หุ้นกู้ CK หนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ [HoonVision X FynnCorp]
หุ้นวิชั่น - CK เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย ครอบคลุมโครงการต่าง ๆ ตั้งแต่ระบบขนส่งมวลชนจนถึงโครงการพลังงาน มีรายได้หลักจากสัญญาก่อสร้าง และรายได้เกินครึ่งมาจากต่างประเทศ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง และรายได้จากสัญญาก่อสร้างยังเติบโตต่อเนื่อง จากมูลค่างานในมือ (Backlog) เกือบ 300,000 ล้านบาท บริษัทมีแผนเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2568 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ให้แก่นักลงทุนทั่วไป ช่วง [18 และ 21-22] เมษายน 2568 จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ทั้งหมด 4 ชุด หุ้นกู้ CK กว่าประสบการณ์ 50 ปีในธุรกิจก่อสร้าง สู่การเป็นผู้นำตลาดในปัจจุบัน บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) ก่อตั้งในปี 2515 เพื่อประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งภาคเอกชน ลูกค้าหลักคือ หน่วยงานภาครัฐ เช่น กองทัพบก และกองทัพอากาศ และได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดในปี 2537 ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุดในกลุ่มธุรกิจก่อสร้างที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยมูลค่ากว่า 24,000 ล้านบาท ขอบเขตงานของ CK ครอบคลุมถึงการก่อสร้างอาคารและงานโยธาทั่วไป ตั้งแต่ระบบขนส่งมวลชน ท่าอากาศยาน ถนน ทางด่วน สะพาน พลังงาน ท่าเรือ ไปจนถึง อาคาร ซึ่งบริษัทดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศไทย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในนาม บริษัท ช.การช่าง (ลาว) จำกัด Source: The Company's Website บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือ ธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภค ซึ่งในธุรกิจก่อสร้างนั้น บริษัทเป็นทั้งผู้รับเหมาโดยตรง (Main Contractor) ด้วยวิธีการประกวดราคาหรือเจรจาต่อรองจากเจ้าของโครงการโดยตรง และผู้รับเหมาช่วง (Sub Contractor) โดยการรับจ้างจากผู้รับเหมารายอื่นที่ได้รับงานโดยตรงจากเจ้าของโครงการ (Main Contractor) ซึ่งถือเป็นการสร้างพันธมิตรทางการค้าที่มีศักยภาพ นอกจากเป็นผู้รับเหมาแล้ว บริษัทยังเป็นนักลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค เช่น ในระบบคมนาคม ระบบขนส่งมวลชน ระบบสาธารณูปโภคน้ำ และระบบพลังงานไฟฟ้า โดยการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM), บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) (TTW) และบริษัทซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP) นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างหลักให้กับบริษัทเหล่านี้อีกด้วย โดยโครงสร้างรายได้ของ CK มาจากการเป็นผู้รับเหมาโดยตรง คิดเป็น 96.62% ของรายได้รวมในปี 2567 และรายได้อื่นจากค่าบริหารโครงการ เงินปันผล และอื่นๆ อีก 3.38% ซึ่งบริษัทมีรายได้จากต่างประเทศ 50.11% และในประเทศ 49.89% ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมี Backlog (งานที่ยังไม่ส่งมอบ) รวมมูลค่า 298,557 ล้านบาท จาก 11 โครงการ รับรู้รายได้ไปแล้ว 69,983 ล้านบาท หนึ่งโครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จใน สิงหาคม 2568 และจะรับรู้รายได้เพิ่ม ประมาณ 1,200 ล้านบาท โครงการที่เหลือ คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จระหว่างปี 2570 - 2576 ผลการดำเนินงาน รายได้จากสัญญาก่อสร้างเพิ่มขึ้น 2.67% YoY (+973 ล้านบาท) ในปี 2567 อยู่ที่ 37,457.87 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ของสัญญาก่อสร้างที่มีอยู่และโครงการใหม่ ส่วนรายได้อื่นอยู่ที่ 1,312.04 ล้านบาท ลดลง 10.8% YoY ขณะที่กำไรสุทธิลดลงเล็กน้อย 3.74% YoY จากค่าใช้จ่ายบริหารและต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น โดยรายได้จากสัญญาก่อสร้างนี้ รับรู้จากโครงการหลัก อย่างเช่น โครงการรถไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง รถไฟฟ้าสายสีม่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (สายสีม่วงใต้) โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ โครงการที่อยู่ในช่วงปลายโครงการ เช่น สัญญางานก่อสร้างอาคารศูนย์การเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำบางมด - สำโรง โครงการใหม่ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้น เช่น โครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียธนบุรีและสวนสาธารณะพื้นที่แขวงบางขุนนนท์ กรุงเทพฯ รวมถึง โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม กระแสเงินสดจากการดำเนินงานแข็งแกร่ง บริษัทมีรายได้จากสัญญาก่อสร้างเพิ่มขึ้นในปี 2567 ขณะเดียวกัน กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5,547.04 ล้านบาท สะท้อนการมีแหล่งรายได้และกระแสเงินสดจากสัญญาก่อสร้างอย่างต่อเนื่องในระยะยาว จากการที่บริษัทเน้นการประมูลโครงการก่อสร้างและสัมปทานจากหน่วยงานภาครัฐ โดยกระแสเงินสดดังกล่าว ยังครอบคลุมกระแสเงินสดที่ใช้ในการลงทุนและจัดหาเงิน ซึ่งมีมูลค่ารวม 