ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#GLOBAL


GLOBALชี้ตลาดไทยทรุด ยกเลิกร่วมทุนในฟิลิปปินส์

GLOBALชี้ตลาดไทยทรุด ยกเลิกร่วมทุนในฟิลิปปินส์

          หุ้นวิชั่น - นายวิทูร สุริยวนากุลประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) GLOBAL แจ้งมายังตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ตามที่บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการขยายธุรกิจในประเทศฟิลิปปินส์ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2564 บริษัทฯ ได้เข้าลงนามในสัญญาร่วมทุนกับบริษัท Cosco Capital Incorporated เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2565 โดยมีแผนจะจัดตั้งบริษัท Global House Philippines Co., Ltd. เพื่อดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างและสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศฟิลิปปินส์ โดยบริษัทฯ มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ 55% และบริษัท Cosco Capital Incorporated มีสัดส่วนการลงทุน 45%           ปัจจุบัน โครงการร่วมทุนระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากยังไม่มีการจัดตั้งบริษัท Global House Philippines Co., Ltd. และยังไม่มีการลงทุนใด ๆ ทั้งสิ้น สาเหตุหลักมาจากสถานการณ์ตลาดในประเทศไทยที่ชะลอตัวลง ทำให้บริษัทฯ ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และเป้าหมายทางธุรกิจ           ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้บริษัทฯ ยกเลิกการร่วมทุนกับบริษัท Cosco Capital Incorporated

GLOBAL กำไรลด 11.62%  หนี้ครัวเรือนกดยอดขาย

GLOBAL กำไรลด 11.62% หนี้ครัวเรือนกดยอดขาย

          หุ้นวิชั่น - นายวิทูรสุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)GLOBAL แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจ ผลการดำเนินงานประจำปี 2567 บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (หรือ “บริษัทฯ”) มีกำไรสุทธิ (เฉพาะกิจการ) เท่ากับ 2,114.69 ล้านบาท ลดลง 415.66 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 16.43  เมื่อรวมส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและการลงทุนในบริษัทย่อย บริษัทฯ จะมีผลกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมเท่ากับ 2,366.86 ล้านบาท ลดลง 311.28 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.62 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 การลดลงของยอดขายเกิดจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและสถานการณ์หนี้ครัวเรือนของประเทศที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของประชาชน แม้ว่าบริษัทฯ จะใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าอย่างสม่ำเสมอ           พัฒนาการที่สำคัญ           **การขยายสาขา:** บริษัทฯ มีเป้าหมายในการขยายสาขาเพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพิ่มศักยภาพการเข้าถึงลูกค้า โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินการขยายสาขาในประเทศเพิ่มอีก 7 แห่ง ได้แก่ สาขาเดอะไนน์เซ็นเตอร์ติวานนท์ (จ.ปทุมธานี), สาขาพิมาย (จ.นครราชสีมา), สาขาปัตตานี, สาขาจะนะ (จ.สงขลา), สาขาสว่างแดนดิน (จ.สกลนคร), สาขาลำปลายมาศ (จ.บุรีรัมย์), และสาขาสวรรคโลก (จ.สุโขทัย) สำหรับสาขาในต่างประเทศ ได้ขยายสาขาเพิ่มอีก 1 แห่งที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ส่งผลให้           ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ มีจำนวนสาขาที่เปิดดำเนินการในประเทศรวม 90 สาขา และในประเทศกัมพูชา รวม 2 สาขา           การปรับปรุงสาขา           นอกจากการขยายสาขาแล้ว บริษัทฯ ยังมีเป้าหมายในการปรับปรุงร้านสาขาเก่าเพื่อแสดงภาพลักษณ์ที่ทันสมัย เพิ่มความสะดวกสบาย และยกระดับประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าให้มีความพึงพอใจสูงสุด โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงร้านสาขาเก่าเพิ่มอีก 9 แห่ง ได้แก่ สาขายโสธร, สาขาปทุมธานี, สาขาลำพูน, สาขาลำปาง, สาขาบ้านตาด (จ.อุดรธานี), สาขาอุดรธานี, สาขากาญจนบุรี, สาขาปราณบุรี (จ.ประจวบคีรีขันธ์), และสาขาเพชรบูรณ์           ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงร้านสาขาเก่าเรียบร้อยแล้วรวม 38 สาขา

