COM7 ลุย S-curve ใหม่ เช่าแท็กซี่ EV - โตแค่ไหน เช็ก!
หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง COM 7 Event อัพเดตข้อมูลบริษัท Impact เริ่มทำโครงการให้เช่ารถแท็กซี่ EV COM7 มองหา S-curve ใหม่ด้วยการเริ่มทำโครงการให้เช่ารถแท็กซี่ EV โดยบริษัทมีแผนจะเริ่มเฟสแรก 200-300 คัน (จากเป้าทั้งหมด 8,000 คัน ซึ่งคิดเป็น ~10% ของจำนวนรถแท็กซี่ที่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ) โดยคิดค่าเช่าวันละ 777 บาท (เทียบกับค่าเช่ารถ Toyota Altis รุ่นเก่าที่ 650 บาท/วัน และ Toyota Altis รุ่นใหม่ที่ 800 บาท/วัน) ทั้งนี้ ราคาซื้ออยู่ที่ประมาณคันละ 800,000 บาท โดยมีอายุการใช้งาน 6 ปี ซึ่งบริษัทคาดว่าจะใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ธนาคาร และมีแหล่งเงินทุนแน่นอนแล้ว 2 พันล้านบาท เรามองว่ากำไรมี upside จำกัด แต่มีความเสี่ยงฝั่ง downside อยู่บ้าง เรามองบวกกับการที่ผู้บริหารมองหา S-curve ใหม่ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า upside ของกำไรจากโครงการให้เช่าแท็กซี่ EV จำกัด แต่มีความเสี่ยงฝั่ง downside อยู่บ้าง ซึ่งจากการศึกษาของเราพบว่า ในเฟสแรก (แท็กซี่ EV 200 คัน) กำไรปี 2568 จะมี upside 0.3% (หรือ 10.4 ล้านบาท/ปี) โดยอิงจากสมมติฐานดังนี้ i) คิดค่าเช่าวันละ 777 บาท โดยมีจำนวนวันที่ใช้งาน 300 วัน/ปี ii) ต้นทุนแท็กซี่ EV คันละ 800,000 บาท iii) ใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ธนาคาร โดยต้นทุนการเงินอยู่ที่ 3.5% ต่อปี iv) หักค่าเสื่อมราคา 6 ปี โดยคิดมูลค่าซาก (salvage value) เป็นศูนย์ และ v) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 3% ของยอดขาย และอัตราภาษีอยู่ที่ 20% แต่ในกรณีเลวร้ายที่สุดที่โครงการนี้ล้มเหลว เราคาดว่าประมาณการกำไรปี 2568 ของเราจะมี downside 5% โดยอิงจากสมมติฐานดังนี้ i) สูญเงินลงทุนทั้งหมด 160 ล้านบาท (EV 200 คันซึ่งมีต้นทุนคันละ 800,000 บาท) และ ii) ต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 5.6 ล้านบาท/ปี (เงินลงทุนทั้งหมดใช้การกู้ธนาคาร โดยมีต้นทุน 3.5% ต่อปี) ส่วนในแง่ของงบดุล สัดส่วนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนจะเพิ่มขึ้นจาก 1.16X เมื่อสิ้นปี 2567 เป็น 1.18X ในเฟสแรกของการลงทุน (แท็กซี่ EV 200 คัน) ทั้งนี้ การจะเพิ่มจำนวนแท็กซี่ EV จนครบทุกเฟสเป็น 8,000 คันต้องใช้เงินลงทุนรวม 6.4 พันล้านบาท ซึ่งเมื่อใช้สมมติฐานว่าแหล่งเงินทุนทั้งหมดมาจากการกู้ระยะยาวซึ่งมีต้นทุนการเงินอยู่ที่ 3.5% ต่อปี จะทำให้สัดส่วนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1.89X ซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นปีละ 224 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นประมาณ 415 ล้านบาท/ปี คิดเป็นประมาณ 13% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2568F ของเรา Valuation & Action เรายังไม่ใส่โครงการแท็กซี่ EV เข้ามาในประมาณการกำไรปี 2568 ของเรา และยังคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 เอาไว้เท่าเดิม โดยอิงจาก PER ที่ 18.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -1.0 S.D.) ทั้งนี้ เนื่องจากเราใช้ PER และประมาณการกำไรปี 2568 ที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมแล้ว (ประมาณการกำไรปี 2568 ของเราต่ำกว่าของนักวิเคราะห์ในตลาด 7% และสมมติฐานการเติบโตของยอดขายในปี 2567 ของเราคือ 7% เทียบกับที่บริษัทตั้งเป้าที่ double digit) ราคาปิดล่าสุดยังมี upside อีก 23% ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"