3,136.02 ล้านบาท ส่งผลให้มีเงินสดเพิ่มขึ้นสุทธิ 2,404 ล้านบาท สะสมให้บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ที่ 10,188 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 รายได้สัญญาก่อสร้างเติบโตต่อเนื่อง จากการลงนามโครงการใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 บริษัททำสัญญากิจการร่วมค้ากับ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อ ซีเคเอสที-โออาร์ มูลค่าสัญญากว่า 58,950 ล้านบาท เพื่อรับจ้างงานก่อสร้างโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี โดยบริษัทมีสัดส่วนการลงทุน 51% และมีระยะเวลาดำเนินการประมาณ 64 เดือน (5-6 ปี) นอกจากนั้น ในปี 2567 บริษัทได้ลงนามสัญญารับจ้างจากบริษัทในเครืออย่าง BEM และ TTW จำนวน 6 โครงการ ด้วยสัญญามูลค่ารวม 125,707 ล้านบาท และได้ลงนามสัญญาอีก 1 โครงการจากการชนะการประกวดราคา มูลค่าประมาณ 552 ล้านบาท แนวโน้มในปี 2568 บริษัทมีโครงการที่จะเข้าร่วมประกวดราคาคิดเป็นมูลค่าประมาณเกือบ 4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่มีมูลค่าสูงและการก่อสร้างซับซ้อน อย่างไรก็ตาม CK มีจุดเด่นด้วยประสบการณ์และความพร้อมทั้งด้านการเงิน บุคลากร การบริหารจัดการ ทำให้บริษัทมีศักยภาพเติบโตในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อันดับเครดิต A- จากการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำของประเทศ ในด้านอันดับเครดิต พบว่าทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและจัดอันดับหุ้นกู้ที่ระดับ A- และแนวโน้มอันดับเครดิต Stable ณ วันที่ 3 มีนาคม 2568 สะท้อนความสามารถในการรับงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ซับซ้อน ซึ่งบริษัทเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างที่หลากหลาย ทำให้ได้รับสัญญาก่อสร้างและสร้างรายได้ประจำระยะยาว อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังมีภาระหนี้สินในระดับสูงจากอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (D/E ratio) จาก 2.72 เท่า ในปี 2566 มาเป็น 3.27 เท่าในปี 2567 แต่หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (IBD) ลดลงตามเงินกู้ยืมทั้งระยะสั้นและยาว รวมถึงอัตรากำไรค่อนข้างน้อยของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ท่ามกลางการแข่งขันรุนแรง ประวัติการปรับอันดับเครดิตองค์กร (Issuer Rating) ข้อกำหนดการดำรงอัตราส่วนทางการเงิน ตามข้อกำหนดสิทธิ (Financial Covenant) บริษัทในฐานะผู้ออกหุ้นกู้ต้องรักษาอัตราส่วนของหนี้สินสุทธิที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Interest-Bearing Debt to Equity) ตามงบการเงินรวมไม่เกิน 3 เท่า โดย ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1.67 เท่า หุ้นกู้คงค้างของบริษัท (Outstanding bonds) ในปัจจุบันอยู่ที่ 41,102 ล้านบาท จากหุ้นกู้ 24 รุ่น โดย CK ออกหุ้นกู้มาแล้ว 81 รุ่น ตั้งแต่ปี 2543 และไม่มีประวัติการผิดนัดชำระหรือดอกเบี้ยของหุ้นกู้ นอกจากนี้ บริษัทมีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในปี 2568 เป็นมูลค่า 7,200 ล้านบาท ในเดือน พฤษภาคม สิงหาคม และ พฤศจิกายน ตามลำดับ ขณะที่มีเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสดในมือจำนวน 10,188 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 CK's Bond Outstanding Value (THB Million) หุ้นกู้เสนอขายใหม่ บริษัทมีแผนเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2568 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน ให้แก่นักลงทุนทั่วไป ช่วง [18 และ 21-22] เมษายน 2568 จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ทั้งหมด 4 ชุด ได้แก่ อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย [3.3 - 3.5%] ต่อปี อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย [3.6 - 3.8%] ต่อปี อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย [3.8 - 4.0%] ต่อปี อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย [4.0 - 4.2%] ต่อปี ปัจจัยเสี่ยง ความเสี่ยงจากภาระหนี้สินในระดับสูง แม้ CK จะมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 10,188 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในปี 2568 ที่ 7,200 ล้านบาท แต่หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (IBD) คิดเป็นกว่า 90% ของหนี้สินรวมในปี 2567 ถือเป็นระดับที่สูง ทำให้บริษัทต้องบริหารกระแสเงินสดอย่างรัดกุมสำหรับการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงการออกตราสารหนี้เป็นหลัก หรือคิดเป็นประมาณ 75% ของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ณ สิ้นปี 2567 รวมมูลค่ากว่า 41,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอื่น เช่น เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ความเสี่ยงเรื่องต้นทุนที่บริษัทต้องแบกรับ จากการเปลี่ยนแปลงของราคาวัสดุก่อสร้าง ท่ามกลางความผันผวนของสภาวะเศรษฐกิจและตลาดวัสดุก่อสร้างที่เคลื่อนไหวตามอุปสงค์และอุปทาน รวมไปถึงปัญหาขาดแคลนแรงงานฝีมือ รวมถึงข้อจำกัดการจ้างแรงงานต่างด้าว