ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#COCOCO


COCOCO มาถูกทาง!  ลงทุนฟิลิปปินส์-รับมือภาษีทรัมป์

COCOCO มาถูกทาง! ลงทุนฟิลิปปินส์-รับมือภาษีทรัมป์

                 หุ้นวิชั่น - บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO ผู้นำการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวของประเทศไทย แสดงวิสัยทัศน์กว้างไกล เดินหน้าลงทุนตั้งโรงงานในฟิลิปปินส์ ถือเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันในระดับโลก พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารของสหรัฐฯ ซึ่งการขยายฐานการผลิตไปยังฟิลิปปินส์ช่วยลดต้นทุน เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก และกระจายความเสี่ยงจากข้อจำกัดด้านการค้าระหว่างประเทศ                  ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าขั้นต่ำ 10% ซึ่งบริษัทมองว่านโยบายภาษีใหม่นี้ไม่ใช่อุปสรรค หากแต่เป็นแรงผลักดันให้ธุรกิจต้องปรับตัวอย่างชาญฉลาด บริษัทเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าไทย และมั่นใจว่า COCOCO พร้อมจะยกระดับไปอีกขั้น ด้วยการขยายฐานการผลิตสู่ฟิลิปปินส์

COCOCO บุกตลาดอินเดีย! ร่วมงาน AAHAR 2025 หวังออเดอร์ใหม่ทะลัก

COCOCO บุกตลาดอินเดีย! ร่วมงาน AAHAR 2025 หวังออเดอร์ใหม่ทะลัก

           ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO นำผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวคุณภาพระดับโลก ร่วมงานแสดงสินค้า AAHAR - International & Hospitality Fair 2025 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้านานาชาติด้านอาหารและบริการในรูปแบบ B2B ที่ใหญ่ที่สุดของกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของประเทศอินเดีย เพื่อเป็นการขยายโอกาสทางการตลาด นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอินเดีย ร่วมถ่ายภาพที่บูธแสดงสินค้า และร่วมลิ้มลอง รสชาติของ น้ำมะพร้าว 100% Thai Coco – สดชื่นจากธรรมชาติ และ COOS แบรนด์น้องใหม่ – พร้อมเจาะตลาดผู้บริโภคอินเดีย ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญของการนำโชว์แสดงสินค้าครั้งนี้            นอกจากนี้ ยังมีชาไทยมะพร้าว – ผสานรสชาติชาไทยต้นตำรับเข้ากับความละมุนของมะพร้าว ให้สัมผัสกลมกล่อมที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่าง พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการนำเสนอสินค้าจากธรรมชาติที่ทั้ง อร่อย มีคุณภาพ และดีต่อสุขภาพ ซึ่งผู้เข้าชมให้ความสนใจล้นหลาม ทำให้คาดว่าจะขยายตลาดรับออเดอร์ใหม่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน การปรับตัวของ ราคามะพร้าว ที่เริ่มคลี่คลาย จะช่วยสนับสนุนการทำกำไรของบริษัทให้เติบโตยิ่งขึ้นกระแสตอบรับที่ดีจากผู้เข้าชมงานล้นหลาม สะท้อนถึงโอกาสทางธุรกิจที่เติบโตขึ้น ซึ่งคาดว่าความต้องการในสินค้าและปริมาณคำสั่งซื้อจะยังคงเพิ่มขึ้นทั้งจากกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและลูกค้ารายใหม่ โดยบริษัทฯ ได้มีการวางแผนการขายและเพิ่มกลยุทธ์การตลาด มีการออกงานแสดงสินค้าและสำรวจตลาดเครื่องดื่มในต่างประเทศ เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและขยายฐานลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม เพื่อสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต            ทั้งนี้ งานจัดขึ้น ณ Bharat Mandapam Hall 1 กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 4-8 มีนาคม 2568 [PR News]

[ภาพข่าว] COCOCO ร่วมงาน Opp Day โชว์งบปี 67 รายได้โต 41.44% แตะ 6,619 ลบ.

[ภาพข่าว] COCOCO ร่วมงาน Opp Day โชว์งบปี 67 รายได้โต 41.44% แตะ 6,619 ลบ.

           บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO นำโดย ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ นางสาวพัฒรา ทัศจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและสารสนเทศ และนางสาวนภัสสร ยุตินทร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด  ร่วมให้ข้อมูลผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) ถ่ายทอดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยรายงานผลการดำเนินงาน มีรายได้รวม 6,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.44% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิประจำปี 2567 เท่ากับ 687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.26% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยบริษัทฯ มีรายได้เติบโตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะจากการขยายตัวของตลาดน้ำมะพร้าวในประเทศจีนซึ่งมีอุปสงค์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเติบโตของยอดขายทั้งต่างประเทศและในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด            บริษัทฯ คาดว่าความต้องการในสินค้าและปริมาณคำสั่งซื้อจะยังคงเพิ่มขึ้นทั้งจากกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและลูกค้ารายใหม่ โดยบริษัทฯ ได้มีการวางแผนการขายและเพิ่มกลยุทธ์การตลาด มีการออกงานแสดงสินค้าและสำรวจตลาดเครื่องดื่มในต่างประเทศ เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและขยายฐานลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม เพื่อสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

COCOCO เบอร์ 1 ส่งออก-เป้ายอดขายหมื่นล.

COCOCO เบอร์ 1 ส่งออก-เป้ายอดขายหมื่นล.

          หุ้นวิชั่น - COCOCO ชูธงส่งออกน้ำมะพร้าวเบอร์ 1  "ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว" บอสใหญ่ปักเป้ายอดขายปี 68 หมื่นล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ใกล้เคียงปีก่อน 23.94% สยายปีกต่างแดนทำเงิน           ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2568 ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท พร้อมพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin - GPM) ให้อยู่ในระดับใกล้เคียง 20% จากปี 2567 ที่อยู่ที่ 23.94%           โดยโครงสร้างรายได้และอัตรากำไร น้ำมะพร้าวคิดเป็น 70% ของยอดขายรวม และมี GPM อยู่ที่ 25-26% ส่วนน้ำกะทิคิดเป็น 30% ของยอดขายรวม แต่มี GPM ต่ำกว่าน้ำมะพร้าว บริษัทมุ่งเน้นการรักษาฐานกำไรให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าขยายตลาดทั่วโลก และพัฒนากลยุทธ์บริหารต้นทุนเพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว           สำหรับแผนขยายกำลังการผลิตปี 2568 บริษัทเตรียมติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติม โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 366,000 ตัน หรือมีอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) อยู่ที่ 70% ขณะที่ในปี 2569 บริษัทมีแผนทยอยเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 391,000 ตัน พร้อมปรับอัตราการใช้กำลังการผลิตให้เพิ่มขึ้นเป็น 90% เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นและเสริมศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก           ด้านตลาด OEM ปัจจุบันบริษัทมีตลาดหลักอยู่ในจีน และมีการจำหน่ายสูงในเอเชีย เช่น ไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลี รวมถึงฝั่ง สหรัฐอเมริกา ซึ่งในปี 2567 ตลาดอเมริกาเติบโต 30% นอกจากนี้ ยังมียอดขายจากกลุ่ม ลาตินอเมริกา ซึ่งบริษัทมีแผนให้ความสำคัญกับตลาดนี้มากขึ้น พร้อมเดินหน้ารักษาตำแหน่ง ผู้นำอันดับ 1 ในการส่งออกน้ำมะพร้าวไปสู่ตลาดโลก           สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทมุ่งเน้น รับจ้างผลิต (OEM) ทั้งในแบรนด์ของบริษัทเองและแบรนด์อื่น ๆ ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางจำหน่าย ล่าสุด บริษัทได้นำสินค้าแบรนด์ของตนเองเข้าสู่ ซูเปอร์มาร์เก็ต Kroger ซึ่งเป็นเครือข่ายค้าปลีกที่มีสาขามากที่สุดใน สหรัฐอเมริกา คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าในตลาดอเมริกาได้อย่างมีนัยสำคัญ           ทั้งนี้ บริษัทมีสัดส่วนการส่งออก 87.69% ของรายได้จากการขายและบริการ โดยมียอดขายในแต่ละภูมิภาคเติบโต ดังนี้ อเมริกา เพิ่มขึ้น 48.55% เอเชีย เพิ่มขึ้น 47.58% ตะวันออกกลาง เพิ่มขึ้น 29.14% ยุโรป เพิ่มขึ้น 21.63% และแอฟริกา เพิ่มขึ้น 17.10%           อนึ่ง COCOCO ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กะทิ น้ำมะพร้าว มะพร้าวแปรรูป และผลไม้ ภายใต้ตราสินค้า Thaicoco และ Cocoburi รวมถึงผลิตสินค้าเพื่ออุตสาหกรรม นอกจากนี้ บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ไทยออซัม จำกัด ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงสำหรับสุนัขและแมว ภายใต้แบรนด์ Moochie และรับจ้างผลิต (OEM) จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ บริษัท ไทย พรีเมียม สตรีท ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายไอศกรีมผลไม้ไทย ภายใต้แบรนด์ Thaicoco และ Cocoburi           ขณะที่ในปี 2567 บริษัทมีรายได้ 6,619.16 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 686.39 ล้านบาท

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

[ภาพข่าว] COCOCO เข้าร่วม “Gulfood 2025”

[ภาพข่าว] COCOCO เข้าร่วม “Gulfood 2025”

          หุ้นวิชั่น - COCOCO เข้าร่วม “Gulfood 2025” งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง           ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ “COCOCO” เปิดเผยว่า บริษัทฯ เข้าร่วม “Gulfood 2025” งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลางเพื่อโชว์ศักยภาพผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวคุณภาพเยี่ยมของไทยสู่ตลาดโลก ภายในงาน บริษัทฯ จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายจากมะพร้าว ไม่ว่าจะเป็น น้ำมะพร้าวแท้ 100% กะทิ เครื่องดื่มจากมะพร้าว และผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆ ซึ่งผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของไทย พร้อมตอกย้ำมาตรฐานระดับสากลของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ทั้งนี้ งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-24 กุมภาพันธ์ 2568 ณ Dubai World Trade Centre เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ขยายตลาดสู่ภูมิภาคตะวันออกกลางและนานาชาติ