ส่องคาดการณ์กำไร GLOBAL ไตรมาส 4/2567

ส่องคาดการณ์กำไร GLOBAL ไตรมาส 4/2567

           หุ้นวิชั่น - บล.พาย ระบุคาด GLOBAL มีกำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 ที่ 500 ล้านบาท (-11%YoY, +38%QoQ) การฟื้นตัว QoQ เป็นผลจากยอดขายสาขาเดิมที่ -1% YoY  ในไตรมาส 4/2567  เทียบกับ -6.5% ในไตรมาส 3/2567 และการลดลง YoY จากต้นทุนการขยายสาขาใหม่ ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่ม เป็น 20.3% ในไตรมาส 4/2567 เทียบกับ 18.9% ในไตรมาส 4/2566 แม้คาดว่าส่วนแบ่งกำไรจาก ธุรกิจในต่างประเทศที่เพิ่มเป็น 75 ล้านบาท (+118%YoY) จากยอดขาย ในเมียนมา (สัดส่วนราว 60% ของส่วนแบ่งกำไร) เติบโตดีมาก            ประเมินยอดขายช่วงไตรมาส 4/2567 ยังเติบโต YoY ผลจากการขยายสาขา ระหว่างไตรมาส 3 สาขา (สว่างแดนดิน ,สวรรคโลก, ลำปลายมาศ) รวมเป็น 8 สาขาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีสาขาทั้งหมด 92 แห่งในไตรมาส 4/2567 จาก 84 แห่งในไตรมาส 4/2566  (+10%YoY) แบ่งเป็นสาขาใน ประเทศ 90 สาขา และ สาขาในกัมพูชา 2 สาขา            แนวโน้มการเติบโตปี 2568 ท้าทายกว่าคาด การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) พลิกกลับมาติดลบ 3% ใน เดือน ธ.ค.2567 และติดลบมากขึ้นเป็น -7% ถึง -9% ในเดือน ม.ค.2568 เทียบกับ SSSG ที่ทรงตัว YoY ในเดือน ต.ค.-พ.ย. 2567 ผลจากยอดขายกลุ่มงานโครงสร้างที่ปรับตัวลดลง จากการแข่งขันที่สูงขึ้น สวนทางกับการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐที่ดีขึ้น YoY            อย่างไรก็ตามคาดว่า SSSG จะทยอยปรับตัวดีขึ้นหลังจากปรับกลยุทธ์ ทางบริษัทเตรียมรีวิวสินค้าบางรายการให้สามารถแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น ทำให้คาดว่าอัตรากำไรจะลดลงเล็กน้อย YoY ประเมินอัตรากำไร ขั้นต้น (GPM) ทุกๆ 10 bps ที่เปลี่ยนแปลงไปจากสมมติฐานเราที่ 25.6% จะกระทบประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายเรา 1% ในปี 2568 ในแง่การขยายสาขา บริษัทมีแผนเปิด 8-9 สาขาในปี 2568 (+9% ถึง +10% YoY) โดยใช้สมมติฐานการขยายสาขา 8 สาขาในปี 2568 นอกจากนี้ยังมีสาขาในต่างประเทศอื่นๆ อีก 35 สาขา (ในประเทศเมียน มา, ลาว, อินโดนีเซีย) ที่ มีแผนขยายเพิ่ม 1 สาขาในลาว และ 1 สาขาใน เมียนมา ในปี 2568            คำแนะนำ "ถือ" SSSG ยังไม่สดใส มูลค่าพื้นฐาน 10.50 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแส เงินสด (DCF) ด้วย WACC 8.3% และ TG 2% เทียบเท่า 23xPE'25E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าซ่อมแซมและตกแต่งบ้านของไทย หลังปรับลด ประมาณการกำไรปี 2567-2568 ลง 1%-22% เพื่อสะท้อน GPM ที่จะลดลง จากการปรับกลยุทธ์เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ดีขึ้นในบางสินค้า แม้ว่า สัดส่วน House brands จะเพิ่มขึ้น YoY (สมมติฐาน GPM ลดลง 25 bps YoY) และ SSSG จาก +2.5% เป็น 0% YoY ในปี 2568            บล.กรุงศรี ระบุ ประเมิน SSS จะลดลง 2% ในไตรมาส 4/2567 เนื่องจากการฟื้นตัวช้าของการบริโภคไทยซึ่งกดดันความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็น โดยเชื่อว่า SSSG ในเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคมอยู่ที่ 0%, -2% และ -4% ตามลำดับ สะท้อนถึงอุปสงค์ที่อ่อนตัวจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอตัว            อย่างไรก็ตามคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 10% YoY และ 15% QoQ เป็น 8.3 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทเพิ่มสาขา 9แห่งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (เป็น 90 แห่ง) นอกจากนี้ยังคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง 0.2ppt qoq เป็น 25.7% เนื่องจากราคาเหล็ก (ส่วนแบ่งรายได้ 15%) ลดลงประมาณ 4% QoQ ในไตรมาส 4/2567            ทั้งนี้คาดการณ์ SSSG จะอยู่ที่ 2% ในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคโดยรวม นอกจากนี้ยังคำนึงถึงร้านค้าใหม่ 7 แห่งในปี 2568 (เป็น 97 แห่ง) โดยรวมแล้วคาดว่ารายได้จะเติบโต 8% ในปี 2568 (เป็น 35,582 ล้านบาท) และกำไรหลักจะอยู่ที่ 2,646 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY            อัพเกรด GLOBAL เป็น BUY ขณะที่คงราคาเป้าหมายไว้ที่ 16 บาท ให้ TP ที่ 30.2x FY25F P/E ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว -0.5SD โดยเชื่อว่าปัจจัยลบได้อยู่ในราคาแล้ว และ GLOBAL ก็อยู่บนเส้นทางฟื้นตัวตามแนวโน้มการบริโภคของไทย มองว่าการขยายตัวของ GLOBAL เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการเติบโตของรายได้และกำไร ความเสี่ยงสำคัญอยู่ที่การบริโภคโดยรวมของไทย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายของ GLOBAL หากเติบโตช้ากว่าคาด

