได้ที่ 9,500 ลบ. ดึง หลิง-ออม ดันสินค้าสู่ผู้บริโภครุ่นใหม่

ICHI เล็งเป้ารายได้ที่ 9,500 ลบ. ดึง หลิง-ออม ดันสินค้าสู่ผู้บริโภครุ่นใหม่

          บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ผู้ผลิตชาพร้อมดื่มชั้นนำของประเทศไทย เปิดตัว "อิชิตันเก๊กฮวยน้ำผึ้ง กรีนที" มูฟเมนต์สำคัญของการชิงชัยในตลาดชาพร้อมดื่มที่กำลังเติบโตของประเทศไทย ที่มีมูลค่า 18,577 ล้านบาท ด้วยการร่วมงานกับคู่ซุปเปอร์สตาร์ที่ฮอตที่สุดในเวลานี้ หลิง-ศิริลักษณ์ คอง และ ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์ เพื่อผลักดันสินค้าเข้ากลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ ตอบรับการขยายตัวของตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น 13.3% โตมากสุดในกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ดริ้งค์ของไทย           "หน้าร้อนเป็นช่วงเวลาคึกคักสำหรับธุรกิจเครื่องดื่ม การผลักดันอิชิตัน กรีนที ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัทจึงใส่พลังเต็มที่ด้วยการส่ง “อิชิตันเก๊กฮวยน้ำผึ้ง กรีนที” มาเป็นกำลังหลักในการสร้างสถิติใหม่ให้อิชิตันเติบโตทั้งยอดขายและกำไร ตั้งเป้าปี 2568 ยอดขายจะไปถึง 9,500 ล้านบาท” ตัน ภาสกรนที กรรมการ ผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว           โดยกลยุทธ์ปีนี้ อิชิตัน เปิดเกมรุกตลาดเครื่องดื่มรับหน้าร้อนอย่างร้อนแรง เปิดตัวคู่ฮอตเกิรล์เลิฟ เบอร์ 1 หลิง-ศิริลักษ์ คอง และ ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ กับ "อิชิตันเก๊กฮวยน้ำผึ้ง กรีนที" มั่นใจรสชาติที่ใช่ และพรีเซนเตอร์ระดับเมกะแมกเน็ต ที่มีคาแรคเตอร์สดใส น่ารัก และเป็นกันเองของทั้งคู่ จะช่วยสร้างสีสันและความสนุกสนาน พร้อมดึงดูดเหล่าแฟนคลับและคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศให้หันมาดื่มอิชิตันมาก ยิ่งขึ้น สามารถสร้างกระแสให้เกิดปรากฏการณ์ Sold Out ได้อย่างแน่นอน พร้อมอัดกิจกรรมออนไลน์เต็มที่ รวมถึงจัดหนักสื่อป้ายบิลบอร์ดแสดงพลังความสดชื่นของทั้งคู่ เสิร์ฟให้ด้อมเจ้าความรักไปตามทำคอนเท้นต์ในกิจกรรม “บอกรักผู้หญิงคนนี้ผ่านอิชิตัน” เพื่อโชว์พลังความรักต่อหลิงออมได้อย่างเต็มที่           สัมผัสความหอมสดชื่น อร่อย..Sold Out ของอิชิตันเก๊กฮวยน้ำผึ้ง กรีนที ขนาด 500 มล.ในราคา 25 บาท ได้แล้ววันนี้ ที่ 7-Eleven, 7Delivery และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษให้แฟนๆ  ได้แสดงความรักถึงหลิง-ออม บนช่องทางออนไลน์ ภายใต้ #IchitanxLingOrmอร่อยSoldOut#อิชิตัน ติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook Fanpage: Ichitan และ Tiktok : ichitandrinkth

