ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#COM7


COM7 ลุย S-curve ใหม่ เช่าแท็กซี่ EV - โตแค่ไหน เช็ก!

COM7 ลุย S-curve ใหม่ เช่าแท็กซี่ EV - โตแค่ไหน เช็ก!

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง COM 7 Event อัพเดตข้อมูลบริษัท Impact เริ่มทำโครงการให้เช่ารถแท็กซี่ EV             COM7 มองหา S-curve ใหม่ด้วยการเริ่มทำโครงการให้เช่ารถแท็กซี่ EV โดยบริษัทมีแผนจะเริ่มเฟสแรก 200-300 คัน (จากเป้าทั้งหมด 8,000 คัน ซึ่งคิดเป็น ~10% ของจำนวนรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ) โดยคิดค่าเช่าวันละ 777 บาท (เทียบกับค่าเช่ารถ Toyota Altis รุ่นเก่าที่ 650 บาท/วัน และ Toyota Altis รุ่นใหม่ที่ 800 บาท/วัน) ทั้งนี้ ราคาซื้ออยู่ที่ประมาณคันละ 800,000 บาท โดยมีอายุการใช้งาน 6 ปี ซึ่งบริษัทคาดว่าจะใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ธนาคาร และมีแหล่งเงินทุนแน่นอนแล้ว 2 พันล้านบาท เรามองว่ากำไรมี upside จำกัด แต่มีความเสี่ยงฝั่ง downside อยู่บ้าง             เรามองบวกกับการที่ผู้บริหารมองหา S-curve ใหม่ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า upside ของกำไรจากโครงการให้เช่าแท็กซี่ EV จำกัด แต่มีความเสี่ยงฝั่ง downside อยู่บ้าง ซึ่งจากการศึกษาของเราพบว่า ในเฟสแรก (แท็กซี่ EV 200 คัน) กำไรปี 2568 จะมี upside 0.3% (หรือ 10.4 ล้านบาท/ปี) โดยอิงจากสมมติฐานดังนี้ i) คิดค่าเช่าวันละ 777 บาท โดยมีจำนวนวันที่ใช้งาน 300 วัน/ปี ii) ต้นทุนแท็กซี่ EV คันละ 800,000 บาท iii) ใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ธนาคาร โดยต้นทุนการเงินอยู่ที่ 3.5% ต่อปี iv) หักค่าเสื่อมราคา 6 ปี โดยคิดมูลค่าซาก (salvage value) เป็นศูนย์ และ v) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 3% ของยอดขาย และอัตราภาษีอยู่ที่ 20%             แต่ในกรณีเลวร้ายที่สุดที่โครงการนี้ล้มเหลว เราคาดว่าประมาณการกำไรปี 2568 ของเราจะมี downside 5% โดยอิงจากสมมติฐานดังนี้ i) สูญเงินลงทุนทั้งหมด 160 ล้านบาท (EV 200 คันซึ่งมีต้นทุนคันละ 800,000 บาท) และ ii) ต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 5.6 ล้านบาท/ปี (เงินลงทุนทั้งหมดใช้การกู้ธนาคาร โดยมีต้นทุน 3.5% ต่อปี) ส่วนในแง่ของงบดุล สัดส่วนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนจะเพิ่มขึ้นจาก 1.16X เมื่อสิ้นปี 2567 เป็น 1.18X ในเฟสแรกของการลงทุน (แท็กซี่ EV 200 คัน)             ทั้งนี้ การจะเพิ่มจำนวนแท็กซี่ EV จนครบทุกเฟสเป็น 8,000 คันต้องใช้เงินลงทุนรวม 6.4 พันล้านบาท ซึ่งเมื่อใช้สมมติฐานว่าแหล่งเงินทุนทั้งหมดมาจากการกู้ระยะยาวซึ่งมีต้นทุนการเงินอยู่ที่ 3.5% ต่อปี จะทำให้สัดส่วนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1.89X ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นปีละ 224 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นประมาณ 415 ล้านบาท/ปี คิดเป็นประมาณ 13% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2568F ของเรา Valuation & Action             เรายังไม่ใส่โครงการแท็กซี่ EV เข้ามาในประมาณการกำไรปี 2568 ของเรา และยังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 เอาไว้เท่าเดิม โดยอิงจาก PER ที่ 18.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -1.0 S.D.) ทั้งนี้ เนื่องจากเราใช้ PER และประมาณการกำไรปี 2568 ที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมแล้ว (ประมาณการกำไรปี 2568 ของเราต่ำกว่าของนักวิเคราะห์ในตลาด 7% และสมมติฐานการเติบโตของยอดขายในปี 2567 ของเราคือ 7% เทียบกับที่บริษัทตั้งเป้าที่ double digit) ราคาปิดล่าสุดยังมี upside อีก 23% ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"

COM7 คาดปี68 กำไรโต15%  จับตาธุรกิจใหม่หนุนเด่น

COM7 คาดปี68 กำไรโต15%  จับตาธุรกิจใหม่หนุนเด่น

             หุ้นวิชั่น - บล.เอเซียพลัส ส่องหุ้น COM7 ชี้แจงว่ารายได้ปี 2567 ที่ 7.9 หมื่นล้านบาท มาจากธุรกิจดั้งเดิม คือ Com7 และ Double7 (จัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอที และโทรศัพท์มือถือ ผ่านร้าน Banana, Studio7และ ใน True Shop บางแห่ง) ราว 97% (7.7 หมื่นล้านบาท) อีก 3% (1.9 พันล้านบาท) มาจากธุรกิจใหม่              ทั้งนี้ ธุรกิจดั้งเดิมสร้างกำไรให้ 93% ของกำไรปกติ3.35 พันล้านบาทใน ปี 2567 ส่วนกำไรอีก 7% มาจากการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เช่น สินเชื่อเพื่อซื้อมือถือ (UFUND) และประกัน (iCare) ซึ่งมีกำไรแล้ว ส่วนที่ยังขาดทุนรวมกัน 88 ล้านบาท คือ ร้านยา (Dr.Pharma), ร้านเพ็ทชอป (Petpaw) และโชว์รูมรถ AION นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าปี 2568 จะขยายธุรกิจดั้งเดิมด้วยการขยายสาขาเพิ่ม ส่วนใหญ่จะเป็นการ เปิดสาขา Banana ทั้งนี้ช่วง ม.ค. 68 - ก.พ. 68 ยอดขายจากธุรกิจนี้ยังโตได้ YoY              อย่างไรก็ตาม บริษัทยืนยันยังขยายตัวเข้าสูงธุรกิจใหม่ในทุกปี โดยล่าสุดได้เปิดตัวธุรกิจให้เช่ารถแท็กซี่ EV แบรนด์ AION ที่จะมีรายได้จากค่าเช่ารายวัน เป็นระยะเวลา 6 ปี จึงโอนกรรมสิทธิ์ให้ ผู้เช่า ทั้งนี้บริษัทจะไม่ใช้เงินลงทุนในธุรกิจใหม่มากนัก โดยช่วงเริ่มต้นจะปล่อยเช่า TAXI EV เพียง 200 คัน ซึ่งเป็นการจำกัดผลกระทบในกรณีที่ธุรกิจใหม่ไม่ประสบผลสำเร็จ ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปี 2568 ไว้ตามเดิมที่ 3.7 พันล้านบาท (+15% YoY) ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 32.00 บาท (อิง PER 20.2 เท่า)**              เพราะเชื่อว่าธุรกิจดั้งเดิมจะ ยังเป็นรายได้หลักและยังมีโอกาสเติบโต ส่วนภาพรวมธุรกิจอื่นๆน่าจะสร้างกำไรได้ดีขึ้น จึงคงคำแนะนำ “Outperform” จากแนวโน้มกำไร Q1/68 ที่น่าจะยังโตดี YoY และราคาหุ้น ได้ปรับลงถึง 24% YTD เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มพาณิชย์ที่ลดลง 10% ขณะที่หุ้น COM7 ซื้อขายด้วย Norm PEG ปี 68 เพียง0.97 เท่า เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 1.2เท่า

