ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#CPAXT


CPAXT จัด “ตลาดนัดโชห่วย ครั้งที่ 15”  ต่อยอดธุรกิจโชห่วยเติบโต

CPAXT จัด “ตลาดนัดโชห่วย ครั้งที่ 15” ต่อยอดธุรกิจโชห่วยเติบโต

          24 มีนาคม 2568 - บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งค้าปลีก “แม็คโคร-โลตัส” เดินหน้าเสริมศักยภาพผู้ประกอบการโชห่วย เปิด "ตลาดนัดโชห่วย ครั้งที่ 15" มหกรรมช้อปปิ้งสุดยิ่งใหญ่แห่งภาคอีสาน ณ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติไคซ์ ขอนแก่น ภายใต้แนวคิด "แดนเนรมิตร : เนรมิตรทุกสิ่ง เป็นจริงเพื่อโชห่วย" พร้อมเวทีเสวนาอัปเดตเทรนด์ค้าปลีกและเทคโนโลยี สู่การเป็นสมาร์ทโชห่วย จากทีมผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญชื่อดังมากมายผลักดันธุรกิจโชห่วยเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตอบโจทย์ยุค “สมาร์ทโชห่วย” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับภูมิภาคเติบโต           ภายในงาน "ตลาดนัดโชห่วย ครั้งที่ 15" มีการจัดเวทีเสวนาหัวข้อ ‘Make a wish, Make it happen’ ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้บริหาร ซีพี แอ็กซ์ตร้า นำโดย นายธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจแม็คโคร ประเทศไทย และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มสายงานการพาณิชย์ นางสาวบุศรินทร์ วานิชทวีวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงานบริหารสินค้าบริโภค และประธานการจัดงานตลาดนัดโชห่วย ครั้งที่ 15 และ นายอธิน อุษณกรกุล เจ้าของร้าน ‘Hope’ ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และเคล็ดลับในการดำเนินธุรกิจโชห่วย           นายธนิศร์ เจียรวนนท์ กล่าวถึงการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนธุรกิจโชห่วยให้เติบโต ว่า "ซีพี แอ็กซ์ตร้า มุ่งยกระดับศักยภาพธุรกิจโชห่วยและ SMEs โดยให้ความสำคัญทั้งด้านสินค้า บริการ และเทคโนโลยี เราได้ทรานฟอร์มธุรกิจโชห่วยแบบเดิมไปสู่สมาร์ทโชห่วย ด้วยการพัฒนาระบบในร้านโชห่วย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในยุคดิจิทัล เราเชื่อมโยงช่องทางการขาย ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ (Omni-Channel) โดยนำ AI มาพัฒนา POS & Tablet System เพื่อช่วยแนะนำรายการสั่งสินค้าอัตโนมัติ บริหารจัดการสต็อกสินค้าและรายรับรายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ประกอบการมากขึ้น นอกจากนี้ Makro PRO แพลตฟอร์มออนไลน์ ยังเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสั่งซื้อและรับสินค้าได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบัน เรามีรถขนส่งสินค้ากว่า 3,200 คัน และตั้งเป้าขยายเป็น 4,000 คันภายในปี 2568 รองรับความต้องการตลาดที่เปลี่ยนแปลง และพลิกโฉมธุรกิจโชห่วยสู่สมาร์ทโชห่วยอย่างแท้จริง”           ด้าน นางสาวบุศรินทร์ วานิชทวีวัฒน์ กล่าวเสริมว่า “ซีพี แอ็กซ์ตร้า เราให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า ความปลอดภัยของอาหาร รวมถึงความคุ้มค่า เพื่อช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับร้านโชห่วย และสร้างกำไรได้มากขึ้น โดยหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ คือ การพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท (Own Brand) อาทิ aro, aro Gold, Savepak และ Petz Freind ครอบคลุมกว่า 4,000 รายการ พร้อมได้รับการยอมรับจากผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ เรียกได้ว่าเป็น ‘วัตถุรวยไว’ นอกจากนี้ เรายังมีแผนก Sensory ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ประกอบการจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพดีที่สุด พร้อมเดินหน้าสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจโชห่วยไทย”           ขณะที่ นายอธิน อุษณกรกุล เจ้าของร้านโชห่วย ‘Hope’ เผยถึงความสำเร็จในการทำธุรกิจโชห่วย ว่า “ความอิสระ เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการโชห่วยต้องการ ไม่ว่าจะเป็น อิสระทางด้านกำไร การทำธุรกิจ และการใช้ชีวิต ซึ่งบริการมิตรแท้โชห่วย เปรียบเสมือนคนรู้ใจทางธุรกิจที่ช่วยสนับสนุนโชห่วยให้ทำธุรกิจได้อย่างคล่องตัว ตั้งแต่การให้คำแนะนำรูปแบบการจัดร้าน กลยุทธ์การเลือกขายสินค้าที่แตกต่าง เช่น สินค้านำเข้าที่สร้างความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง ไปจนถึง การจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย นอกจากนี้ ระบบบริหารจัดการสต็อกสินค้า ก็ยังช่วยให้สามารถดูสต็อกได้จากที่ไหนก็ได้ ทำให้เจ้าของร้านสามารถจัดการร้านได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญคือ ช่วยให้มีอิสระและเวลามากกว่าที่เคย”           ร่วมสนุกไปกับงานตลาดนัดโชห่วย ครั้งที่ 15 ทั้งโซนตลาดนัดโชห่วย (พื้นที่ด้านในคอนเวนชั่นฮอลล์) และโซนแดนเนรมิตร (พื้นที่ลานจอดรถด้านนอก) รวมถึงขนทัพสินค้าราคาพิเศษมามอบความคุ้มค่าให้ชาวขอนแก่นและผู้ประกอบการ พร้อมจัดเต็มกิจกรรมความบันเทิงมากมาย ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 มีนาคม เวลา 10.00 น. ถึงเที่ยงคืน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของตลาดนัดโชห่วยได้ที่ www.makro.co.th หรือ โทร. 02-0991555

CPAXT เด่นสุดในกลุ่ม Commerce รับอานิสงส์ควบรวม-แจกเงินสด

CPAXT เด่นสุดในกลุ่ม Commerce รับอานิสงส์ควบรวม-แจกเงินสด

                 หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เข้าสู่เฟสที่กำไรกลับมาโตในระดับปกติ Event: อัปเดตแนวโน้มกลุ่ม Commerce Impact: ภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย                  ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยอาจทำให้กำลังซื้อลดลง แม้ว่าภาวะการจับจ่ายใช้สอยจะดีขึ้น จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่แตะ 59.0 ในเดือนมกราคม แต่ลดลงมาอยู่ที่ 57.8 ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 66.9 ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์ของ KGI คาดว่า GDP ของประเทศไทยและการบริโภคจะยังขยายตัวต่อเนื่อง แม้จะโตในอัตราที่ชะลอลง โดยคาดว่า GDP ปี 2568F จะขยายตัว 2.6% YoY (จาก 2.5% YoY ในปี 2567) ในขณะที่คาดว่าการบริโภคจะขยายตัว 2.7% YoY (จาก 4.4% YoY ในปี 2567) ทั้งนี้ ประมาณการของเราได้รวมผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดล่าสุดของรัฐบาล เช่น Easy e-Receipts และ การแจกเงินเฟส 3 ไว้แล้ว การแข่งขันเพิ่มขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อทำให้กำไรกลับมาโตในระดับปกติ                  เราคาดว่ากำไรของบริษัทในกลุ่ม Commerce ที่เราศึกษา ได้แก่ CPALL, CPAXT, CRC, DOHOME, GLOBAL และ HMPRO จะเติบโตในระดับเลขตัวเดียวสูง ๆ เนื่องจาก                  ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย (SSSGs เป็นเลขตัวเดียวระดับกลางถึงต่ำ)ประสิทธิภาพในการดำเนินงานลดลงจากฐานกำไรความเสี่ยงจากการแข่งขันที่อาจรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในหมวดสินค้าฟุ่มเฟือยจากการมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาจมีการขยับช่วง PER ลง                  เนื่องจากกำไรมีแนวโน้มกลับมาเติบโตในระดับปกติ อาจทำให้เกิดการ de-rate PER โดยปัจจุบันช่วง PER ยังคงสูง เนื่องจากอิงกับอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งในอดีต รายได้ของหุ้นกลุ่มนี้ในภูมิภาคน่าจะโตระดับเลขตัวเดียวกลาง ๆ ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะโตในระดับเลขตัวเดียวสูง ๆ หรือสิบต้น ๆ                  QTD SSSG ของ กลุ่มสินค้าจำเป็น (consumer staple) อยู่ที่ บวกเลขตัวเดียวต่ำ ๆ ในขณะที่ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (consumer discretionary) มี SSSG ติดลบระดับเลขตัวเดียวต่ำ ๆ ถึงกลาง ๆ (ยกเว้น DOHOME ที่มี SSSG บวกเลขตัวเดียวต่ำ ๆ) เราให้ premium เล็กน้อยกับหุ้นที่ขายสินค้าจำเป็น เนื่องจากมีผู้เล่นในตลาดน้อย โดยกำหนดช่วง PER ดังนี้ CPALL: 25x (ค่าเฉลี่ยในอดีตของหุ้นกลุ่มนี้ในตลาดโลก +0.25 S.D.) เพื่อสะท้อนสถานะผู้นำธุรกิจร้านสะดวกซื้อ CPAXT: 28x (ค่าเฉลี่ยในอดีตของหุ้นกลุ่มนี้ในตลาดโลก +1.0 S.D.) เพื่อสะท้อนอานิสงส์จากการควบรวม HMPRO: 18x (ค่าเฉลี่ยในอดีตของหุ้นกลุ่มนี้ในตลาดโลก) เพื่อสะท้อนกำไรที่คาดว่าจะโตในระดับปกติและความเสี่ยงจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น CRC: PER เฉลี่ย 23x (22.0x สำหรับหมวดแฟชั่น, 26.0x สำหรับหมวดอาหาร, และ 18.0x สำหรับหมวด Hardline) DOHOME และ GLOBAL: ใช้ช่วง PER เฉลี่ยของทั้งสองบริษัท เนื่องจากรูปแบบกำไรผันผวน โดย DOHOME ใช้ PER 30x และ GLOBAL ใช้ PER 21x Valuation & Action                  แม้จะมีการปรับลดช่วง PER เพื่อสะท้อนแนวโน้มกำไรที่โตในระดับปกติ แต่ราคาหุ้นยังคงมี upside อยู่ นอกจากนี้ ผู้เล่นในกลุ่มสินค้าจำเป็นน่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่ม Commerce ที่ "มากกว่าตลาด" โดยเลือก CPAXT เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม เนื่องจากได้อานิสงส์จากการควบรวม มีโอกาสได้รับผลบวกจากมาตรการ “แจกเงินสด” ของรัฐบาล เราจึงแนะนำ "ซื้อ" CPAXT พร้อมให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568F ที่ 32.50 บาท

‘ซีพี แอ็กซ์ตร้า’ x ‘กลุ่ม ปตท.’  เปิดตัว “AXTRA Green Together”

‘ซีพี แอ็กซ์ตร้า’ x ‘กลุ่ม ปตท.’ เปิดตัว “AXTRA Green Together”

           บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ผู้ดำเนินธุรกิจ “แม็คโคร-โลตัส” ร่วมกับ กลุ่ม ปตท. นำโดย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  หรือ PTT โดยโครงการบริหารการสร้างประโยชน์ร่วมธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น (Petrochemical and Refining Integrated Synergy Management ; PRISM) เปิดตัวโครงการ “AXTRA Green Together” ขับเคลื่อนการจัดการขยะและส่งเสริมให้คนไทยมีส่วนร่วมในการลดปัญหาขยะพลาสติกอย่างยั่งยืน ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่ผู้นำด้านการจัดการขยะในประเทศไทย โดยจัดตั้งจุดรับขวดพลาสติกใช้แล้ว (PET) ที่แม็คโครและโลตัส ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งจะนำขวดพลาสติก PET เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลและอัพไซคลิ่งด้วยระบบบริหารจัดการแบบครบวงจรผ่าน GC YOUเทิร์น แพลตฟอร์ม เพื่อสร้างคุณค่าเปลี่ยนเป็นเสื้อกีฬา และมอบให้กับเยาวชนในโรงเรียนทั่วไทย โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก ยังเป็นการร่วมเฉลิมฉลอง  วันรีไซเคิลโลก พร้อมปลุกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม สอดคล้องเป้าหมายของ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ในการลดขยะสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ภายในปี 2573 และเป้าหมายของกลุ่ม ปตท. ในการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission)            นางศิริพร เดชสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบภายใต้หลัก ESG “ที่ ซีพี แอ็กซ์ตร้า เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ครอบคลุมทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยหนึ่งในเป้าหมายหลักของเรา คือ การส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านการลดการทิ้งขยะสู่หลุมฝังกลบ ซึ่งรวมถึงบรรจุภัณฑ์พลาสติก สำหรับโครงการ ‘AXTRA Green Together’ เราตั้งเป้ารวบรวมขวดพลาสติกให้ได้ 1,400,000 ขวด เพื่อนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม และนำกลับมาเป็นเสื้อกีฬา อัพไซเคิล มอบให้กับเยาวชนทั่วประเทศ เราเชื่อว่าความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะเป็นพลังสำคัญในการลดปริมาณขยะ บรรเทาภาวะโลกร้อน และสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อโลกที่ยั่งยืน”            นางชนัญชิดา วิบูลคณารักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า  “GC มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาสนับสนุนโครงการ “AXTRA Green Together” นับเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือสำคัญในการสร้างจิตสำนึก ส่งเสริมพฤติกรรมคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง ช่วยลดปริมาณขยะจากต้นทาง ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) กิจกรรมครั้งนี้ ได้นำ GC YOUเทิร์น ระบบการบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วครบวงจรเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ AXTRA Green Together ในการส่งขวดพลาสติก PET ใช้แล้ว เข้าสู่ระบบรีไซเคิลอย่างถูกวิธี ซึ่งการขนส่งนั้น ได้ความร่วมมือจาก บริษัท เวสท์บาย เดลิเวอรี่ จำกัด (WasteBuy Delivery) ผู้ดำเนินธุรกิจด้าน            โลจิสติกส์จัดการขยะรีไซเคิล หนึ่งในพันธมิตรของ GC YOUเทิร์น เข้ามามีส่วนร่วมในการขนส่งขวดพลาสติก PET ใช้แล้วจากสาขาแม็คโครและโลตัส ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล กลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลมาตรฐานสูงผ่านบริษัท เอ็นวิคโค จำกัด ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล rPET และ rHDPE มาตรฐานโลกของ GC” โครงการ AXTRA Green Together สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ชุมชน และประชาชนทั่วไป เพื่อร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อมและผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ง่ายๆ เพียงนำขวดพลาสติก PET ใช้แล้วมาทิ้งที่จุดรับขวดที่แม็คโครและโลตัส ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป [PR News]

CPAXT ปักธงปี 68 โตทุกมิติ มุ่งสู่ Smart Community Mall

CPAXT ปักธงปี 68 โตทุกมิติ มุ่งสู่ Smart Community Mall

          นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหาร-กลุ่มธุรกิจค้าส่ง ประธานคณะผู้บริหาร-กลุ่มสายงานการเงิน  การบัญชีและบริหารกลาง บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (CPAXT) เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายปี 2568 จะเติบโตทุกมิติ ผ่านการขยายเครือข่ายสาขา ทั้งในรูปแบบค้าส่งและค้าปลีก ครอบคลุมทำเลศักยภาพในประเทศไทยและต่างประเทศที่ได้มีการลงทุน เช่น มาเลเซีย กัมพูชา ส่วนประเทศใหม่ๆ จะพิจารณาถึงความสามารถในการทำกำไรได้เร็ว หรือภายใน 2 ปี           ประกอบกับมุ่งเพิ่มสัดส่วนยอดขายในช่องทาง Omni Channel & E-commerce (1P & 3P) อย่างต่อเนื่อง ผ่านการใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง และใช้สาขาเป็นจุดศูนย์กระจายสินค้า ให้ครอบคลุมส่งถึงลูกค้าให้รวดเร็ว           นอกจากนี้การพัฒนา Shopping Mall สู่ Smart Community  Mall จะมุ่งสร้างพื้นที่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนทุกวัย พร้อมกับบริหารพื้นที่เช่าให้เกิดมูลค่าสูงสุด โดยการปรับปรุงสาขาเดิมในทำเลศักยภาพ และเพิ่มพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์ เพื่อดึงดูดพันธมิตรเข้ามา เพิ่มโซนร้านอาหารแนวคิดใหม่ แบรนด์สินค้าที่โดดเด่น เพิ่มพื้นที่เชิงกิจกรรม และเน้นย้ำการนำเสนอสินค้าคุณภาพดี ในราคาคุ้ม รวมถึงสินค้าทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมเพิ่มสัดส่วนสินค้าภายในแบรนด์ และสินค้าที่คุมค่าที่มีจำหน่ายเฉพาะ Makro - Lotus’s  โดยมองการผนึกกำลังระหว่าง Makro - Lotus’s  จะสามารถช่วยลดต้นทุน ลดความซ้ำซ้อน เพิ่มโอกาสในการเติบโต โดยคาดการณ์การควบรวมบริษัทดังกล่าว จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ ได้           อย่างไรก็ตามแผนงานระยะ 3-5 ปีนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะเข้าไปปรับปรุงสาขาเดิมราว 87 แห่ง, ต่อเสริมหรือขยายพื้นที่เช่าเดิม ประมาณ 100 Location ทั่วประเทศ รวมถึงการสร้าง Community Center ปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณา 16 Location โดยการดำเนินการดังกล่าว บริษัทฯ คาดจะเพิ่มพื้นที่เช่าได้อีก 80,000 ตารางเมตรในปี 2568 และในระยะ 4 ปีข้างหน้า หรือในปี  2572 จะสามารถเพิ่มพื้นที่เช่าได้ประมาณ 240,000 ตารางเมตร           “ในปี 2568 จะเห็นการเติบโต ทั้งธุรกิจค้าส่ง และค้าปลีก เนื่องจากมองว่าการมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโต คาดว่าจะโตในลักษณะ High digit Growth แต่นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) เรายังโตอยู่ในอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำ หรือ Low-single digit อยู่” นางเสาวลักษณ์ กล่าว           บริษัทฯ มีแผนออกหุ้นกู้ในช่วงกลางปี 2568 เนื่องจากเห็นเทรนด์ดอกเบี้ยขาลง เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดอายุ แต่อาจไม่ได้ลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้มากนัก จากเป็นบริษัทฯ ที่มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง และบุคคลทั่วไป           สำหรับโครงการ Lotus’s Mall Bangna (The Happitat) ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการเข้าสู่กระบวนการก่อสร้าง  คาดจะสามารถเปิดให้บริการ (COD) ในไตรมาส 1/2569 โดยจากการศึกษาคาดสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ราว 10%

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

CPAXT มุ่งเพิ่มสาขา เล็งกำไรปีนี้โต19%

CPAXT มุ่งเพิ่มสาขา เล็งกำไรปีนี้โต19%

            หุ้นวิชั่น - บทวิเคราะห์ บล. ดาโอยยังคงยังแนะนำ “ซื้อ” CPAXT ที่ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท โดยอิง 2025E PER ที่ 30x (หรือเท่ากับ -0.2 SD 5yr avg) ในปี 2025E, CP AXTRA วางแผนขยายสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ พร้อมพัฒนา Omni-Channel (Makro Pro, Lotus’s App) และธุรกิจอาหารสด (RTE, RTC) และ การใช้ AI และ Synergy ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยคาด GPM จะเพิ่มขึ้น +50bps จาก Synergy (0.25%) และ Organic Growth (+0.25%)             ส่วนค่าใช้จ่าย SG&A คาดลดลง -1% ใน 2H25E โดยคาด synergy มีมูลค่า 2.5 พันล้านบาทในปี 2025E และรวม 5.2 พันล้านบาทใน 2025E-26Eคงประมาณการกำไรปี 2025E ที่ 1.26 หมื่นล้านบาท โต +19% YoY โดยกำไร 2024 ออกมาที่ 1.06 หมื่นล้านบาท โต +22.3% จาก GPM ที่ขยายตัวจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า high margin อย่างต่อเนื่องใน 2025E และต้นทุนที่ลดลงจากการควบรวม, การเติบโตของ O2O โดยใน 2024 สัดส่วนยอดขายของ Omnichannel คิดเป็น 18% ของรายได้ และกำไร 1Q25E ที่ยังเป็น high seasonราคาหุ้น outperform ตลาดได้ จากผลการดำเนินงาน 4Q24 ที่ออกมาโตแข็งแกร่ง หลังจากที่ underperform จากข่าวการลงทุนในโครงการ Happitat และข่าวการร่วมลงทุนของกลุ่ม CP             ทั้งนี้ อย่างไรดียังมองผลการดำเนินงานที่เติบโตดีต่อเนื่อง หลังจากจะเริ่มเห็น synergy value ของบริษัทในปี 2025E-26E

CPAXT จับตาผลงานครึ่งปีหลัง เคาะเป้าที่ 30.00 บ.

CPAXT จับตาผลงานครึ่งปีหลัง เคาะเป้าที่ 30.00 บ.

          หุ้นวิชั่น - บล.กรุงศรี ประเมินหุ้น CPAXT โดยแนวทางการบรรยายสรุปของนักวิเคราะห์มีความเป็นกลาง โดยฝ่ายบริหารย้ำ แนวทางในปี2025 ที่ว่า 1) การเติบโตของยอดขายหลักเดียวในระดับสูง และ 2) การปรับปรุงอัตรากำไรขั้นต้น 0.5ppt จากการ มุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงอาหารสด           นอกจากนี้ในระยะยาว บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนให้มากขึ้น ในแง่ของ synergies CPAXT วางแผนที่จะบรรลุเป้าหมาย 2.5 พันล้านบาทในปี 2568 โดยส่วนใหญ่ผ่านเงื่อนไขทางการค้าที่ดีขึ้น และคาดว่าจะเกิดขึ้น ในช่วงครึ่งหลังของปี2568  คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 30 บาท ฝ่ายวิจัยคำนึงถึงเป้าผู้บริหารในปี2025 และคาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่24.9% ในปี2025F ฝ่ายวิจัยกำหนด TP ของฝ่ายวิจัยไว้ที่23x 2025F P/E มีการซื้อขายที่22x 2025F P/E ซึ่งเป็นพรีเมี่ยมเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ดังนั้น จึงคิดว่าแนวโน้มที่ดีนั้นอยู่ที่ราคา

CPAXTกำไรQ4ตามคาด โบรกเคาะพื้นฐาน36บาท

CPAXTกำไรQ4ตามคาด โบรกเคาะพื้นฐาน36บาท

           หุ้นวิชั่น - บทวิเคราะห์บล. ดาโอ คงยังแนะนำ “ซื้อ” CPAXT ที่ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท โดยอิง 2025E PER ที่ 30x (หรือเท่ากับ -0.2 SD 5yr avg)            บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 3.96 พันล้านบาท (+20.7% YoY, +102.9% QoQ) เติบโตดีตามคาด มีปัจจัยสำคัญคือ 1) รายได้รวม: 1.33 แสนล้านบาท (+3.9% YoY, +7.2% QoQ) จากธุรกิจค้าปลีกเติบโตจาก Omni Channel และการขยายสาขา และธุรกิจค้าส่งขยายตัวจาก HoReCa โดย SSSG ใน 4Q24 อยู่ที่ B2B: +3.0% YoY (Makro TH: +0.4%) B2C: +1.9% YoY (Lotus’s TH: +3.6% YoY, Lotus’s MY: +3.7% YoY) 2) GPM อยู่ที่ 17.0% (+70 bps YoY, +50 bps QoQ) จาก Product Mix ที่ดีขึ้น จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่ม High-Margin และลดต้นทุนที่ลดลง 3) SG&A (+5.5% YoY, -1.2% QoQ) จากการขยายสาขาและลงทุน O2O ที่ยังมีต่อเนื่องปรับประมาณการกำไรปี 2025E ขึ้น +10% เป็น 1.26 หมื่นล้านบาท โต +19% YoY (จากเดิมที่ 1.14 หมื่นล้านบาท) โดยกำไร 2024 ออกมาที่ 1.06 หมื่นล้านบาท โต +22.3% จากกำไร 4Q24 ที่เติบโตแข็งแกร่ง จากคาดกำไรที่จะโตได้ต่อเนื่องจาก GPM ที่ขยายตัวได้ต่อได้จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้า high margin อย่างต่อเนื่องใน 2025E, การเติบโตของ O2O และกำไร 1Q25E ที่ยังเป็น high seasonราคาหุ้นกลับ perform ใกล้เคียงตลาด จากที่ underperform จากข่าวการลงทุนในโครงการ Happitat และข่าวการร่วมลงทุนของกลุ่ม CP            ทั้งนี้ อย่างไรดียังมองผลการดำเนินงานที่เติบโตดีต่อเนื่อง หลังจากจะเริ่มเห็น synergy value ของบริษัทในปี 2025E-26E