หยวนต้า ชี้ ICHI หุ้นราคาถูก ปันผลสูงสุดในกลุ่มเครื่องดื่ม

หยวนต้า ชี้ ICHI หุ้นราคาถูก ปันผลสูงสุดในกลุ่มเครื่องดื่ม

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง ICHI ระยะสั้นคาดกำไร 1Q25 ฟื้นตัว QoQ และจะกลับมาเด่นใน 2Q25            เราได้เข้าประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 25 และมองเป็นบวกต่อแนวโน้มการเติบโตในปี 2025 แต่ในระยะสั้นคาดกำไรใน 1Q25 ทำได้เพียงฟื้นตัว QoQ จากการผ่านพ้นช่วง Low season ใน 4Q24 แต่อาจลดลงเมื่อเทียบ YoY เนื่องจากอากาศที่เย็นลงจากปีก่อนจากผลกระทบของลานีญา ขณะที่แนวโน้มกำไรใน 1H25 คาดยังเติบโตได้ทั้ง HoH และ YoY จากยอดขายที่จะกลับมาฟื้นตัวได้ตั้งแต่เดือนมี.ค. เป็นต้นไป หนุนจากอากาศที่เริ่มร้อนขึ้น ประกอบกับการรับรู้กำลังการผลิตใหม่, การออกสินค้าใหม่ 7 SKUs ตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. และการนำ “ตันพาวเวอร์” เข้าไปจำหน่ายใน 7-Eleven ช่วงเดือนพ.ค. รวมถึงลูกค้ากลุ่ม OEM จากการเริ่มกลับมาผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ IF ในช่วงเดือนมี.ค. เป็นต้นไป และบริษัทได้ลูกค้าใหม่ 1 ราย ได้แก่ TKN ที่จะเริ่มผลิตในช่วง 2Q25 ขณะที่ GPM คาดทรงตัวทั้ง HoH และ YoY แม้จะมีการรับรู้ค่าเสื่อมที่สูงขึ้น แต่มองว่าจะชดเชยได้จากการรับรู้ผลของราคาน้ำตาลที่ปรับลง บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 9,500 ลบ. ซึ่งสูงกว่าประมาณการของเรา            บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2025 ที่ระดับ 9,500 ลบ. (+10.5% YoY) โดยแบ่งเป็น 1) สินค้าแบรนด์ของบริษัททั้งกลุ่มชาพร้อมดื่มและเครื่องดื่มอื่นๆ คาดเติบโต 5.5% และ 17.2% ตามลำดับ หนุนจากการออกสินค้าใหม่ รวมถึงการทำโปรโมชั่นสำหรับการจำหน่ายในร้านค้า Traditional Trade มากขึ้น และ 2) ธุรกิจรับจ้างผลิตคาดเติบโตหลายเท่าตัว จากการที่บริษัทสามารถกลับมาผลิตสินค้าให้ลูกค้ารายเดิมอย่าง IF ได้อีกครั้ง หลังจากที่ในปีก่อนบริษัทมีการชะลอการผลิตลงเนื่องจากกำลังการผลิตที่จำกัด นอกจากนี้บริษัทยังได้รับออเดอร์ใหม่จาก TKN ส่วนภาษีน้ำตาลรอบใหม่บริษัทมองว่าจะไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากบริษัทประสบความสำเร็จในการปรับสูตรลดน้ำตาลลงตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา คาดจะรับรู้รายได้จากการขายที่ดินในช่วง 2Q25-3Q25 และอาจมีปันผลพิเศษ            ขณะที่ GPM บริษัทตั้งเป้าที่ทรงตัว YoY และส่วนแบ่งกำไรจากอินโดนีเซียบริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 25 ลบ. จากการเริ่มนำสินค้ากลุ่มชาใสเข้าไปจำหน่าย รวมถึงการขยายไปยังเกาะต่างๆ มากขึ้น ซึ่งเป้าหมายรายได้และส่วนแบ่งกำไรของบริษัทสูงกว่าประมาณการของเราที่ 9,400 ลบ. และ 12 ลบ. ตามลำดับ ทำให้ประมาณการของเรายังมี Upside หากบริษัทสามารถทำได้ตามเป้า ส่วนแผนการขายที่ดินทางผู้บริหารให้ข้อมูลว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในช่วง 2Q25-3Q25 ที่ราว 120 ลบ. และอาจมีปันผลพิเศษในอนาคต ขณะที่พันธมิตรในปัจจุบันเริ่มสร้างโรงงานแล้ว ซึ่งคาดจะ Commercial run ในช่วง 2Q26-3Q26 ซึ่งพันธมิตรดังกล่าวจะใช้โรงงานสำหรับการผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของ ICHI ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 15.60 บาท แต่ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”            เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2025 ที่ 1,409 ลบ. (+10.6% YoY) แต่ปรับราคาเหมาะสมใหม่ลงเป็น 15.00 บาท จากการปรับสมมติฐาน WACC ขึ้นเป็น 10.3% และปรับ Terminal growth ลงเป็น 1.0% เพื่อสะท้อนถึงสภาวะตลาดที่ผันผวนมากขึ้น แต่เนื่องจากราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายบน PER25 เพียง 12.0 เท่า รวมถึงยังมีปันผลใน 4Q24 ที่ระดับ 3.8% (ขึ้น XD วันที่ 7 มี.ค.) และยังคาดหวังเงินปันผลได้ที่ 9.2% ในช่วงปี 2025 ทำให้เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”