COCOCO คาดกำไรปี 68 ที่ 930 ลบ.  โบรกแนะซื้อ เป้า 11.60 บาท

COCOCO คาดกำไรปี 68 ที่ 930 ลบ. โบรกแนะซื้อ เป้า 11.60 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ  Thai Coconut (COCOCO) กำไร 4Q24 ออกมาใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ก่อนหน้า Earnings Results ► บริษัท รายงานกำไรสุทธิใน 4Q24 ที่ 84 ลบ. (-51.5% QoQ, -55.8% YoY) และหากหักกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 24 ลบ. และขาดทุนจากการปรับมูลค่าอนุพันธ์ 12 ลบ. กำไรปกติจะอยู่ที่ 72 ลบ. (-69.4% QoQ, -61.1% YoY) ใกล้เคียงกับที่คาด ► รายได้รวมอยู่ที่ 1,727 ลบ. (-9.8% QoQ, +23.6% YoY) ใกล้เคียงคาด โดยลดลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วง Low season ของธุรกิจที่เป็นช่วงฤดูหนาว แต่ยังเติบโต YoY จากฐานรายได้ทั้งจากลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ที่สูงขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ รวมถึงการเริ่มรับรู้กำลังการผลิตใหม่ (PET) เต็มไตรมาส ► อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 17.5% ลดลงจาก 24.8% ใน 3Q24 และ 26.6% ใน 4Q23 อ่อนแอกว่าคาดที่ 19.8% เนื่องจากใน 4Q24 มีการตั้งด้อยค่าสินค้าในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงแนวโน้มราคาต้นทุนมะพร้าวที่ยังสูงขึ้นต่อเนื่อง QoQ กดดันอัตรากำไรสินค้ากลุ่มน้ำกะทิและน้ำมะพร้าว ► ค่าใช้จ่าย SG&A อยู่ที่ 255 ลบ. (+9.1% QoQ, +42.9% YoY) มากกว่าคาดเล็กน้อยที่ 4.9% และหากเทียบกับรายได้จะมีสัดส่วนที่ 14.7% เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากเป็นช่วง Seasonal ที่บริษัทจะมีการจ่ายโบนัสพนักงานในช่วงท้ายปี รวมถึงค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาสินค้า (R&D) ที่สูงขึ้น ขณะที่ใน 4Q24 มีการรับรู้ภาษีเงินได้ (Tax income) ที่ 32 ลบ. ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าที่คาดบริษัทจะต้องเสียภาษีที่ 4 ลบ. ► กำไรปกติทั้งปี 2024 อยู่ที่ 719 ลบ. (+25.9% YoY) ใกล้เคียงคาด นอกจากนี้บริษัทยังประกาศจ่ายเงินปันผลงวดปี 2024 ที่ 0.30 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield ที่ 3.4% ขึ้น XD วันที่ 30 เม.ย. 2025 และจ่ายวันที่ 20 พ.ค. 2025 Our Take ► ประเมินเบื้องต้นว่ากำไรปกติจะสามารถกลับมาฟื้นตัว QoQ ได้ใน 1Q25 หนุนจากการผ่านพ้นช่วง Low season ส่งผลให้ลูกค้าเริ่มกลับมาสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น รวมถึง GPM ที่คาดกลับมาฟื้นตัว QoQ จากการปรับขึ้นราคาขายสินค้ากลุ่มน้ำกะทิและน้ำมะพร้าว แต่กำไรปกติอาจทำได้เพียงทรงตัว YoY เนื่องจากฐานที่สูงใน 1Q24 โดยมี GPM สูงที่ระดับ 26.7% อย่างไรก็ตามคาดกำไรปกติมีโอกาสกลับมาเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ได้อีกครั้งใน 2Q25-3Q25 หนุนจากการเริ่มรับรู้รายได้จากลูกค้ารายใหญ่รายใหม่สำหรับการรับจ้างผลิตสินค้ากลุ่มน้ำกะทิ และอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงการรับรู้ผลของการปรับขึ้นราคาขายเต็มไตรมาส ► นอกจากนี้ประเมินว่าราคามะพร้าวมีโอกาสปรับตัวลงตั้งแต่ในช่วง 2H25 จากการเข้าสู่ช่วงฤดูฝน รวมถึงการได้รับผลของลานีญาที่ทำให้อากาศเย็นลงกว่าปกติ เป็นบวกต่อแนวโน้มผลผลิตมะพร้าว เป็น Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการปี 2025 ของโบรก ► ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2025 ที่ 930 ลบ. (+29.4% YoY) และคงราคาเหมาะสมที่ 11.60 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER25 เพียง 14.0 เท่า หรือเทียบกับ PEG ที่ 0.48 เท่า จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นยังขาด Catalyst เชิงบวกในระยะสั้น จึงเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว

COCOCO กำไรสุทธิ 686.79 ลบ. เติบโต 27.26% พร้อมจ่ายปันผล 0.3

COCOCO กำไรสุทธิ 686.79 ลบ. เติบโต 27.26% พร้อมจ่ายปันผล 0.3

           หุ้นวิชั่น - บมจ.  ไทย โคโคนัท หรือ “COCOCO” ประกาศงบปี 2567 มีรายได้ 6,619.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.44% มีกำไรสุทธิ 686.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.26% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เหตุยอดขายเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะตลาดน้ำมะพร้าวในจีน ผนวกกลยุทธ์ขยายช่องทางจัดจำหน่ายมีประสิทธิภาพ หนุนผลิตภัณฑ์หลัก “น้ำมะพร้าว-กะทิ-อาหารสัตว์เลี้ยง” ขยายตัวอย่างตัวอย่างโดดเด่น พร้อมให้ความสำคัญต้นทุนวัตถุดิบ ล่าสุดบุกตั้งโรงงานในประเทศฟิลิปปินส์ เข้าถึงแหล่งวัตถุดิบมะพร้าวต้นทุนต่ำ หวังควบคุมต้นทุนได้ดี ขณะที่บอร์ด อนุมัติจ่ายปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น รับทรัพย์ 20 พ.ค. นี้            ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ “COCOCO” เปิดเผยว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อย รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2567 มีรายได้รวม 6,619.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.44% และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 686.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.26% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายทั้งต่างประเทศและในประเทศที่เพิ่มขึ้น ตามความต้องการของตลาด ซึ่งมีรายได้เติบโตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะจากการขยายตัวของตลาดน้ำมะพร้าวในประเทศจีนที่มีอุปสงค์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง            นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของกลุ่มตลาดเครื่องดื่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการขยายตัว ประกอบกับ บริษัทฯ ใช้กลยุทธ์การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ ได้แก่ น้ำมะพร้าว กะทิ และอาหารสัตว์เลี้ยง มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้จากการขายและบริการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ            ต้นทุนขายและบริการในปี 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.27% โดยเป็นผลจากยอดขายผลิตภัณฑ์กะทิที่ขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องจัดหาวัตถุดิบเพิ่มเติมในราคาที่สูงขึ้นจากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ส่งผลกระทบต่อราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิต  แม้บริษัทฯ จะมีการสำรองวัตถุดิบล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น            ดร.วรวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมแผนบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทฯ ได้พิจารณาเข้าลงทุนจัดตั้งโรงงานที่ประเทศฟิลิปปินส์ จะช่วยให้สามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบมะพร้าวที่มีต้นทุนต่ำ ช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมต้นทุนวัตถุดิบในระยะยาว และควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการบริหารจัดการต้นทุนผ่านการปรับปรุงกระบวนการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร เพื่อเสริมสร้าง Economy of Scale และดำเนินโครงการลดต้นทุนด้านพลังงาน อาทิ การติดตั้ง Solar Rooftop ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตในระยะยาวและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ            “บริษัทฯ มีกำไรสุทธิปี 2567เพิ่มขึ้นตามยอดขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด  แต่ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 กำไรสุทธิลดลง โดยเป็นผลชั่วคราวมาจากการขายผลิตภัณฑ์กะทิที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้บริษัทฯ ต้องมีการซื้อวัตถุดิบสำหรับผลิตกะทิเพิ่มเติมโดยมีราคาเฉลี่ยสูงขึ้น จากปัจจัยต้นทุนขายและบริการ ส่งผลให้ต้นทุนสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับในไตรมาสที่ 4 จะเป็นช่วงฤดูหนาว(Low Season) ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อย่างไรก็ตาม COCOCO ให้ความสำคัญ เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมแผนบริหารจัดการไว้ในระยะยาว” ดร.วรวัฒน์ กล่าว            สำหรับในปี 2567 บริษัทฯ มีสัดส่วนการส่งออก 87.69% ของรายได้จากการขายและบริการ โดยมียอดขายในภูมิภาคอเมริกาเพิ่มขึ้น 48.55% ภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น 47.58% ภูมิภาคตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น 29.14% ภูมิภาคยุโรปเพิ่มขึ้น 21.63% และภูมิภาคแอฟริกาเพิ่มขึ้น 17.10% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเห็นโอกาสการเติบโตเพิ่มขึ้นของปริมาณการบริโภคผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวที่เป็นสินค้ายอดนิยมของกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่            COCOCO เดินหน้าขยายตลาดทั่วโลก พร้อมพัฒนากลยุทธ์บริหารต้นทุน หวังเสริมศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว            ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2568 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติให้นำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท สำหรับหุ้นสามัญจำนวน 1,470,000,000 หุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่ายจำนวน 441,000,000 บาท ซึ่งคิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 67.97% ของกำไรสุทธิประจำปี 2567            การจ่ายเงินปันผลดังกล่าว ต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 30เมษายน 2568 และกำหนดจ่ายปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ในวันอังคารที่ 22 เมษายน 2568 เวลา 14.00 น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ [PR News]