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

CPAXT กำไรสุทธิปี 67 โต 22.3% แตะ 1 หมื่นลบ. ตามยอดขาย-ลดต้นทุนการเงิน

CPAXT กำไรสุทธิปี 67 โต 22.3% แตะ 1 หมื่นลบ. ตามยอดขาย-ลดต้นทุนการเงิน

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่ง และ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสายงานการเงินการบัญชี และบริหารงานกลาง บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (CPAXT) เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวมจำนวน 10,569 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,929 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน หากไม่รวมรายการปรับปรุง กำไรสุทธิจะเป็นจำนวน 10,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,060 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นในทุกกลุ่มธุรกิจ รวมถึงการลดลงของต้นทุนทางการเงินจากการปรับโครงสร้างเงินกู้ยืมในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก           บริษัทฯ มีต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมทั้งสิ้น 68,339 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจำนวน 3,371 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจค้าส่ง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อสนับสนุน Omni Channel และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสาขาใหม่ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจากการควบรวมบริษัทเพื่อปรับโครงสร้างภายในองค์กร อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมบริษัท (“รายการปรับปรุง”) ต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4.7 ซึ่งเติบโตในทิศทางเดียวกันกับรายได้รวม           ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้สัดส่วนต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้รวมเท่ากับร้อยละ 13.3 ซึ่งเท่ากับปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกมีสัดส่วนต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้รวมอยู่ที่ร้อยละ 10.2 และร้อยละ 17.1 ตามลำดับ           บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 512,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,093 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายสินค้าจำนวน 488,861 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22,627 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมาจากการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่งที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของทุกหน่วยธุรกิจ โดยเฉพาะการขายกลุ่มสินค้าอาหารสดและการขายนอกร้านผ่านช่องทาง Omni Channel รวมถึงการขยายสาขา ขณะเดียวกันรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 จากกลยุทธ์การมุ่งเน้นสินค้าอาหารสดและสินค้าพร้อมปรุง รวมถึงการขายผ่านช่องทาง Omni Channel           ในปีนี้ สัดส่วนรายได้จากการขายผ่านช่องทาง Omni Channel ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยคิดเป็นร้อยละ 18.0 ของรายได้จากการขายสินค้า ซึ่งสามารถบรรลุเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ โดยการขายนอกร้านผ่านแอปพลิเคชันและการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ตอกย้ำความเป็น “ผู้นำเทคโนโลยีค้าปลีกค้าส่ง” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค           บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการและรายได้อื่นรวมจำนวน 8,860 ล้านบาท ลดลง 552 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากการให้บริการในกลุ่มธุรกิจค้าส่ง จากการร่วมทำกิจกรรมกับคู่ค้าในการได้รับการสนับสนุนการให้คะแนนสะสมแก่ลูกค้าสมาชิก ซึ่งส่งผลให้การรับรู้รายได้ทางบัญชีมีการเปลี่ยนแปลงจากการรับรู้รายได้ค่าบริการเป็นการลดต้นทุนขาย (การจัดประเภทบัญชีของกลุ่มธุรกิจค้าส่ง) และรายได้อื่นในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกลดลงจากกำไรทางบัญชีจากสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินในปี 2566           บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้าจำนวน 14,321 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นจากการให้เช่าและการให้บริการศูนย์การค้าจำนวน 7,899 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นจากการให้เช่าและการให้บริการศูนย์การค้าที่ร้อยละ 55.2 ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน แนวโน้มธุรกิจปี 2568           บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการเติบโต ของธุรกิจที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการขยายสาขาทุกรูปแบบ การเพิ่มประสิทธิภาพจากการขาย Omni Channel และ การสร้างศูนย์การค้าให้เป็นศูนย์กลางชุมชนที่รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนทุกวัย เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และ มูลค่าเพิ่มในสินทรัพย์ได้ดียิ่งขึ้น           ในด้านการขาย Omni Channel บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนต่อยอดขายอย่างต่อเนื่อง โดยการขายนอกร้าน ผ่านแอปพลิเคชันยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วจากการใช้ข้อมูลเชิงลึกรายบุคคลด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และ การวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าอย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อดึงดูดและรักษาผู้ใช้งานให้ใช้บริการซ้ำในทุกช่องทาง รวมถึงการขยายพื้นที่ให้บริการซึ่งใช้จุดแข็งของสาขาที่มีกว่า 2,600 สาขาทั่วประเทศ เป็นจุดกระจายและจัดส่งสินค้าเพื่อ เพิ่มอรรถประโยชน์ของสินทรัพย์ที่มีอยู่           นอกจากนี้บริษัทฯ มุ่งมั่นเพิ่มพื้นที่เช่าและปรับโฉมสาขา พร้อมทั้งการบริหารพื้นที่ศูนย์การค้าให้เป็นศูนย์กลางชุมชนที่รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนทุกวัย โดยเฉพาะสาขาในย่านธุรกิจเมืองหลักและพื้นที่กำลังพัฒนาที่มีศักยภาพในการเติบโต ผ่านการนำเสนอในรูปแบบและขนาดตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่ พร้อมทั้งเสริมประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าผ่านการคัดสรรพันธมิตรและผู้เช่าที่ตอบโจทย์ไลฟ์ สไตล์ของผู้บริโภค ในยุคปัจจุบัน เช่น ร้านอาหารแนวคิดใหม่ พื้นที่สำหรับกิจกรรมเชิงประสบการณ์ หรือแบรนด์สินค้าที่มีความโดดเด่น กลยุทธ์เหล่านี ้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่และรายได้จากค่าเช่า พร้อมทั้งเสริมความสามารถในการแข่งขันของ บริษัทฯ และเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์อย่างยั่งยืน บริษัทฯ เน้นย้ำการนำเสนอสินค้าคุณภาพดีในราคาคุ้มค่า รวมถึงสินค้าทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใส่ใจต่อ สิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนกลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (Private label) และสินค้าแบรนด์ในราคา ที่คุ้มค่าที่มีจำหน่ายเฉพาะที่แม็คโครและโลตัส (Exclusive brand) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในตลาด และ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน           อีกทั้งการใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจอัจฉริยะและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกช่วยสร้าง ความเข้าใจในพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถตอบสนอง ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด พร้อมผลักดันการเติบโตยอดขายและกำไรขั้นต้นได้ดียิ่งขึ้น เมื่อต้นเดือนตุลาคมปี 2567 บริษัทฯ ได้ดำเนินการควบบริษัทแม็คโครและโลตัสในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยน สำคัญในการเสริมศักยภาพขององค์กร ด้วยการมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการผนึกก าลัง ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน แต่ยังเปิดโอกาสในการเพิ่มผลประกอบการ อนึ่ง การเติบโตของภาพรวมรายได้ดังกล่าวข้างต้นจะสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศและประเทศที่ บริษัทฯ มีการลงทุน โดยคาดว่าเศรษฐกิจยังคงเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งได้รับแรงสนับสนุนสำคัญจาก ภาคการท่องเที่ยว ภาคการบริการ และภาคการส่งออก และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ           อย่างไรก็ตาม ปัจจัยการผันผวนทางเศรษฐกิจจากภาระหนี้สินครัวเรือน, การเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน และความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อาจมีผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและการดำเนินงานของบริษัทฯ แต่บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจให้เป็นองค์กรที่มีความยั่งยืนในระดับโลก โดยยึดหลักการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม พร้อมกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG)           บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายตามประเด็นที่สำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสีย และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโลก (UNSDGs) โดยการนำหลักการเหล่านี้มาปฏิบัติในทุกกระบวนการดำเนินงาน พร้อมทั้งติดตามและปรับปรุงนโยบายด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าบริษัทฯ จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ทั้งนี้ยังสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมตามสภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยสามารถสร้างรายได้และผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน

‘ซีพี แอ็กซ์ตร้า’ ติดอันดับความยั่งยืนโลก พร้อมคว้ารางวัลสองปีซ้อน จาก S&P Global 

‘ซีพี แอ็กซ์ตร้า’ ติดอันดับความยั่งยืนโลก พร้อมคว้ารางวัลสองปีซ้อน จาก S&P Global 

          หุ้นวิชั่น - บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งค้าปลีก “แม็คโคร-โลตัส” ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืน Corporate Sustainability Assessment (CSA) ประจำปี 2024 จาก S&P Global ในระดับ Top 10% พร้อมได้รับการยกย่องให้เป็น Industry Mover หรือ องค์กรที่มีพัฒนาการสูงสุดด้านความยั่งยืน 2 ปีซ้อน ด้วยคะแนน 84 จาก 100 คะแนน สูงเป็นอันดับ 4 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staples Retailing ในรายงาน ‘The S&P Global Sustainability Yearbook 2025’ ตอกย้ำความมุ่งมั่นขององค์กรในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาด้านความยั่งยืน           นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า “ซีพี แอ็กซ์ตร้า ภูมิใจที่ได้รับการจัดอันดับด้านการพัฒนาความยั่งยืนในระดับสากล อีกทั้ง ได้รับการยกย่องให้เป็นองค์กรที่มีพัฒนาการสูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากบริษัททั่วโลกที่เข้ารับการประเมินในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งเป็นผลจากความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างแท้จริง”           ซีพี แอ็กซ์ตร้า มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG (Environmental, Social and Governance) ตั้งเป้าสู่องค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 และมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050 ผ่านโครงการต่างๆ เช่น การติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ในสาขาแม็คโคร-โลตัส และศูนย์กระจายสินค้ากว่า 924 แห่ง ในปี 2024 พร้อมตั้งเป้าลดขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ผ่าน โครงการ “เปลี่ยนขยะเป็นประโยชน์” นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชนกว่า 290,000 ราย จากเป้าหมาย 400,000 รายในปี 2030 พร้อมยึดมั่นในการดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล การสนับสนุนด้านสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม และความหลากหลายทางเพศ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืน [PR News]

CPAXT แจงดีลค้าปลีกญี่ปุ่น ยันไม่มีแผนลงทุน

CPAXT แจงดีลค้าปลีกญี่ปุ่น ยันไม่มีแผนลงทุน

         หุ้นวิชั่น - นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่ง และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มสายงานการเงิน การบัญชี และบริหารงานกลาง บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT แจ้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ตามที่มีนักลงทุนหลายรายได้ติดต่อสอบถามบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการเข้าลงทุนในบริษัทค้าปลีกของประเทศญี่ปุ่นนั้น บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า บริษัทฯ ไม่ได้มีแผนงานในการเข้าร่วมการลงทุนดังกล่าวแต่อย่างใด

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

CPAXT ยืนยันไม่เกี่ยว Seven & i พร้อมเตือนนักลงทุนอย่าหลงเชื่อข่าวลือ

CPAXT ยืนยันไม่เกี่ยว Seven & i พร้อมเตือนนักลงทุนอย่าหลงเชื่อข่าวลือ

          จากกรณีที่มีข่าวลือเรื่องบริษัท Seven & i ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าทาบทามหาผู้ร่วมลงทุนในประเทศไทย เกี่ยวกับเรื่องนี้ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ของ CPAXT ได้รับการยืนยันว่า บริษัทฯ ไม่มีแผนเข้าร่วมทุนและดีลนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับบริษัท พร้อมเตือนนักลงทุนอย่าหลงเชื่อข่าวลือ           ขอให้รับฟังข้อมูลจากบริษัทฯ ผ่านช่องทางตลาดหลักทรัพย์ เท่านั้น

CPAXT คาด Q4/67 รายได้โต 6% โบรกเคาะเป้า 39.30 บาท

CPAXT คาด Q4/67 รายได้โต 6% โบรกเคาะเป้า 39.30 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กสิกรไทย มีมุมมองเชิงบวกต่อ CPAXT เนื่องจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเดือนมกราคมเติบโต 4-6% จากผลดีของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการจับจ่ายใช้สอยช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน นอกจากนี้เราคาดว่ากำไรในไตรมาส 4 ปี 2024 จะเติบโตแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการเติบโตของรายได้ที่ 6% และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นราว 90 bps เมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้งบริษัทยังตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2025 ในระดับ High Single Digit พร้อมกับการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นอีก 60 bps รวมถึงการได้ประโยชน์จาก Synergy Value ราว 5,200 ล้านบาท ซึ่งมาจากการประหยัดต้นทุนและการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น โดยจะทยอยรับรู้ทั้งหมดในงบกำไรขาดทุนภายใน 2 ปีนี้ CPAXT : ราคาพื้นฐาน 39.30 บาท