COM7 รุกพลังงานสะอาด - Cloud - Solar - Taxi EV ดันรายได้ปี 68 โต 10%

COM7 รุกพลังงานสะอาด - Cloud - Solar - Taxi EV ดันรายได้ปี 68 โต 10%

          COM7 ผู้นำค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยีรายใหญ่ของไทย ประกาศผลงานปี 67 All Time High ทั้งรายได้และกำไร พร้อมตั้งเป้าปี 68 รายได้โตอีก 10% รุกตลาด Cloud Service และจับมือ TAKO Cleantech พันธมิตรที่แข็งแกร่งในตลาด Solar รองรับความต้องการโซลูชันด้านพลังงานสะอาดให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ เปิดฉากรุกธุรกิจ TAXI EV ตอกย้ำแผน Diversify ธุรกิจผ่านบริษัทในกลุ่ม เติบโตไปกับเมกะเทรนด์ของโลก           นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) (COM7) ผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยีรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2567 ภาพรวมผลการดำเนินงานที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ และเป็นปีที่ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท (All Time High) ทั้งในแง่ของรายได้และกำไร พร้อมตั้งเป้าปี 2568 ยังเป็นปีที่สดใส ตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อน 10% พร้อมกับกลยุทธ์ในการ Diversify ธุรกิจ จากปัจจุบันบริษัทในเครือ เริ่มมีผลงานที่ดีขึ้น สร้างการเติบโตในแนวกว้างอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ ทิศทางธุรกิจเดิมยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการจำหน่ายสินค้าเทคโนโลยีและสื่อสาร และเป็นรากฐานในการต่อยอด COM7 ในอนาคต           ทั้งนี้ COM7 เล็งเห็นโอกาสของบริษัทในกลุ่มที่เติบโตไปพร้อมกับเมกะเทรนด์ของโลก โดยเฉพาะธุรกิจ Cloud มีทิศทางที่เติบโตสูงจากตลาดในประเทศไทย Public Cloud Service ประเมินมีมูลค่าตลาดในปี 2568 ประมาณ 67,000 ล้านบาท จากปีก่อน 54,000 ล้านบาท และข่าวดีจาก Amazon Web Services (AWS) เข้ามาลงทุน Data Center ในประเทศไทย สะท้อนภาพรวมตลาด Cloud มีโอกาสขยายตัวสูงกว่า 20% ต่อปี สนับสนุนผู้บริโภคในด้านความสะดวกรวดเร็วของการใช้งาน ความปลอดภัยของข้อมูล รวมทั้ง โซลูชันต่างๆ โดย COM7 เป็นพาร์ทเนอร์กับทาง AWS ร่วมมือกันขยายฟีเจอร์ใหม่ๆ รองรับการเติบโตในตลาดนี้ ให้กับลูกค้ากลุ่ม SME และ Startup และมีการเติบโตในแง่ของลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยในปี 2567 สร้างยอดขายประมาณ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 130% และตั้งเป้าปีนี้เติบต่อเนื่องอีกเท่าตัว อีกทั้ง ล่าสุดได้รับรางวัลพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งในอาเซียน สะท้อนการขยายตลาดอย่างเข้มข้น           นอกจากนี้ COM7 ในฐานะร้านค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยี ได้เริ่มเข้ามาขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Solar Solution ซึ่งเป็นธุรกิจเมกะเทรนด์ และเป็นสินค้าในกลุ่มไฮมาร์จิ้น ในปีที่ผ่านมาจับมือกับพันธมิตรใหม่ เข้าไปถือหุ้นใน บริษัท Tako Cleantech เพื่อขยายตลาดร่วมกัน ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายในร้านพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำของ TAKO รวมถึงกระจายสู่ร้าน BaNANA และ BaNANA Solar ทั่วประเทศ เพื่อตอกย้ำการให้บริการด้าน Solar Solution แบบครบวงจรตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบระบบ การสำรวจ การติดตั้งและการบำรุงรักษา ให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นบ้านที่อยู่อาศัย (Residential) และกลุ่มธุรกิจ (Commercial) นอกจากนี้ COM7 ยังมีพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำตอบโจทย์ผู้บริโภค อาทิ แบรนด์ Huawei และ Energy Lib เป็นต้น           สำหรับไฮไลท์ใหม่ในปี 2568 ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้ COM7 HOLDING ซึ่งเป็นบริษัท ย่อยของ COM7 เข้าซื้อหุ้น 99.99% ใน บริษัท อีวีเซเว่น จำกัด (EV7) ดำเนินธุรกิจให้บริการเช่าใช้ เช่าซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยมีฐานลูกค้าทั้งในภาครัฐ เอกชน สหกรณ์แท็กซี่ และบุคคลธรรมดาทั่วไป เพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจที่สามารถต่อยอดธุรกิจการจําหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของกลุ่มบริษัท           นับเป็นการต่อยอดจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า โดยบริษัท โกลด์ อินทิเกรท จำกัด บริษัทร่วมทุนในกลุ่ม COM7 จากการจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเเบรนด์ GAC AION ไปสู่ตลาด TAXI EV จากการเห็นโอกาสในประเทศไทยมี TAXI ในกรุงเทพฯ ประมาณ 80,000 คัน และเป็น TAXI EV เพียงประมาณ 10% ซึ่งจะมี TAXI ที่หมดอายุประมาณ 30,000 - 40,000 คันในปีนี้ ดังนั้น เป็นโอกาสในการเสนอ TAXI EV ด้วยความคุ้มค่าที่มากขึ้น สอดรับเทรนด์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ในการเลือกใช้รถไฟฟ้าช่วยลดมลพิษในกรุงเทพฯ จึงมองว่า นี่จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สามารถเติบโต ด้วย Market Size ที่ใหญ่ พร้อมกับทำให้สังคมดีขึ้นไปพร้อมกัน           นายสุระ กล่าวอีกว่า “VISION ของเราปีนี้ เราไม่ได้หยุดแค่ร้านค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยี แต่ต่อยอดจากความแข็งแกร่งไปสู่โอกาสใหม่ๆ ผ่านบริษัทในกลุ่มที่จัดตั้งขึ้น และเริ่มทำผลงาน ส่วนใหญ่ทำกำไรเข้ามาสนับสนุน และยังมีบางบริษัทที่ยังสร้างผลงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งมี 3 บริษัทย่อยที่ยังมีผลขาดทุน อาทิ ธุรกิจร้านขายยา Dr.Pharma ธุรกิจร้านอาหารสัตว์ PetPaw ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า AION โดยเล็งเห็นโอกาสในปี 2568 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตอกย้ำแผน Diversify ธุรกิจ ไปช้าๆ แต่มั่นคงแข็งแรง”           นายถกล นิยมไทย นักลงทุนสัมพันธ์ COM7 กล่าวเสริมถึง ความร่วมมือกับ True เป็นพันธมิตรในการขยายตลาดร่วมกัน มองว่ายังมีโอกาสที่ดี จากการบริหาร True Shop และการขยายฐานลูกค้าใหม่เข้ามาใช้ 5G ที่ True มากขึ้น ด้านประกันภายใต้แบรนด์ iCare insurance ปีที่ผ่านมามีรายได้อยู่ที่ 734 ล้านบาท กำไรสุทธิประมาณ 40 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ตามสัญญาประกันต่อเนื่องในปี 2568 และมีทิศทางที่ดี จากเดิมพอร์ตประกันจำกัดแค่สมาร์ทโฟน เราเริ่มขยายไปยังกลุ่มสุขภาพ กลุ่มรถยนต์ อย่างไรก็ดี ประกันที่เราไม่เชี่ยวชาญ เราจะไม่โฟกัส เพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ในชื่อ 7Care จากการร่วมกับสินค้ากลุ่ม Apple และ iCare ตอบโจทย์ลูกค้าในประเทศไทย และสิทธิพิเศษที่ลูกค้าได้รับมากขึ้นหากซื้อสินค้า IOS พร้อมความคุ้มครอง 7Care           นอกจากนี้ สินเชื่อ UFUND มีทิศทางที่ดี ในช่วงปี 2564 - 2566 เป็นช่วงทดลองตลาด เริ่มปล่อยสินเชื่อไปที่ประมาณ 28,000 - 29,000 ธุรกรรม (IOS) และปี 2567 มีการปล่อยสินเชื่อถึง 80,000 ธุรกรรม (IOS) เติบโต 2-3 เท่า คิดเป็นยอดปล่อยสินเชื่อพันกว่าล้านบาท สนับสนุนรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ย NPL ต่ำกว่าเกณฑ์  เพราะเราเริ่มเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า ประกอบกับ ขยายไปยังกลุ่มลูกค้าทั่วไป (สัดส่วนประมาณ 30%) นอกเหนือจากกลุ่มนักศึกษา (สัดส่วนประมาณ 70%) ด้วยดอกเบี้ยที่มีความเหมาะสม วันนี้ COM7 ยังขยายไปตลาด Android เพิ่มเติม เนื่องจากมีจำนวนตลาดที่ใหญ่           ทั้งนี้ ภาพรวมผลประกอบการปี 2567 COM7 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 79,074.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% จากปีที่ผ่านมา กำไรขั้นต้น 10,475.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8% กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 3,307.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.7% จากการเติบโตของสินค้าเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่มสมาร์ทโฟน ทั้งระบบปฏิบัติการ IOS และ Android รวมถึงการมาของเทคโนโลยี AI เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ผลิตแบรนด์ชั้นนำอัปเกรดสินค้าสอดรับเทรนด์ใหม่ๆ ผ่านช่องทางการจำหน่าย 1,312 สาขาทั่วประเทศ (ไม่รวมแฟรนไชส์พาร์ทเนอร์)  และปรับกลยุทธ์ปิดสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการทำกำไร ทั้งนี้ COM7 มีแผนเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่องในปีนี้อีกประมาณ 100 - 150 สาขา คาดสิ้นปี 2568 มีจำนวน 1,400 สาขา เรายังเห็นโอกาสจากการเปิดสาขาในทำเลที่มีศักยภาพ [PR News]