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

COCOCO กำไรปี 67 โต 27.26% ยอดขายในปท.-ตปท.เพิ่ม

COCOCO กำไรปี 67 โต 27.26% ยอดขายในปท.-ตปท.เพิ่ม

           หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) (COCOCO) เปิดเผยภาพรวมการดำเนินธุรกิจ ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อย ตามงบการเงินรวมประจำปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 686.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147.12 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 27.26% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายทั้งต่างประเทศและในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด            บริษัทฯ มีรายได้รวม 6619.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.44% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยบริษัทฯ มีรายได้เติบโตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะจากการขยายตัวของตลาดน้ำมะพร้าวในประเทศจีน ซึ่งมีอุปสงค์เพิ่มอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ จากการเติบโตของกลุ่มตลาดเครื่องดื่ม ประกอบกับกลยุทธ์การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพช่วยเสริมให้ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ ได้แก่ น้ำมะพร้าว กะทิ และอาหาร สัตว์เลี้ยง มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้จากการขายและบริการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ            ต้นทุนขายและบริการประจำปี 2567 เท่ากับ 5,008.25 ล้านบาท หรือคิดเป็น 76.06% ของรายได้จากการขายและบริการ ซึ่ง ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.27% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากยอดขายผลิตลิตภัณฑ์กะทิขยายตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องจัดหาวัตถุดิบเพิ่มเติมในราคาที่สูงขึ้นจากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ (EI Nno) ซึ่งเป็นความแปรปรวนของ สภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อบริมาณและคุณภาพของผลผลิตทางทางการเกษตรและปรากฏการณ์ดังกล่าวดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 2567 ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิต แม้บริษัทฯ จะมีการสำรองวัตถุดิบล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมแผนบริหารจัดการความเสียงอย่างต่อง รวมถึงบริษัทฯ ได้พิจารณาเข้าลงทุนจัดตั้งงานที่ประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบมะพร้าวที่มีต้นทุนต่ำและสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการบริหารจัดการต้นทุนผ่านการปรับปรุงกระบวนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร เพื่อเสริมสร้าง Economy of Scale และดำเนินโครงการลดต้นทุนด้านพลังงาน อาทิ การติดตั้ง Solar Rooftop ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตในระยะยาวและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ            ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (ไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิและขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอนุพันธ์) ประจำปี 2567 เท่ากับ 855.05 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12.98% ของรายได้จากการขายและบริการ ซึ่งปรับตัวลดลง 0.41%  เมื่อเทียบปีก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทฯ มีการบริหารจัดการและสามารถควบคุมด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ            ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้แก่ การแข่งขันและละสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่ออัตราการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มที่มีการแข่งขันสูง นอกจากนี้ ความผันผวนของราคาวัตถุดิบและ บรรจุภัณฑ์อาจส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทฯ ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในส่วนของการส่งออกโดยบริษัทฯ ได้ตระหนักถึงปัจจัยภายนอกที่อาจส่งผลกระทบดังกล่าว และได้นำมาวิเคราะห์เพื่อกำหนดแนวทางปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงองอยู่เสมอ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์ด้านการตลาด การบริหารความเสี่ยง และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายและรักษาความสามารถในการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง การพัฒนาด้านความยั่งยืน บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG (Environment, Social, Governance) และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ด้วยแนวทางที่ครอบคลุมทุกมิติ บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจควบคุมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด เช่น Solar Rooftop และเชื้อเพลิงจากกะลาปาล์ม เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมทั้งนำเทคโนโลยี AI และ lOT มาปรับปรุง ประสิทธิภาพการผลิตและลดการสูญเสียทรัพยากร            นอกจาจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดการของเสียอย่างเป็นระบบเพื่อให้เกิดความยั่งยืนด้าน สิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน โดยสนับสนุนธุรกิจเกษตรกรไทยผ่านการจัดหาวัตถุดิบ คุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานสูงสามารถเข้าสู่ตลาดส่งออกและแข่งขันในระดับสากลได้อย่างยั่งยืน ในด้านสังคม บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของแรงงานและการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่ผ่านกลยุทธ์การตลาดที่ครอบคลุมและการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และในส่วนของการกำกันแลกิจการ บริษัทฯ มุ่งเน้นการบริหารจัดการที่โปร่งใส พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง แนวทางเหล่านี้สอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs ในการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางธุรกิจกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างความยั่งยืนในทุกมิติและเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

COCOCO ปันผล0.30บ./หุ้น พร้อมเปย์20พ.ค.นี้

COCOCO ปันผล0.30บ./หุ้น พร้อมเปย์20พ.ค.นี้

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน COCOCO ประกาศจ่ายปันผล 0.30 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้น XD 29 เมษายน 2568 พร้อมเปย์ 20 พฤษภาคม นี้            บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO ประกาศจ่ายปันผลจากกำไรสะสมในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) ในวันที่ 30 เมษายน 2568 และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิ (XD) ในวันที่ 29 เมษายน 2568 ซึ่งจะมีการจ่ายปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2568

[ภาพข่าว] COCOCO บุกตลาดญี่ปุ่น! เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่

[ภาพข่าว] COCOCO บุกตลาดญี่ปุ่น! เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่

          ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ “COCOCO” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าร่วมงาน Japan Supermarket Trade Show 2025 โดยภายในงาน COCOCO ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น Thai Coco น้ำมะพร้าวน้ำหอม 100% ที่ให้รสชาติสดชื่น หอมหวานจากธรรมชาติ, ชาไทยมะพร้าว ที่ผสานความเข้มข้นของชาไทยกับความหอมมันของมะพร้าวได้อย่างลงตัว และ เครื่องดื่มโยเกิร์ตมะพร้าว ซึ่งเป็นตัวเลือกเพื่อสุขภาพ อุดมไปด้วยโพรไบโอติกส์และรสชาติกลมกล่อมภายใต้แบรนด์ Thai Coco มาให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ตอกย้ำคุณภาพระดับโลกของผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวไทยเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวไทยจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี           ทั้งนี้ งานจัดขึ้น ณ Makuhari Messe จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

COCOCO ลงทุนฟิลิปปินส์เสริมแกร่ง  โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 11.60 บาท

COCOCO ลงทุนฟิลิปปินส์เสริมแกร่ง โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 11.60 บาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล. หยวนต้า คาด COCOCO กำไรปกติใน 4Q24 ที่ 73 ลบ. (-68.5% QoQ, -60.1% YoY) อ่อนแอกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าที่กรอบ 170 - 190 ลบ. เนื่องจาก GPM คาดอยู่ที่ 19.8% ลดลงจากทั้ง 24.8% ใน 3Q24 และ 26.6% ใน 4Q23 จากการรับรู้ผลของราคามะพร้าวที่ปรับตัวสูงขึ้น กดดันอัตรากำไรของสินค้ากลุ่มน้ำกะทิและน้ำมะพร้าว รวมถึง SG&A/Sales ที่คาดว่าสูงขึ้นทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากมีการจ่ายโบนัสพนักงานในช่วงท้ายปี ประกอบกับบริษัทมีการนำสินค้าไปจัดแสดงในต่างประเทศมากขึ้น ในขณะที่รายได้ยังสามารถเติบโตได้ YoY จากฐานลูกค้ารายใหม่ที่สูงขึ้น และลูกค้ารายเดิมที่ยังมีการขยายออเดอร์ต่อเนื่อง แต่อาจลดลงหากเทียบ QoQ เนื่องจากเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจที่เป็นช่วงฤดูหนาว ยังมองเป็นบวกต่อแนวโน้มกำไรในปี 2025           ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มกำไรปกติในปี 2025 ที่คาดว่ายังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง YoY จากการเริ่มรับรู้รายได้ที่มากขึ้นจากลูกค้ารายใหม่สำหรับการรับจ้างผลิตสินค้ากลุ่มน้ำกะทิในยุโรป รวมถึงลูกค้ารายใหญ่สำหรับการรับจ้างผลิตสินค้ากลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ลูกค้ารายเดิมของบริษัทยังมีแนวโน้มที่จะขยายยอดคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตของอุปสงค์น้ำมะพร้าว, น้ำกะทิ และอาหารสัตว์เลี้ยง ขณะที่ GPM อาจชะลอตัวลง YoY เนื่องจากการรับรู้ผลของราคามะพร้าวที่ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เรามองว่าราคามะพร้าวมีโอกาสปรับตัวลงในระยะถัดไป เนื่องจากได้รับผลกระทบของลานีญาที่จะส่งผลให้อากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกมะพร้าวมากขึ้น ซึ่งเป็น Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการของเรา ลงทุนโรงงานในฟิลิปปินส์ ... เสริมแกร่งธุรกิจน้ำกะทิ           บริษัทได้อนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยในฟิลิปปินส์ชื่อ “Novacoconut” (บริษัทถือหุ้น 100%) สำหรับการจัดตั้งโรงงานในฟิลิปปินส์ด้วยเงินลงทุน 430 ลบ. คาดจะเริ่ม Commercial Run ได้ตั้งแต่ใน 1Q26 เป็นต้นไป โดยโรงงานดังกล่าวจะเน้นการผลิตน้ำกะทิ ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีลูกค้ารองรับแล้วในบางส่วน โดยเงินลงทุนของบริษัทจะแบ่งเป็น 1) เงินกู้จากสถาบันทางการเงิน 90% และ 2) เงินทุนหมุนเวียนของบริษัท 10% ซึ่งอาจส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายในปี 2026 สูงขึ้น แต่คาดว่าจะชดเชยได้จากรายได้ที่เติบโตเด่น สุทธิแล้ว มองว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นบวกมากกว่าลบ คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 11.60 บาท           หากกำไรใน 4Q24 ออกมาตามคาด กำไรทั้งปีจะต่ำกว่าประมาณการกำไรปี 2024 ของเรา รวมถึงในปี 2025 ที่คาดว่า GPM ยังถูกกดดันจากราคามะพร้าวที่ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราปรับประมาณการกำไรปี 2024 และ 2025 ลง 12.5% และ 16.5% เป็น 721 ลบ. (+26.2% YoY) และ 930 ลบ. (+29.1% YoY) ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐาน GPM           นอกจากนี้ บทวิเคราะห์ยังปรับ PE ในการประเมินมูลค่าลงเป็น 18.0 เท่า เพื่อสะท้อนสภาวะตลาดที่ผันผวน ทำให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ ณ สิ้นปี 2025 ที่ 11.60 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER25 เพียง 13.2 เท่า คิดเป็น PEG เพียง 0.45 เท่า จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว

COCOCO ดิ่ง 15.66% รับกำไร Q4/67 หด 49.8%

COCOCO ดิ่ง 15.66% รับกำไร Q4/67 หด 49.8%

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์ เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุ ประเมินกำไรสุทธิ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) (COCOCO) งวด 4Q67 ที่ 95 ล้านบาท ลดลง 49.8% yoy และ 44.9% qoq โดยหากไม่รวม FX gain คาดกำไรปกติ 4Q67 ที่ 85 ล้านบาท ลดลง 53.9% yoy และ 63.6% qoq ตามฐานรายได้ที่ลดลงตาม seasonal บวกกับ ฐาน 4Q66 ที่สูงกว่าปกติ ประกอบกับ ต้นทุนผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น

COCOCO ถึงรอบฟื้นตัว โบรกเคาะเป้า 11.00 บาท แนะ

COCOCO ถึงรอบฟื้นตัว โบรกเคาะเป้า 11.00 บาท แนะ "ซื้อ"