รัฐจ่อลดค่าไฟฟ้า CPALL – CPAXT – DOHOME รับอานิสงส์

รัฐจ่อลดค่าไฟฟ้า CPALL – CPAXT – DOHOME รับอานิสงส์

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กรุงศรี ระบุว่าตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลอาจมีการปรับลดราคาค่าไฟฟ้าอีกครั้งตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 เป็นต้นไป มุมมองของนักวิเคราะห์คือสามารถลดราคาลงเหลือ 3.85 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าปี 2025F ต่ำกว่าปี 2024F ถึง 6.1% ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่ม upside ให้กับกำไรปี 2025F ของเราที่ 0.9-4.7% อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลปรับลดเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย (ตามแถลงการณ์ก่อนหน้านี้, -8.8% yoy) upside อาจเพิ่มขึ้นเป็น 1.3%-6.7% ในทั้ง 2 สถานการณ์ผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดอาจเป็น CPALL (4.7%-6.7%) ตามมาด้วย CPAXT (3.5%-5.1%) และ DOHOME (3.1%-4.4%) CPALL (TP 70) และ HMPRO (TP 13.50) เป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้ ทั้งสองบริษัทอาจเห็นยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เติบโตในเชิงบวกในปี 2025 และมีการประเมินมูลค่าที่น่าสนใจที่ 17x ถึง 19x, -1.5 ถึง -2SD จากค่าเฉลี่ยระยะยาว ลดค่าไฟฟ้าจากพฤษภาคมเป็นต้นไป           ในความพยายามที่จะลดต้นทุนการครองชีพ รัฐบาลได้ลดราคาค่าไฟฟ้าต่อหน่วยลง 0.03 บาท เหลือ 4.15 บาท ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน 2025 และยังระบุด้วยว่าสามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้อีกเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2025 เป็นต้นไป เนื่องจากการขาดทุนหนัก หากค่าไฟฟ้าลดเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย เราคาดว่าสามารถลดลงเหลือ 3.85 บาทต่อหน่วย แม้ว่ายังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก แต่เราคาดว่าค่าไฟฟ้าทุกๆ 0.10 บาทต่อหน่วยที่ลดลง อาจช่วยเพิ่ม upside ให้กับกำไรของภาคธุรกิจในปี 2025F ได้ที่ 0.4%-1.8% SSSG เป็นบวกในปี 2025           ประเมินว่า SSSG ในปี 2025 อาจฟื้นตัวจากระดับปี 2024 และอยู่ระหว่าง 2%-5% ในปี 2025 ซึ่งอาจได้รับแรงหนุนจาก: 1) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐเพิ่มเติม (โดยเฉพาะการแจกเงินสดเพิ่มเติม 10,000 บาท) และ 2) การเติบโตของ GDP ที่ดีขึ้นในปี 2025F เราหันมามองเชิงบวกมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่ราคาหุ้นยังเป็น laggards เนื่องจากคาดว่า SSSG ของพวกเขาจะเปลี่ยนเป็นบวกจากลบในปี 2024 (รูปที่ 3) และอาจเป็นผลดีต่อราคาหุ้น ความเสี่ยงหลักคือการบริโภคที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คิด           ความเสี่ยงหลักคือการฟื้นตัวของการบริโภคช้ากว่าคาด หุ้นเด่นคือ: 1) CPALL (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 70 บาท) เนื่องจากได้ประโยชน์หลักจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และ 2) HMPRO (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย TP 13.50 บาท) เนื่องจาก valuation ที่ -2SD ในขณะที่ SSSG อาจกลับมาเป็นบวกที่ +2% ในปี 2025F จาก -3.6% ในปี 2024F และเป็น positive catalyst

abs

ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร

CPAXT เซ็นเทนเซ็นต์ คลาวด์ ยกระดับศักยภาพดิจิทัลสู่ Retail Tech

CPAXT เซ็นเทนเซ็นต์ คลาวด์ ยกระดับศักยภาพดิจิทัลสู่ Retail Tech

          หุ้นวิชั่น - กรุงเทพฯ, 24 มกราคม 2568 – บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้าและประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยประกาศความร่วมมือกับ เทนเซ็นต์ คลาวด์ เพื่อใช้เทคโนโลยีดิจิทัล นำระบบคลาวด์ : Infrastructure-as-a-Service (IaaS) และ โซลูชัน AI มาปรับใช้ในทุกระบบปฏิบัติการ อาทิ การจัดประเภทสินค้าที่จัดจำหน่าย การประเมินความต้องการของลูกค้าในตลาด รวมถึงการวิเคราะห์ราคาและโปรโมชัน เสริมด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ระดับโลกของ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ที่จะมาผสานพลังในการขับเคลื่อนสู่องค์กรดิจิทัลของ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ให้แข็งแกร่งและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กร Retail Tech อันจะมีส่วนพัฒนาด้านดิจิทัลของทั้งอุตสาหกรรมค้าปลีกไทย นอกจากนี้ ซีพี แอ็กซ์ตร้า และ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ยังมีแผนความร่วมมือที่จะนำโซลูชัน AI มาช่วยในการประเมินยอดขาย และการบริหารจัดการคลังสินค้าอีกด้วย           ซีพี แอ็กซ์ตร้า องค์กรค้าส่งค้าปลีกชั้นนำ ภายใต้แบรนด์ “แม็คโคร” และ “โลตัส” ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจกว่า 30 ปี และความไว้วางใจจากลูกค้าทั้ง B2B และ B2C พร้อมความเป็นผู้นำด้านสินค้าและบริการที่หลากหลายครบครัน ปัจจุบันดำเนินธุรกิจใน 10 ประเทศของภูมิภาคเอเชีย มีสาขากว่า 2,600 แห่ง พร้อมด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้รับความนิยมและมีผู้ใช้บริการอย่างกว้างขวาง ด้วยยอดดาวน์โหลดกว่า 14 ล้าน บน Makro PRO และ Lotus’s SMART App           พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง เทนเซ็นต์ คลาวด์ และ ซีพี แอ็กซ์ตร้า จัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีนาย Jimmy Chen รองประธานกรรมการของบริษัท เทนเซ็นต์ คลาวด์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด และกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมลงนามกับ นายธรินทร์ ธนียวัน ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มสายงานอีคอมเมิร์ซ และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มสายงานเทคโนโลยีและข้อมูล บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) โดยพิธีดังกล่าว ได้รับเกียรติจากนาย Zhang Yun Ming รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม ร่วมเป็นสักขีพยาน           นาย Poshu Yeung รองประธานอาวุโส บริษัท เทนเซ็นต์ คลาวด์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด กล่าวว่า “เทนเซ็นต์ คลาวด์ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งค้าปลีกชั้นนำของภูมิภาค โดยเทนเซ็นต์ คลาวด์ จะร่วมกับ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ในการยกระดับศักยภาพด้านดิจิทัลและการประยุกต์ใช้ AI ผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชันคุณภาพสูงของเรา เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจค้าปลีกของ ซีพี แอ็กซ์ตร้า”           นายธรินทร์ ธนียวัน ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มสายงานอีคอมเมิร์ซ และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มสายงานเทคโนโลยีและข้อมูล บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ซีพี แอ็กซ์ตร้า รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับ เทนเซ็นต์ คลาวด์ ในการนำ IaaS และ โซลูชัน AI ที่ทันสมัยมาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ในการนำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับประสบการณ์ลูกค้า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกในภูมิภาคเอเชีย” [PR News]

CPAXT คาดกำไร Q4 โต 19% โบรกชี้เป้า 39.30 บาท

CPAXT คาดกำไร Q4 โต 19% โบรกชี้เป้า 39.30 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กสิกรไทย มีมุมมองเชิงบวกต่อแผนกลยุทธ์ปี 2568 และผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ของ CPAXT โดยบริษัทตั้งเป้าการเติบโตรายได้ในระดับเลขหลักเดียวสูง (High Single Digit) พร้อมเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นอีก 60 bps ในปีหน้า และมุ่งเน้นการเติบโตผ่านช่องทาง omnichannel ที่คาดว่าจะมีอัตราการเข้าถึงเกิน 20% เทียบกับ 18% ในปี 2567 นอกจากนี้คาดการเติบโตของ EBITDA ในระดับสองหลัก และประโยชน์จากการควบรวมกิจการที่จะสร้าง Synergy Value ราว 5,200 ล้านบาท ทั้งจากการประหยัดต้นทุนและการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นอีก 50 bps โดยจะรับรู้ทั้งหมดในงบกำไรขาดทุนภายใน 2 ปี สำหรับไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะเติบโต 19.9% จากปีก่อน จากรายได้ที่เติบโต 6% และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 90 bps จากปีก่อน CPAXT : ราคาพื้นฐาน 39.30 บาท

CPAXT โบรกมองโตแกร่ง Omni Channel หนุนยอดขาย แนะซื้อเป้า 33 บ.

CPAXT โบรกมองโตแกร่ง Omni Channel หนุนยอดขาย แนะซื้อเป้า 33 บ.

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.พาย ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพการเติบโตในระยะยาวของ CPAXT จากการมุ่งเน้นการขายอาหารสด อาหารพร้อมทาน อาหารพร้อมปรุง โดยใช้การขายนอกร้าน (Omni Channel) เพื่อผลักดันการเติบโตของยอดขาย ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมียอด Download App Makro Pro และ Lotus’s Online รวมกันมากกว่า 14 ล้านดาวน์โหลด และมีผู้ใช้บริการมากกว่า 1 ล้านรายต่อวัน ขณะที่เราเชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลง 20% จากประเด็นโครงการ “The Happitat” สะท้อนความกังวลมาเกินไป CPAXT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 33.00 บาท)

abs

Hoonvision

CPAXT คาดกำไรปี68 พุ่ง 13.7 พันลบ. ยอดขายแกร่ง - 50 สาขาใหม่หนุน โบรกชี้เป้า 30 บาท

CPAXT คาดกำไรปี68 พุ่ง 13.7 พันลบ. ยอดขายแกร่ง - 50 สาขาใหม่หนุน โบรกชี้เป้า 30 บาท

หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.กรุงศรี ระบุว่า ฝ่ายบริหารให้แนวทางเชิงบวกสำหรับปี 2025: (1) การเติบโตของยอดขายดี(2) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 0.6ppt yoy และ (3) เปิดสาขาใหม่ 50 แห่ง โดยได้รวมไว้ในประมาณการกำไรของเรา ซึ่งทำให้กำไรหลักปี 2025F เพิ่มขึ้น 22% และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น 28% เป็น 30 บาท EPS จะเพิ่มขึ้น31.7% yoy ในปี 2025F ซึ่งราคาหุ้นรับรู้ปัจจัยต่าง ๆ นี้ไว้แล้ว ดังนั้นเราจึงปรับแนะนำ CPAXT เป็น “NEUTRAL” 4Q24F กำไรหลักโต 12% yoy เราประเมินว่ากลุ่ม SSSG อยู่ที่ 1.9% ใน 4Q24F โดยได้แรงหนุนจาก 1.5% ในธุรกิจขายส่ง และ 2.3% ในส่วนค้าปลีก ตัวขับเคลื่อนการเติบโตจะเป็นธุรกิจอาหารสด (ส่วนแบ่งรายได้ประมาณ 35%) ด้วยการเลือกสรรที่ดีขึ้นและการนำเสนอที่สดใหม่ยิ่งขึ้น ซึ่งน่าจะเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นขึ้น 0.6ppt yoy เป็น 14.7% ต้นทุน SG&A/ยอดขายรวมน่าจะลดลง 0.4ppt qoq เป็น 13.3% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างดี 2025F กำไรหลักโต 26% yoy เราคาดว่า SSSG จะสูงถึง 2.5% ในปี 2025F และยอดขายรวมจะเติบโต 7% อัตรากำไรขั้นต้น จะขยายตัว 0.6ppt (0.25ppt จาก synergies) เนื่องจากกลุ่มยังคงมุ่งเน้นที่กลุ่มอาหารสด ต่อไป รวมถึงได้รับแรงผลักดันจากการทำงานร่วมกันจากการควบรวมกิจการระหว่างแม็คโคร และโลตัสเมื่อเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้เรายังใช้เงินลงทุน 25 พันล้านบาทสำหรับการบำรุงรักษาและ เปิดสาขาใหม่ โดยรวมแล้ว กำไรหลักคาดว่าจะเติบโต 26% yoy เป็น 13.7 พันล้านบาทในปี 2025F ความเสี่ยงหลักคือการฟื้นตัวของการบริโภคที่ช้ากว่าคาดเรากำหนดราคาเป้าหมายของเราไว้ที่ระดับ 22.9x 2025F P/E โดยปัจจุบันมีการซื้อขายที่ระดับ P/E 21.5x ในปี 2025F ทั้งนี้ปัจจัยความเสี่ยงหลักคือการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้