GLOBAL ขานรับ Easy E-Receipt จัดแคมเปญ “โกลบอลเฮ้าส์ TAX RECEIPT E-TAX คุณ ลุ้นล้าน”

GLOBAL ขานรับ Easy E-Receipt จัดแคมเปญ “โกลบอลเฮ้าส์ TAX RECEIPT E-TAX คุณ ลุ้นล้าน”

          หุ้นวิชั่น - บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)  หรือ GLOBAL  ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้าน มีสาขา ครอบคลุม กว่า 90 สาขาทั่วประเทศ ขานรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษ “โกลบอลเฮ้าส์ TAX RECEIPT E-TAX คุณ ลุ้นล้าน” (โกลบอลเฮ้าส์ แท็กซ์ รีซีท อี-แท็กซ์ คุณ ลุ้นล้าน) สมาชิก โกลบอลคลับ สามารถรับสิทธิ์ลุ้นโชคใหญ่ได้ง่ายๆ เมื่อช้อปสินค้าหรือบริการที่โกลบอลเฮ้าส์ครบทุกๆ 300 บาท จะได้รับ 1 สิทธิ์ดิจิทัลทันที พิเศษ! รับสิทธิ์ลุ้นโชค X2 เมื่อเลือกรับใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จรับเงิน อิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ Invoice & e-Receipt และหากชำระผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด ttb Global House รับสิทธิ์ ดิจิทัลเพิ่มอีก 1 สิทธิ์ ต่อการช้อปครบทุกๆ 300 บาท           ทั้งนี้โกลบอลเฮ้าส์ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอำนวยความสะดวก และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า อาทิเช่น บริการ Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท* (โปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568) พร้อมทั้งสนับสนุนการใช้ระบบใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตามโครงการลดหย่อนภาษีของภาครัฐ ลูกค้าสามารถเลือกรับใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ได้ง่ายๆ ณ จุดชำระเงิน ที่โกลบอลเฮ้าส์ทุกสาขา โดยจะได้รับเอกสาร ผ่านทาง อีเมล หรือ SMS ทันที ซึ่งช่วยลดเวลาและความซับซ้อนในการลดหย่อนภาษี นอกจากนี้ยังเป็นการ ลดปริมาณการใช้กระดาษ ส่งเสริมแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและ ช่วยสร้างความ ยั่งยืนในระยะยาวอีกด้วย ช้อปที่โกลบอลเฮ้าส์คุ้มกว่าใคร ครบกว่า แหล่งรวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านในที่เดียว สบายกว่า  ด้วยบริการออก e-Tax Invoice & e-Receipt ผ่านทางอีเมล หรือ SMS ทันที สะดวกกว่า ด้วยบริการ Easy E-Receipt 2.0 ระบบที่ง่ายและรวดเร็วกว่าเดิม แจกหนักกว่า ลุ้นโชคใหญ่และของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท*           ช้อปสุดคุ้ม ลุ้นรางวัลใหญ่กับแคมเปญ “โกลบอลเฮ้าส์ TAX RECEIPT E-TAX คุณ ลุ้นล้าน” ที่มอบโอกาสให้คุณลุ้นเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ดัง BYD พร้อมของรางวัลสุดพิเศษอีกมากมาย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ คูปองแทนเงินสด และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท* เริ่มสะสมสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม - 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568 อย่าพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้! กติกาในการร่วมกิจกรรม           สงวนสิทธิ์สำหรับสมาชิกโกลบอลคลับ ช้อปสินค้าและบริการครบทุกๆ 300 บาท ได้รับคูปองชิงโชคดิจิทัล (Digital Coupon) จำนวน 1 สิทธิ์ พิเศษ! รับสิทธิ์ X2 เมื่อเลือกรับใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt หากชำระผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด ttb Global House รับเพิ่มอีก 1 สิทธิ์ ต่อการช้อปครบทุกๆ 300 บาท *เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทฯกำหนด แคมเปญ “โกลบอลเฮ้าส์ TAX RECEIPT E-TAX คุณ ลุ้นล้าน” เปิดโอกาสให้ลูกค้าสะสมสิทธิ์และลุ้นรับรางวัลใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีกำหนดการจับรางวัลดังนี้: ครั้งที่ 1: จับรางวัลในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 2: จับรางวัลในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 3: จับรางวัลในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 4: จับรางวัลในวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 5: จับรางวัลในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 หมายเหตุ: สิทธิ์ที่ไม่ได้รับรางวัลในแต่ละครั้ง จะถูกนำมารวมและจับรางวัลในครั้งถัดไปโดยอัตโนมัติ           อย่าพลาดโอกาสสำคัญ ร่วมช้อปกระตุ้นเศรษฐกิจไทยและลุ้นโชคใหญ่ได้แล้ววันนี้! กับแคมเปญ “โกลบอลเฮ้าส์ TAX RECEIPT E-TAX คุณ ลุ้นล้าน” สำหรับสมาชิกโกลบอลคลับ ช้อปสินค้าหรือบริการ ที่โกลบอลเฮ้าส์ครบทุกๆ 300 บาท รับสิทธิ์ดิจิทัล 1 สิทธิ์ทันที! ยิ่งไปกว่านั้น! รับสิทธิ์ลุ้นโชค X2 เมื่อเลือกรับ ใบกำกับภาษี หรือใบเสร็จ รับเงินอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ Invoice & e-Receipt และพิเศษสุด! หากชำระผ่าน บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด ttb Global House รับสิทธิ์ดิจิทัลเพิ่มอีก 1 สิทธิ์ ต่อการช้อปครบทุกๆ 300 บาท โปรโมชั่นตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม - 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568 โอกาสดีที่คุณไม่ควรพลาด รางวัลใหญ่มากมายรอคุณอยู่!           ประกาศรายชื่อผู้โชคดีผ่านทางเว็บไซต์ www.globalhouse.co.th และเฟสบุ๊คแฟนเพจ Global House โกลบอลเฮ้าส์ สำหรับผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลมูลค่า 1,000 บาท ขึ้นไป จะต้องชำระภาษี ณ ที่จ่าย 5% สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โกลบอลเฮ้าส์ทุกสาขาใกล้บ้านคุณ หรือทางเว็บไซต์ และช่องทางออนไลน์ โทร. Call Center 1160 ค้นหาสาขาใกล้บ้านคุณ คลิก Facebook: Global House โกลบอลเฮ้าส์ Line@: @globalhouse TikTok: globalhouseofficial App: Click&Collect Web: www.globalhouse.co.th [PR News]