COM7 ปี 68 ยังแจ๋ว! รุกธุรกิจเมกะเทรนด์โลกเสริมแกร่ง

COM7 ปี 68 ยังแจ๋ว! รุกธุรกิจเมกะเทรนด์โลกเสริมแกร่ง

           หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) (COM7) เปิดเผยว่า ภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 2568 ยังมีการเติบโตที่ดี และจะเป็นปีที่สดใส จากการมุ่งสู่ธุรกิจใหม่ที่เป็นเมกะทรนด์โลกมากขึ้น คาดจะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิม            โดยธุรกิจใหม่ที่จะมุ่งเน้นมากขึ้น คือ การให้บริการ Cloud ผ่านการร่วมมือกับ AWS เช่น Backup Solution, การอัพเกรดระบบให้เป็นระบบใหม่ หรือ Modernization, การดูแลต้นทุนลูกค้า, การพัฒนาซอฟแวร์โปรแกรมให้เข้ากับลูกค้า เป็นต้น  โดยมองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาด Cloud ในไทย โดยคาดว่าภายใน 5 ปี จะมีการเติบโตราว 200% ขณะที่ในปี 2568 จะเติบโตราว 22% เมื่อทียบกับปีก่อนที่อยู่ระดับ 51,500 ล้านบาท            ธุรกิจพลังงานสะอาด ภายใต้ บานาน่า โซลาร์ “BaNANA SOLAR” จำหน่ายผลิตภัณฑ์โซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) หลากหลายแบรนด์ โดยในปี 2568 จะมีการขยายโกดังสินค้าไปที่ จังหวัดขอนแก่น, อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และมีแผนเปิดสาขาใหม่ ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ในเดือนมี.ค.นี้ รวมถึงจะมีอีก 3 สาขาใหม่ที่จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้            ธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า แบรนด์ AION  ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการขยายโชว์รูมอย่างต่อเนื่อง และศึกษาเทรนด์การเติบโตของธุรกิจ EV อย่างสม่ำเสมอ มองว่าเทรนด์ในปีนี้และปีหน้ายังมีการเติบโต ทำให้บริษัทฯ ได้ขยายไปสู่ TAXI EV ผ่านการข้าซื้อบริษัท EV7 ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าจะช่วยสร้างการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต            “หากมอง COM7 วันนี้เราไม่ได้โฟกัสอยู่ที่ธุรกิจ IT แต่เราเริ่มมีบริษัทลูกที่ทำธุรกิจหลากหลายมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เราก็มีกำไร โดยการคิด Business Model ใหม่ๆ จะดีกับเรา ซึ่งเราก็พยายามจับธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ ใหญ่เพียงพอหรือเหมาะสมกับขนาดบริษัท อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่า เทรนด์ของเรา หรือวิชั่นของเราน่าจะเติบโตได้ดี ในปีนี้ก็จะดี” นายสุระ กล่าว            ด้านขยายสาขาร้าน COM7 บริษัทฯ มีแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 150 สาขา ขณะเดียวกันก็จะปิดสาขาเพิ่มด้วยอีก 40 สาขา ทำให้ สิ้นปีนี้จะมีสาขาอยู่ที่ 1,400 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 1,312 สาขา            ส่วนการร่วมมือกับ TRUE บริษัทฯ ยังคงบริหาร TRUE Shop by COM7 ให้มีการเติบโตต่อเนื่อง และการผลักดันให้ลูกค้ามาใช้เครือข่าย 5G มากขึ้น            บริษัทย่อย บริษัท ไอแคร์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ iCare Insurance ปี 2568 ยังเป็นปีที่ดี มั่นใจจะมีการเติบโตสูง จากยอดประกันฯ ยังเติบโต และการขยายพอร์ตไปสู่ประกันสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังร่วมกับทาง Apple เพื่อออกโปรดักซ์ใหม่ โดยใช้ชื่อว่า 7Care  ซึ่งจะสนับสนุนให้หน้าร้านที่เป็น สตูดิโอ 7 เมื่อขายสินค้าแล้ว ก็สามารถขาย 7Care ได้มากขึ้น เนื่องจากความคุ้มครองที่ดีกว่าเดิม            ธุรกิจ UFUND หรือ การขายสินค้าราคาผ่อนให้กับผู้บริโภคทั่วไป ในปี 2567 มีการปล่อยสินเชื่อจำนวน 1,000 ล้นบาท คิดเป็นจำนวนเครื่อง 80,000 เครื่อง เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2566 ที่มีการปล่อยสินเชื่อที่ 28,000 เครื่อง โดยมีเพียงเครื่อง iOS อย่างเดียว แต่ในปี 2568 จะขยายไปยังเครื่อง Android ต่อ ซึ่งจะสนับสนุนยอดขายและกำไรของ UFUND ประกอบกับยังควบคุม NPL ไม่ให้เกิน 2% อย่างต่อเนื่อง