CPAXT-CPALLโอกาสลงทุน เปิด3ปัจจัยหนุนกระตุ้นธุรกิจ

CPAXT-CPALLโอกาสลงทุน เปิด3ปัจจัยหนุนกระตุ้นธุรกิจ

           หุ้นวิชั่น - สถานการณ์ตลาดหุ้นและโอกาสในหุ้น CPAXT และ CPALL คาดปีหน้ากำไรเติบโต 19% หลังโบรกฯส่งสัญญาณบวกกรณี CPAXT ชี้แจง AIMC ตลาดหุ้นไทยในปี 2567 เผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยหลายประการ ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง และความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ อย่างไรก็ตามในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี นักลงทุนเริ่มกลับมามองหาโอกาสในหุ้นที่มีพื้นฐานดี โดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย คาดการณ์ GDP ไทยปี 2567 จะเติบโตประมาณ 3.8-4% ได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักและกำลังซื้อในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยปรากฏว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกได้ รับอานิสงส์มาตรการรัฐ ทั้ง "Easy E-Receipt 2.0" ช้อปลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท กระตุ้นจับจ่ายคึกคัก ด้านหอการค้าฯ คาดเงินสะพัดแสนล้าน โบรกฯ ชี้เป็นโอกาสสะสมหุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL CPAXT นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แนวโน้มผลดำเนินงานของ CPAXT ในปี 2567 จะมีผลกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยกำไรสุทธิคาดว่าจะอยู่ที่ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อที่ได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงความสำเร็จจากการผสานกลยุทธ์ของโลตัสและแม็คโคร ผู้นำในธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ขณะที่ระดับราคาหุ้น CPAXT ในปัจจุบันที่มีค่า P/E 22 เท่า เมื่อเทียบกับ CPALL ที่มีค่า P/E 19 เท่า ถือว่าถูกกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับลดลงเพิ่มเติมมีค่อนข้างจำกัด โดยเมื่อพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มการเติบโตในอนาคต CPAXT ถือว่าน่าสนใจเมื่อพิจารณาจากโอกาสเติบโตในระยะยาว ขณะที่ CPALL ยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดค้าปลีกไทย ด้วยเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven มากกว่า 13,800 สาขา คาดการณ์ว่า รายได้รวมของ CPALL จะเติบโตประมาณ 8-10% ในปี 2567 การฟื้นตัวของยอดขายในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงการจัดโปรโมชั่นช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ราคาหุ้น CPALL ที่ P/E 19 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ทำให้เป็นหุ้นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว 3 ปัจจัยหนุน CPALL – CPAXT  สำหรับปัจจัยหนุน CPAXT และ CPALL ประกอบไปด้วย 1.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และการสนับสนุนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะเพิ่มกำลังซื้อของประชาชน ส่งผลบวกต่อธุรกิจค้าปลีก 2. การขยายธุรกิจและการลงทุนใหม่ โดย CPAXT ลงทุนในโครงการ Lotus’s Mall Bangna (The Happitat) ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ที่มั่นคงในอนาคต ด้าน CPALL เร่งขยายสาขา 7-Eleven ทั้งใน และต่างประเทศ 3.ความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก ทั้ง CPAXT และ CPALL ที่ยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มค้าปลีกและค้าส่ง ด้วยเครือข่ายที่ครอบคลุมและฐานลูกค้าที่กว้างขวาง ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) มองว่า CPALL ยังเป็นหุ้นเด่น หลังผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้ ออกมาดีกว่าที่คาดจากแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้นของจากทั้งแม็คโคร โลตัส ภายใต้ CPAXT (CPALL ถือหุ้น CPAXT อยู่ 34.91 %) รวมทั้งมีอัตราการเติบโตของเซเว่นอีเลฟเว่นสาขาเดิมและการเปิดสาขาใหม่ ส่งผลต่อเนื่องสำหรับผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง จากการเข้าสู่ช่วงไฮ ซีซั่น รวมทั้งมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อปลายปีของภาครัฐ จะส่งผลบวกต่อผลประกอบการของ CPALL กลยุทธ์แนะนำ “ถือ” และทยอยซื้อสะสม ขณะที่ความกังวลต่อหุ้น CPAXT ที่เผชิญแรงกดดันจากความกังวลของนักลงทุนในสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีเข้าลงทุน Lotus’s Mall Bangna จนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง ทว่าล่าสุดหลังการชี้แจงรายละเอียดต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) นักวิเคราะห์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส มีมุมมองเป็นบวกต่อมติของ AIMC ที่ไม่ได้ห้ามลงทุน หรือชะลอการซื้อขาย ซึ่งสามารถคลายความกังวลของนักลงทุนสถาบันต่อทั้งตราสารหนี้และตราสารทุนของ CPAXT  สรุปแล้วในภาพรวม ตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญความท้าทาย แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ จะช่วยสร้างโอกาสให้หุ้นในกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPAXT และ CPALL สำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง CPAXT และ CPALL ถือเป็นโอกาสในการสะสม เพราะหุ้นทั้งสองตัวนี้เต็มไปด้วยโอกาสเติบโตในระยะยาวและราคาหุ้นที่ยังอยู่ในระดับน่าสะสม อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและปัจจัยเสี่ยงในตลาดอย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจลงทุน

CPAXT ยันลงทุน The Happitat เพียงโครงการเดียว

CPAXT ยันลงทุน The Happitat เพียงโครงการเดียว

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงานว่า บล.กรุงศรี เผย CPAXT ชี้แจงข้อมูลเพิ่มย้ำเข้าลงทุนโครงการ The Happitat เพียงโครงการเดียวไม่ ลงทุนในโครงการอื่นๆ ใน The Forestias ย้ำการเข้าลงทุนเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและเกณฑ์ของตลาดฯ ราคาเข้าลงทุนใช้วิธี Income Approach ซึ่งต่ำกว่าวิธี Cost Approach เฉลี่ยที่ 1.2 หมื่นล้านบาทจึงมองเป็นราคาเข้าลงทุนที่สมเหตุสมผล แต่พร้อมน้อมรับ ข้อคิดเห็น, คำแนะนำ และความห่วงใยจากทุกภาคส่วน

CPAXT ปั้น ‘Lotus’s Mall Bangna’ คุ้มค่า

CPAXT ปั้น ‘Lotus’s Mall Bangna’ คุ้มค่า

           CPAXT ย้ำชัดแผนพัฒนาโครงการ Lotus’s Mall Bangna (The Happitat) มูลค่า 15,000 ลบ. ชูทำเลทองบางนา-ตราด เสริมศักยภาพธุรกิจค้าปลีก-ศูนย์การค้า ดึงกลยุทธ์โปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาลเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น มั่นใจผลตอบแทนคุ้มค่า ดันโตยั่งยืนในระยะยาว            ในช่วงที่ผ่านมา มีข่าวเรื่องการเข้าลงทุนของ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ซึ่งข้อมูลบางส่วนในโซเชียลมีเดีย อาจทำให้นักลงทุนเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ล่าสุด ซีพี แอ็กซ์ตร้า ได้ออกมาชี้แจงแสดงความชัดเจน เพื่อคลายความกังวลของนักลงทุน โดยย้ำจุดยืนในการดำเนินการ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น และการเติบโตของบริษัทฯ โดยเนื้อหามีดังต่อไปนี้            บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT เข้าลงทุนในโครงการ Lotus’s Mall Bangna (the Happitat) เพื่อจะได้มี ศูนย์การค้าและพื้นที่ค้าปลีกขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ซึ่งองค์ประกอบหลักของพื้นที่และรายได้มาจากการบริหารพื้นที่ศูนย์การค้าขนาด 48,000 ตร.ม. และมีร้านโลตัส Hypermarket ในรูปแบบใหม่ เพื่อต่อยอดจากรูปแบบธุรกิจในปัจจุบันของ CPAXT ซึ่ง CPAXT มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีกและการบริหารพื้นที่เช่า ปัจจุบัน CPAXT ในฐานะผู้นำค้าส่ง-ค้าปลีกระดับเอเชีย ด้วยพื้นที่ขายกว่า 2.7 ล้านตารางเมตร และบริหารพื้นที่เช่าศูนย์การค้ากว่า 1.5 ล้านตารางเมตร (รวมการบริหารพื้นที่ใน AXTRART) และได้เดินหน้าดำเนิน            กลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยการขยายสาขา การเพิ่มศักยภาพของสินทรัพย์ และการหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น โดย CPAXT ได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาศูนย์การค้าและพื้นที่ค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง            ที่ผ่านมา CPAXT เปิดตัว โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นแฟลกชิปต้นแบบศูนย์รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของชุมชน บนพื้นที่รวมกว่า 47,000 ตารางเมตร และอยู่ระหว่างการก่อสร้างเพื่อขยายพื้นที่เช่าในสาขาหลายแห่ง เช่น โลตัสอุดรธานี โลตัสสระบุรี และแม็คโครสาทร รวมทั้งมีแผนพัฒนาพื้นที่เช่าในอนาคตในทำเลศักยภาพอีก 16 แห่ง โดยคาดว่าภายในปี 2572 บริษัทฯ จะสามารถขยายพื้นที่เช่าถาวร (NLA) ได้กว่า 200,000 ตารางเมตร ซึ่งจะทำให้กำไรจากการบริหารพื้นที่ศูนย์การค้ามีสัดส่วนเป็นสาระสำคัญของกำไรสุทธิของบริษัทฯ            โดย CPAXT มีประสบการณ์ด้วยบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และมิได้เป็นเรื่องใหม่สำหรับบริษัทฯ แต่เป็นการขยายโอกาสในสิ่งที่ทำได้ดี โดยเฉพาะทำเลที่เป็นยุทธศาสตร์ ซึ่งพื้นที่ศักยภาพย่านบางนา-ตราด ถือเป็นโอกาส เพราะมีการขยายการคมนาคมขนส่ง การเกิดขึ้นของหมู่บ้านราคาสูง การขยายตัวของสนามบิน ทำให้การลงทุนในทำเลยุทธศาสตร์ เป็นการขับเคลื่อนเพื่อการเติบโตของธุรกิจCPAXT ตัดสินใจลงทุนใน Lotus’s Mall Bangna (the Happitat) เนื่องจากโครงการ Lotus’s Mall Bangna (the Happitat) ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ในย่านบางนา ซึ่งจะทำให้ CPAXT สามารถมีพื้นที่ ซึ่งองค์ประกอบหลักของพื้นที่และรายได้จะมาจากร้านโลตัส Hypermarket ในรูปแบบใหม่ และการบริการพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า นอกจากนี้ โครงการยังประกอบด้วยอาคารสำนักงานเกรด A และพื้นที่สีเขียวที่สะท้อนความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่ง CPAXT สามารถใช้ความเชี่ยวชาญในธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีกและการบริหารพื้นที่เช่าเพื่อขยายธุรกิจของ CPAXT ในทำเลยุทธศาสตร์ในย่านบางนา ซึ่งเป็นการเสริมศักยภาพและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนทางธุรกิจของ CPAXT จุดเด่นของโครงการ Lotus’s Mall Bangna (the Happitat)            ทำเลยุทธศาสตร์พร้อมทั้งมีสินทรัพย์อาคาร 3 หลัง ติดถนนในย่านบางนา อยู่ในสภาพแวดล้อมด้วยป่าในเมือง ตั้งอยู่ในศูนย์กลางเศรษฐกิจและการอยู่อาศัยที่ครบครัน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ของ 4 มุมเมืองของกรุงเทพฯ และปริมณฑล            ใช้ดำเนินธุรกิจที่เป็นธุรกิจหลักปกติของบริษัทฯ คือเปิดสาขาโลตัส Hypermarket ในรูปแบบใหม่ พร้อมทั้งบริหารพื้นที่สำหรับร้านค้า การให้บริการ และพื้นที่สำหรับกิจกรรมเพื่อทุกไลฟ์สไตล์ของชุมชน รวมพื้นที่เช่าถาวร (NLA) เกือบ 48,000 ตร.ม ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.2 ของพื้นที่ NLA ในปัจจุบัน            กลุ่มลูกค้าหลัก: ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่บางนาเขตรัศมีไม่เกิน 7 กม. ซึ่งมีจำนวนถึง 1.2 ล้านคน, ผู้ใช้บริการสำนักงาน และนักท่องเที่ยว คาดการณ์ผู้มาเยือน 36,000 คนต่อวัน            ผลตอบแทนที่รวดเร็ว เนื่องจากอาคารที่ลงทุนได้ก่อสร้างไปกว่าร้อยละ 80 และสามารถเปิดดำเนินการบางส่วนได้ภายใน 12 เดือน ซึ่งเร็วกว่าการพัฒนาพื้นที่ใหม่ซึ่งหาได้ยากในทำเลยุทธศาสตร์ในย่านบางนา และต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-5 ปีกว่าที่จะเปิดดำเนินการได้ การลงทุนในโดยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทางอ้อมในโครงการ Lotus’s Mall Bangna (the Happitat) สร้างความมั่นคงให้บริษัทมากกว่าการเป็นผู้เช่าการออกแบบที่มุ่งเน้นความยั่งยืน มีพื้นที่สีเขียวจากป่าใหญ่ใกล้โครงการการลงทุนผ่านการประเมินมูลค่าที่รอบคอบ            คณะกรรมการบริษัทฯ ได้พิจารณาความเหมาะสมของการลงทุนอย่างรอบคอบ โดยการประเมินมูลค่าทรัพย์สินในโครงการนี้ผ่านผู้ประเมินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“ก.ล.ต.”) โดยใช้ราคาเฉลี่ยของผู้ประเมิน 3 ราย มูลค่าการลงทุน            บริษัทฯ ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯ ที่วงเงินการลงทุนประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยมีผลตอบแทนการลงทุนเป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ในการบริหารร้านค้าขนาดใหญ่ การลงทุนผ่านรูปแบบ Holding company            การจัดตั้งบริษัท แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส จำกัด (“AGP”) เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัทในการขับเคลื่อนธุรกิจบริหารศูนย์การค้า โดยการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการเงินลงทุนของบริษัทและเป็นโครงสร้างที่เอื้อให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถทำธุรกรรมร่วมกับพันธมิตร และเป็นการวัดผลงานที่ชัดเจนขึ้น ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส            บริษัทฯ ขอยืนยันและให้ความมั่นใจว่าบริษัทฯ ยึดถือและปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลซึ่งคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนมาโดยตลอด และในการพิจารณาการลงทุนในครั้งนี้ ได้ดำเนินการภายใต้หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคณะกรรมการบริษัทฯ ได้พิจารณาข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการที่เข้าลงทุน มูลค่าการลงทุน ผลประโยชน์จากการลงทุน การประเมินมูลค่าทรัพย์สินในโครงการโดยผู้ประเมินที่ได้รับความเห็นชอบ ก.ล.ต. และคำแนะนำของที่ปรึกษากฎหมายที่มีชื่อเสียง อย่างรอบคอบ และพิจารณามุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ เป็นสำคัญ ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมที่จะตอบคำถามและข้อสงสัยในการเข้าลงทุนครั้งนี้และน้อมรับข้อเสนอแนะจากนักลงทุนเพื่อนำมาปรับปรุงการสื่อสารและการเปิดเผยข้อมูลต่อไป            บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการลงทุนในครั้งนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และสอดคล้องกับแผนธุรกิจเดิม ที่นำมาซึ่งการเติบโต และบริษัทฯ มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารและดำเนินงานในโครงการ Lotus’s Mall Bangna (the Happitat)            บริษัทฯ ขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้นและนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์และแผนการดำเนินธุรกิจของ CPAXT เรามุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกท่าน            ก่อนหน้านี้ ทางผู้บริหาร ซีพี แอ็กซ์ตร้า ได้มีการสื่อสารกับนักลงทุน ตอกย้ำมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจ และมี criteria ในการลงทุน โดยการลงทุนดังกล่าวเป็นการดำเนินธุรกิจตามปกติ (business as usual) อยู่บนพื้นฐานของความชำนาญขององค์กร เป็นไปตามยุทธศาสตร์และนโยบายของบริษัทฯ เพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจ

ก.ล.ต. สั่งให้ CPAXT ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมลงทุนในโครงการ The Happitat 

ก.ล.ต. สั่งให้ CPAXT ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมลงทุนในโครงการ The Happitat 

           หุ้นวิชั่น - วันพุธที่ 18 ธันวาคม 2567 | ฉบับที่ 273 / 2567 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งให้บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (CPAXT) ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมลงทุนในโครงการ The Happitat ผ่านการร่วมลงทุนใน บริษัทย่อยบริษัท แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส จำกัด (AGP) พร้อมให้เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบ SETLink ภายในวันที่ 25 ธันวาคม 2567            ตามที่ CPAXT เปิดเผยข้อมูลการเข้าร่วมลงทุนในโครงการ The Happitat ผ่านการร่วมลงทุนในบริษัทย่อย AGP ในสัดส่วนร้อยละ 95 คิดเป็นมูลค่า 7,970 ล้านบาท ซึ่ง AGP จะเข้าเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์ จำกัด (HATF) ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use Development) ภายใต้โครงการชื่อ The Happitat แล้วนั้น            อย่างไรก็ดี เนื่องจากข้อมูลที่ CPAXT เปิดเผยอาจยังไม่ครบถ้วนหรือไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว ซึ่งจะอาจมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจลงทุนของผู้ลงทุนหรือต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์            ก.ล.ต. จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 58(1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้ CPAXT ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม อาทิ ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบในการพิจารณาอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการ The Happitat มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ ความคืบหน้าของการพัฒนาโครงการ ระยะเวลาที่คาดว่าจะมีรายได้จากโครงการ เงินลงทุนทั้งหมดที่คาดว่าจะใช้ในโครงการ และรายการดังกล่าวเป็นการให้ความช่วยเหลือบริษัทในกลุ่มหรือไม่ อย่างไร เป็นต้น พร้อมทั้งเปิดเผยคำชี้แจงดังกล่าวผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลบริษัทจดทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ระบบ SETLink) ภายในวันที่ 25 ธันวาคม 2567            นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า “ก.ล.ต. ให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน เพื่อให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลที่เพียงพอประกอบการตัดสินใจลงทุน รวมถึงการทำหน้าที่ของคณะกรรมการและผู้บริหารบริษัทที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ระมัดระวัง และซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งปฏิบัติตามธรรมาภิบาลที่ดี พร้อมทั้งคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ”

CPAXT ลงทุน Happitat โอกาสธุรกิจบนความท้าทาย

CPAXT ลงทุน Happitat โอกาสธุรกิจบนความท้าทาย

          หุ้นวิชั่น - CPAXT ลงทุนโครงการ Happitat ใน The Forestias ย้ำการลงทุนครั้งนี้ต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ (Mixed-Use Development) โดยคณะกรรมการตรวจสอบเห็นพ้องกับคณะกรรมการบริษัทฯ โบรกมอง กระทบเชิงลบจากผลขาดทุนจากการเปิดดำเนินงานในช่วงต้น-ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่ม โอกาสทยอยสะสม มูลค่าโครงการดังกล่าวคิดเป็นเพียง 2% ของสินทรัพย์ทั้งหมด เงินลงทุนที่ใช้ต่ำกว่ากระแสเงินสดดำเนินงานต่อปีที่ระดับ 2 หมื่นลบ. การลงทุนดังกล่าวไม่ได้สร้างผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะทางการเงินบริษัท           นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่ง และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มสายงานการเงิน การบัญชี และบริหารงานกลาง บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT สืบเนื่องจากบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ได้เปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 ว่าบริษัทฯ ได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยทางตรงคือ บริษัท แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส จำกัด (“AGP”)           โดย AGP จะเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทย่อยทางอ้อมคือ บริษัท แฮปพิแทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์ จำกัด (“HATF”) ในสัดส่วนร้อยละ 100 (ยกเว้นหุ้น 1 หุ้น) ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use Development) ภายใต้โครงการชื่อ The Happitat           ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสอบถามว่า การเข้าลงทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ เป็นการเข้าร่วมลงทุนในหุ้นของ AGP โดยบริษัทฯ เข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 95 โดยการชำระค่าหุ้นที่ออกใหม่ของ AGP เป็นเงินสดจำนวนประมาณ 7,970 ล้านบาท และบริษัท เอ็มคิวดีซี ทาวน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 5 โดยชำระค่าหุ้นที่ออกใหม่ของ AGP ด้วยทรัพย์สิน คือ หุ้นใน HATF ในสัดส่วนร้อยละ 100 (ยกเว้นหุ้น 1 หุ้น)           คณะกรรมการของบริษัทฯ ได้พิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำการร่วมลงทุนในโครงการ The Happitat โดยพิจารณาความเหมาะสมของการร่วมลงทุนและมูลค่าการร่วมลงทุนในครั้งนี้อย่างรอบคอบ โดยมีการพิจารณามูลค่าทรัพย์สินในโครงการ The Happitat ซึ่งได้มีการประเมินมูลค่าโดยผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเห็นว่าการลงทุนในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ และเป็นการต่อยอดธุรกิจของบริษัทฯ ในส่วนของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use Development) โดยคณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทฯ มิได้มีความเห็นแตกต่างจากความเห็นของคณะกรรมการของบริษัทฯ           ทั้งนี้ รายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยง และขนาดรายการเมื่อพิจารณาจากเงินค่าหุ้นที่ออกใหม่ของ AGP ซึ่งบริษัทฯ ชำระเป็นเงินสดจำนวนประมาณ 7,970 ล้านบาท มีขนาดรายการสูงสุดร้อยละ 1.49 และเมื่อพิจารณารวมจำนวนเงินที่คาดว่าจะต้องมีการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อให้โครงการ The Happitat แล้วเสร็จ การร่วมลงทุนของบริษัทฯ ในโครงการ The Happitat จะมีขนาดรายการสูงสุดต่ำกว่าร้อยละ 15 ดังนั้น จึงไม่เข้าข่ายเป็นรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ที่มีนัยสำคัญตามข้อกำหนดของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2551 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศที่เกี่ยวข้อง           ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด CPAXT จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อลงทุนโครงการอสังหาฯ Mixed-Use ระบุว่า บริษัทคาดใช้เงินลงทุนทั้งหมด 1.2-1.5 หมื่นลบ. และจะเปิดให้บริการภายใน 1Q26           The Forestias by MQDC เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ มูลค่าโครงการสูงราว 1.3 แสนลบ. พื้นที่ 398 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม. 7 ประกอบไปด้วยโครงการที่พักอาศัยหลายรูปแบบ คอนโด High Rise/Low Rise, บ้านพักอาศัย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น โรงแรม ศูนย์การแพทย์ พื้นที่สำนักงาน สปอร์ตคอมเพล็กซ์ พื้นที่สำหรับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ โดยโครงการ Happitat ที่ CPAXT เข้าลงทุนจะอยู่ด้านหน้าของโครงการ มีพื้นที่เช่ารวม 7.2 หมื่นตร.ม. แบ่งเป็น 1) Lotus’s Premium Hypermarket พื้นที่ 5 พันตร.ม. 2) พื้นที่ค้าปลีก มีพื้นที่เช่ากว่า 4.3 หมื่นตร.ม. และ 3) อาคารสำนักงาน มีพื้นที่เช่ากว่า 2.4 หมื่นตร.ม. โดย CPAXT คาดจะใช้เงินลงทุนในโครงการทั้งสิ้นราว 1.2-1.5 หมื่นลบ. เงินส่วนใหญ่ 80-90% จากการเงินกู้ธนาคาร คาดจะเริ่มเปิดดำเนินการได้เต็มรูปแบบภายใน 1Q69 และตั้งเป้าหมายโครงการดังกล่าวจะสร้างกำไรสุทธิได้ในปี 2571 (ปีที่ 3 ของการดำเนินงาน)           คาดผลกระทบเชิงลบเล็กน้อยในระยะสั้น ปรับประมาณการปี 2568-69 ลง 2-4% เนื่องจากแหล่งเงินทุนหลักมาจากการกู้ยืมธนาคาร คาด CPAXT จะมีภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นปีละ 3-4 ร้อยลบ. ทำให้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568 ลง 1.7% เป็น 1.3 หมื่นลบ. (+19% YoY) ขณะที่ปี 2569 ซึ่งจะมีการเปิดให้บริการเป็นปีแรก อิงสมมติฐานสำคัญดังนี้: 1) พื้นที่ค้าปลีก Occ. Rate ที่ 80% และค่าเช่า 1.4 พันบาทต่อตร.ม. 2) อาคารสำนักงาน Occ. Rate ที่ 40% และค่าเช่า 800 บาทต่อตร.ม.           คาดเกิดผลกระทบเชิงลบจากผลขาดทุนจากการเปิดดำเนินงานในช่วงต้นและดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่ม ทำให้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2569 ลง 3.5% เป็น 1.4 หมื่นลบ. (+12% YoY) ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ลงเป็น 38.50 บาทต่อหุ้น ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”           คงแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสมใหม่ที่ 38.50 บาท คาดราคาหุ้นตอบสนองเชิงลบจากความกังวลของตลาด 1) เงินลงทุนสูงกว่าการขยายสาขาแบบปกติและอาจมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเพิ่มเติมจนกว่าจะเปิดโครงการ และ 2) การแข่งขันในพื้นที่ดังกล่าวค่อนข้างสูงและส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์เช่น Mega Bangna ของ CPN และ Bangkok Mall (คาดเปิดปี 2569) ของเดอะมอลล์กรุ๊ป           อย่างไรก็ดี หากราคาหุ้นปรับลงเกิน 5-10% มองเป็นโอกาสในการทยอยสะสม เพราะมูลค่าโครงการดังกล่าวคิดเป็นเพียง 2% ของสินทรัพย์ทั้งหมด เงินลงทุนที่ใช้ต่ำกว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานต่อปีที่ระดับ 2 หมื่นลบ. และประเมินผลขาดทุนในปีแรกไม่ถึง 4% ของฐานกำไรทั้งปี สะท้อนว่าการลงทุนดังกล่าวยังไม่ได้สร้างผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะทางการเงินบริษัท

CPAXT เปิดเกม “The Happitat” มุมคิด: โอกาสและความท้าทาย

CPAXT เปิดเกม “The Happitat” มุมคิด: โอกาสและความท้าทาย

          หุ้นวิชั่น - วงการโบรกเกอร์ ระบุว่า การลงทุนของ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ในโครงการ “The Happitat” มิกซ์ยูสระดับพรีเมียมบนทำเลบางนา-ตราด กำลังได้รับความสนใจจากตลาด การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ CPAXT ในการขยายบทบาทสู่ธุรกิจใหม่ ท่ามกลางความท้าทายจากการแข่งขันในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยผู้เล่นรายใหญ่ ทำเลบางนา-ตราดได้รับการยอมรับในฐานะจุดยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพสูง ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การขยายสนามบินสุวรรณภูมิ การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายบางนา-สุวรรณภูมิ และสายสีเหลือง ซึ่งเสริมความสะดวกสบายและเพิ่มมูลค่าให้กับพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ตลาดในย่านนี้ก็มีความเข้มข้นสูงจากโครงการของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ   “The Happitat” เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่ CPAXT ตั้งใจใช้เป็นก้าวแรกสู่ตลาดมิกซ์ยูส ด้วยการออกแบบที่ผสมผสานพื้นที่ค้าปลีก อาคารสำนักงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกในรูปแบบที่ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตครบวงจร ความเชี่ยวชาญด้านค้าปลีกที่สั่งสมมาของ CPAXT จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง แม้การลงทุนครั้งนี้จะมีความท้าทาย แต่ CPAXT มีโอกาสสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากพันธมิตรและทรัพยากรที่มีอยู่ การทำเลบางนา-ตราดมีศักยภาพสูงในแง่กำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าพรีเมียม ทั้งจากชุมชนโดยรอบและโครงการ The Forestias ที่เป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ครบวงจรในพื้นที่ “ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ความสำเร็จของ ‘The Happitat’ จะขึ้นอยู่กับการบริหารโครงการที่รอบคอบ และการปรับตัวของ CPAXT ในการดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แม้จะเป็นการก้าวเข้าสู่ธุรกิจใหม่ แต่การเริ่มต้นที่ทำเลบางนา-ตราด ถือเป็นก้าวที่มีศักยภาพ” แหล่งข่าววงการโบรกเกอร์   โครงการนี้จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ CPAXT ในการเข้าสู่ธุรกิจมิกซ์ยูส ซึ่งจะต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง และต่อยอดความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในระยะยาว

CPAXT ชี้แจงลงทุน The Happitat ยันเป็นประโยชน์ - ต่อยอดธุรกิจได้

CPAXT ชี้แจงลงทุน The Happitat ยันเป็นประโยชน์ - ต่อยอดธุรกิจได้

หุ้นวิชั่น - ตามที่บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ได้เปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 เกี่ยวกับสารสนเทศของบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (“CPAXT”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่ได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยทางตรงคือ บริษัท แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส จำกัด (“AGP”) โดย AGP จะเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทย่อยทางอ้อมคือ บริษัท แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์ จำกัด (“HATF”) ในสัดส่วนร้อยละ 100 (ยกเว้นหุ้น 1 หุ้น) ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use Development) ภายใต้โครงการชื่อ The Happitat นั้น ทั้งนี้ CPAXT ชี้แจงเพิ่มเติมตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสอบถามมา การเข้าลงทุนในครั้งนี้เป็นการเข้าร่วมลงทุนในหุ้นของ AGP โดยเข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 95 โดยการชำระค่าหุ้นที่ออกใหม่ของ AGP เป็นเงินสดจำนวนประมาณ 7,970 ล้านบาท และบริษัท เอ็มคิวดีซี ทาวน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 5 โดยชำระค่าหุ้นที่ออกใหม่ของ AGP ด้วยทรัพย์สิน คือ หุ้นใน HATF ในสัดส่วนร้อยละ 100 (ยกเว้นหุ้น 1 หุ้น)          อย่างไรก็ดี คณะกรรมการของ CPAXT ได้พิจารณาอนุมัติให้ทำการร่วมลงทุนในโครงการ The Happitat โดยพิจารณาความเหมาะสมของการร่วมลงทุนและมูลค่าการร่วมลงทุนในครั้งนี้อย่างรอบคอบ และมีการพิจารณามูลค่าทรัพย์สินในโครงการ The Happitat ซึ่งได้มีการประเมินมูลค่าโดยผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเห็นว่าการลงทุนในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ CPAXT และเป็นการต่อยอดธุรกิจของ CPAXT ในส่วนของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use Development) โดยคณะกรรมการตรวจสอบของ CPAXT มิได้มีความเห็นแตกต่างจากความเห็นของคณะกรรมการของ CPAXT         อนึ่ง CPAXT ชี้แจงว่ารายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยง และขนาดรายการเมื่อพิจารณาจากเงินค่าหุ้นที่ออกใหม่ของ AGP ซึ่ง CPAXT ชำระเป็นเงินสดจำนวนประมาณ 7,970 ล้านบาท และเมื่อพิจารณารวมจำนวนเงินที่คาดว่าจะต้องมีการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อให้โครงการ The Happitat แล้วเสร็จ การร่วมลงทุนของ CPAXT ในโครงการ The Happitat จะมีขนาดรายการสูงสุดต่ำกว่าร้อยละ 15 จึงไม่เข้าข่ายเป็นรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ที่มีนัยสำคัญตามข้อกำหนดของประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 20/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สิน ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2551 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศที่เกี่ยวข้อง

CPAXTเล็งลงทุนห้าง The Forestias บางนา โบรกว่าไง เช็กเลย!

CPAXTเล็งลงทุนห้าง The Forestias บางนา โบรกว่าไง เช็กเลย!

       หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด CPAXT จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อลงทุนโครงการอสังหาฯ Mixed-Use CPAXT จะเข้าลงทุนห้างในโครงการ The Forestias บางนา บริษัทแจ้งตลาดเรื่องการจัดตั้งบริษัทย่อยทางตรงแห่งใหม่ชื่อ บจ.แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส ทุนจดทะเบียน 8.4 พันลบ. โดยบริษัทจะถือหุ้นสัดส่วน 95% และอีก 5% ถือโดยบจ. เอ็มคิวดีซีทาวน์คอร์ปอเรชั่น ซึ่งบจ. แอ็กซ์ตร้า โกรท พลัส (บริษัทย่อย) จะเข้าถือหุ้นบจ. แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์ในสัดส่วน 100% เพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use Development) ภายใต้โครงการชื่อ The Happitat ประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าจำนวน 3 อาคาร (อาคารหลังหนึ่งจะมีสำนักงาน 10 ชั้นตั้งอยู่ด้านบน) และอาคาร Central Utility Plant ที่เป็นศูนย์กลางสาธารณูปโภค โดยโครงการ The Happitat ตั้งอยู่ภายในโครงการ The Forestias ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2567 เป็นผลให้ได้มาซึ่งบริษัทย่อยทั้งทางตรงและทางอ้อมจำนวน 2 บริษัท (Source: Set.or.th) บริษัทคาดใช้เงินลงทุนทั้งหมด 1.2-1.5 หมื่นลบ. และจะเปิดให้บริการภายใน 1Q26 The Forestias by MQDC เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ มูลค่าโครงการสูงราว 1.3 แสนลบ. พื้นที่ 398 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด กม. 7 ประกอบไปด้วยโครงการที่พักอาศัยหลายรูปแบบ คอนโด High Rise/Low Rise, บ้านพักอาศัย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น โรงแรม ศูนย์การแพทย์ พื้นที่สำนักงาน สปอร์ตคอมเพล็กซ์ พื้นที่สำหรับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ โดยโครงการ Happitat ที่ CPAXT เข้าลงทุนจะอยู่ด้านหน้าของโครงการ มีพื้นที่เช่ารวม 7.2 หมื่นตร.ม. แบ่งเป็น 1) Lotus’s Premium Hypermarket พื้นที่ 5 พันตร.ม. 2) พื้นที่ค้าปลีก มีพื้นที่เช่ากว่า 4.3 หมื่นตร.ม. และ 3) อาคารสำนักงาน มีพื้นที่เช่ากว่า 2.4 หมื่นตร.ม. โดย CPAXT คาดจะใช้เงินลงทุนในโครงการทั้งสิ้นราว 1.2-1.5 หมื่นลบ. เงินส่วนใหญ่ 80-90% จากการเงินกู้ธนาคาร คาดจะเริ่มเปิดดำเนินการได้เต็มรูปแบบภายใน 1Q69 และตั้งเป้าหมายโครงการดังกล่าวจะสร้างกำไรสุทธิได้ในปี 2571 (ปีที่ 3 ของการดำเนินงาน) คาดผลกระทบเชิงลบเล็กน้อยในระยะสั้น ปรับประมาณการปี 2568-69 ลง 2-4% เนื่องจากแหล่งเงินทุนหลักมาจากการกู้ยืมธนาคาร คาด CPAXT จะมีภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นปีละ 3-4 ร้อยลบ. ทำให้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568 ลง 1.7% เป็น 1.3 หมื่นลบ. (+19% YoY) ขณะที่ปี 2569 ซึ่งจะมีการเปิดให้บริการเป็นปีแรก อิงสมมติฐานสำคัญดังนี้: 1) พื้นที่ค้าปลีก Occ. Rate ที่ 80% และค่าเช่า 1.4 พันบาทต่อตร.ม. 2) อาคารสำนักงาน Occ. Rate ที่ 40% และค่าเช่า 800 บาทต่อตร.ม. คาดเกิดผลกระทบเชิงลบจากผลขาดทุนจากการเปิดดำเนินงานในช่วงต้นและดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่ม ทำให้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2569 ลง 3.5% เป็น 1.4 หมื่นลบ. (+12% YoY) ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ลงเป็น 38.50 บาทต่อหุ้น ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” คงแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสมใหม่ที่ 38.50 บาท คาดราคาหุ้นตอบสนองเชิงลบจากความกังวลของตลาด 1) เงินลงทุนสูงกว่าการขยายสาขาแบบปกติและอาจมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเพิ่มเติมจนกว่าจะเปิดโครงการ และ 2) การแข่งขันในพื้นที่ดังกล่าวค่อนข้างสูงและส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์เช่น Mega Bangna ของ CPN และ Bangkok Mall (คาดเปิดปี 2569) ของเดอะมอลล์กรุ๊ป อย่างไรก็ดี หากราคาหุ้นปรับลงเกิน 5-10% มองเป็นโอกาสในการทยอยสะสม เพราะมูลค่าโครงการดังกล่าวคิดเป็นเพียง 2% ของสินทรัพย์ทั้งหมด เงินลงทุนที่ใช้ต่ำกว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานต่อปีที่ระดับ 2 หมื่นลบ. และประเมินผลขาดทุนในปีแรกไม่ถึง 4% ของฐานกำไรทั้งปี สะท้อนว่าการลงทุนดังกล่าวยังไม่ได้สร้างผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะทางการเงินบริษัท

“โกลเบล็ก” คัด 4 หุ้นเด่นรับแจกเงินหมื่น ชู CPALL-CPAXT-BJC-TNP

“โกลเบล็ก” คัด 4 หุ้นเด่นรับแจกเงินหมื่น ชู CPALL-CPAXT-BJC-TNP

          กรุงเทพฯ - บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยผันผวนจากปัจจัยกดดันเรื่องที่ FED จะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง  พร้อมจับตาศาลรัฐธรรมนูญ 22 พ.ย.นี้ ชี้ชัด รับ-ไม่รับคำร้องทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง จึงให้กรอบดัชนี 1,420-1,470 จุด และกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ CPALL-CPAXT-BJC-TNP           นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนจากปัจจัยกดดันคำแถลงการณ์ของประธานเฟดที่บ่งชี้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจชะลอลงตัวลง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังติดตามศาลรัฐธรรมนูญ นัด 22 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นการ รับ-ไม่รับคำร้อง ทักษิณ-เพื่อไทย ล้มล้างการปกครอง จึงให้กรอบดัชนีที่ระดับ 1,420-1,470 จุด           ขณะที่มีปัจจัยหุนจากสภาพัฒน์เปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2567 ขยายตัว 3.0% ดีกว่าตลาดคาดระหว่าง 2.4-2.7% และเร่งขึ้นจาก 2.2% จากในไตรมาส 2/2567 จากการผลิตภาคนอกเกษตรที่ขยายตัวเร่งขึ้นตามการขยายตัวของกลุ่มบริการและจากการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐ  ส่งผลให้สภาพัฒน์ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปี 2567 สู่ระดับ 2.6% จากเดิม 2.5% ด้านกระทรวงการคลังเตรียมเสนอแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรายปี โดยเริ่มตั้งแต่ของขวัญปีใหม่ช่วงสิ้นปีนี้ต่อเนื่องถึงตลอดทั้งปีหน้า เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีกำหนดประชุมในวันอังคารนี้ (19 พ.ย.)           อีกทั้งทาง โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนว่าสหรัฐฯไม่ต้องการทำสงครามเย็น และไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบบของจีน โดยพันธมิตรของสหรัฐฯ ก็ไม่ได้ต่อต้านจีน และออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาชิคาโกคาดการณ์ว่า FED อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ในปีนี้ และลดลงอีก 1% ในปีหน้าตามที่ได้คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา           อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาปัจจัยในประเทศวันนี้ (19 พ.ย.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และสัปดาห์ที่ 4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์, กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย, สัปดาห์ที่ 5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม, สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, วันที่ 29 พ.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจ           ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าจับตาวันนี้ 19 พ.ย. อียู รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. (ประมาณการครั้งสุดท้าย), สหรัฐ รายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค., วันที่ 20 พ.ย. ญี่ปุ่น รายงานยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนต.ค., สหรัฐ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์, วันที่ 21 พ.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย. ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค. และวันที่ 1 ธ.ค. กลุ่มโอเปกพลัสประชุมกำหนดนโยบายการผลิตอย่างเป็นทางการ           ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่ได้ออกนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  โดยประเมินว่าหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าวได้แก่ CPALL, CPAXT, BJC และ TNP           ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากเงินดอลลาร์แข็งค่า หลัง “ทรัมป์” ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ประกอบกับประธานเฟดส่งสัญญาณไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังตัวเลขเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% และตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามราคาทองคำได้แรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น มองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ 2,530 – 2,645 $/Oz ลุ้นทดสอบแนวรับ

โบรกฯส่อง “CPAXT” Q3 สดใส ลุ้น Q4 ไฮซีซั่น

โบรกฯส่อง “CPAXT” Q3 สดใส ลุ้น Q4 ไฮซีซั่น

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน จากบทวิเคราะห์ของ บล.เอเชียพลัส ส่องหุ้น  CPAXT รายงานกำไรสุทธิงวด Q3/67 ที่ 1.95 พันล้านบาท (-10% QOQ, +16% YOY) ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายพิเศษราว 458 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท (+11% QoQ, +45% YoY) เพราะได้แรงหนุนจากทั้งยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น โดยเฉพาะจากการขายอาหารสด แม้กำไรปกติช่วง 9M67 มีสัดส่วน 67% ของคาดการณ์ทั้งปี แต่ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 2567 – 68 ไว้ตามเดิม ที่ 1.06 หมื่นล้านบาท (+23% YoY) และ 1.26 หมื่นล้านบาท (+20% YoY) เพราะเชื่อว่ากำไรปกติใน Q4/67 จะโตแรง จากผลบวกของฤดูกาล และกำลังซื้อที่ดีขึ้น          โดยฝ่ายวิจัยยังคงราคาเป้าหมายสำหรับปี 2568 ไว้ที่ 40.00 บาท (อิง PER 32.9 เท่า, ค่าเฉลี่ย 7 ปีย้อนหล้ง) และคงคำแนะนำ “Outperform” โดยมีปัจจัยหนุนสำหรับ CPAXT เนื่องจาก 1) ระยะสั้นมีปัจจัยบวกต่อกำไรปกติในงวด Q3/67 ที่ออกมาดีกว่าคาด, และ 2) ระยะถัดไปกำไรใน Q4/67 จะเดินหน้าสู่จุดพีคของปีนี้ในงวด Q4/67 ซึ่งเป็น high season ซึ่งทำให้คาดว่ากำไรโดยรวมทั้งปี 2567 มีแนวโน้มจะโตดีกว่าหุ้นกลุ่ม พาณิชย์อื่นๆที่ฝ่ายวิจัยศึกษา ฝ่ายวิจัยแนะนำ “Outperform”  ให้ราคาเป้าหมายสำหรับปี 2568 ไว้ที่ 40.00 บาท 

[PR News] CPAXT เปิดการซื้อขายหลักทรัพย์วันแรก

[PR News] CPAXT เปิดการซื้อขายหลักทรัพย์วันแรก

          กรุงเทพฯ 3 ตุลาคม 2567 - บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งค้าปลีก “แม็คโคร-โลตัส” ใช้ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์ว่า CPAXT เข้าซื้อขายหุ้น (เทรด) วันแรกจากการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มธุรกิจของบริษัท ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยเป็นหุ้นในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง สินค้าอุปโภคบริโภค และธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าศูนย์การค้า           โดยในพิธีเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ มีนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (ที่ 4 จากซ้าย) นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (ที่ 5 จากซ้าย) นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่ง สายงานการเงิน การบัญชี และบริหารงานกลาง (ที่ 2 จากซ้าย) นายธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจแม็คโคร ประเทศไทย (ขวาสุด) และนายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย (ซ้ายสุด) พร้อมด้วยคณะกรรมการบริษัท และผู้บริหารบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ร่วมงาน โดยมีนายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ที่ 3 จากซ้าย) ร่วมแสดงความยินดี           ซีพี แอ็กซ์ตร้า ผู้ดำเนินธุรกิจ “แม็คโคร” และ “โลตัส” มุ่งมั่นที่จะเติมเต็มความต้องการของลูกค้าให้ดีขึ้นในทุกวัน พร้อมเป็นศูนย์กลางของชุมชน โดยยึดหลักเคียงข้างคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ชุมชน และทุกภาคส่วน ผ่านเครือข่ายสาขากว่า 2,600 แห่ง ในประเทศไทยและต่างประเทศ พร้อมช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ Makro PRO และ Lotus’s SMART App ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ           ซีพี แอ็กซ์ตร้า ตั้งเป้าสู่การเป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีค้าปลีก (Retail Tech) ชั้นนำของเอเซีย เพิ่มประสิทธิภาพ เสริมสร้างประสบการณ์และการบริการที่เป็นเลิศให้ลูกค้า พร้อมเป็นส่วนสนับสนุนให้อุตสาหกรรมค้าปลีกของไทย ก้าวไปสู่ระดับภูมิภาค ควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน           บริษัทฯ ยึดมั่นในการบริหารจัดการด้วยหลักธรรมาภิบาล และแนวทางความยั่งยืนครอบคลุมทั้ง 3 มิติ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการมีส่วนร่วมกับชุมชนเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวก อาทิ การจ้างงานท้องถิ่นในทุกสาขาที่เปิดดำเนินการ โครงการแพลตฟอร์มแห่งโอกาส ที่สนับสนุนการสร้างงาน สร้างรายได้ และพัฒนาศักยภาพให้เกษตรกร และ SMEs รวมถึงการเดินหน้าโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ อาทิ โครงการเปลี่ยนขยะเป็นประโยชน์ (Zero Food Waste to Landfill) และการใช้พลังงานสะอาดในสาขาและรถขนส่ง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี พ.ศ. 2573

CPALL เด่นรับเซเว่นสแกนจ่ายผ่าน Prompt pay เลือกหุ้นเด่นสุดในกลุ่มค้าปลีก-กำไรปีนี้โต 33%

CPALL เด่นรับเซเว่นสแกนจ่ายผ่าน Prompt pay เลือกหุ้นเด่นสุดในกลุ่มค้าปลีก-กำไรปีนี้โต 33%

           หุ้นวิชั่น - เซเว่น อีเลฟเว่น เปิดบริการใหม่ ให้สามารถสแกนจ่ายผ่าน QR Code จากแอปฯ ธนาคารได้แล้วโดยไม่มีขั้นต่ำ ทดลองเปิดให้บริการทั้งหมด 232 สาขาทั่วประเทศ พร้อมรองรับการสแกนผ่าน 7 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารออมสิน ธนาคารยูโอบี และธนาคารมิซูโฮ            บล.กรุงศรี มีมุมมองบวกต่อข่าว ร้านเซเว่นเริ่มเปิดรับสแกนจ่ายผ่าน QR code โดยนำร่อง 232 สาขาทั่วประเทศก่อนจะขยายสาขาให้บริการในระยะถัดไป เพราะเพิ่มช่องทางในการชำระเงิน ดังนั้น ระยะยาวคาดจะช่วยเพิ่มโอกาสในขายสินค้ามากขึ้น            แนวโน้มกำไรปกติ ไตรมาส3/2567 คาดบริเวณ 5.7-5.9 พันล้านบาท เติบโตสูง +36% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตาม 1) ทิศทาง SSSG ที่ยังบวก +1-4% ทุก format และดีกว่ากลุ่มค้าปลีก ประกอบกับ 2) GPM ของร้านเซเว่นและโลตัสส์เป็นขาขึ้น y-y ตามส่วนผสมการขายสินค้ามาร์จิ้นสูงที่ขยับขึ้น            คงคำแนะนำ “BUY” โดยมีราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 84 บาท ยังคงเลือกหุ้นเด่นสุดในกลุ่มค้าปลีก ทั้งนี้ เราชอบ CPALL ที่ 1) โมเมนตั้มกำไรปกติทั้งปี ปี 2567 คาดโต +33% สูงสุดในกลุ่มผู้ขายสินค้าในชีวิตประจำวัน , 2) ระยะยาวจะได้ประโยชน์จากการปรับโครงสร้างของ CPAXT โดยผู้บริหารคาดสร้าง synergies 5.0 พันล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้า และ 3) Valuation ถูก ราคาหุ้นซื้อขายบน PER ปี 2567 ที่ 25 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1.25SD ที่มา : บล.กรุงศรี

ดิจิทัลหมื่นบาทมาแล้ว มีหุ้นอะไรได้ประโยชน์?

ดิจิทัลหมื่นบาทมาแล้ว มีหุ้นอะไรได้ประโยชน์?

          หุ้นวิชั่น - บล. DAOL เผยคาดใช้จ่ายกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคมากสุดหลังเริ่มแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท           วานนี้ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เริ่มจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท ตามโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล โดยมีการเริ่มทยอยโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์และบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้ให้กับผู้มีสิทธิ์ และจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. นี้ รวม 6 วัน จำนวน 14.5 ล้านราย หรือคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 145,000 ล้านบาท จากการสำรวจความคิดเห็นประชาชน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่จะนำเงินไปใช้เพื่อการบริโภคและอุปโภคในชีวิตประจำวัน อาทิ ของใช้ในบ้าน, สินค้าเพื่อการศึกษา, สินค้าเพื่อการเกษตร, สินค้าไอที โทรศัพท์มือถือ DAOL: คงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Commerce เป็น "มากกว่าตลาด"           โครงการแจกเงิน 10,000 บาทจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม โดยคาดว่าจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ซึ่งจะช่วยหนุนและเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Commerce โดยตรง เรายังมองเป็นบวกต่อกลุ่ม Commerce ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมได้ โดยจะเป็นประโยชน์ทางอ้อมต่อการบริโภคโดยรวมของกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคสูง           ฝ่ายวิเคราะห์ ชอบ CPAXT (ซื้อ/เป้า 36.00 บาท), CPALL (ซื้อ/เป้า 84.00 บาท) และ CRC (ซื้อ/เป้า 40.00 บาท) ตามลำดับ จากการคาดการณ์การใช้จ่ายจะอยู่ในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก           รองมาเป็นกลุ่ม Home Improvement HMPRO (ซื้อ/เป้า 15.00 บาท), GLOBAL (ถือ/เป้า 16.00 บาท) และ DOHOME (ถือ/เป้า 11.00 บาท) จากจำนวนสาขาที่มีในพื้นที่ที่มีผู้ได้รับสิทธิ์มากที่สุด ตามลำดับ หุ้นอื่นๆ ที่ได้ประโยชน์           และยังชอบกลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยตรง คือ NEO (ซื้อ/เป้า 64.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้จากสินค้าอุปโภค 100%, OSP (ซื้อ/เป้า 28.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้สินค้าอุปโภคที่ 9% ของรายได้รวม และ SFLEX (ซื้อ/เป้า 4.80 บาท) ได้ประโยชน์ต่อเนื่องจากยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีการใช้ flexible packaging เพิ่มขึ้น, CBG (ซื้อ/เป้า 88.00 บาท) กลุ่มเปราะบางเป็นลูกค้าหลักของเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์คาราบาวแดง คาดช่วยหนุนรายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศใน 4Q24E โตต่อ YoY, QoQ

พฤอา
242526272812345678910111213141516171819202122232425262728293031123456