ICHI ปักธงปี68 ดันยอดขายนิวไฮ  รุกOEM – ลุยออกสินค้าใหม่

ICHI ปักธงปี68 ดันยอดขายนิวไฮ รุกOEM – ลุยออกสินค้าใหม่

             หุ้นวิชั่น - บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป หรือ ICHI วางเป้าหมายปี 2568 ทำยอดขายโต 9,500 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ทั้งในด้านยอดขายและกำไร ตอกย้ำความเป็นชาเขียว No.1 แบรนด์ พร้อมมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้นผ่านการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง หลังไลน์การผลิตพร้อมเดินเครื่องจักรหนุนกำลังการผลิตได้ 1,700 ล้านขวดต่อปี รองรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เสริมทัพหลาย SKU เพื่อเจาะกลุ่มทุกไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกเจเนอเรชัน และความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า OEM ทั้งรายเดิมและรายใหม่ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว            ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป หรือ ICHI เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินงานปี 2568 ‘อิชิตัน’ พร้อมเดินหน้าสร้างสถิติใหม่เติบโตทั้งด้านยอดขายและกำไร ตั้งเป้ายอดขายแตะ 9,500 ล้านบาท สอดคล้องกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดชาพร้อมดื่มในปี 2567 ที่มีมูลค่า 18,577 ล้านบาท เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในกลุ่มเครื่องดื่ม Non-Alcohol Beverage โดยมีปริมาณเติบโต 13.1% และมีมูลค่าตลาดขยายตัวที่ 13.3%            โดยกลยุทธ์การตลาดในไตรมาส 1 ปีนี้ อิชิตัน กรุ๊ป เปิดเกมรุกตลาดเครื่องดื่มรับหน้าร้อนอย่างร้อนแรง เตรียมสร้างปรากฏการณ์ "Sold Out" ทั่วประเทศ ด้วยการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ คู่ฮอตเกิรล์เลิฟเบอร์ 1 กับ "อิชิตัน ชาเขียวเก๊กฮวยผสมน้ำผึ้ง" พร้อมอัดกิจกรรมออนไลน์เต็มที่ ตีคู่ไปกับแบรนด์ "เย็นเย็น" จับมือกับยักษ์ใหญ่ Tencent สร้างปรากฏการณ์ความสดชื่นในรายการ CHUANG Asia Season 2 รายการไอดอลระดับอินเตอร์ที่รวมเหล่าเมนเทอร์ทรงอิทธิพล "แบมแบม – ญาญ่า อุรัสยา – เจฟ ซาเตอร์ –THE 8 และ TIA RAY " ดึงดูดกลุ่มวัยรุ่นทั่วเอเชีย ต่อเนื่องไปถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ แบรนด์ "ตันซันซู" พร้อมเสิร์ฟความซ่าสดชื่นบุกงานสงกรานต์เชียงใหม่ ขณะที่ "ตัน พาวเวอร์" ลุยขยายช่องทางจำหน่ายผ่าน Makro เพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภค และ "น้ำด่างอิชิตัน" ที่เติบโตโดดเด่น พร้อมรุกตลาดช่องทาง E-commerce เต็มอัตรา            นอกจากนี้ อิชิตัน กรุ๊ป ยังเตรียมหมัดเด็ด NPD (New Product Development) หลากหลาย SKU ที่สามารถตอบทุกโจทย์ความต้องการได้ครบทุกเจเนอเรชัน จ่อรอเปิดตัวดันยอดขายให้เข้าเป้า ด้วยศักยภาพความพร้อมของกำลังการผลิตที่สามารถรองรับได้ถึง 1,700 ล้านขวดต่อปี อิชิตันตั้งเป้าอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) ที่ 80% เพื่อตอบสนองความต้องการของสินค้า NPD และลูกค้า OEM ที่เติบโตขึ้น โดยเฉพาะสินค้าน้ำมะพร้าวแบรนด์ IF และลูกค้า OEM รายใหญ่รายใหม่ อย่าง "เถ้าแก่น้อย"            ขณะเดียวกัน อิชิตันพร้อมเดินหน้าขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในทุกมิติ ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ และการรุกตลาดต่างประเทศ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์ระดับสากล ผลักดันยอดขายให้ทะยานสู่เป้าหมาย 9,500 ล้านบาท ควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับผู้ถือหุ้น ด้วยการรักษาระดับอัตราการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง อิชิตันพร้อมที่จะเป็นหุ้นปันผลที่สร้างความพึงพอใจให้กับนักลงทุนและผู้ถือหุ้น”

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

ICHI ปี67 โกยกำไร 1,306.3 ลบ.  ปีนี้โตต่อ เสริมกำลังผลิต หนุน

ICHI ปี67 โกยกำไร 1,306.3 ลบ. ปีนี้โตต่อ เสริมกำลังผลิต หนุน

          บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป หรือ ICHI เผยผลการดำเนินงานปี 2567 ยอดขาย 8,594.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% และมีกำไรสุทธิ 1,306.3 ล้านบาท เติบโต 18.7% โชว์ศักยภาพการดำเนินธุรกิจจากแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่ง และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ดันอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25.7% ด้านบอร์ดฯ เสนอจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 67 ในอัตรา 1.10 บาทต่อหุ้น (จ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 0.60 บาท คงเหลือจ่ายอีก 0.50 บาท) ตอบแทนผู้ถือหุ้นและสร้างความมั่นใจ ICHI เป็นหุ้นปันผลสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่อง           นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. อิชิตัน กรุ๊ป หรือ ICHI กล่าวว่า “ปี 2567 เป็นก้าวสำคัญที่พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโต และแสดงถึงความเป็นนักสู้ของอิชิตัน ซึ่งประสบผลสำเร็จด้วยกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 1,306.3 ล้านบาท เติบโต 18.7% ของรายได้จากการขายรวมในปี 2567 ที่ทำได้ 8,594.4 ล้านบาท เติบโต 6.8% สะท้อนความเป็นผู้นำในธุรกิจเครื่องดื่มอย่างมั่นคง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ภายใต้แบรนด์ อิชิตัน กรีนที ที่เดินหน้าเติบโต ขณะที่แบรนด์ เย็นเย็น, ชาพรีเมียม ชิซึโอกะ และกลุ่มเครื่องดื่มนอน-ที เช่น น้ำด่างอิชิตัน, ตันซันซู และตันพาวเวอร์ สามารถส่งมอบคุณค่าความสดชื่น และดีต่อสุขภาพให้แก่ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง รักษาอัตราการเติบโตได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะน้ำด่างอิชิตันเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เพิ่มขึ้น 86.54% เมื่อเทียบกับปีก่อน          ขณะเดียวกัน ด้วยการวางแผนการผลิตอย่างรัดกุม สามารถรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยทั้งปี 76% ประกอบกับการบริหารต้นทุนการผลิตอย่างเข้มข้น ส่งผลความสามารถการทำกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25.7% ส่งผลให้กำไรสุทธิประจำปี 2567 มากถึง 1,306.3 ล้านบาท เติบโต 18.7%  แม้ว่าในไตรมาส 4/2567  จะมีรายการพิเศษบันทึกปรับปรุงภาษีด้วยผลกระทบจากความแตกต่างทางภาษีของเงินลงทุนในการร่วมค้า 62.9 ล้านบาท และภาษีงวดก่อนที่บันทึกสูงไป (1.5) ล้านบาท (ซึ่งเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว) และไม่ได้ส่งผลต่อการดำเนินงานแต่อย่างใด           ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบเสนอการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด จากงวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2567 จากกำไรสุทธิและกำไรสะสมในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น (ทั้งนี้ เงินปันผลสำหรับงวดดังกล่าว จะยังไม่มีความแน่นอนจนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568) ตอกย้ำ ICHI เป็นหุ้นปันผลที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยกำหนดวันปิดสมุดพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 10 มีนาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 นี้           ส่วนแผนดำเนินงานในปี 2568 ICHI จะเดินหน้ารักษาอัตราการเติบโตให้ได้ต่อเนื่อง จากศักยภาพการผลิตที่แข็งแกร่ง หลังติดตั้งเครื่องจักรไลน์การผลิตใหม่เพิ่ม โดยปัจจุบัน ICHI มี 8 ไลน์การผลิต ผลิตสินค้าได้ 1,700 ล้านขวดต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการในการออกสินค้าใหม่ และรองรับดีมานด์ของลูกค้า OEM ที่มีอยู่อย่างเต็มที่ ขณะที่ ‘น้ำด่างอิชิตัน’ จะเป็นสินค้าที่เติบโตโดดเด่นในกลุ่มสินค้านอน-ที โดยเฉพาะช่องทางขาย E-commerce ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมาก ทั้งหมดเพื่อสนับสนุนเป้าหมายปี 2568 แตะ 9,500 ล้านบาท [PR News]