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

บล.ธนชาต ชู COM7 เด่น หลังหุ้นบัญชี Margin ลดลง

บล.ธนชาต ชู COM7 เด่น หลังหุ้นบัญชี Margin ลดลง

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า รายงานหุ้นที่ถูกฝากไว้ในบัญชี Margin ล่าสุด จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่าหุ้น SA, CGD, READY, COM7, AQUA, RS, WARRIX, JPARK มีจำนวนหุ้นที่ฝากในบัญชี Margin ลดลง ซึ่งจะทำให้ความกังวลต่อความเสี่ยงที่จะถูกขายหุ้นแบบ Force Sell หรือ Self Force Sell ในกรณีที่ราคาหุ้นเหล่านี้ปรับลดลงผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งนี้แนะนำ “ซื้อ” COM7 ที่กำไร 4Q67 จะทำ New High รายไตรมาส และกำไร 1Q68 จะได้แรงหนุนจากมาตรการ easy e-receipt ด้วย ขณะที่ล่าสุดสิ้นเดือนม.ค.จำนวนหุ้นที่ถูกฝากไว้ในบัญชี margin ลดเหลือ 2.73% ของหุ้นทั้งหมด ลดลงจากสิ้นเดือน ธ.ค.ที่ 11.6%

9 หุ้นแกร่ง ลุ้นรีบาวน์แรง รับ Cover Short

9 หุ้นแกร่ง ลุ้นรีบาวน์แรง รับ Cover Short

หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บล.กรุงศรี ระบุ บรรยากาศลงทุน SET ที่เริ่มฟื้นตัวจากโซนลงทุน จากความคาดหวังเชิงบวกการกลับมาDomestic Long Term Fund ประเมินมีหุ้นอีกชุด Underperform SET และถูก Short สูงมีโอกาสรีบาวน์แรงจากการเร่ง Cover Short ภายใต้เกณฑ์ ผลตอบแทน YTD เคลื่อนไหว Underperform SET100 ที่ YTD ให้ผลตอบแทน -7.3% ยอด Short Sales สูงกว่าค่าเฉลี่ยหุ้นใน SET100 ที่ 0.64% ของทุนชำระแล้ว อิงเกณฑ์ดังกล่าว ผสาน องค์ประกอบที่เป็นหุ้นที่มีความแข็งแกร่งระดับหนึ่งในทางพื้นฐานและมีปัจจัยหนุนรออยู่ ได้ 9 บริษัทที่เหมาะกับการลงทุนลุ้นรีบาวน์แรงดังนี้           BGRIM (YTD -32.8%, Short Sales 1.19%) กระแสเทคโนโลยีระยะนี้กลับมาเด่น คาดมีโอกาสหนุนหุ้นโรงไฟฟ้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก           OSP (YTD -27.9%, Short Sales 1.51%) เตรียมรับช่วงหน้าร้อน มี.ค.- เม.ย.68           SPRC (YTD -22.9%, Short Sales 1.59%) ค่าการกลั่นเช้าวันนี้เร่งขึ้นสู่ 4.07 เหรียญฯ +22.6%d-d           JMT (YTD -21.98%, Short Sales 0.97%) งบ 4Q24 มีสัญญาณ Cash Collection ฟื้นตัว q-q           BANPU (YTD -21.7%, Short Sales 1.26%) มีโอกาสได้รับประโยชน์ทางบวกธุรกิจในสหรัฐฯ           COM7 (YTD -17.3%, Short Sales 0.78%) คาดยอดจับจ่ายปลายปี-ต้นปีคึกคักต่อเนื่องตามฤดูกาล + มาตรการกระตุ้นรัฐฯ           WHA (YTD -16%, Short Sales 1.13%) หุ้นนิคมมีสัญญาณบวก FDI เร่งต่อเนื่อง ผสาน จิตวิทยาบวก Trade Tension เข้ามาเป็นระยะๆ           BH(YTD -12.3%, Short Sales 1.1%) ภาพใหญ่สังคมสูงวัยไม่เปลี่ยน ขณะที่หุ้นถูกกดันจากปัจจัยลบชั่วคราว           KCE (YTD -11.8%, Short Sales 2.15%) แรงกดดันอุตสาหกรรมยานยนต์บรรเทาลง โดยเฉพาะล่าสุดภาษีเท่าเทียม เตรียมยกเว้นสินค้ายา+ยานยนต์ เชิงกลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรหุ้นชุดดังกล่าว BGRIM, OSP, SPRC, JMT, BANPU, COM7, WHA ,BH, KCE ลุ้นรีบาวน์แรงจากการเร่ง Cover Short

COM7 เข้าดัชนี SET 50 นำสินค้าเทคโนโลยี มุ่งความยั่งยืน

COM7 เข้าดัชนี SET 50 นำสินค้าเทคโนโลยี มุ่งความยั่งยืน

          บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ได้รับเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็น 1 ใน 4 หุ้นใหม่ที่เข้าคำนวณดัชนี SET50 ในรอบครึ่งปีแรก 2568 พร้อมเดินหน้าวางกลยุทธ์นำสินค้าเทคโนโลยีตอบโจทย์ผู้บริโภค และความยั่งยืน           นายณรงค์ ศรีวรรณวิทย์ Chief Business Officer บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยว่า COM7 ได้รับเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็น 1 ใน 4 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าคำนวณดัชนี SET50 ในรอบครึ่งปีแรก พ.ศ. 2568 (1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2568) เป็นผลจากความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่เหมาะสมและแข็งแกร่ง ตอกย้ำผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยีที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ พร้อมกับ เดินหน้ากระจายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต เพื่อเพิ่มศักยภาพของ COM7 ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ตลอดจน สร้างความเชื่อมั่นและความน่าสนใจ ในการลงทุนจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากดัชนี SET50 เป็นดัชนีที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคากลุ่มหลักทรัพย์ที่มี ขนาดมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้เปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน (Performance Benchmark) หรือใช้เป็นดัชนีอ้างอิง (Underlying Index) ในการออกตราสารทางการเงินต่าง ๆ           อย่างไรก็ดี ในปีนี้ COM7 ได้รับรางวัลด้านความยั่งยืนจากตลาดหลักทรัพย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ประกอบด้วย ได้รับการประเมิน SET ESG Ratings 2024 ยกระดับที่ “AA”  รวมทั้ง คว้ารางวัล CGR 2024 ระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ” ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน และได้รับรางวัล CAC ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ตอกย้ำความมุ่งมั่นองค์กรโปร่งใส ต่อต้านคอร์รัปชัน สอดรับเทรนด์การลงทุนของโลก นักลงทุนให้ความสำคัญในการจัดสรรการลงทุนบนหลัก ESG มากขึ้นเรื่อยๆ โดย COM7 ให้ความสำคัญทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance)           รวมทั้ง การนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน มุ่งสู่ความยั่งยืนมากขึ้น และอยู่ในอุตสาหกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และพลังงานสะอาด ซึ่งในปีนี้ ได้เข้ามาต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นธุรกิจไฮมาร์จิ้น สอดรับกับการเติบโตของยุค Digital Transformation ด้วยการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Solar Cell รวมถึงการจับมือ Amazon Web Services (AWS) เพื่อร่วมมือกันขยายฟีเจอร์ใหม่ๆ รองรับการเติบโตในตลาด Cloud Service ให้กับลูกค้ากลุ่ม SME