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์ เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง COCOCO (BUY, TP@Bt11.00) 4Q24 preview + Philippines visit           ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิ COCOCO งวด 4Q24 ที่ 95 ลบ ลดลง 49.8% yoy และ 44.9% qoq โดยหากไม่รวม FX gain คาดกำไรปกติ 4Q24 ที่ 85 ลบ ลดลง 53.9% yoy และ 63.6% qoq ตามฐานรายได้ที่ลดลงตาม seasonal บวกกับ ฐาน 4Q23 ที่สูงกว่าปกติ ประกอบกับ ต้นทุนผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น           ทั้งนี้ ยอดขายรวมยัง deliver ได้ตามเป้าหมาย งวด 4Q24 เติบโต 18.2% yoy แต่ลดลง 13.7% qoq ตามฤดูกาล โดยแรงหนุนการเติบโต yoy จะมาจากยอดขายธุรกิจน้ำมะพร้าว และอาหารสัตว์ อย่างไรก็ตาม ถูกหักล้างจาก GPM และ SGA-to-sales ที่สูงขึ้น โดย GPM 4Q24 คาดที่ 20.6% ลดลงจาก 26.6% และ 24.8% ในช่วง 4Q23 และ 3Q24 หลักๆจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น กดดัน margin ลดลง qoq ขณะที่ SGA-to-sales คาดเพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่ายการออกงาน และค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้น           สำหรับระยะสั้นแนวโน้ม 1Q25 คาดเริ่มเห็นการฟื้นตัว qoq จาก low season ในช่วง 4Q24 ประกอบกับ การปรับราคาขายรอบใหม่ปี 2025 ที่จะช่วยชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นบางส่วน ขณะที่ปี 2025 ภายใต้ประมาณการใหม่ คาดยอดขายยังขยายตัวต่อเนื่อง หนุนจากธุรกิจน้ำมะพร้าวส่งออก แม้จะถูกหักล้างบางส่วนจากต้นทุนผลิตที่เพิ่มขึ้น แต่คาดกำไรปี 2025 จะยังเติบโต 21.8% yoy           ฝ่ายวิเคราะห์ร่วม site visit โครงการลงทุนโรงงานกะทิแห่งใหม่ในฟิลิปปินส์ (ยังไม่รวมในประมาณการ) นิคม Anflo Industrial Estate เมืองดาเวา เบื้องต้นคาดจะเริ่มผลิตได้ในงวด 1Q26 ตามแผน, ลงทุนรวม 430 ลบ, มี tax benefit แบบ BOI โดย COCOCO ประเมินหาก fully commercialise จะช่วยหนุน gross margin กะทิกลับขึ้นมาระดับ 30% ต่อปี (จากปี 2024 ที่ราว 15-25% ในแต่ละไตรมาส) จากผลบวก excess supply ราคามะพร้าวขาวถูกกว่าไทยราว 50% จากกำลังผลิตคิดเป็น 24% ของ global supply (เทียบไทยราว 1.5% ของ global supply)           ฝ่ายวิจัยประเมินจากแนวโน้มกำไร 4Q ที่เป็น low season ประกอบกับ แรงกดดันต้นทุน ทำให้ catalyst ระยะสั้นยังไม่เด่น แต่จาก long-term outlook ที่ยังเห็นพัฒนาการต่อเนื่อง จึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ เมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท

abs

SSP : ผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน ทางเลือกใหม่เพื่ออนาคต

COCOCO เดินหน้าขยายธุรกิจสู่ฟิลิปปินส์! ลงนาม MOU ตั้งโรงงานผลิตกะทิ

COCOCO เดินหน้าขยายธุรกิจสู่ฟิลิปปินส์! ลงนาม MOU ตั้งโรงงานผลิตกะทิ

         หุ้นวิชั่น - บมจ. ไทย โคโคนัท หรือ “COCOCO” เดินหน้าขยายธุรกิจสู่ฟิลิปปินส์! ลงนาม MOU กับนิคมอุตสาหกรรม Anflo Industrial Estate ประเทศฟิลิปปินส์ เตรียมตั้งโรงงานผลิตกะทิ รองรับการขยายตลาดใน อเมริกาและยุโรป หวังเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก          ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ “COCOCO” ผู้ผลิตจำหน่าย และส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับนิคมอุตสาหกรรม Anflo Industrial Estate (AIE) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองปานาโบ จังหวัดดาเวา เดล นอร์เต ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อจัดตั้งบริษัทย่อยสำหรับการผลิต กะทิ และผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวอื่นๆ ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ที่อนุมัติโครงการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ มูลค่าประมาณ 430 ล้านบาท เพื่อรองรับการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์กะทิ          “COCOCO จะเริ่มไลน์การผลิตกะทิบรรจุกระป๋อง เป็นลำดับแรก และมีแผนขยายสายการผลิตไปสู่ผลิตภัณฑ์กะทิบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ ต่อไป เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า อเมริกา และยุโรป พร้อมกันนี้ มองว่า จะเกิดโอกาสทางธุรกิจเพิ่มขึ้นจากการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบมะพร้าวที่มีต้นทุนต่ำ และใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านวัตถุดิบ เพิ่มขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับซัพพลายเชนของบริษัทและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก” ดร.วรวัฒน์ กล่าว          ทั้งนี้ นิคมอุตสาหกรรม Anflo Industrial Estate (AIE) เป็นหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมเอกชนชั้นนำของฟิลิปปินส์ ที่ตั้งอยู่ในเมืองปานาโบ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมมะพร้าวและเกษตรกรรมของประเทศ โดยจุดแข็งด้าน ทำเลที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ ตั้งอยู่ใกล้ ท่าเรือ Davao International Container Terminal (DICT) ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ทันสมัยที่สุดของฟิลิปปินส์ ทำให้การขนส่งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนโลจิสติกส์ และสามารถส่งออกไปยังตลาดหลักได้อย่างรวดเร็ว          รวมถึงมีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร โดย AIE มีระบบสาธารณูปโภคที่ทันสมัย ทั้ง ไฟฟ้า น้ำประปา ระบบบำบัดน้ำเสีย และคลังสินค้า พร้อมรองรับการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ผนวกด้วยความแข็งแกร่งด้านแหล่งวัตถุดิบใกล้โรงงาน โดยฟิลิปปินส์เป็น ผู้ผลิตมะพร้าวรายใหญ่ของโลก และพื้นที่โดยรอบ AIE เป็นแหล่งปลูกมะพร้าวคุณภาพสูง ทำให้สามารถเข้าถึงวัตถุดิบสดใหม่ได้โดยตรง ลดต้นทุนวัตถุดิบ และเพิ่มความมั่นคงของซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ เข้ามาสนับสนุนต่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน [PR news]

COCOCO บุกตลาดญี่ปุ่น!! ด้วยผลิตภัณฑ์มะพร้าวระดับพรีเมียม

COCOCO บุกตลาดญี่ปุ่น!! ด้วยผลิตภัณฑ์มะพร้าวระดับพรีเมียม

          หุ้นวิชั่น - ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ  บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) (“COCOCO”) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงได้เดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น และสำรวจสินค้า ภายใต้แบรนด์ Thaicoco ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์มะพร้าวชั้นนำจากประเทศไทย โดยวางจำหน่ายใน Gyomu Supermarket ซูเปอร์มาร์เก็ตยอดนิยมที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศและเป็น ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปิดตัวใน Gyomu Supermarket ช่วยให้ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นเข้าถึงผลิตภัณฑ์มะพร้าวที่สะท้อนรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของไทยได้ง่ายขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ใส่ใจสุขภาพ บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายตลาดในญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยสู่มาตรฐานระดับโลก โดย Gyomu Supermarket ซึ่งมีสาขาครอบคลุมทั้ง 47 จังหวัด รวมกว่า 1,000 สาขาทั่วญี่ปุ่น Gyomu Supermarket จะเป็นช่องทางสำคัญในการขยายฐานผู้บริโภค พร้อมยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลโลก และเป็นเป็นช่องทางสำคัญในการเชื่อมโยงสินค้าไทยกับผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น ถือเป็นก้าวสำคัญของ COCOCO ในการนำเสนอคุณค่าของมะพร้าวไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาและขยายตลาดสู่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต่อไป โดย COCOCO ยังคงมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะผลักดันสินค้าไทยให้โดดเด่นบนเวทีโลก

บอร์ด COCOCO ไฟเขียวตั้งโรงงานในฟิลิปปินส์ หนุนกำลังผลิตกะทิแตะ 1.55 แสนตัน/ปี / SET

บอร์ด COCOCO ไฟเขียวตั้งโรงงานในฟิลิปปินส์ หนุนกำลังผลิตกะทิแตะ 1.55 แสนตัน/ปี / SET

          หุ้นวิชั่น - ที่ประชุมคณะกรรมการ “COCOCO” มีมติอนุมัติโครงการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ มูลค่า 430 ลบ. รองรับการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์กะทิ หลังคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ทั้งในปัจจุบันและอนาคต หวังขยายยอดขาย สหรัฐฯ - ยุโรป เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ระบุกำลังการผลิตกะทิจะเพิ่มเป็น 155,000 ตันต่อปี จากเดิม 99,000 ตันต่อปี พร้อมคาดเริ่มผลิตและสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ภายใน Q1/69 หนุนการเติบโตต่อเนื่อง           ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ  บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) (“COCOCO”)  เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 มีมติอนุมัติโครงการลงทุนในประเทศฟิลิปินส์ มูลค่าประมาณ 430 ล้านบาท เพื่อรองรับการผลิตสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์กะทิ ให้สอดคล้องกับกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น และตอบสนองต่อยอดคำสั่งซื้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในปัจจุบันและอนาคต           ภายหลังการลงทุนโครงการดังกล่าว จะทำให้กำลังการผลิตสูงสุดของผลิตภัณฑ์กะทิเพิ่มขึ้นจากเดิม 99,000 ตันต่อปี เป็นประมาณ 155,000 ตันต่อปี ซึ่งการตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ เพื่อเข้ามาช่วยสนับสนุนต่อการขยายยอดขายในสหรัฐฯ และยุโรป ให้สามารถแข่งขันได้ ประกอบกับ เป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยการขยายกำลังการผลิตครั้งนื้จะส่งผลเชิงบวกต่อการเติบโตของธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทฯ จะดำเนินการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ผ่านบริษัทย่อยที่จะจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นใหม่ ภายใต้ชื่อ “Novococonut” ซึ่งได้มีการทำสัญญาเช่าพื้นที่ระยะยาวเป็นระยะเวลา 25 ปี ใน Anflo Industrial Estate (AIE) เพื่อก่อสร้างอาคารโรงงานสำหรับไลน์การผลิต ผลิตภัณฑ์กะทิและส่งออกสินค้าดังกล่าวให้แก่ลูกค้าของบริษัทฯ รวมถึงลงทุนในอาคาร เครื่องจักร และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ โดยบริษัทฯ คาดว่าการก่อสร้างอาคารโรงงานและการติดตั้งเครื่องจักรจะแล้วเสร็จและเริ่มเปิดดำเนินการผลิตได้ประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 2569 และเริ่มรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์ ดร.วรวัฒน์ กล่าวต่อว่า โครงการลงทุนในประเทศฟิลิปินส์ จะทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ ช่วยให้สามารถเข้าถึงแหล่งผลิตมะพร้าวที่มีต้นทุนต่ำ สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น ช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขัน เนื่องจากบริษัทฯ สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เช่น ASEAN Free Trade Area (AFTA) และบริษัทฯ มีแผนให้บริษัทย่อยของบริษัทฯ ที่จะจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นใหม่ขอรับสิทธิประโยชน์จากสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (PEZA) ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งหากได้รับการอนุมัติดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ สามารถใช้ประโยชน์จากจากสิทธิพิเศษในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (PEZA) เช่น การยกเว้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์ การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และการสนับสนุนอื่น ๆ นอกจากนี้ การลงทุนตั้งโรงงานในประเทศฟิลิปปินส์เป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถนำส่งวัถตุดิบน้ำมะพร้าวกลับมายังประเทศไทย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบ เสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับการเข้าทำรายการครั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมสถาบันการเงินสัดส่วน 90% และกระแสเงินสดภายในบริษัทฯ สัดส่วน 10% โดยบริษัทฯ คาดว่าจะจดทะเบียนจัดตั้งแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2568 โดยบริษัทฯ จะถือหุ้นในสัดส่วน 100% “การลงทุน ในฟิลิปปินส์เป็นการเปิดโอกาสให้ COCOCO ในการขยายการเติบโต เรามองว่าเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ COCOCO มั่นใจว่าเป็นการลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคตให้กับผู้ถือหุ้น และจะช่วยขยายการเติบโต โดยคาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทได้ในอนาคต ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ บริษัทฯ จะสามารถสร้างสมดุลระหว่างการลดต้นทุนและการรักษาคุณภาพสินค้า เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดระดับโลกได้ สะท้อนมายังผลการดำเนินงานที่คาดมีแนวโน้มเติบโตดีในอนาคต” ดร.วรวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

abs

ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายและระบบสื่อสารอย่างครบวงจร