ICHI กำไรปี 67 โต 18.7% ยอดขายในประเทศหนุน

ICHI กำไรปี 67 โต 18.7% ยอดขายในประเทศหนุน

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (ICHI) รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 1,306.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 15.2% ของรายได้จากการขาย และเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิเท่ากับ 1,100.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.7% ของรายได้จากการขาย กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 205.9 ล้านบาทหรือเท่ากับ 18.7% จากปีก่อน           บริษัทฯมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าในปี 2567 และ ปี2566 เท่ากับ 9.3 ล้านบาท และ 4.6 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าเพิ่มขึ้น 4.7 ล้านบาท เนื่องจากมีการควบคุมค่าใช้จ่ายและใช้งบทาง การตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ           ต้นทุนขายของบริษัทฯ ปี 2567 และ ปี 2566 มีจำนวน 6,382.2 ล้านบาท และ 6,163.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วน ต้นทุนขายต่อรายได้จากการขายเท่ากับ 74.3% และ 76.6% ตามลำดับ บริษัทฯ มีอัตราส่วนต้นทุนขายลดลงเนื่องจากการ ผลิตสินค้าที่มากขึ้นตามความต้องการของตลาด (Economy of Scale) การปรับสูตรการลดน้ำตาลในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ และราคาวัตถุดิบกลุ่มบรรจุภัณฑ์ปรับตัวลดลง           บริษัทฯ มีต้นทุนในการจัดจำหน่ายในปี 2567 และ ปี 2566 เท่ากับ 383.4 ล้านบาท และ 381.4 ล้านบาท ตามลำดับ โดย อัตราส่วนต้นทุนในการจัดจำหน่ายต่อยอดขายในปี 2567 เท่ากับ 4.5% ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 4.7% ต้นทุนในการจัดจำหน่ายมีอัตราส่วนลดลงเล็กน้อย           บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 8,594.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้จากการขาย 8,049.9 ล้านบาท รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 544.5 ล้านบาท โดยยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 9.6% เนื่องจากตลาดชาพร้อม ดื่ม ชาสมุนไพร และน้ำด่างมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนยอดขายต่างประเทศลดลง 25.0% จากการขาดแคลนวัตถุดิบใน การผลิตสินค้า OEM เพื่อการส่งออกในบางช่วงเวลา และปัญหากำลังซื้อภายในของประเทศคู่ค้า

โกลเบล็ก คาด ICHI โตดี ดีดลูกคิดกำไรปี 67 ที่ 1,376 ลบ. แนะ

โกลเบล็ก คาด ICHI โตดี ดีดลูกคิดกำไรปี 67 ที่ 1,376 ลบ. แนะ "ซื้อ"

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด แนะนำ "ซื้อ" ICHI ราคาเหมาะสม Bloomberg consensus 16.80 บาท Upside 31% "Consensus คาดกำไร 4Q67 อ่อนตัว QoQ แต่ ทรงตัว YoY"           • บริษัทมีรายได้ 9M67 เท่ากับ 6,586 ลบ. +11% YoY จากยอดขายในประเทศ (สัดส่วน 94%) เติบโต 14% YoY เนื่องจากการเติบโตของตลาดชาพร้อมดื่ม ชาสมุนไพร และน้ำด่างในประเทศ ขณะที่ยอดขายจากต่างประเทศ (สัดส่วน 6%) ลดลง 23% YoY เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตสินค้า OEM การแข็งค่าของเงินบาท และปัญหาการสั่งซื้อในประเทศคู่ค้า มี % GPM เท่ากับ 26% เพิ่มขึ้นจาก 23% ใน 9M66 เนื่องจากการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิด Economies of Scale และราคาวัตถุดิบบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,100 ลบ. +37% YoY คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 17% เพิ่มขึ้นจาก 14% ใน 9M66           • ความเห็น ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นกลางต่อผลประกอบการ 4Q67 คาดลดลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วง Low season อากาศหนาวกว่าปกติและสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศ คาดทำให้ความต้องการเครื่องดื่มลดลง อย่างไรก็ตามการเติบโตของตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศและการจัดการผลิตในช่วง 9M67 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดทำให้ผลประกอบการปี 67 เติบโตดี โดย Bloomberg consensus คาดกำไร 4Q67 เฉลี่ย 292 ลบ. ลดลง 18% QoQ แต่ทรงตัว YoY และกำไรปี 67 เฉลี่ย 1,376 ลบ. +25% YoY กำไร 9M67 คิดเป็น 80% ของประมาณการ ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E 12X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ระดับ 21X ราคาเหมาะสม Consensus 16.80 บาท มี Upside 31% ฝ่ายวิเคราะห์จึงแนะนำ “ซื้อ”