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

โบรกอัพเกรด GLOBAL คาดพลิกฟื้น การบริโภคฟื้นตัวหนุน

โบรกอัพเกรด GLOBAL คาดพลิกฟื้น การบริโภคฟื้นตัวหนุน

            หุ้นวิชั่น - บล.กรุงศรี อัพเกรด GLOBAL เป็น BUY ขณะที่คงราคาเป้าหมายไว้ที่ 16 บาท เนื่องจากราคาหุ้นมีการปรับฐานลึกเกินไป -18% mom ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ฝ่ายวิจัยคงประมาณการและคาดการณ์ทั้งหมดว่ากำไรหลัก ใน 4Q24F อาจอยู่ที่ 576 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% yoy โดยได้แรงหนุนจากการ เปิดสาขาใหม่ 9 แห่งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แม้ว่ายอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะเติบโต -2% ในไตรมาสนี้ก็ตาม 2025 น่าจะพลิกฟื้น! ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ว่า SSSG จะอยู่ที่ 2% ในปี2025 โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภค โดยรวม นอกจากนี้เรายังคำนึงถึงร้านค้าใหม่7 แห่งในปี2025(เป็น 97 แห่ง) โดยรวมแล้วฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้จะเติบโต 8% ในปี2025 (เป็น 35.6 พันล้านบาท) และกำไรหลักจะอยู่ที่2.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% yoy ความเสี่ยงคือความบริโภคของประเทศที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คิด ฝ่ายวิจัยให้TP ที่30.2x FY25F P/E ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว -0.5SD ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าปัจจัยลบได้อยู่ใน ราคาไว้ และ GLOBAL ก็อยู่บนเส้นทางฟื้นตัวตามแนวโน้มการบริโภคของไทย มองว่าการขยายตัวของ GLOBAL เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการเติบโตของรายได้และกำไร ความเสี่ยงสำคัญ อยู่ที่การบริโภคโดยรวมของไทยซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายของ GLOBAL หากเติบโตช้ากว่าคาด