ส่งออกไทยโต 6 เดือนติด STA - TEGH – COCOCO รับโชค

ส่งออกไทยโต 6 เดือนติด STA - TEGH – COCOCO รับโชค

          หุ้นวิชั่น - บล.หยวนต้า ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือน ธ.ค. 24 เพิ่มขึ้น 8.7% YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 7.4% YoY ได้แรงหนุนจากทุกหมวดหมู่สินค้า สินค้าเกษตร เติบโต 6 เดือนติดต่อกันที่ 10.7% YoY สินค้าที่ขยายตัวดีคือ ยางพาราเติบโต 14 เดือนติดต่อกันที่ 48.5% YoY, มันสำปะหลังโต 7.8% YoY, ไก่สดและแปรรูปที่เติบโต 3 เดือนติดต่อกัน 7.1% YoY สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เติบโต 6 เดือนติดต่อกันที่ 6.7% YoY สินค้าที่ขยายตัวดีคือ ผลไม้กระป๋องโต 24.3% YoY, อาหารทะเลกระป๋องโต 14.2% YoY, และอาหารสัตว์เลี้ยงโต 15 เดือนติดต่อกันที่ 9.7% YoY โดยสินค้าที่เติบโตเด่นได้แก่ น้ำมะพร้าวที่เร่งตัว 73.8% YoY ขณะที่ยอดส่งออกน้ำมะพร้าวไปสหรัฐฯ เร่งตัวถึง 109.6% YoY ปี 2024 New High แต่... ปี 2025 เสี่ยงฐานสูงและ Trade War           ยอดส่งออกไทยทั้งปี 2024 ขยายตัว 5.4% YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่ นับเป็นปัจจัยหนุนต่อ GDP 4Q24 และทั้งปี 2024 ที่มีกำหนดรายงานในวันที่ 19 ก.พ. 2025 อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกเริ่มชะลอตัวในบางหมวดสินค้า ซึ่งอาจสะท้อนถึงความเสี่ยงจากฐานที่สูงขึ้นในระยะถัดไป รวมถึงความเสี่ยงจากสงครามทางการค้า หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยได้เริ่มพิจารณาขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกกับแคนาดาในอัตรา 25% และเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 10% แม้ว่านโยบายภาษีดูผ่อนคลายกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง และอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะถัดไป ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรระยะสั้นแบบ สินค้าอุตสาหกรรม เติบโต 9 เดือนติดต่อกันที่ 11.1% YoY สินค้าที่เติบโตดีคืออัญมณี, เครื่องคอมพิวเตอร์, เครื่องจักร, เครื่องปรับอากาศ, ผลิตภัณฑ์ยาง และเคมีภัณฑ์ Disclaimer: Selective ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการส่งออกที่ขยายตัว ได้แก่ กลุ่มยางพารา (STA, TEGH) และน้ำมะพร้าว (COCOCO)           นอกจากนี้เรามองว่ายอดส่งออกที่เติบโตดี คาดจะหนุนให้ GDP 4Q24 และทั้งปี 2024 เติบโตดีเช่นกัน ซึ่งจะเป็นบวกต่อ SET Index ในภาพรวม

ส่งออก ธันวาคม โต 8.7% NER-COCOCO โดดเด่น

ส่งออก ธันวาคม โต 8.7% NER-COCOCO โดดเด่น

           หุ้นวิชั่น - ส่งออกไทยเดือนธันวาคม 2567 ขยายตัว 8.7% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3 แสนล้านดอลลาร์ ดัน GDP ไตรมาส 4 มีโอกาสโตเกินคาด สินค้าที่เติบโตเด่นคือ น้ำมะพร้าว โต75%ยางพารา โต48.5% ปีหน้าคาดส่งออกโต 2– 3% โบรกมองหุ้นเด่น NER-MALEE-COCOCO -KTB- TTB            นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ แถลง การส่งออกของไทยในเดือนธันวาคม 2567 มีมูลค่า 24,765.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (853,305 ล้านบาท) ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ที่ร้อยละ 8.7 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวที่ร้อยละ 10.4 ภาพรวมการส่งออกทั้งปี 2567 ทำมูลค่าการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยการส่งออกในรูปของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ พุ่งทะยานสู่ระดับ 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับการส่งออกในรูปของเงินบาทก็มีมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านล้านบาท เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ การส่งออกในเดือนธันวาคมได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าทุนและวัตถุดิบของไทยในทุกหมวดและยังขยายตัวเกือบทุกตลาดส่งออกสำคัญ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายทางการค้าโลกในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ การส่งออกของไทยทั้งปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 5.4 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 5.4 มูลค่าการค้ารวม            มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนธันวาคม 2567 การส่งออก มีมูลค่า 24,765.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 8.7 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 24,776.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 14.9 ดุลการค้า ขาดดุล 10.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพรวมของทั้งปี 2567 การส่งออก มีมูลค่า 300,529.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 5.4 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 306,809.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 6.3 ดุลการค้าของปี 2567 ขาดดุล 6,280.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ            มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนธันวาคม 2567 การส่งออก มีมูลค่า 853,305 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.2 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 863,930 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 13.4 ดุลการค้า ขาดดุล 10,625 ล้านบาท ภาพรวมของทั้งปี 2567 การส่งออก มีมูลค่า 10,548,759 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.3 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน            การนำเข้า มีมูลค่า 10,896,480 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 3.8 ดุลการค้าของปี 2567 ขาดดุล 347,721 ล้านบาท การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร            มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 8.9 (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน โดยสินค้าเกษตร ขยายตัวร้อยละ 10.7 และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 6.7 โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 48.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 14 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ มาเลเซีย และเกาหลีใต้) ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 7.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน เนเธอร์แลนด์ และฮ่องกง) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 14.2 ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอียิปต์) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ขยายตัวร้อยละ 4.0 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย และเกาหลีใต้)            อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 9.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 15 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ไต้หวัน เยอรมนี ฟิลิปปินส์ และอินเดีย) ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 12.0 ขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ออสเตรเลีย เมียนมา และลาว) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 7.8 กลับมาขยายตัวในรอบ 14 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์) และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 24.3 ขยายตัวต่อเนื่อง 15 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน เนเธอร์แลนด์ ลาว และมาเลเซีย)            ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ข้าว หดตัวร้อยละ 8.5 หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (หดตัวในตลาดจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อิรัก และเซเนกัล แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง เยเมน แอฟริกาใต้ และโมซัมบิก) และน้ำตาลทราย หดตัวร้อยละ 30.0 หดตัวต่อเนื่อง 12 เดือน (หดตัวในตลาดกัมพูชา ลาว ไต้หวัน สิงคโปร์ และจีน แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ เมียนมา และเฟรนช์โปลีนีเซีย) ทั้งนี้ ปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 6.0 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม            มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 11.1 (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 43.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน เยอรมนี สิงคโปร์ และไอร์แลนด์) ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัวร้อยละ 22.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย และมาเลเซีย) อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 79.5 ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน (ขยายตัวในตลาดอินเดีย สหรัฐฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ญี่ปุ่น และเวียดนาม) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 35.6 ขยายตัวต่อเนือง 10 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น จีน และอินโดนีเซีย) เคมีภัณฑ์ ขยายตัวร้อยละ 20.1 ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดจีน อินเดีย สหรัฐฯ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 28.7 ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เวียดนาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย และอิตาลี)            ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 7.2 กลับมาหดตัวหลังจากขยายตัวในเดือนก่อนหน้า (หดตัวในตลาดออสเตรเลีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย และบราซิล แต่ขยายตัวในตลาดฟิลิปปินส์ สหรัฐฯ เม็กซิโก อินโดนีเซีย และเวียดนาม) น้ำมันสำเร็จรูป หดตัวร้อยละ 33.7 หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน (หดตัวในตลาดลาว เวียดนาม เมียนมา สิงคโปร์ และมาเลเซีย แต่ขยายตัวในตลาดกัมพูชา จีน อินโดนีเซีย เขตต่อเนื่องราชอาณาจักร และอินเดีย) เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 28.3 หดตัวต่อเนื่อง 9 เดือน (หดตัวในตลาดอาร์เจนตินา สหรัฐฯ มาเลเซีย ไต้หวัน และจีน แต่ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ อินเดีย ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด หดตัวร้อยละ 77.9 หดตัวต่อเนื่อง 10 เดือน (หดตัวในตลาดฮ่องกง ญี่ปุ่น สหรัฐฯ จีน และเกาหลีใต้ แต่ขยายตัวในตลาดไต้หวัน มาเลเซีย เยอรมนี เม็กซิโก และสหราชอาณาจักร) ทั้งนี้ ปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว ร้อยละ 5.9 ตลาดส่งออกสำคัญ            การส่งออกไปตลาดสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัว ตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่เพิ่มขึ้น จากความกังวลต่อความไม่แน่นอนของนโยบายทางการค้าโลกในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ (1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 12.0 โดยขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ร้อยละ 17.5 จีน ร้อยละ 15.0 ญี่ปุ่น ร้อยละ 0.6 สหภาพยุโรป (27) ร้อยละ 19.1 และ CLMV ร้อยละ 20.7 ขณะที่อาเซียน (5) หดตัวร้อยละ 0.6 (2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 6.2 โดยขยายตัวในตลาดเอเชียใต้ ร้อยละ 44.5 ตะวันออกกลาง ร้อยละ 11.3 แอฟริกา ร้อยละ 8.7 ลาตินอเมริกา ร้อยละ 12.3 รัสเซียและกลุ่ม CIS ร้อยละ 37.0 และสหราชอาณาจักร ร้อยละ 37.4 ขณะที่ตลาดทวีปออสเตรเลีย หดตัวร้อยละ 15.5 (3) ตลาดอื่น ๆ หดตัวร้อยละ 65.3            ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 17.5 (ขยายตัวต่อเนื่อง 15 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ ทั้งนี้ ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 13.7            ตลาดจีน ขยายตัวร้อยละ 15.0 (ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ข้าว และแผงวงจรไฟฟ้า ทั้งนี้ ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 3.1 ตลาดญี่ปุ่น กลับมาขยายตัวร้อยละ 0.6 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ไก่แปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์ ทั้งนี้ ปี 2567 หดตัวร้อยละ 5.3            ตลาดสหภาพยุโรป (27) ขยายตัวร้อยละ 19.1 (ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า ทั้งนี้ ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 10.2 ตลาดอาเซียน (5) หดตัวร้อยละ 0.6 (หดตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น น้ำมันสำเร็จรูป ข้าว และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอัญมณีและเครื่องประดับ ทั้งนี้ ปี 2567 หดตัวร้อยละ 0.8            ตลาด CLMV ขยายตัวร้อยละ 20.7 (ขยายตัวต่อเนื่อง 12 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และเครื่องดื่ม สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น น้ำมันสำเร็จรูป กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ และน้ำตาลทราย ทั้งนี้ ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 12.7            ตลาดเอเชียใต้ ขยายตัวร้อยละ 44.5 (ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ เคมีภัณฑ์ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เม็ดพลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และน้ำมันสำเร็จรูป ทั้งนี้ ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 13.1            ตลาดทวีปออสเตรเลีย กลับมาหดตัวร้อยละ 15.5 สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเม็ดพลาสติก สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ทั้งนี้ ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 2.1            ตลาดตะวันออกกลาง ขยายตัวร้อยละ 11.3 (ขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ทั้งนี้ ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 3.8            ตลาดแอฟริกา ขยายตัวร้อยละ 8.7 (ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว และเครื่องยนต์สันดาปภายใน สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ทั้งนี้ ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 0.5            ตลาดลาตินอเมริกา ขยายตัวร้อยละ 12.3 (ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาปภายใน และผลิตภัณฑ์พลาสติก ทั้งนี้ ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 15.2            ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS กลับมาขยายตัวร้อยละ 37.0 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ และน้ำมันสำเร็จรูป สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และอัญมณีและเครื่องประดับ ทั้งนี้ ปี 2567 ขยายตัวร้อยละ 7.5            ตลาดสหราชอาณาจักร ขยายตัวร้อยละ 37.4 (ขยายตัวต่อเนื่อง 6 เดือน) สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ไก่แปรรูป และร