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

ICHI ปันผลเด่น 4.5% โบรกแนะซื้อ เป้า 18.30 บาท

ICHI ปันผลเด่น 4.5% โบรกแนะซื้อ เป้า 18.30 บาท

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ชี้กำไร ICHI ใน 4Q24 คาดลดลงทั้ง QoQ และ YoY ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า          คาดรายได้ใน 4Q24 ที่ 2,053 ล้านบาท (-4.2% QoQ, -2.8% YoY) ลดลงทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากการเข้าสู่ช่วง Low season รวมถึงอากาศที่หนาวกว่าปกติ และน้ำท่วมในบางพื้นที่ในภาคเหนือและใต้ ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อชะลอตัว ขณะที่ GPM คาดลดลงทั้ง QoQ และ YoY เช่นกัน จาก U-rate ที่ปรับตัวลงตามทิศทางยอดขาย          SG&A/Sales คาดสูงขึ้น QoQ เนื่องจากบริษัทมักมีการจ่ายโบนัสพนักงาน และส่วนแบ่งกำไรจากอินโดนีเซียคาดพลิกมาขาดทุนที่ 5 ล้านบาท ลดลงค่อนข้างมากจากที่มีกำไร 1 ล้านบาทใน 3Q24 เนื่องจากบริษัทมีการตั้งสำรองสินค้าล้าสมัย รวมถึงการแข่งขันในอินโดฯ ที่ยังรุนแรงต่อเนื่อง          กำไรปกติใน 4Q24 คาดที่ 278 ล้านบาท (-22.3% QoQ, -5.6% YoY) ต่ำกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้าที่คาดกำไรยังเติบโต YoY อย่างไรก็ตาม หากกำไรใน 4Q24 ออกมาตามคาด กำไรทั้งปีจะยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประมาณการปี 2024 ของเรา          เรามองเห็นความเสี่ยงมากขึ้นจากลานีญา (La Niña) ที่อาจเข้ามากดดันอุปสงค์เครื่องดื่มทั้งในไทยและประเทศกลุ่ม CLMV ที่เป็นกลุ่มรายได้หลักของบริษัท แนวโน้มปี 2025          แม้ลานีญาจะส่งผลให้อากาศเย็นลงเทียบกับปี 2024 เราคาดรายได้ยังสามารถเติบโตได้ในระดับไม่ต่ำกว่า 5% YoY หนุนจาก การรับรู้กำลังการผลิตใหม่ (+13% YoY) ตั้งแต่ในช่วงปลายเดือน ม.ค. 2025 ทำให้บริษัทสามารถกลับมาผลิตสินค้าให้ลูกค้ากลุ่ม OEM อีกครั้ง หลังจากปี 2024 ที่มีการชะลอการผลิตเนื่องจากกำลังการผลิตจำกัด การเร่งทำการตลาดโปรโมทสินค้า Non-tea มากขึ้น เช่น "น้ำด่าง" และ "เย็น เย็น"          แม้ว่าประมาณการรายได้ของเราจะต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ระดับ 10% YoY เราปรับประมาณการกำไรปี 2025 ลง 7% เพื่อเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น GPM ปี 2025          คาดยังสูงขึ้นเล็กน้อย YoY แม้จะถูกกดดันจากการรับรู้ค่าเสื่อมที่สูงขึ้นจากการขยายกำลังการผลิต แต่ได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของราคาต้นทุนการผลิตทั้งราคาน้ำตาลและราคาเม็ดพลาสติก          เราประเมินว่าราคาน้ำตาลมีโอกาสปรับตัวลงตามราคาน้ำตาลโลกที่ยังมีแนวโน้มเป็นขาลง ซึ่งเป็น Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการของเรา

ICHI คาดกำไรปี 68 ที่ 1.4 พันลบ.  โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 17 บาท