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

[ภาพข่าว] COM7 หุ้นยั่งยืน คว้าการประเมิน SET ESG Ratings 2024 ยกระดับที่ “AA”

[ภาพข่าว] COM7 หุ้นยั่งยืน คว้าการประเมิน SET ESG Ratings 2024 ยกระดับที่ “AA”

          นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยว่า COM7 ได้รับผลการประเมินหุ้นยั่งยืน หรือ SET ESG Ratings ประจำปี พ.ศ.2567 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดให้อยู่ในระดับ “AA” ยกระดับขึ้นจากปีที่ผ่านมา และจากบริษัทจดทะเบียนที่ผ่านเกณฑ์และได้รับการประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ในปีนี้มีจำนวนรวม 228 บริษัท สะท้อนการดำเนินธุรกิจค้าปลีกสินค้าเทคโนโลยีที่มีธรรมาภิบาล และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการองค์กรที่คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ครอบคลุมทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) สอดคล้องกับเทรนด์การลงทุนอย่างยั่งยืน (sustainable investment) ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนต่อไป

จับตา!หุ้นเข้า SET50 BANPU-SAWAD-COM7-CCET

จับตา!หุ้นเข้า SET50 BANPU-SAWAD-COM7-CCET

          หุ้นวิชั่น -  หุ้นวิชั่น -ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า หุ้นที่คาดการณ์ว่าจะเข้า SET50 รอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7 และ CCET ขณะที่หุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 ได้แก่ BCP CENTEL EA TIDLOR โดยเชื่อว่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ไม่ติดอันดับเป็น สาเหตุที่ทำให้หลุดออกจาก SET50   กรณีของ CCET ที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบครึ่งแรกปี 68 นั้น เชื่อว่าจะทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้าดัชนี SET50 538.84 ล้านบาท ขณะที่ TIDLOR ที่คาดออกจาก SET50 จะทำให้มีเงินทุนไหลออกจากดัชนี SET50  324.74 ล้านบาท   สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET100 รอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ CCET, JTS, PR9 และ COCOCO ส่วนหุ้นที่คาดว่า จะออกจาก SET100 ได้แก่ MBK, RBF, TIPH และ TOA โดยสาเหตุที่น่าจะทำให้ MBK และ TOA หลุดออกจาก SET100 เนื่องจาก Turnover ratio 1% ไม่ครบ 9 ใน 12 เดือน ส่วน TIPH ที่คาดออก เพราะมูลค่าซื้อขายไม่ผ่านเกณฑ์ 25% ของค่าเฉลี่ยรวมทั้งตลาด 9 ใน 12 เดือน ขณะที่ RBF คาดออก เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ติดอันดับ ทั้งนี้คาดว่า CCET จะเข้า SET100 จะทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้าดัชนี SET100 46.15 ล้านบาท และ MBK จะทำให้มีเงินทุนไหลออกจากดัชนี SET100 19.98 ล้านบาท             โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 รอบครึ่งแรกปี 68 ในช่วงวันที่ 13 - 18 ธันวาคม 67 นี้ และเริ่มใช้วันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 68   ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากข้อมูลหุ้นที่เข้า SET50 ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หรือ 16 รอบของการปรับหุ้นเข้าและออกใน SET50 พบว่า หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้าก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ 1 เดือน จะให้ ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.83% ขณะที่หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้าก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ 2 สัปดาห์ ผลตอบแทนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2.15% จากข้อมูลดังกล่าวชี้ว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงหุ้นใน SET50 นั้น หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนเชิงบวก         นอกจากนี้ยังพบว่า หุ้นที่ได้รับการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง และมี Upside สูง เป็นหุ้นที่น่าสนใจ ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI จึงทำการเปรียบเทียบ % Upside to target price ของ Bloomberg consensus กับค่า Z Score 12M FWD PE 5 ปีย้อนหลัง พบว่า หุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง มี % Upside to target price สูง และมี SETESG Rating ระดับ A ขึ้นไป ได้แก่ COM7 มี Upside 10.6% , BANPU มี Upside 5.7% ขณะที่ค่า Z-Scores 12M FWD PE 5 ปี อยู่ที่ -0.99 และ -0.02 ตามลำดับ             เมื่อเปรียบเทียบ การปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) กับราคาเป้าหมาย (Target price) ย้อนหลัง 1 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ได้แก่ CCET (EPS ถูกปรับขึ้น 6.5%, Target price ถูกปรับขึ้น 52.9%) และหากเปรียบเทียบการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้นกับราคาเป้าหมายย้อนหลัง 6 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ได้แก่ CCET (EPS  ถูกปรับขึ้น 26.9%, Target price ถูกปรับขึ้น 81.4% และ COM7 (EPS ถูกปรับขึ้น 8.0%, Target price ถูกปรับขึ้น 35.0%)   ขณะที่หุ้นที่มีราคาปรับลงมากที่สุด โดยเปรียบเทียบย้อนหลัง 1 เดือนล่าสุด ได้แก่ BANPU ราคาปรับลง 7.3% และ SAWAD ปรับลง 3.6% และเมื่อพิจารณาข้อมูลการซื้อขายสุทธิของผู้บริหาร ตั้งแต่ต้นปี 67 ถึงปัจจุบัน จะได้หุ้นที่มียอดซื้อขายสุทธิของผู้บริหารมากสุด ได้แก่ SAWAD 323.24 ล้านบาท, CCET 14.45 ล้านบาท และ BANPU 8.54 ล้านบาท