COCOCO ลุยฟิลิปปินส์เสริมแกร่งด้านแหล่งวัตถุดิบ เพื่อโอกาสทางธุรกิจ

COCOCO ลุยฟิลิปปินส์เสริมแกร่งด้านแหล่งวัตถุดิบ เพื่อโอกาสทางธุรกิจ

                หุ้นวิชั่น - บมจ. ไทย โคโคนัท หรือ COCOCO เดินทางศึกษางาน เพื่อโอกาสทางธุรกิจในประเทศฟิลิปปินส์ มุ่งเป้าหมายหลักเสริมความแข็งแกร่งด้านแหล่งวัตถุดิบ โดยเฉพาะ "มะพร้าว" ถือเป็นหัวใจสำคัญ หวังรองรับความต้องการตลาดโลก พร้อมย้ำความร่วมมือครั้งนี้ สร้างโอกาสใหม่ให้บริษัท ส่งเสริมเศรษฐกิจภูมิภาค สร้างความยั่งยืนอุตสาหกรรมมะพร้าว รองรับความต้องการของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น                    บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน)  COCOCO นำโดย ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ พร้อมคุณพัฒรา ทัศจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและสารสนเทศ เดินทางไปยังประเทศฟิลิปปินส์ ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อสำรวจพื้นที่และแหล่งวัตถุดิบเพื่อโอกาสทางธุรกิจในต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักในการเสริมความแข็งแกร่งด้านแหล่งวัตถุดิบ โดยเฉพาะ "มะพร้าว" ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจบริษัท เพื่อรองรับความต้องการของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้ปลูกมะพร้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยสภาพภูมิอากาศเขตร้อนและไม่มีภัยธรรมชาติเหมาะสมต่อการเพาะปลูก และมีพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ ทำให้ประเทศนี้เป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีศักยภาพสูงสำหรับการผลิตสินค้าแปรรูป เช่น กะทิ และน้ำมะพร้าว รวมถึงผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ยังมีต้นทุนที่ถูกกว่าประเทศอื่นและมีแรงงานที่มีทักษะสูงในอุตสาหกรรมนี้ และทำเลที่ตั้งของฟิลิปปินส์ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมศักยภาพด้านการส่งออก ด้วยความใกล้ชิดกับตลาดสำคัญทั้งในภูมิภาคเอเชียและตะวันตก จึงช่วยลดระยะเวลาการขนส่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายสินค้า ”การเดินทางไปฟิลิปปินส์ เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญด้านแหล่งวัตถุดิบ ซึ่งมะพร้าวเป็นหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์ของบริษัท การศึกษาหาโอกาสในการขยายฐานวัตถุดิบในฟิลิปปินส์ไม่เพียงช่วยเพิ่มเสถียรภาพด้านซัพพลายเชน และต้นทุน แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก" ดร.วรวัฒน์ กล่าว               ดร.วรวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ความร่วมมือกับฟิลิปปินส์ในครั้งนี้ไม่เพียงช่วยสร้างโอกาสใหม่ให้กับบริษัท แต่ยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจในภูมิภาค และสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมมะพร้าวอีกด้วย ซึ่งการเดินทางไปฟิลิปปินส์ครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ COCOCO ในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสินค้าเกษตรและอาหารระดับโลก พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจสู่ระดับสากลอย่างมั่นคงและยั่งยืน  [PR News]

abs

Hoonvision

COCOCO ปลื้ม! ติดอันดับคำนวณดัชนี SET 100

COCOCO ปลื้ม! ติดอันดับคำนวณดัชนี SET 100

           หุ้นวิชั่น - บมจ. ไทย โคโคนัท  หรือ COCOCO ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญ หลังได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนี SET 100 สำหรับรอบครึ่งปีแรกของปี 2568 (1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2568) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของปัจจัยพื้นฐานและการได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ            ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน)  COCOCO เปิดเผยว่า ความสำเร็จนี้เกิดจากการที่หุ้นของบริษัทฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ            ด้านการเติบโตของธุรกิจ บริษัทฯ คาดว่ารายได้ในปีนี้(2567) เติบโต 30-40% จากปีก่อน พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2568 ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท โดยมีแผนขยายตลาดต่างประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวและกะทิที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก            นอกจากนี้ COCOCO ยังมุ่งเน้นการขยายธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกเพื่อสุขภาพสำหรับสุนัขและแมวภายใต้ตราสินค้า Moochie โดยสินค้าทั้งสองประเภทมีทั้งแบบ การจำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเอง และการรับจ้างผลิตสินค้า (Original Equipment Manufacturer หรือ OEM) ซึ่งจัดจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ มุ่งเป้าไปยังตลาดสากล ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และศึกษาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เติบโต            สำหรับการติดอันดับในดัชนี SET 100 ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ยืนยันถึงความสำเร็จและศักยภาพของ COCOCO แต่ยังตอกย้ำบทบาทของบริษัทในฐานะผู้นำด้านผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวรายใหญ่ของไทย [PR News ]

COCOCO ลุยขยายตลาดต่างแดน เป้าไกล 13.35 บ.

COCOCO ลุยขยายตลาดต่างแดน เป้าไกล 13.35 บ.

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด COCOCO "ซื้อ" (Bloomberg consensus 13.35 บาท) กำไรสุทธิ 3๐67 -24% QoQ จากผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น แต่ +13% YoY จากการเติบโตของยอดขายตลาดต่างประเทศ"             กำไรสุทธิ 3Q67 เท่ากับ 172 ล้านบาท -24% QoQ แต่ +13% YoY มีรายได้รวมเท่ากับ 1,929 ล้านบาท +21% QoQ +49% YoY โดยหลักมาจากยอดขายน้ำมะพร้าว (สัดส่วน 55%) +21% QoQ +81% YoY จากการเติบโตของตลาดน้ำมะพร้าวในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน ยอดขายกะทิ (สัดส่วน 32%) +8% QoQ +14% YoY จากคำสั่งซื้อมากขึ้น และยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยง (สัดส่วน 11%) +114% QoQ +136% YoY จากการขยายช่องทางการขายได้มากขึ้น             มี %GP เท่ากับ 25% ลดลงจาก 28% ใน 2Q67 และ 27% ใน 3Q66 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตกะทิสูงขึ้น นอกจากนี้ ค่าบาทมีความผันผวน ทำให้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน +8003% QoQ และ +363% YoY สู่ 62 ล้านบาท ส่งผลให้มี %NP เท่ากับ 9% ลดลงจาก 14% ใน 2Q67 และ 12% ใน 3Q66 ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 9M67 เท่ากับ 603 ล้านบาท +72% YoY ความเห็น:             มีมุมมองเป็นกลางต่อผลประกอบการ 4Q67 คาดอ่อนตัว QoQ เนื่องจากเป็นช่วง Low season แต่ยังเติบโต YoY จากการเติบโตของตลาดน้ำมะพร้าวต่างประเทศ สอดคล้องกับแผนออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ขยายช่องทางการขาย และขยายกำลังการผลิต โดย Bloomberg consensus คาดกำไรปี 67 เฉลี่ย 850 ล้านบาท +57% YoY กำไร 9M67 คิดเป็น 71% ของประมาณการ ราคาหุ้น +52% YTD ซื้อขายที่ P/E 22x ต่ํากว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ระดับ 24x ราคามีความเหมาะสม Consensus 13.35 บาท มี Upside 14% จึงแนะนำ "ซื้อ"

[ภาพข่าว] COCOCO ร่วมออกงานแสดงสินค้า PLMA ชิคาโกสหรัฐฯ

[ภาพข่าว] COCOCO ร่วมออกงานแสดงสินค้า PLMA ชิคาโกสหรัฐฯ

          หุ้นวิชั่น - บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ “COCOCO” ผู้ผลิตจำหน่าย และส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวรายใหญ่ของไทย ขนทัพผลิตภัณฑ์ ร่วมงานแสดงสินค้า PLMA (Private Label Manufacturers Association) ที่จัดขึ้นในชิคาโก สหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในงานแสดงสินค้าระดับโลกที่เน้นผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของผู้ประกอบการ (Private Label) ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมีผู้สนใจเข้ามาสอบถามและเยี่ยมชมอย่างคับคั่ง ทั้งนี้ การร่วมออกงานดังกล่าว ยังสร้างโอกาสในการเปิดตลาดใหม่หรือขยายตลาดในภูมิภาคอเมริกาเหนือ  รวมถึงได้สำรวจความต้องการของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคอีกด้วย…..เรียกได้ว่าบุกตลาด ทุกโซน ทุกทวีปไม่มีพักแบบนี้ เป้าหมายรายได้ปี 2568 1 หมื่นล้านบาท คงไม่ไกลเกินเอื้อมแน่ๆ เลยค่าาา