เทียบ 2 หุ้นวัสดุก่อสร้าง: HMPRO และ GLOBAL [HoonVision x FynnCorp]

เทียบ 2 หุ้นวัสดุก่อสร้าง: HMPRO และ GLOBAL [HoonVision x FynnCorp]

Key Highlights: แนวโน้มการเติบโตของตลาดวัสดุก่อสร้างดีขึ้น ตามดีมานต์ทั้งฝั่งภาครัฐและเอกชน ส่งผลดีต่อผู้เล่นรายใหญ่ในกลุ่มอย่าง HMPRO และ GLOBAL ด้วยจำนวนสาขากว่า 133 แห่ง และ 127 แห่งทั้งในและต่างประเทศ ตามลำดับ HMPRO ชูกลยุทธ์ปรับ Product Mix และขยายสาขาในประเทศ ซึ่งเน้นเป็นสาขาตามจังหวัดใหญ่ พร้อมกับการเพิ่มยอดขายสินค้าอัตรากำไรสูงอย่าง Private Brand เพื่อเพิ่มกำไร โดย HMPRO เจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย เน้นกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้าน GLOBAL มุ่งขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ พร้อมสินค้าหลากหลายสำหรับงานก่อสร้าง โดย GLOBAL เน้นการขายสินค้าวัสดุก่อสร้างให้แก่กลุ่มผู้รับเหมา ซึ่งมีสาขากระจายไปทุกภูมิภาค รวมถึงมีการขยายสาขาไปในประเทศเพื่อนบ้าน กลยุทธ์ที่แตกต่างตามเป้าหมายของการลงทุนที่ต่างกัน HMPRO เน้นการจ่ายปันผลอัตราสูงและผลตอบเเทนที่สม่ำเสมอ ส่วน GLOBAL เป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตของมูลค่าหุ้นในระยะยาว รองรับศักยภาพในอนาคตผ่านการขยายธุรกิจ ตลาดวัสดุก่อสร้างแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากงานลงทุนภาครัฐและเอกชนเริ่มฟื้นตัวและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ           แม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ตลาดวัสดุก่อสร้างได้รับผลกระทบจากการชะลอการเปิดโครงการใหม่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดจากสถาบันการเงินซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง รวมถึงการหดตัวของการลงทุนภาครัฐจากความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่ในช่วงปลายปี 2567 ต่อเนื่องถึงปี 2568 ความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้างมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยมีปัจจัยสนับสนุน ทั้งจากกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่ต้องการรีโนเวตเพื่อเร่งยอดขาย ท่ามกลางทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐกลับเข้าสู่ภาวะปกติและเงินลงทุนในปีงบประมาณ 2568 ที่เพิ่มขึ้น เกิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 หมื่นบาทและแจกเงินเยียวยาน้ำท่วม ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้ารายย่อย ซึ่งดีมานต์จากทั้งฝั่งภาครัฐและเอกชนที่เป็นผู้ประกอบการ ลูกค้ารายย่อย ถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของผู้ค้าวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ในประเทศอย่าง HomePro และ Global HMPRO: หนึ่งในผู้นำธุรกิจสินค้าเกี่ยวกับบ้านภายใต้ One Stop Shopping Home Center           บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2538 และได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปี 2544 ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “HMPRO” โดยประกอบธุรกิจค้าปลีก จำหน่ายสินค้าในกลุ่ม Hard Line อย่าง วัสดุก่อสร้าง สี อุปกรณ์ปรับปรุงบ้าน ห้องน้ำ และ สุขภัณฑ์ เครื่องครัว อุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่ม Soft Line อย่าง สินค้าประเภทเครื่องนอน พรม ผ้าม่าน เฟอร์นิเจอร์ โคมไฟ สินค้าตกแต่ง และอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน อีกทั้งมีบริการเกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีก (Home Service) อย่าง การติดตั้งก่อสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ปรับปรุง อาคาร บ้าน และที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร (One Stop Shopping Home Center) ครอบคลุมถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Emergency Service) 24 ชั่วโมง           นอกจากนี้ บริษัทยังประกอบธุรกิจให้บริการพื้นที่เพื่อร้านค้าเช่า มีการจัดสรรพื้นที่และพัฒนาเป็น “มาร์เก็ต วิลเลจ” (Market Village) ผู้เช่าส่วนใหญ่ ได้แก่ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ธนาคาร ร้านหนังสือ ร้านสินค้าไอที เป็นต้น ปัจจุบัน บริษัทมีสาขาในรูปแบบ “มาร์เก็ต วิลเลจ” ทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ หัวหิน ภูเก็ต (ฉลอง) ราชพฤกษ์ และรังสิตคลอง 4 ลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าต่างกันของ HomePro และ Mega Home           ในส่วนธุรกิจค้าปลีก บริษัทใช้ชื่อทางการค้า "โฮมโปร" (HomePro) และ “เมกาโฮม” (Mega Home) โดย Mega Home เป็นแบรนด์ที่เน้นการค้าส่งสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง เครื่องใช้ภายในบ้าน เจาะกลุ่มช่างก่อสร้างและผู้รับเหมา เจ้าของโครงการอสังหาฯ ครอบคลุมในพื้นที่ต่างจังหวัด ขณะที่ HomePro เป็นกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้าน ที่เน้นการค้าปลีกในกลุ่มลูกค้าผู้อยู่อาศัย           หากแบ่งตาม 3 Business Units พบว่าโฮมโปรมีสัดส่วนรายได้มากที่สุด คิดเป็น 79% ของรายได้ทั้งหมด ตามด้วย เมกาโฮม 18% และหากแบ่งตามรายได้ของกลุ่มสินค้าและบริการพบว่า รายได้จากกลุ่มสินค้า Hard Line มีสัดส่วนมากสุด หรือ 62.1% ของรายได้รวมปี 2566 ตามมาด้วย สินค้ากลุ่ม Soft Line 13.2% และรายได้อื่นๆ ซึ่งรวมค่าเช่าพื้นที่ ค่าสนับสนุนการขาย สัดส่วน 6.2% ส่วนรายได้จากบริการ Home Service คิดเป็น 1.1% ของรายได้รวม ส่วนที่เหลือจะเป็นรายได้จากบริษัทย่อย           บริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่าย (Offline) ทั้งหมด 133 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 ได้แก่ 1) HomePro ในประเทศไทย 92 สาขา 2) HomePros ที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าจำนวน 5 สาขา 3) Mega Home 29 สาขา 4) HomePro ที่ประเทศมาเลเซีย 7 สาขา           และช่องทางการขาย Online ผ่านเว็บไซต์ของบริษัท และ Market place เช่น Shopee Lazada TikTok กลยุทธ์การเติบโตผ่าน Private Brands และการขยายสาขา           บริษัทมีการพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเองหลากหลาย (Private Brand) ครอบคลุมทั้งสินค้ากลุ่ม Hard Line และ Soft Line ซึ่งมีอัตราการทำกำไรที่ดีเมื่อเทียบกับสินค้าทั่วไปอยู่ที่ 10% - 15% โดยสัดส่วนยอดขายของ Private Brand ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 ของโฮมโปร อยู่ที่ 20.8% และเมกาโฮมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 21.1% จากเป้าที่วางไว้ 21%           บริษัทมีแผนการขยายสาขา ซึ่งในไตรมาส 3 ที่ผ่านมามีการขยายไปแล้ว 3 สาขาในรูปแบบ Hybrid (การเปิดโฮมโปรและเมกาโฮมในพื้นที่เดียวกัน) ที่ระยองและหนองคาย และในไตรมาส 4 ปีนี้ บริษัทมีแผนจะขยายอีก 4 สาขา ได้แก่ โฮมโปรแบบ Hybrid 1 สาขา และ standalone 2 สาขา รวมถึง เมกาโฮมอีก 1 สาขา (Hybrid) ทำให้สิ้นปี 2567 บริษัทจะมีสาขาทั้งหมด 137 สาขา GLOBAL: ศูนย์รวมวัดสุก่อสร้างและตกแต่งบ้านครบวงจรรายใหญ่ในประเทศ           บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 2538 โดยโกลบอลเฮ้าส์สาขาแรกตั้งอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ในปี 2540 และได้ยื่นขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จนเสนอหุ้นไอพีโอในปี 2552 ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ "GLOBAL" เพื่อประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง เครื่องมือ อุปกรณ์ ที่ใช้ในงานก่อสร้าง ต่อเติม ตกแต่ง บ้านและสวน ภายในอาคารหลังเดียวขนาดใหญ่ลักษณะเป็นแวร์เฮ้าส์สโตร์ โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า “โกลบอลเฮ้าส์” (Global House)           กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ Global คือ กลุ่มลูกค้าเจ้าของบ้าน กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ ช่าง ผู้รับเหมาขนาดกลางและเล็ก ร้านค้าวัสดุก่อสร้างขนาดเล็ก ไปจนถึงโครงการก่อสร้างและที่พักอาศัย โดยสินค้าที่จัดจำหน่ายมีมากกว่า 300,000 รายการ แบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1) ประเภทวัสดุก่อสร้าง สำหรับงานด้านโครงสร้าง (ปูนซีเมนต์ เหล็ก ตะปู หลังคา อุปกรณ์ติดตั้ง ท่อน้ำ ปั๊มน้ำ งานเกษตรและตกแต่งสวน) 2) ประเภทวัสดุตกแต่ง สำหรับงานตกแต่งอาคาร เช่น เฟอร์นิเจอร์ ประตู หน้าต่าง วัสดุปูพื้น เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ไฟฟ้า กลุ่มสี เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีสินค้าที่เป็น House Brand ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทมากกว่า 10,000 รายการ ซึ่งมีราคาต่ำกว่าสินค้าระดับเดียวกันในท้องตลาด           โดยกลุ่มสินค้าทั้ง 2 ประเภทหลัก มีสัดส่วนรายได้ใกล้เคียงกัน ซึ่งกลุ่มวัสดุตกแต่งคิดเป็น 