COM7 กวาดกำไร 709 ล. ยิ้มรับ Q4 ไฮซีซั่น - iPhone ทรงดี / หุ้น SET

COM7 กวาดกำไร 709 ล. ยิ้มรับ Q4 ไฮซีซั่น - iPhone ทรงดี / หุ้น SET

          COM7 โชว์ผลงานไตรมาส 3/67 ออกมาแจ่ม รายได้ 17,983.5 ล้านบาท โต 10.2 % ส่วนกำไร 708.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9 % หลังมีหลายปัจจัยบวกหนุนความต้องการสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคและการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่าง iPhone16 แม้ต้องเผชิญภาวะสินค้าขาดแคลนและส่งมอบช้า แต่กลับมาพีคขึ้นในช่วงต้นไตรมาส 4 ซึ่งเป็นการเข้าสู่ฤดูไฮซีซั่น เตรียมรับยอดขายสมาร์ทโฟนและสินค้าใหม่หนุน เปิดเกมบุกตลาด Solar รับเทรนด์รักษ์โลก มั่นใจเป้ารายได้ปีนี้โต 10 % ตามที่วางไว้ ด้านสาขาสิ้นปีคาดมี 1,325 แห่งทั่วประเทศ           นางสนธยา ธัง Chief Marketing Officer บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยผลประกอบการบริษัท ฯ ไตรมาส 3/67  ว่า รายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 17,983.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 16,320.8 ล้านบาท สำหรับกำไรส่วนของบริษัทใหญ่เท่ากับ 708.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 611.4 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 13.3 % ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงจากช่วงเดียวกันปีก่อนเท่ากับ 13.4 % รวมถึงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าที่ระดับ 13.5 % นอกจากนั้น บริษัทยังมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจากบริษัทร่วม เท่ากับ 14.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึง 155.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 5.8 ล้านบาท           “ช่วงไตรมาส 3 มีปัจจัยบวกหลายอย่าง โดยเฉพาะจากมาตรการภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจและผลจากการเปิดตัว iPhone16 แต่ปัจจุบันบริษัทยังคงเผชิญกับปัญหาขาดแคลนสินค้าและการส่งมอบที่ล่าช้าออกไป แต่บริษัทได้ประเมินสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อยอดขายในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากตอนนี้ยังเห็นผลสะท้อนชัดเจนว่า ยังมีความต้องการของตลาดสูงอย่างต่อเนื่องจากผู้บริโภค ขณะที่สินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งเป็นสัดส่วนหลักของบริษัทฯ สร้างการเติบโตในระดับ Double Digits ซึ่งสูงกว่าภาพรวมตลาด  และการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A ได้ดี ทำให้แนวโน้มกำไรแข็งแกร่งขึ้น” นางสาวสนธยา ธัง กล่าว           ทั้งนี้  ณ สิ้นเดือนกันยายน 67 ที่ผ่านมา คอมเซเว่นมีจำนวนสาขาทั้งหมด 1,301 แห่ง ในไตรมาส 4 คาดจะเปิดเพิ่ม 24 แห่ง รวมทั้งปีคาดมี 1,325 แห่ง ทั่วประเทศ           นายจรัสพงษ์ ประเสริฐสกุล Head of sales and operations กล่าวต่อว่า ภาพรวมบริษัทในกลุ่ม แม้ยังมีผลการดำเนินงานไม่โดดเด่น แต่ภาพรวมมีการเติบโตที่ดีขึ้น ทั้งธุรกิจเช่าซื้อสินค้าภายใต้ UFund (Thunder FinFin) ที่ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้า Apple ได้ง่ายขึ้นมีอัตราการอนุมัติที่ดีขึ้น ภายใต้การควบคุมความเสี่ยงอย่างรัดกุม ด้าน iCare ประกันภัย เริ่มเข้ามาขยายตลาดจริงจังในไตรมาสแรกปีนี้ เห็นยอดขายที่มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง           นอกจากนี้ เพื่อขยายไปยังตลาดใหม่ที่เป็นเทรนด์ของการรักษ์โลก ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้บริษัทย่อยของบริษัทเข้าร่วมลงทุนเพื่อจัดตั้งบริษัทแห่งใหม่ ชื่อ บริษัท โซลาร์ ไนน์ จำกัด เพื่อดำเนินกิจการจัดจำหน่ายโซลาร์เซลล์ โดย บริษัท คอมเซเว่น โฮลดิ้ง จำกัด จะถือหุ้น 60 % ของทุนจดทะเบียน และนายขวัญชัย มยุรศิริพงษ์ ถือหุ้นสัดส่วน 40 % ของทุนจดทะเบียน สำหรับวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อต่อยอดทางธุรกิจและประกอบกิจการอื่นที่สืบเนื่องกับธุรกิจหลัก โดยใช้เงินสดจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทเป็นเงินลงทุน เพื่อขยายตลาดรับทิศทางพลังงานทดแทนมีแนวโน้มเชิงบวก และได้อานิสงส์ภาครัฐสนับสนุน เปิดจำหน่ายไปแล้วในไตรมาส 3 ในร้าน BaNANA จำนวน 41 จุดขาย และจะเปิดอีก 59 จุดขายในไตรมาส 4 รวมเป็น 100 จุดขาย รุกตลาด Solar เต็มตัว           สำหรับภาพรวม iPhone16 ที่เปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา และเริ่มวางจำหน่ายจริงในวันที่ 20 กันยายน 67 ได้รับการตอบรับที่ดีตั้งแต่เปิดจอง โดยยอดจองเพิ่มขึ้นประมาณ 34 % สะท้อนกระแสความสนใจของสินค้า ขณะที่ข้อจำกัดในเรื่องอุปทานสินค้าที่มีจำกัดในช่วงเปิดตัวล็อตแรก เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นก่อน มีจำนวนลดลง อีกทั้ง การมีจำนวนประเทศ Tier1 ที่จำหน่าย iPhone ล็อตแรกเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในเดือนกันยายน ยอดขายในช่วงเปิดตัวเดือนกันยายนยังเข้ามาไม่เต็มที่นัก แต่กลับมาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในเดือนตุลาคม พร้อมด้วยการจัดกิจกรรมการตลาด และแคมเปญ Trade in Plus กระตุ้นกำลังซื้อ ส่งผลให้ COM7 มีทราฟฟิคคนเข้ามาประเมินราคาเพิ่มขึ้น และสนับสนุนยอดขายที่ได้จากเครื่องเก่ามาแลกเครื่องใหม่ เติบโตขึ้นถึง 40%           ทั้งนี้ แนวโน้มไตรมาส 4/67 ยังคาดจะเป็นไตรมาสที่ดีของปี จากการเปิดตัวสินค้าใหม่และสร้างยอดขายเข้ามาต่อเนื่อง ได้แก่ Apple Watch Series10, iPad Mini รวมทั้ง Airpod และ Mac Book รุ่นใหม่ กระแสตอบรับค่อนข้างดี พร้อมกับการให้ความสำคัญในการให้บริการ สร้าง Customer Experience รวมทั้ง สร้างแบรนด์ Studio7 และ Banana ให้แข็งแกร่ง รุกตลาดในรูปแบบ Omni Chanel ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และการเข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับแต่ละกลุ่มลูกค้าอย่างแท้จริง           นอกจากนั้นยังมีปัจจัยเพิ่มเติมที่ช่วยส่งเสริมความมั่นใจในไตรมาส 4/67 อีก นั่นก็คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโครงการ 10,000 บาท ที่เริ่มส่งผลบวกต่อการเติบโตในกลุ่มของสมาร์ทโฟนระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าสมาร์ทโฟนได้กลายมาเป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับลูกค้าในกลุ่มนี้เช่นกัน ทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มส่งสัญญาณขาลงก็ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคด้วย           ไม่หมดเท่านี้ เพื่อต่อยอดจากการเป็นผู้นำในตลาด Smart Phone และ iPhone รายใหญ่ของประเทศไทย เรามุ่งเน้นพัฒนาและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของเรา จึงพัฒนา Case Club ร้านที่เข้ามาตอบโจทย์การใช้เคสโทรศัพท์ เปิดแล้ว 5 สาขา และช่องทางออนไลน์ https://caseclub.in.th โดยเอ็กซ์คลูซีฟกับแบรนด์และดีไซเนอร์ในประเทศไทย  ทั้งลูกค้ายังสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมตามสไตล์ของตัวเอง (Personalization) ได้อีกด้วย ถือเป็นการเปิดธุรกิจใหม่ในกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรที่ค่อนข้างดี           บริษัทฯ จึงยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2567 จะเติบโต 10 % จากปีก่อนที่ทำได้ 69,559.5 ล้านบาท พร้อมกับให้ความสำคัญในการบริหารงานตามหลัก ESG และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ล่าสุด คว้ารางวัล CGR 2024 ระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ” ต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน และรับมอบประกาศนียบัตรรับรองการต่ออายุเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 จากงาน CAC Certification Ceremony 2/2024 “Navigating ESG : The Power of Integrity” จัดโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) [PR News]