ICHI คาดกำไรปี 68 ที่ 1.4 พันลบ. โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 17 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กรุงศรี คาด Q4 กำไร ICHI โตขึ้นเล็กน้อย คงคำแนะนำ ซื้อ สำหรับ ICHI แต่ปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 17 บาท (จาก 22 บาท) เนื่องจากการเติบโตของยอดขายและกำไรที่อ่อนแอลงใน 4Q24 ทั้งในและต่างประเทศ (ฤดูหนาวที่อากาศเย็นและสภาวะที่ท้าทายใน เมียนมา) ลดกำไรต่อหุ้นปี 2568F-2569F ลง 4-6% หลังจากปรับตามการเติบโตของยอดขายที่อ่อนแอลง ตอนนี้เราคาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2025F ที่ 4.2% ซึ่งอาจจำกัดมูลค่าสูงสุดได้ ดังนั้นจึงให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 15.3x P/E ปี 2025F ซึ่งเป็น -0.5SD ของตัวคูณเฉลี่ยระยะยาว กำไรหลักโตขึ้น 1% yoy ใน 4Q24F           คาดการณ์กำไรหลัก 4Q24F อาจเพิ่มขึ้น 1% yoy โดยได้รับแรงหนุนจากกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 0.8ppt yoy จากราคา PET และน้ำตาลที่ลดลง yoy สำหรับยอดขายลดลง 3% yoy มีสาเหตุมาจากการแข่งขันด้านราคาในบางหมวดหมู่ เช่น เย็นเย็น (ยอดขายลดลง 10% yoy เป็น 245 ล้านบาท) และ Non-Tea (ลดลง 8% yoy เป็น 166 ล้านบาท) เนื่องจาก (1) ฤดูหนาวที่เย็นกว่าในปี 2024 และ (2) การแข่งขันที่สูงขึ้น (โดยเฉพาะจากโออิชิ) คาดว่ายอดขายชาเขียวจะเติบโตเพียง 3% yoy ยอดขายส่งออกลดลง 30% yoy จากสภาวะที่ท้าทายในเมียนมา (70% ของยอดขายส่งออก) การส่งออกคิดเป็น 4% ของรายได้ทั้งหมด นอกจากนี้ เนื่องจากยอดขายที่อ่อนแอ อัตรากำไรขั้นต้นจึงลดลง 0.4ppt qoq เป็น 25.3% กำไรหลักโตขึ้น 4.2% ในปี 2025           สาเหตุหลักมาจากยอดขายในประเทศ เนื่องจากการส่งออกจะทรงตัว แต่ตลาดในประเทศยังคงสามารถแข่งขันได้ และตลาดส่งออก (โดยเฉพาะเมียนมา) ยังคงมีความท้าทาย อัตรากำไรขั้นต้นจะขยายตัว 0.9ppt yoy เนื่องจากเราคาดว่าราคาน้ำตาลจะลดลง 24% yoy และต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขายและการขายจะทรงตัว โดยรวมแล้วเราคาดว่ากำไรหลักจะเพิ่มขึ้น 4.2% เป็น 1.4 พันล้านบาทในปีนี้ การแข่งขันด้านราคาคือความเสี่ยงหลัก           ราคาเป้าหมายของเราถูกกำหนดไว้ที่ 15.3x P/E ปี 2025F หรือ -0.5SD ของตัวคูณเฉลี่ยระยะยาว เนื่องจากการเติบโตของ EPS ที่ช้าลงในปี 2025F เทรดอยู่ที่ 11.9x 2025F P/E ความเสี่ยงที่สำคัญคือการแข่งขันด้านราคาโดยเฉพาะในตลาดภายในประเทศ