49.02% ของรายได้รวมปี 2566 ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง สร้างรายได้ 47.74% ที่เหลือจะเป็นรายได้อื่น (รายได้บริการขนส่ง ค่าเช่ารับ ดอกเบี้ยรับ) และรายได้จากบริษัทย่อย คิดเป็น 1.79% และ 1.45% ตามลำดับ กลยุทธ์การเติบโตผ่านการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ ด้วยสินค้าที่ตอบโจทย์ในแต่ละพื้นที่           ปัจจุบัน บริษัทมีสาขาทั้งหมด 90 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งได้มีการขยายสาขาไปทั้งหมด 7 แห่งในปี 2567 กระจายตามจังหวัดต่างๆ และวางแผนจะขยายในปี 2568 อีก 11 สาขา เพื่อให้เกิน 100 สาขาทั่วประเทศ ตามเป้าที่เคยกำหนดไว้ โดยมีที่ดินที่รองรับไว้แล้วในภาคต่างๆ มากกว่า 15 แปลง นอกจากนั้น ยังได้มีการขยายสาขาในต่างประเทศ โดยบริษัทมีสาขาในประเทศพม่า 12 สาขา อินโดนีเซีย 15 สาขา กัมพูชา 2 สาขา และลาว 8 สาขา เปรียบเทียบ HMPRO และ GLOBAL           ในหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง HMPRO และ GLOBAL ถือเป็นสองผู้เล่นรายใหญ่ในกลุ่ม ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) กว่า 127,500 ล้านบาท และ 82,700 ล้านบาทในปัจจุบัน ตามลำดับ แม้ว่าจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน แต่ทั้งสองบริษัทมีการเจาะกลุ่มลูกค้าต่างกัน: HMPRO เน้นการเจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อยและเจ้าของที่อยู่อาศัยในเขตเมือง เน้นงานตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงมีบริการครบวงจร (Home Service) ส่วน GLOBAL เน้นกลุ่มลูกค้าช่างและผู้รับเหมาในระดับภูมิภาค ในพื้นที่ชานเมืองและหัวเมืองใหญ่ สินค้าจะเป็นวัสดุก่อสร้างเป็นหลักแบบครบวงจรในราคาที่คุ้มค่า           โดยในช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 ผลการดำเนินงานทั้งสองบริษัท ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ค่าครองชีพสูง ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย และการเข้าสู่ฤดูฝนที่ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ผู้บริโภคเข้ามาจับจ่ายในสาขาลดลง จนส่งผลต่อยอดขายที่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า           ในด้านสินค้าคงคลัง HMPRO มีอัตราการหมุนเวียนสินค้าคงคลัง (Inventory Turnover Ratio) ที่สูงกว่า เนื่องจากบริษัทมุ่งเน้นจำหน่ายสินค้าที่สอดคล้องกับเทรนด์การตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการเปลี่ยนแปลงตามความนิยมและเทคโนโลยี ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้มักมีรอบชีวิตที่สั้นและต้องหมุนเวียนเร็วเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและหลีกเลี่ยงสินค้าล้าสมัย ซึ่งแตกต่างจาก GLOBAL ที่เน้นสินค้าก่อสร้างพื้นฐานที่มีอายุการใช้งานยาวและไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามเทรนด์ จึงสะท้อนการมี Turnover ที่ต่ำกว่า HMPRO สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างในกลยุทธ์และประเภทสินค้าที่จำหน่ายระหว่างสองบริษัท           ในด้านของเงินปันผล HMPRO มีอัตราส่วนการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio) อยู่ในระดับสูงและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แสดงถึงนโยบายที่มุ่งเน้นการคืนกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นหลัก และมีการตอบแทนผู้ถือหุ้นผ่านเงินปันผลได้ดีกว่า ซึ่งอาจเป็นจุดดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูง ขณะที่ GLOBAL มีการจ่ายปันผลที่ต่ำกว่า สะท้อนว่าบริษัทอาจเลือกเก็บกำไรไว้สำหรับการลงทุนและการขยายธุรกิจในอนาคต           นอกจากนั้น ราคาหุ้นเทียบกับกำไรต่อหุ้น (P/E ratio) ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 พบว่า HMPRO อยู่ที่ 19.77 เท่า ขณะที่ GLOBAL อยู่ที่ 34.27 เท่า ดังนั้น หากพิจารณาแล้ว หุ้น HMPRO จะโดดเด่นด้านการจ่ายปันผลในระดับสูง เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอและผลตอบแทนที่มั่นคงต่อเนื่อง ขณะที่ หุ้น GLOBAL เป็นหุ้นที่ถูกมองว่าอาจมีโอกาสในการเติบโตได้ในอนาคต จากการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ จึงสะท้อนผ่าน P/E ที่สูงกว่า ประกอบกับ แนวโน้มการจ่ายปันผลที่มากขึ้น อาจสร้างความน่าสนใจให้กับนักลงทุนได้ในระยะยาว รายละเอียดเพิ่มเติม ที่ https://app.visible.vc/shared-update/682ea04f-47fe-4be6-8c34-a5a44dec5bbd