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

COM7 โบรกฯมอง Q4 ช่วงพีค - จับตาการแข่งขันเข้ม

COM7 โบรกฯมอง Q4 ช่วงพีค - จับตาการแข่งขันเข้ม

         หุ้นวิชั่น - บล.เคจีไอ ส่องหุ้น Com7 มองผลประกอบการไตรมาสที่สามของ COM7 เป็นไปตามคาด โดยกำไรที่ลดลง QoQ และ การปิดสาขาร้านใน Q3/67 ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันในตลาด ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ถือ” โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 31.00 บาท อิงจาก PER ที่ 22.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -0.5 S.D.) หรือ คิดเป็น PEG ที่ 1.8x ฝ่ายวิจัยมองไตรมาสที่สี่จะเป็นช่วงที่ดีตามฤดูกาล แต่ยังต้องจับตาการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น          โดยตามปกติแล้วไตรมาสที่สี่จะเป็นช่วง peak ตามฤดูกาล ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่า COM7 จะได้อานิสงส์จากปัจจัยนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ยอดขายที่ลดลงในไตรมาสที่สาม และ การปิดสาขาร้านทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขันของบริษัท และ การแข่งขันที่อาจจะเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น อาจจะทำให้บริษัทเพิ่มยอดขายตามเป้าหมายได้ยากถ้าไม่ยอมเฉือนอัตรากำไรลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ยังต้องติดตามต่อไป ในขณะเดียวกัน บริษัทย่อยแห่งใหม่ (Solar9 Co., Ltd) ที่ทำธุรกิจนำหน่าย solar cell อาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจใหม่ อื่น ๆ ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ถือ” โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 31.00 บาท

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

            หุ้นวิชั่น - ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ได้ประเมินหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 ในรอบครึ่งแรกปี 68 เบื้องต้น ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7, TCAP และหุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 ได้แก่ BCP, CENTEL, EA, TIDLOR โดยคาดว่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ไม่ติดอันดับเป็นสาเหตุที่ทำให้หลุดออกจาก SET50 ทั้งนี้ประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             สำหรับหุ้นคาดว่าจะเข้า SET100 ในรอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ JTS, CCET, COCOCO, PR9 ขณะที่คาดว่าหุ้นที่จะออกจาก SET100 ได้แก่ MBK, RBF, TIPH, TOA สาเหตุที่คาดว่า MBK และ TOA จะหลุดออกจาก SET100 เนื่องจาก Turnover ratio 1% ไม่ครบ 9 ใน 12 เดือน ส่วน TIPH จะหลุดจาก SET100 เพราะมูลค่าซื้อขายไม่ผ่านเกณฑ์ 25% ของค่าเฉลี่ยรวมทั้งตลาด 9 ใน 12 เดือน และ RBF ที่หลุด เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ติดอันดับ โดยประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) น่าจะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 ในรอบ ครึ่งแรกปี 68 ในช่วงวันที่ 13 - 18 ธ.ค.2567 และเริ่มใช้วันที่ 1 ม.ค.- มิ.ย. 2568             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากข้อมูลหุ้นที่เข้า SET50 ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หรือ 16 รอบของการปรับหุ้นเข้าและออกใน SET50 พบว่าหากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 1 เดือน ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.83% ขณะที่หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.15% ดังนั้น จากข้อมูลดังกล่าวพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงหุ้นใน SET50 นั้น หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนในเชิงบวก             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า หุ้นที่ได้รับการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง และมี เปอร์เซ็น upside สูง เป็นหุ้นที่น่าสนใจ โดยเมื่อเปรียบเทียบเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus กับค่า Z Score ช่วง 12 เดือน FWD PE 5 ปีย้อนหลัง หุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่างมีเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus สูง และมี SETESG Rating ในระดับ A ขึ้นไป ได้แก่ TCAP (7.7%) และ BANPU (0.5%) ในขณะที่ค่า Z-Scores 12 เดือน FWD PE 5 ปีจะอยู่ที่ -0.95 และ 0.003 ตามลำดับ             ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) กับราคาเป้าหมายย้อนหลัง 1 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้นได้แก่ COM7 ขณะที่หุ้นที่ราคาลงมามากที่สุด โดยเปรียบเทียบย้อนหลัง 1 เดือนล่าสุดได้แก่ BANPU (-11.3%) และเมื่อพิจารณาข้อมูลการซื้อขายสุทธิของผู้บริหาร ตั้งแต่ต้นปี 2567 ถึงปัจจุบัน จะได้หุ้นที่ มียอดซื้อขายสุทธิของผู้บริหารมากสุด ได้แก่ SAWAD 323.24 ล้านบาท และ BANPU 8.54 ล้าน บาท

[ภาพข่าว] COM7 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวโครงการ ESOP W1

[ภาพข่าว] COM7 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวโครงการ ESOP W1

          นายศิริพงษ์ สมบัติศิริ ประธานกรรมการ นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จํากัด (มหาชน) หรือ COM7 นำทีมคณะกรรมการบริษัทฯ ร่วมงานประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการออกและเสนอขายใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทและ/หรือบริษัทย่อย ครั้งที่1 (COM7 – ESOP W1) จํานวนไม่เกิน 30,000,000 หน่วย อายุไม่เกิน 5 ปี โดยไม่คิดมูลค่า อัตราการใช้สิทธิใบสําคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญ 1 หุ้น และมีราคาใช้สิทธิในราคาหุ้นละ 25.50 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงจูงใจและเป็นผลตอบแทนให้กับบุคลากรที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จกับองค์กร ให้มีความตั้งใจทุ่มเทในการทำงานและมีความรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กร และเป็นการรักษาบุคลากรที่มีความสำคัญให้ทำงานกับบริษัทต่อไปในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือในการจูงใจให้บุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ  และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจและสร้างความยั่งยืนในการประกอบธุรกิจเข้าร่วมงานกับบริษัท ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นต่อไปโดยงานดังกล่าวจัดขึ้น ณ สำนักงานใหญ่บริษัท เมื่อเร็วๆ นี้