COCOCO ร่วมงาน Opportunity Day ฉายภาพธุรกิจเติบโต

COCOCO ร่วมงาน Opportunity Day ฉายภาพธุรกิจเติบโต

          หุ้นวิชั่น - บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO นำโดย ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ และนางสาวพัฒรา ทัศจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและสารสนเทศ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ “COCOCO” ร่วมให้ข้อมูลผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/2567 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) ถ่ายทอดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยรายงานผลการดำเนินงาน 9 เดือนปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้ 4,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 3,271 ล้านบาท สนับสนุนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 มีกำไรสุทธิ 603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72%  ทำให้บริษัทฯ คาดว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโต 30-40%จากปีก่อนตามเป้าหมายที่คาดไว้ โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการขยายตลาดต่างประเทศและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวและกะทิที่ได้รับความนิยมสูงในต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่บริษัทเริ่มขยายสู่ตลาดสากลและเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มกำลังการผลิต รองรับ Demand ที่เพิ่มขึ้น

นักลงทุนคอแห้ง! หุ้นเครื่องดื่มไตรมาส 3 เสิร์ฟกำไรแบบจัดเต็ม

นักลงทุนคอแห้ง! หุ้นเครื่องดื่มไตรมาส 3 เสิร์ฟกำไรแบบจัดเต็ม

อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม สำหรับไตรมาส 3/2567 บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือMALEE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท และบริษัทย่อยมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 61 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3/2566 ที่มีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่ 9 ล้านบาท ผลการดำเนินงานเติบโต 551% YoY เป็นผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 6% YoY จากกลยุทธ์ที่เน้นการเติบโตของสินค้าภายใต้แบรนด์ Malee ที่เป็น Focus SKU มีการยกเลิกขายสินค้าบางรายการ มีการปรับเพิ่มราคาสินค้าบางกลุ่มสินค้า และในกลุ่มลูกค้า CMG (Contract Manufacturing) ที่เป็นผลิตภัณฑ์ตามสัญญาและรับจ้างผลิต ตลอดจนความมีประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนขายที่ดีขึ้น บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)หรือSSC  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567    กำไรสุทธิของบริษัท เท่ากับ 404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.1% จากผลกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของยอดขายและการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีผลกำไรต่อหุ้นเป็นจำนวน 1.52 บาท เพิ่มขึ้น 0.59 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับผลกำไรต่อหุ้น 0.93 บาทในงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือCBG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ เท่ากับ 741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +40% YoY สะท้อนยอดขายที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนที่ปรับตัวลดลง การควบคุมค่าใช้จ่าย มีรายได้จากการขายรวมเท่ากับ 5,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% YoY โดยในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการดำเนินการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองจำนวน 3,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +8% YoY จากยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังคาราบาวแดงในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากส่วนแบ่งทางการตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการที่บริษัทฯ ยังคงดำเนินกลยุทธ์หลักคงราคาขายปลีกที่ 10 บาท รวมถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การกระจายสินค้าให้มีเครือข่ายที่กว้างขวางและครอบคลุมมากขึ้นผ่านคู่ค้ารายย่อยระดับอำเภอและระดับตำบล เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ TACC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 และสำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 จำนวน 66.31 และ 205.68 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 6.42 และ 36.95 ล้านบาท (คิดเป็น 10.73% และ 21.90%) จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59.89 และ 168.73 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.89% และ 14.16% ของรายได้ของไตรมาส 3 ปี 2567 และ 2566 (ลดลง 0.27%) และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 14.45% และ 13.55% ของรายได้สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2567 และ 2566 (เพิ่มขึ้น 0.90%)  กลุ่มบริษัทฯ คาดว่ารายได้ทั้งปี 2567 จะเติบโตร้อยละ 10 จากปีก่อน จากกลยุทธ์การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าหลัก เพิ่มฐานลูกค้าใหม่ นำเสนอสินค้าใหม่จับเทรนด์ผู้บริโภครักสุขภาพ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน)หรือCOCOCO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 172.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.57 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 12.81% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ลดลง 54.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นการลดลง 24.14% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากปัจจัยภายนอกจากสถานการณ์ความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนยังคงมีผลกระทบต่อตลาดเงินและค่าเงินบาทในระยะสั้น ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศมีความผันผวน ส่งผลให้การรับรู้กำไรสุทธิลดลง สำหรับงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 603.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 252.45 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 72% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ ICHI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  กำไรสุทธิของบริษัทฯ ในไตรมา 13/2567 และ โตรมาร 3/2566 เท่ากับ 357.3 ล้านบาท และ 328.0 ล้านบาทหรือ คิดเป็นอัตราทำไรสุทธิของรายได้จากการขาย เท่ากับ 16.7% และ 15.8% ตามลำดับ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20.3 ล้านบาท หรือเท่ากับ 6.9% สำหรับทำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 เท่ากับ 1.099.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 16.7% กำไร สุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ 805.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.6%ของรายได้จากการขาย กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 294.6 ล้านบาทหรือเท่ากับ 36.6% บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)หรือSAPPE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 รายงานผลประกอบการ กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 300.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.2% ต่อรายได้จากการขาย ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้าที่ 319.1 ล้านบาทบริษัทฯ มีรายได้จากการขายในไตรมาสนี้เท่ากับ 1,566.2 ล้านบาท ลดลง 6.0% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมาจากการลดลงของรายได้จากการขายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ภายในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงมีแผนการออกสินค้าใหม่ทั้งหมดมากกว่า 20 รายการ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้รายได้จากการขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน)หรือSSC  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567    กำไรสุทธิของบริษัท เท่ากับ 404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.1% จากผลกำไรสุทธิ 248 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของยอดขายและการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีผลกำไรต่อหุ้นเป็นจำนวน 1.52 บาท เพิ่มขึ้น 0.59 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับผลกำไรต่อหุ้น 0.93 บาทในงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุผลที่อธิบายข้างต้น บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน)หรือHTC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567   บริษัทฯ มีกำไรสุทธิแสดงไว้ในงบการเงินรวมเป็นจำนวนเท่ากับ 129.2 ล้านบาท ลดลง 3.6% YoY และลดลง 18.7% QoQ จากปริมาณการขายที่ลดลงจากสภาวะอากาศเย็นและน้ำท่วม และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 6.9% ลดลง 0.3 จุดเปอร์เซ็นต์ YoY และ QoQ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าสภาวะตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในภาคใต้จะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/2567 จากสภาวะการท่องเที่ยวปลายปีที่ปรับตัวดีขึ้น และสภาวะอากาศที่เข้าสู่ฤดูหนาว อีกทั้งจะเริ่มได้รับผลบวกจากการปรับราคาในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเต็มทั้งไตรมาส 4/2567 บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP มีการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567  บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) รายงานผลขาดทุนสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ 361 ล้านบาท ลดลง 156.3% จากปีก่อน (YoY) และลดลง 159.8% จากไตรมาสก่อน (QoQ) เนื่องจากมีการบันทึกผลขาดทุนสุทธิจากการจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายขวดแก้วในประเทศเมียนมาตามแผนยุทธศาสตร์การลงทุนตามที่ได้ส่งข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 และการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน รวมเป็นจำนวน 1,033 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 672 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% YoY และลดลง 27.2% Qo

[ภาพข่าว] “COCOCO” บุกแดนมังกร ร่วมงานระดับโลก FHC SHANGHAI 2024 แสดงสินค้าอาหาร

[ภาพข่าว] “COCOCO” บุกแดนมังกร ร่วมงานระดับโลก FHC SHANGHAI 2024 แสดงสินค้าอาหาร

          บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO  ผู้ผลิตจำหน่าย และส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวรายใหญ่ของไทย ขนทัพสินค้าเพื่อเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารระดับโลก FHC Shanghai Global Food ครั้งที่ 27 ประจำปี 2567 โดยนำสินค้ามะพร้าวจากแบรนด์ Thai Coco อาทิ น้ำมะพร้าว ชาไทยมะพร้าว กาแฟมะพร้าว และสินค้าใหม่ล่าสุดอย่างไอศกรีมจากผลไม้ไทยอย่ารสชาติ ทุเรียน แตงโม มะม่วง และอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ SALA ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ของบริษัทเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และออกบูธในครั้งนี้           ทั้งนี้งาน FHC Shanghai Global Food Trade Show ได้กลายเป็นหนึ่งในนิทรรศการการค้าที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมอาหารและการจัดเลี้ยง ภายใต้ความต้องการของตลาดขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหารและการจัดเลี้ยงของจีน FHC ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับบริษัทข้ามชาติรายใหญ่ในการเข้าสู่ตลาดจีน ซึ่งกระแสตอบรับภายในงานคับคั่ง และผู้เข้าร่วมงานสนใจและสอบถามถึงสินค้าของ COCOCO เป็นอย่างมาก โดยงานจัดขึ้น  ณ ศูนย์นิทรรศการนานาชาติเซี่ยงไฮ้แห่งใหม่ (SNIEC) เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 12-14 พฤศจิกายน 2567

COCOCO ฟอร์มสวย 9 เดือนรายได้ 4,886 ลบ.โต 49%

COCOCO ฟอร์มสวย 9 เดือนรายได้ 4,886 ลบ.โต 49%

           บมจ. ไทย โคโคนัท จำกัด หรือ “COCOCO” ประกาศงบไตรมาส 3/2567 กวาดรายได้แตะ 1,929 ลบ. เพิ่มขึ้น 49% (YoY)  และมีกำไร 172 ลบ. เพิ่มขึ้น 13% (YoY) ด้าน “ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ระบุตัวเลขรายได้งวด 9 เดือน ทำได้ 4,886 ลบ. เพิ่มขึ้น 49% (YoY) และมีกำไรสุทธิ 603 ลบ. เพิ่มขึ้น 72% (YoY) พร้อมส่งซิกโค้งสุดท้ายปี 2567 เติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่เหลือของปีนี้                       ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ “COCOCO” ผู้ผลิตจำหน่าย และส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อย ตามงบการเงินรวมไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวม 1,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) อยู่ที่ 1,298 ล้านบาท  และเพิ่มขึ้น 21% เทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) อยู่ที่ 1,588 ล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากรายได้จากการขายและบริการของการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมะพร้าวเป็นหลัก            สำหรับงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,886 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 3,271 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการขายและบริการที่เติบโตของกลุ่มตลาดเครื่องดื่ม และการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ทำให้รายได้จากการขายและบริการของผลิตภัณฑ์ทุกประเภทเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว ผลิตภัณฑ์กะทิ รวมถึงการผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงด้วย            ดร.วรวัฒน์ กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิไตรมาส 3/2567 เท่ากับ 172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) อยู่ที่ 153 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 227 ล้านบาท  เนื่องจากปัจจัยความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้ตลาดเงินและค่าเงินบาทมีความผันผวน            อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% เทียบกับช่วงเดียวกันปีอยู่ที่ 351 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการในสินค้าและปริมาณคำสั่งซื้อจะยังคงเพิ่มขึ้นทั้งจากกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและลูกค้ารายใหม่ โดยบริษัทฯ ได้มีการวางแผนการขายและเพิ่มกลยุทธ์การตลาด มีการออกงานแสดงสินค้าและสำรวจตลาดเครื่องดื่มต่างประเทศ เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและขยายฐานลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิม เพื่อสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต            “ในไตรมาส 3/2567มีการซื้อวัตถุดิบสำหรับผลิตกะทิส่วนเพิ่มโดยเฉลี่ยสูงขึ้น โดยมีการบริหารจัดการด้านราคาและปริมาณวัตถุดิบหลัก รวมถึงบริหารจัดการกระบวนการผลิต การสต๊อกสินค้าและวัตถุดิบ และในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีการบริหารจัดการ สามารถควบคุมด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ดร.วรวัฒน์ กล่าว            ดร.วรวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า COCOCO ตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโตกว่า 30-40%จากปีก่อนตามเป้าหมายที่คาดไว้ โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการขยายตลาดต่างประเทศและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวและกะทิที่ได้รับความนิยมสูงในต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่บริษัทเริ่มขยายสู่ตลาดสากล นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเพิ่มกำลังการผลิต รองรับ Demand ที่เพิ่มขึ้น [PR News]