นักลงทุนคอแห้ง! หุ้นเครื่องดื่มไตรมาส 3 เสิร์ฟกำไรแบบจัดเต็ม

นักลงทุนคอแห้ง! หุ้นเครื่องดื่มไตรมาส 3 เสิร์ฟกำไรแบบจัดเต็ม

อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม สำหรับไตรมาส 3/2567 บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือMALEE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท และบริษัทย่อยมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 61 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3/2566 ที่มีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 9 ล้านบาท ผลการดำเนินงานเติบโต 551% YoY เป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 6% YoY จากกลยุทธ์ที่เน้นการเติบโตของสินค้าภายใต้แบรนด์ Malee ที่เป็น Focus SKU มีการยกเลิกขายสินค้าบางรายการ มีการปรับเพิ่มราคาสินค้าบางกลุ่มสินค้า และในกลุ่มลูกค้า CMG (Contract Manufacturing) ที่เป็นผลิตภัณฑ์ตามสัญญาและรับจ้างผลิต ตลอดจนความมีประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนขายที่ดีขึ้น บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)หรือSSC  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567    กำไรสุทธิของบริษัท เท่ากับ 404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.1% จากผลกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของยอดขายและการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีผลกำไรต่อหุ้นเป็นจำนวน 1.52 บาท เพิ่มขึ้น 0.59 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับผลกำไรต่อหุ้น 0.93 บาทในงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือCBG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ เท่ากับ 741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +40% YoY สะท้อนยอดขายที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนที่ปรับตัวลดลง การควบคุมค่าใช้จ่าย มีรายได้จากการขายรวมเท่ากับ 5,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% YoY โดยในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการดำเนินการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองจำนวน 3,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% YoY จากยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังคาราบาวแดงในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากส่วนแบ่งทางการตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการที่บริษัทฯ ยังคงดำเนินกลยุทธ์หลักคงราคาขายปลีกที่ 10 บาท รวมถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การกระจายสินค้าให้มีเครือข่ายที่กว้างขวางและครอบคลุมมากขึ้นผ่านคู่ค้ารายย่อยระดับอำเภอและระดับตำบล เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ TACC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 และสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 จำนวน 66.31 และ 205.68 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 6.42 และ 36.95 ล้านบาท (คิดเป็น 10.73% และ 21.90%) จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59.89 และ 168.73 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.89% และ 14.16% ของรายได้ของไตรมาส 3 ปี 2567 และ 2566 (ลดลง 0.27%) และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 14.45% และ 13.55% ของรายได้สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 และ 2566 (เพิ่มขึ้น 0.90%)  กลุ่มบริษัทฯ คาดว่ารายได้ทั้งปี 2567 จะเติบโตร้อยละ 10 จากปีก่อน จากกลยุทธ์การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าหลัก เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ นำเสนอสินค้าใหม่จับเทรนด์ผู้บริโภครักสุขภาพ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน)หรือCOCOCO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 172.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.57 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 12.81% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ลดลง 54.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นการลดลง 24.14% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปัจจัยภายนอกจากสถานการณ์ความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนยังคงมีผลกระทบต่อตลาดเงินและค่าเงินบาทในระยะสั้น ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศมีความผันผวน ส่งผลให้การรับรู้กำไรสุทธิลดลง สำหรับงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 603.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 252.45 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 72% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ ICHI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  กำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมา 13/2567 และ โตรมาร 3/2566 เท่ากับ 357.3 ล้านบาท และ 328.0 ล้านบาทหรือ คิดเป็นอัตราทำไรสุทธิของรายได้จากการขาย เท่ากับ 16.7% และ 15.8% ตามลำดับ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20.3 ล้านบาท หรือเท่ากับ 6.9% สำหรับทำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 1.099.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 16.7% กำไร สุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ 805.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.6%ของรายได้จากการขาย กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 294.6 ล้านบาทหรือเท่ากับ 36.6% บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)หรือSAPPE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 รายงานผลประกอบการ กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 300.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.2% ต่อรายได้จากการขาย ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้าที่ 319.1 ล้านบาทบริษัทฯ มีรายได้จากการขายในไตรมาสนี้เท่ากับ 1,566.2 ล้านบาท ลดลง 6.0% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมาจากการลดลงของรายได้จากการขายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ภายในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมีแผนการออกสินค้าใหม่ทั้งหมดมากกว่า 20 รายการ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้รายได้จากการขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)หรือSSC  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567    กำไรสุทธิของบริษัท เท่ากับ 404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.1% จากผลกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของยอดขายและการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีผลกำไรต่อหุ้นเป็นจำนวน 1.52 บาท เพิ่มขึ้น 0.59 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับผลกำไรต่อหุ้น 0.93 บาทในงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุผลที่อธิบายข้างต้น บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน)หรือHTC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567   บริษัทฯ มีกำไรสุทธิแสดงไว้ในงบการเงินรวมเป็นจำนวนเท่ากับ 129.2 ล้านบาท ลดลง 3.6% YoY และลดลง 18.7% QoQ จากปริมาณการขายที่ลดลงจากสภาวะอากาศเย็นและน้ำท่วม และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 6.9% ลดลง 0.3 จุดเปอร์เซ็นต์ YoY และ QoQ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าสภาวะตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในภาคใต้จะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/2567 จากสภาวะการท่องเที่ยวปลายปีที่ปรับตัวดีขึ้น และสภาวะอากาศที่เข้าสู่ฤดูหนาว อีกทั้งจะเริ่มได้รับผลบวกจากการปรับราคาในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเต็มทั้งไตรมาส 4/2567 บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP มีการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) รายงานผลขาดทุนสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ 361 ล้านบาท ลดลง 156.3% จากปีก่อน (YoY) และลดลง 159.8% จากไตรมาสก่อน (QoQ) เนื่องจากมีการบันทึกผลขาดทุนสุทธิจากการจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายขวดแก้วในประเทศเมียนมาตามแผนยุทธศาสตร์การลงทุนตามที่ได้ส่งข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 และการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน รวมเป็นจำนวน 1,033 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 672 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% YoY และลดลง 27.2% Qo

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

ICHI แจ้งยกเลิกกิจการ บริษัท อิชิตัน พาวเวอร์ จำกัด ยันไม่กระทบฐานะทางการเงิน

ICHI แจ้งยกเลิกกิจการ บริษัท อิชิตัน พาวเวอร์ จำกัด ยันไม่กระทบฐานะทางการเงิน

          ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนเรื่อง ICHI แจ้งยกเลิกกิจการ ตันพาวเวอร์ จำกัด ยันไม่กระทบฐานะทางการเงิน ขอเรียนชี้แจงให้ทราบว่า บริษัท อิชิตัน พาวเวอร์ จำกัด เป็นบริษัทย่อยที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2560 ในปัจจุบันไม่ได้ประกอบกิจการมากว่า 7 ปี จึงเห็นสมควรให้ปิดการดำเนินการเชิงพานิชย์           ขอยืนยันว่าการเลิกกิจการของบริษัทย่อยดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทฯ แต่อย่างใด และไม่เกี่ยวข้องกับ “ตัน พาวเวอร์” (TAN POWER) เครื่องดื่ม Energy Drink ที่ยังคงดำเนินกิจกรรมทางการตลาดย่างแข็งขันต่อเนื่อง ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ICHI           บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ICHI ขออภัยอย่างสูงที่อาจจะทำให้สื่อมวลชนเข้าใจคลาดเคลื่อนจึงขออนุญาตชี้แจงทำความเข้าใจมา ณ ที่นี้