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

[PR News] COM7  iPhone 16 ยอดจองคึก รับเทรนด์ใหม่

[PR News] COM7 iPhone 16 ยอดจองคึก รับเทรนด์ใหม่

COM7 ว้าว! กระแส iPhone 16 ซีรีส์ ยอดจองแรงไม่แผ่ว รับเทรนด์ Apple Intelligence แถมปีนี้ขายเร็วกว่าเดิม           COM7 ยิ้มรับการเปิดตัวของ iPhone 16 ซีรีส์ ขายวันแรก ลูกค้าต่อคิวจับจองเป็นเจ้าของล้น กระแสตอบรับดีตั้งแต่เปิดจองเมื่อวันที่ 13 – 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำสถิติร้อนแรงไม่แพ้รุ่นก่อน เปิดโผ iPhone 16 Pro Max ความจุ 256 GB และ 512 GB สีไทเทเนียมทะเลทราย (Desert Titanium) กวาดคะแนนยอดนิยมสูงสุด พร้อมกับฟีเจอร์ Apple Intelligence รองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุค AI และอานิสงส์ไทย Tier 1 ขาย iPhone 16 ในปีนี้เร็วขึ้นกว่าปีก่อน 2 วัน ในด้านราคาที่ปรับลดลงจากรุ่นก่อนเฉลี่ย 1,000 – 4,000 บาท สนับสนุนการตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น พร้อมบริการ Trade In+ นำสินค้าเครื่องเก่ามาแลกรับส่วนลด เพื่อเป็น iPhone 16 ที่ Studio7 และ BaNANA รวมทั้ง  สาขาในเครือ ทั่วประเทศ พร้อมอวดโฉม Studio7 สาขา EmQuartier ยกระดับเป็น Apple Premium Partner (APP) ที่ใหญ่ที่สุดใน South East Asia            นางสาวแก้วเจียระไน เขมาสิทธิ์ ผู้จัดการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้า Apple บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เปิดเผยถึง ผลตอบรับของ iPhone 16 , iPhone 16 Plus , iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ที่วางจำหน่ายวันแรก ลูกค้าต่อคิวจับจองเป็นเจ้าของล้นหลาม ภายหลังจากเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 13 – 19 กันยายน 67 ที่ผ่านมา iPhone 16 ซีรีส์ ยังคงสร้างปรากฏการณ์ที่ดีต่อเนื่อง ลูกค้าให้การตอบรับ มียอดจองซื้อเข้ามาดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน โดยเฉพาะ iPhone 16 Pro Max ความจุ 256 GB และ 512 GB สีไทเทเนียมทะเลทราย (Desert Titanium) ได้รับความนิยมสูงสุด และถูกจองหมดอย่างรวดเร็ว           นับเป็นการยกระดับ iPhone ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Apple Intelligence รองรับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ สร้างความตื่นเต้นให้สาวก Apple กันไม่น้อย เพราะมีหลายฟีเจอร์ที่จะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ให้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสูง และการปรับความสามารถของ Siri ให้มีความธรรมชาติ เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน ควบคู่กับ ChatGPT ซึ่งจะใช้งานได้ตั้งแต่ iPhone 15 Pro ขึ้นไป บนระบบปฏิบัติการ iOS 18 และมองว่า เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผลตอบรับ iPhone 16 ซีรีส์ ที่เปิดตัวในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก           นอกจากนี้ ในปี 67 นับเป็นอีกปีที่ดี ในฐานะประเทศไทยเป็นประเทศกลุ่มแรก (Tier 1) ที่จำหน่าย iPhone ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม พร้อมสำหรับการวางจำหน่ายวันแรก ในวันที่ 20 กันยายน 67 เร็วกว่าปีก่อน 2 วัน ในราคาที่ปรับเข้าถึงผู้บริโภคง่ายขึ้น และได้กลุ่มเป้าหมายกว้างขึ้น ซึ่งราคาปรับลดลงจากรุ่นก่อนหน้าราว 1,000 – 4,000 บาท โดย iPhone 16 ความจุ 128 GB ราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท ไปจนถึง iPhone 16 Pro Max ความจุ 1 TB ราคาเริ่มต้นที่ 64,900 บาท           “สำหรับการจัดกิจกรรมรับเครื่อง iPhone 16 ซีรีส์ ในวันแรก ที่ร้าน Studio7 ชั้น 2 อาคาร A ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ (EmQuartier) เปิดให้ลูกค้าเข้ามารับสินค้าตั้งแต่ 8.00 น. มีลูกค้าต่อคิวรอรับเครื่องด้วยบรรยากาศคึกคัก นอกจากนี้ Studio7 สาขา EmQuartier ได้อวดโฉมใหม่เป็น Apple Premium Partner (APP) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและ South East Asia ความพิเศษของสาขานี้ก็คือ มีสินค้า Apple ครบครัน ทั้ง iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Gadget & Accessories มีพื้นที่ขนาดใหญ่ รองรับการจัด Workshop และกิจกรรมที่เสริมสร้างประสบการณ์การใช้สินค้า Apple ให้ดีขึ้น ตอกย้ำ COM7 ที่เล็งเห็นประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค และเป็นตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่สุดของ Apple ในประเทศไทย” นางสาวแก้วเจียระไน กล่าว           อย่างไรก็ดี ในด้านการบริการที่ครบวงจรของ COM7 บริษัทได้พัฒนาแคมเปญ “เทรดอิน พลัส (Trade-in Plus)” นำเครื่องเก่ามาแลกรับส่วนลดเครื่องใหม่ ที่ร้าน Studio 7 และ BaNANA รวมทั้งสาขาภายใต้การบริหารทั่วประเทศไทย ให้ลูกค้าใช้งานได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากขึ้น โดยมีโปรแกรมมาช่วยวิเคราะห์เพิ่มความแม่นยำ และชาญฉลาด ทำให้ลูกค้าได้ราคาที่ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังมีบริการด้านไฟแนนซ์และโปรแกรมสินเชื่อบัตรเครดิตที่ร่วมรายการผ่อน 0% นานสูงสุด 36 เดือน และสินเชื่อ UFund จาก COM7 เป็นทางเลือกให้ลูกค้าในการตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่ได้ง่ายกว่าเดิม           อีกทั้ง ในโลกเทคโนโลยีกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Apple ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยระบบที่เป็นเอกลักษณ์ มี Ecosystem สินค้าครอบคลุมการใช้งานแบบไร้รอยต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับการเปิดตัว iPhone 16 รุ่นเรือธงของ Apple ปีนี้ มาพร้อมกับ Apple Watch Series 10 ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่หมดจด หน้าจอใหญ่ขึ้น ขอบบางลง และ Apple Watch Ultra 2 ยกระดับความทนทาน รวมถึง AirPods 4 , AirPods Max และ AirPods Pro 2 มาพร้อมกับประสบการณ์เสียงและการอัปเกรดซอฟต์แวร์ที่ดียิ่งขึ้น ในสีสันใหม่ จะสนับสนุนให้ในโค้งสุดท้ายของปีนี้คึกคัก นอกจากนี้ ยังทำให้กลุ่มสินค้า Accessory ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเช่นกัน           ทั้งนี้ ณ สิ้นมิถุนายน 2567 COM7 มีช่องทางการจำหน่ายสินค้า Apple กระจายอยู่ทั่วประเทศ  ประกอบด้วย Studio7 ที่มี 133 สาขา นอกจากนี้ ยังจำหน่ายผ่านร้าน BaNANA , BKK , KingKong Phone และ True Shop by COM7 จากสาขาทั้งหมดภายใต้การบริหารของ COM7 ในครึ่งปีแรกมีจำนวน 1,382 สาขา พร้อมกับแพลตฟอร์ม Studio7thailand.com และ BNN.in.th สะท้อนการมีช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่ง และเชื่อมต่อธุรกิจ O2O (Online to Offline) โดยสามารถช้อปออนไลน์รับสินค้าที่ร้านได้ใน 1 ชั่วโมง และบริการส่งฟรีทั่วประเทศ

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011