จัดพอร์ตหุ้นรับวายุภักษ์ KTB-BBL-BCP น่าสะสม

จัดพอร์ตหุ้นรับวายุภักษ์ KTB-BBL-BCP น่าสะสม

หุ้นวิชั่น- บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า การลงทุนที่น่าสนใจ หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC TIDLOR) กลุ่มอสังหาฯ (AP SIRI) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF) นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งจากสถิติปีที่เกิด La Nina หากลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

ดิจิทัลหมื่นบาทมาแล้ว มีหุ้นอะไรได้ประโยชน์?

ดิจิทัลหมื่นบาทมาแล้ว มีหุ้นอะไรได้ประโยชน์?

          หุ้นวิชั่น - บล. DAOL เผยคาดใช้จ่ายกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคมากสุดหลังเริ่มแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท           วานนี้ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เริ่มจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท ตามโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล โดยมีการเริ่มทยอยโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์และบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้ให้กับผู้มีสิทธิ์ และจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. นี้ รวม 6 วัน จำนวน 14.5 ล้านราย หรือคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 145,000 ล้านบาท จากการสำรวจความคิดเห็นประชาชน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่จะนำเงินไปใช้เพื่อการบริโภคและอุปโภคในชีวิตประจำวัน อาทิ ของใช้ในบ้าน, สินค้าเพื่อการศึกษา, สินค้าเพื่อการเกษตร, สินค้าไอที โทรศัพท์มือถือ DAOL: คงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Commerce เป็น "มากกว่าตลาด"           โครงการแจกเงิน 10,000 บาทจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม โดยคาดว่าจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ซึ่งจะช่วยหนุนและเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Commerce โดยตรง เรายังมองเป็นบวกต่อกลุ่ม Commerce ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมได้ โดยจะเป็นประโยชน์ทางอ้อมต่อการบริโภคโดยรวมของกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคสูง           ฝ่ายวิเคราะห์ ชอบ CPAXT (ซื้อ/เป้า 36.00 บาท), CPALL (ซื้อ/เป้า 84.00 บาท) และ CRC (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท) ตามลำดับ จากการคาดการณ์การใช้จ่ายจะอยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก           รองมาเป็นกลุ่ม Home Improvement HMPRO (ซื้อ/เป้า 15.00 บาท), GLOBAL (ถือ/เป้า 16.00 บาท) และ DOHOME (ถือ/เป้า 11.00 บาท) จากจำนวนสาขาที่มีในพื้นที่ที่มีผู้ได้รับสิทธิ์มากที่สุด ตามลำดับ หุ้นอื่นๆ ที่ได้ประโยชน์           และยังชอบกลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยตรง คือ NEO (ซื้อ/เป้า 64.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้จากสินค้าอุปโภค 100%, OSP (ซื้อ/เป้า 28.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้สินค้าอุปโภคที่ 9% ของรายได้รวม และ SFLEX (ซื้อ/เป้า 4.80 บาท) ได้ประโยชน์ต่อเนื่องจากยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีการใช้ flexible packaging เพิ่มขึ้น, CBG (ซื้อ/เป้า 88.00 บาท) กลุ่มเปราะบางเป็นลูกค้าหลักของเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์คาราบาวแดง คาดช่วยหนุนรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศใน 4Q24E โตต่อ YoY, QoQ

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011