ICHI ฟันกำไร 357.3 ลบ. พร้อมปันผล 0.60 บาทต่อหุ้น

ICHI ฟันกำไร 357.3 ลบ. พร้อมปันผล 0.60 บาทต่อหุ้น

          หุ้นวิชั่น - นางอิง ภาสกรนที  รองกรรมการผู้อำนวยการ  บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI แจ้งรายได้ ไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,141.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.3 ล้านบาท หรือเท่ากับ 3.1% จาก ช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 2,076.6 ล้านบาท โดยยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 6.5% จากการเติบโตของกลุ่มตลาดชาพร้อมดื่ม ชาสมุนไพรและน้ำด่าง ส่วนยอดขายต่างประเทศลดลง 36.0% เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท และปัญหากำลังซื้อภายในของประเทศคู่ค้า สำหรับรายได้จากการขายงวด 9 เดือนปี 2567 และ ปี 2566 เท่ากับ 6,586.3 ล้านบาท และ 5,938.9 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 647.4 ล้านบาท หรือเท่ากับ 10.9% โดยยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 14.2% จากการเติบโตของกลุ่มตลาดชาพร้อมดื่ม ชาสมุนไพร และน้ำด่าง ส่วนยอดขายต่างประเทศลดลง 23.3% เนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตสินค้า OEM เพื่อส่งออกในไตรมาส 2 การแข็งค่าของเงินบาทในไตรมาส 3 และปัญหากำลังซื้อภายในของประเทศคู่ค้า ต้นทุนขาย           ต้นทุนขายของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 1,591.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราส่วนต้นทุนขายต่อรายได้จากการขายเท่ากับ 74.3% โดยต้นทุนขายในงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 1,554.0 ล้านบาทหรือคิดเป็น 74.8% ของรายได้จากการขาย บริษัทฯ มีอัตราส่วนต้นทุนขายลดลงเล็กน้อย สำหรับต้นทุนขายงวด 9 เดือนปี 2567 และ ปี 2566 เท่ากับ 4,868.8 ล้านบาท และ 4,569.6 ล้านบาทตามลำดับ หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้จากการขาย 73.9% และ 76.9% ตามลำดับ โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนต้นทุนขายลดลงจากการผลิตสินค้าที่มากขึ้นตามความต้องการของตลาด (Economy of Scale) การปรับสูตรการลดน้ำตาลในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์ และราคาวัตถุดิบกลุ่มบรรจุภัณฑ์ปรับตัวลดลง ค่าใช้จ่ายในการบริหาร           ค่าใช้จ่ายในการบริหารของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2567 และ ไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 42.0 ล้านบาท และ 35.8 ล้านบาทตามลำดับ โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อยอดขาย เท่ากับ 2.0% และ 1.7% ตามลำดับ ค่าใช้จ่ายในการบริหารมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2567 และ ปี 2566 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการบริหาร เท่ากับ 148.7 ล้านบาท และ 119.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.3% และ 2.0% ของรายได้จากการขายตามลำดับ ค่าใช้จ่ายในการบริหารมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ต้นทุนทางการเงิน           ต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ ไตรมาส 3/2567 และไตรมาส 3/2566 มีจำนวน 0.4 ล้านบาท และ 0.5 ล้านบาท ตามลำดับ ต้นทุนทางการเงินเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย           สำหรับต้นทุนทางการเงินงวด 9 เดือนปี 2567 และปี 2566 มีจำนวน 1.2 ล้านบาท และ 1.4 ล้านบาทตามลำดับ ต้นทุนทางการเงินเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า           ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2567 และ ไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 0.9 ล้านบาท และ 1.6 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนลดลง 0.7 ล้านบาท เนื่องจากมีการใช้งบสื่อสารทางการตลาด           สำหรับงวด 9 เดือนของ ปี 2567 และปี 2566 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าของบริษัทฯ เท่ากับ 13.7 ล้านบาท และ 12.1 ล้านบาท โดยส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาท เนื่องจากการควบคุมค่าใช้จ่ายทางการตลาด การปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ กำไรสุทธิ           กำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2567 และ ไตรมาส 3/2566 เท่ากับ 357.3 ล้านบาท และ 328.0 ล้านบาท หรือ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิของรายได้จากการขาย เท่ากับ 16.7% และ 15.8% ตามลำดับ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 29.3 ล้านบาท หรือเท่ากับ 8.9%           สำหรับกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 1,099.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 16.7% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ 805.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.6% ของรายได้จากการขาย กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 294.6 ล้านบาทหรือเท่ากับ 36.6%           ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีการอนุมัติการจ่ายเงินปันผล อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.60 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) : 22 พ.ย. 2567 และวันที่จ่ายปันผล 06 ธ.ค. 2567           บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ขอเรียนให้ทราบว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2567 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ได้มีมติอนุมัติให้เลิกกิจการ บริษัท อิชิตัน เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นทางตรงในสัดส่วนร้อยละ 100 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป และจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนเลิกกิจการและชำระบัญชีให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป โดยการเลิกกิจการของบริษัทย่อยดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทฯ แต่อย่างใด เนื่องจากปัจจุบันบริษัทย่อยดังกล่าวไม่ได้ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว

[ภาพข่าว] อิชิตัน กรุ๊ป คว้า 2 รางวัลเกียรติยศในงาน SET Awards 2024

[ภาพข่าว] อิชิตัน กรุ๊ป คว้า 2 รางวัลเกียรติยศในงาน SET Awards 2024

          บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ประสบความสำเร็จในงาน SET Awards 2024 คว้า 2 รางวัลทรงเกียรติ ได้แก่ รางวัล Outstanding CEO Awards 2024 และ Outstanding Company Performance Awards ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดระหว่าง 10,000-30,000 ล้านบาท โดยนายธนพันธุ์ คงนันทะ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม เป็นผู้รับมอบรางวัลจาก นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในพิธีมอบรางวัล           "รางวัลอันทรงคุณค่าทั้งสองรางวัลนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจ สำหรับพนักงานอิชิตันทุกคน เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มคุณภาพสูง ควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนร่วมกับสังคม ผ่านกระบวนการผลิตที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม" นายธนพันธุ์กล่าว           ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนให้เห็นการดำเนินธุรกิจของอิชิตัน กรุ๊ป ที่ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล การกำกับดูแลกิจการที่ดี และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ มุ่งสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011