ฟินันเซีย ชู ICHI หุ้นเด่น ปันผลเร้าใจ 9% - เช็กเป้าเลย!
หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดว่า SET Index จะแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,170-1,185 จุด โดยประเมินว่าความผันผวนอาจลดลง และคาดว่าตลาดจะรอติดตามการประชุม FED คืนนี้ ซึ่งแม้ว่าจะคงดอกเบี้ยค่อนข้างแน่ แต่โฟกัสจะอยู่ที่ถ้อยแถลงหลังการประชุมเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ รวมถึงประมาณการเศรษฐกิจและ Dot Plot ใหม่ โดยล่าสุด Survey ของ BofA ระบุว่าตลาดลดการถือครองหุ้นสหรัฐฯ และโยกไปหาฝั่งยุโรปและตลาดเกิดใหม่ (EM) รวมถึงถือเงินสดมากขึ้น ส่วนภาพ Sector: ตลาดลดน้ำหนักกลุ่มเทคโนโลยีและพลังงานลง แต่เพิ่มในกลุ่ม Consumer Staple, ธนาคาร และสาธารณูปโภค สะท้อนความระมัดระวังที่มากขึ้น ด้านสงครามล่าสุด แม้รัสเซียจะปฏิเสธการหยุดยิงกับสหรัฐฯ แต่ระบุว่าจะหลีกเลี่ยงการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ส่งผลให้ค่าน้ำมันดิบกลับมาชะลอตัวลงอีกครั้ง ส่วนปัจจัยในประเทศวานนี้ ครม. ยังไม่เห็นชอบมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ อย่างที่ตลาดคาดหวัง โดยต้องติดตามต่อในสัปดาห์หน้า ภาพรวม: เราประเมินว่า SET Index ที่ปรับตัวร่วงแรงราว 20% จาก High เดือน ต.ค. 24 ทำให้ Valuation ระยะกลาง-ยาวน่าสนใจ โดยเทรด PER และ PBV เพียง 12.5 เท่า และ 1.13 เท่า ตามลำดับ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยช่วงก่อนโควิดอย่างมีนัยยะ ทำให้ยังมองเป็นจังหวะในการทยอยสะสม โดยยังคงชอบกลุ่ม Domestic และ Tourism-Related Play ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่ากลุ่ม Global-Related Play ที่อาจถูกกระทบจากความไม่แน่นอนของประเด็นการค้าและเศรษฐกิจโลก ส่วนระยะสั้นเน้น Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว กลยุทธ์: ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งในปี 2025 และ Valuation ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดอย่างมีนัยยะ หุ้นเด่นเดือนมี.ค.: BA, BTG, CPALL, MTC, PR9 FSSIA Portfolio: BA, BBL, BTG, CPALL, MTC, NSL, PR9, SEAFCO, SHR หุ้นเด่นวันนี้: ICHI แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท เบื้องต้นคาดกำไร 1Q25 ทรงตัว q-q และ y-y แต่จะเริ่มขึ้นใน 2Q25 จาก High Season หลังได้ลูกค้า OEM เต็มไตรมาส รวมถึงเตรียมออกสินค้าใหม่หลายรายการในช่วง 1H25 แผนการขายที่ดิน คาดจะแล้วเสร็จและบันทึกกำไรได้ใน 2Q-3Q25 ขณะที่ปัจจุบันพันธมิตรเริ่มสร้างโรงงานแล้ว คาดแล้วเสร็จและเริ่มเปิดได้กลางปี 2026 จุดเด่นของ ICHI ยังอยู่ที่ Valuation ที่ถูก ปัจจุบันเทรด PER เพียง 11 เท่า และให้ Dividend Yield ทั้งปีสูงราว 9% แนวรับ 12 บาท, แนวต้าน 13/14 บาท Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงผสมผสาน แต่สุทธิแล้วพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคบางๆ US$69 ล้าน เม็ดเงินไหลเข้ากาหลีใต้ US$278 ล้าน แต่ไหลออกจากไต้หวัน US$74 ล้าน ส่วนด้านอาเซียนไหลออกสูงสุดที่ อินโดนีเซีย US$150 ล้าน แต่ไหลเข้าประเทศไทย US$26 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดทรงตัวโดยรอติดตามผลการประชุมและถ้อยแถลงของประธาน FED คืนนี้ ประเด็นสำคัญวันนี้: (0) ความกังวลเศรษฐกิจอินโดนีเซีย อาจเป็น sentiment เชิงลบต่อนักลงทุนที่มีรายได้ในตลาดอินโด โดยบริษัทในกลุ่มอาหารเครื่องดื่มที่มีสัดส่วนรายได้ขายไปยังอินโดนีเซียได้แก่ SAPPE คาดสัดส่วนไม่เกิน 10% ของรายได้รวม, TKN 10-15%, RBF สัดส่วนราว 7.8%, SNNP ต่ำกว่า 1%, ICHI 0.7% เรามองข่าวอินโดเป็นเพียง sentiment เชิงลบต่อนักลงทุนกลุ่มนี้ แต่คาดผลกระทบจำกัด เพราะส่วนใหญ่เป็นสินค้าอาหารเครื่องดื่มซึ่งเป็นสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะ RBF ที่ขาย food coating ไปยังผู้ผลิตอาหารที่จำเป็นต่อการบริโภค ส่วน SCGP มีสัดส่วนรายได้จากอินโดนีเซียราว 14% (+) GFPT Valuation อยู่ในระดับต่ำมากและต่ำที่สุดในกลุ่มเนื้อสัตว์ ราคาหุ้นของ GFPT ปรับตัวลดลงไปถึง 20% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และปัจจุบันมีการซื้อขายที่เพียง 6.6x 2025E P/E คาดกำไร 1Q25 จะฟื้นตัวดี q-q หุ้นมีปัจจัยบวกหลายประการ เช่น ราคาหมูดี, ราคาวัตถุดิบลดลง และส่วนแบ่งกำไรที่ฟื้นตัว คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ที่ 1.56 พันล้านบาท และราคาเป้าหมาย 12.5 บาท, ยังแนะนำ “ซื้อ” (+) EGCO ปี 2025 บริษัทตั้งงบลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังผลิต ขณะที่รายได้ปี 2025 คาดจะลดลงหลังโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน QPL ฟิลิปปินส์ 460MW ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าหลักที่มีสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานกว่า 24% ของ EGCO แต่จะถูกชดเชยจากโรงไฟฟ้าลม Yunlin 640MW ที่เริ่ม COD ตั้งแต่ต้นปีนี้ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน APEX สหรัฐ ที่มีโอกาสเติบโตสูง คาดแนวโน้มกำไรปี 2025 คงที่ y-y บริษัทคงนโยบายจ่ายเงินปันผล 6.50 บาท/หุ้น/ปี Yield 7% ราคาหุ้นที่ลงลึกจนเทรด P/BV เพียง 0.48 เท่า ขณะที่ Downside มีจำกัด น่าจะเป็นโอกาสลงทุน