GFPT คาดกำไรปี 68 ที่ 1,808 ลบ. ตลาดเนื้อไก่โต โบรกเคาะเป้า 14 บ.
หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน ฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป เผยว่าความต้องการบริโภคเนื้อไก่ในตลาดโลกยังขยายตัวต่อเนื่อง ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ลดลงเป็นปัจจัยบวกต่อ GFPT อย่างไรก็ตาม ด้วยค่าเงินบาทที่แข็ง และแนวโน้มส่งออกเนื้อไก่บราซิลเพิ่มขึ้นพร้อมต้นทุนที่ถูกกว่า อาจกดดันราคาขายสินค้าเนื้อไก่ในตลาดโลกได้ เชื่อว่าเป็นปัจจัยลบระยะสั้นต่อบริษัท ทางฝ่ายคาดยอดขายปี 2568 ของบริษัทอยู่ที่ 19,782 ล้านบาท +2.4% GPM 13.2% ลดลง 60 bps จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,808 ล้านบาท -8.4% คาดว่าจะฟื้นตัวในปีต่อๆ ไป จากอัตราแลกเปลี่ยนและ Economy of Scale สอดคล้องกับตลาดเนื้อไก่โลกที่ขยายตัวต่อเนื่อง มี Upside สูง แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาพื้นฐาน 14.00 บาท อุปสงค์เนื้อไก่โดยรวมยังเติบโตในปี 2568 สถานการณ์อุตสาหกรรมเนื้อไก่โลก ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) คาดว่าการผลิตเนื้อไก่ทั่วโลกในปี 2568 จะเพิ่มขึ้น 2% อยู่ที่ 104.9 ล้านตัน จากปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ ราคาอาหารสัตว์ที่ลดลง อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การเพิ่มกำลังผลิตของจีน ซึ่งอาจกลับมาเป็นผู้ผลิตเนื้อไก่อันดับ 1 ของโลกอีกครั้ง และคาดว่าการส่งออกเนื้อไก่โลกจะเติบโต 2% เช่นกัน อยู่ที่ 13.8 ล้านตัน เนื่องจากเนื้อไก่เป็นโปรตีนราคาถูก ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย ปัจจัยสนับสนุนต่อการส่งออกเนื้อไก่โลก ได้แก่: บราซิลและไทยผู้ส่งออกหลักยังไม่พบการระบาดของไข้หวัดนกชนิดรุนแรง (Highly Pathogenic Avian Influenza: HPAI) ในฟาร์ม ไม่กระทบต่อการผลิตและการส่งออก การมุ่งส่งออกมากกว่าการบริโภคในประเทศของบราซิลและไทย และด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในประเทศปลายทาง ต้นทุนที่ต่ำของบราซิล เนื่องจากเป็นผู้ผลิตและส่งออกหลักของข้าวโพดและกากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทำให้ต้นทุนต่ำและแข่งขันกับผู้ผลิตในประเทศอื่นๆ ได้ แนวโน้มการส่งออกเนื้อไก่ไทย ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่ของโลก อย่างไรก็ตาม ต้องเฝ้าระวังการขยายการส่งออกของบราซิล ซึ่งเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก และมีความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ในปี 2568 บริษัทคาดว่าปริมาณการส่งออกเนื้อไก่ไทยจะอยู่ที่ 1.249 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.01% โดยมีปัจจัยบวก ได้แก่ มาตรฐานการควบคุมคุณภาพและการป้องกันโรคระบาดที่เข้มงวด การขยายตัวของการค้าระหว่างประเทศและอุปสงค์เนื้อไก่ที่เพิ่มขึ้น ตลาดหลักยังคงเป็น ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป ซึ่งมีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกปี ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำในปี 2568 ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพดและกากถั่วเหลืองลดลงต่อเนื่องใน 2H67 ถึงปัจจุบัน ราคายังคงลดลงต่อเนื่องจากต้นปี โดยราคาข้าวโพดในเดือนมีนาคมอยู่ที่ 10.40 บาท/กก. และราคากากถั่วเหลืองที่ 16.50 บาท/กก. ลดลง 7.1% และ 2.7% จากเดือนมกราคมตามลำดับ ทางฝ่ายมองว่า ในปี 2568 บราซิล ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวโพดและกากถั่วเหลืองรายใหญ่ และไทย จะมีปริมาณฝนสูงและสภาพอากาศเย็นลงจากอิทธิพลของลานิญา ทำให้ผลผลิตการเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อุปทานที่เพิ่มขึ้นนี้จะกดดันราคาวัตถุดิบให้อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนอาหารสัตว์ยังคงอยู่ในระดับเดียวกับ 2H67 Nichirei Corp. คาดยอดขาย GFN flat q-q, +5% y-y ในช่วง 2Q67-4Q67 ยอดขายของ GFN เติบโตกว่า 17% y-y จากยอดขายที่เติบโตทั้งในประเทศไทยและการส่งออก สำหรับ 1Q68 บริษัท Nichirei Corporation (Japan) คาดการณ์ยอดขายจากธุรกิจ GFN อยู่ที่ 6.5 พันล้านเยน ทรงตัว q-q และเติบโต 5% y-y ทางฝ่ายเชื่อว่า แนวโน้มยอดขายที่เติบโตควบคู่กับต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง จะช่วยหนุนให้ส่วนแบ่งกำไรจาก GFN ซึ่งคิดเป็นประมาณ 38% ของส่วนแบ่งกำไรรวมของ GFPT ปรับตัวเพิ่มขึ้นใน 1Q68 ราคาพื้นฐานปี 68 ที่ 14.00 บาทต่อหุ้น โดยวิธี DCF ทางฝ่ายประเมินราคาพื้นฐานด้วยวิธี DCF – Free Cash Flow to Equity (FCFE) กำหนดค่า Beta ที่ 0.78 สำหรับปี 2568-2570 และใช้ Adjusted Beta ที่ 0.93 ในปี 2571 เป็นต้นไป โดยมี r(e) ที่ 6.7% สำหรับปี 2568-2570 และ 7.4% สำหรับปี 2571 เป็นต้นไป และมี Sustainable growth rate ที่ 1.3% ทางฝ่ายมองว่าความต้องการบริโภคเนื้อไก่โลกยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการที่เป็นโปรตีนราคาถูก ให้ผลผลิตไวกว่าเนื้อสัตว์เศรษฐกิจอื่นๆ ทำให้คาดว่ายอดขายยังสามารถเติบโตได้ แม้จะอยู่ในระดับเลขหลักเดียวต่ำ (Low single-digit growth) อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายเชื่อว่าค่าเงินบาทที่แข็งอาจทำให้คู่ค้าต่อรองราคากับบริษัท อีกทั้งไก่บราซิลที่มีแนวโน้มส่งออกมากขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า อาจกดดันราคาสินค้าเนื้อไก่ในตลาดโลก อาจกดดันราคาขายต่อหน่วยของบริษัทในระยะสั้น และคาด GPM อ่อนตัวลงจากปี 2567 เล็กน้อย ทางฝ่ายคาดยอดขายปี 2568 ของบริษัทอยู่ที่ 19,782 ล้านบาท +2.4% และกำไรสุทธิที่ 1,808 ล้านบาท -8.4% แต่คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวในปีถัดไป จากปัจจัยด้านอัตราแลกเปลี่ยนและประโยชน์จาก Economy of Scale ตามการขยายกำลังการผลิต และราคาปัจจุบันมี Upside สูง แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาพื้นฐาน 14.00 บาท