COCOCO กำไร 9 เดือน พุ่ง 72%

COCOCO กำไร 9 เดือน พุ่ง 72%

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO แจ้งผลผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อย ตามงบการเงินรวมในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 1,928.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.55% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 21.44% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าโดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากรายได้จากการขายและบริการของการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมะพร้าวเป็นหลัก             และสำหรับงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 4,886.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.37% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อนหน้า โดยการเพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการขายและบริการที่เติบโตของกลุ่มตลาดเครื่องดื่ม และการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ทำให้รายได้จากการขายและบริการของผลิตภัณฑ์ทุกประเภทเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าว ผลิตภัณฑ์กะทิ รวมถึงการผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงด้วย             สำหรับกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เท่ากับ 172.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.57 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 12.81% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ลดลง 54.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นการลดลง 24.14% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากปัจจัยความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนส่งผลให้ตลาดเงินและค่าเงินบาทมีความผันผวน และกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ บริษัทจึงได้รับผลกระทบจากค่าความผันผวนของค่าเงินดังกล่าว ทำให้มีกำไรสุทธิลดลงในช่วงเวลาดังกล่าว             อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพในงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 603.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่ากับ 252.45 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 72% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า

[ภาพข่าว] COCOCO รับมอบประกาศนียบัตร Certificate of ESG Emerging Company

[ภาพข่าว] COCOCO รับมอบประกาศนียบัตร Certificate of ESG Emerging Company

          บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO นำโดย ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ COCOCO รับมอบประกาศนียบัตร “Certificate of ESG Emerging Company” จาก ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์ โดย COCOCO ได้รับคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ให้อยู่ในทำเนียบเป็นหนึ่งในรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่น่าลงทุนในกลุ่ม ESG Emerging ปี 2567 ด้วยการคัดเลือกจาก 920 หลักทรัพย์จดทะเบียน โดยใช้ข้อมูลด้าน ESG ที่ปรากฏในการเปิดเผยข้อมูล การดำเนินงานที่สะท้อนปัจจัยด้าน ESG และความริเริ่มหรือลักษณะธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับประเด็นด้าน ESG ของกิจการ           สถาบันไทยพัฒน์ ได้รับการรับรองจากองค์การแห่งความริเริ่มว่าด้วยการรายงานสากล (Global Reporting Initiative: GRI) ให้เป็น GRI Certified Training Partner ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 จนถึงปัจจุบัน           ปัจจุบัน สถาบันไทยพัฒน์ ได้พัฒนางานบริการให้ความเชื่อมั่น (Assurance Service) ต่อรายงานแห่งความยั่งยืน ตามมาตรฐาน AA1000AS (Assurance Standard) และ AA1000APS (Accountability Principles Standard) โดยได้รับการรับรองจากหน่วยงานผู้กำหนดมาตรฐาน ACCOUNTABILITY ให้เป็นผู้ให้บริการงานให้ความเชื่อมั่นรับอนุญาต (Licensed Assurance Provider) ในประเทศไทย           การได้รับคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ให้อยู่ในทำเนียบ “บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน” หรือ ESG Emerging List สะท้อนถึงการที่ COCOCO ตระหนักถึงการให้ความสำคัญการอนุรักษ์และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงมุ่งเน้นการทำงานที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมการใช้ทรัพยากรด้วยความยั่งยืน

หยวนต้า แนะ“ซื้อ” COCOCO ราคาเหมาะสม 13.30 บ.

หยวนต้า แนะ“ซื้อ” COCOCO ราคาเหมาะสม 13.30 บ.

          หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บล.หยวนต้า แนะ“ซื้อ” COCOCO ราคาเหมาะสม 13.30 บ.  มองแนวโน้มกำไรปกติใน 3Q67 อาจต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า ที่ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินไว้ ที่ 164 ลบ. (-27.8% QoQ, +7.4% YoY) แต่หากหักรายการพิเศษจากการขาดทุนค่าเงินที่ 60 ลบ. กำไรปกติจะอยู่ที่ 224 ลบ. ทรงตัว QoQ แต่ยังเติบโต 41.7% YoY ซึ่งต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าที่คาดกำไรจะทำ New High ได้ต่อ โดยสาเหตุหลักมาจาก GPM ที่คาดปรับตัวลดลงทั้ง QoQ และ YoY เป็น 25.3% จากอัตรากำไรของน้ำกะทิที่ลดลง เนื่องจากยอดขายน้ำกะทิใน 3Q67 ที่เติบโตได้ดีกว่าที่บริษัทคาดไว้ ส่งผลให้สต๊อกมะพร้าวไม่เพียงพอ ทำให้จำเป็นต้องซื้อวัตถุดิบใหม่ในราคาที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของราคาต้นทุนวัตถุดิบเดิม           ขณะที่รายได้คาดอยู่ที่ 1,925 ลบ. เติบโต QoQ และ YoY ทำ New High ต่อเนื่อง หนุนจากการเข้าสู่ช่วง High season ของธุรกิจที่เป็นช่วงฤดูร้อนของภูมิภาคยุโรปและสหรัฐฯหนุนคำสั่งซื้อทั้งน้ำกะทิ น้ำมะพร้าว และอาหารสัตว์เลี้ยง และการรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ในจีนและสหรัฐฯ เต็มไตรมาส ประกอบกับการเริ่มรับรู้รายได้จากการส่งออกน้ำมะพร้าวบรรจุขวดพลาสติกและไอศกรีม Plant-based ไปจีน           แนวโน้มกำไร 4Q67 คาดชะลอตัว QoQ เนื่องจากเป็น Low season ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการใน 4Q67 คาดกำไรปกติจะชะลอตัวลง QoQ เนื่องจากการเข้าสู่ช่วง Low season ของธุรกิจที่เป็นช่วงฤดูหนาว รวมถึงเป็นช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดจำนวนมาก อย่างไรก็ตามฝ่ายวิเคราะห์มองว่ากำไรปกติจะยังสามารถเติบโตได้ต่อ YoY หนุนจากอุปสงส์ทั้งน้ำมะพร้าวและน้ำกะทิที่สูงขึ้น รวมถึงฐานลูกค้าของบริษัทที่สูงขึ้นทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป และจีน           ขณะที่ GPM จะยังสามารถทรงตัว QoQ ได้แม้ถูกกดดันจาก U-rate ที่ลดลง หนุนจาก Product Mix ที่มีสัดส่วนรายได้น้ำมะพร้าวที่กลับมาสูงขึ้นหลังจากการผ่านพ้นช่วง High season ของน้ำกะทิไปแล้วในช่วง 3Q67 ที่ผ่านมา           ปรับประมาณการกำไรปี 67-68 ลง และปรับไปใช้ราคาเหมาะสมที่ 13.30 บาท หากกำไรใน 3Q67 ออกมาตามคาดจะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 67.3% ของประมาณการกำไรเดิมทั้งปี ประกอบกับแนวโน้มกำไรใน 4Q67 ที่คาดชะลอตัวลง QoQ เนื่องจากเป็น Low season ส่งผลให้ฝ่ายวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรปกติปี 67-68 ลง 6.7% และ 16.7% เป็น 824 ลบ. (+44.3% YoY) และ 1,067 ลบ. (+29.5% YoY) ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐานรายได้และ GPM ลงเพื่อสอดคล้องกับผลการดำเนินงานของบริษัท และเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น           นอกจากนี้ยังปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 68 โดยปรับ PE จากเดิมที่ 25.0 เท่า เป็น 18.0 เท่า ซึ่งคิดเป็นค่าเฉลี่ย PER68 ของกลุ่มเครื่องดื่มทำให้ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 13.30 บาท ซึ่งราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายบน PER67-68 ที่ 21.4 เท่า และ 15.7 เท่า ตามลำดับ และมี Upside gain 16.7% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ในเชิงกลยุทธ์อาจยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน เนื่องจากราคาหุ้นยังขาด Catalyst เชิงบวกในระยะสั้น

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

            หุ้นวิชั่น - ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ได้ประเมินหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 ในรอบครึ่งแรกปี 68 เบื้องต้น ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7, TCAP และหุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 ได้แก่ BCP, CENTEL, EA, TIDLOR โดยคาดว่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ไม่ติดอันดับเป็นสาเหตุที่ทำให้หลุดออกจาก SET50 ทั้งนี้ประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             สำหรับหุ้นคาดว่าจะเข้า SET100 ในรอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ JTS, CCET, COCOCO, PR9 ขณะที่คาดว่าหุ้นที่จะออกจาก SET100 ได้แก่ MBK, RBF, TIPH, TOA สาเหตุที่คาดว่า MBK และ TOA จะหลุดออกจาก SET100 เนื่องจาก Turnover ratio 1% ไม่ครบ 9 ใน 12 เดือน ส่วน TIPH จะหลุดจาก SET100 เพราะมูลค่าซื้อขายไม่ผ่านเกณฑ์ 25% ของค่าเฉลี่ยรวมทั้งตลาด 9 ใน 12 เดือน และ RBF ที่หลุด เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ติดอันดับ โดยประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) น่าจะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 ในรอบ ครึ่งแรกปี 68 ในช่วงวันที่ 13 - 18 ธ.ค.2567 และเริ่มใช้วันที่ 1 ม.ค.- มิ.ย. 2568             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากข้อมูลหุ้นที่เข้า SET50 ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หรือ 16 รอบของการปรับหุ้นเข้าและออกใน SET50 พบว่าหากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 1 เดือน ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.83% ขณะที่หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.15% ดังนั้น จากข้อมูลดังกล่าวพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงหุ้นใน SET50 นั้น หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนในเชิงบวก             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า หุ้นที่ได้รับการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง และมี เปอร์เซ็น upside สูง เป็นหุ้นที่น่าสนใจ โดยเมื่อเปรียบเทียบเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus กับค่า Z Score ช่วง 12 เดือน FWD PE 5 ปีย้อนหลัง หุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่างมีเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus สูง และมี SETESG Rating ในระดับ A ขึ้นไป ได้แก่ TCAP (7.7%) และ BANPU (0.5%) ในขณะที่ค่า Z-Scores 12 เดือน FWD PE 5 ปีจะอยู่ที่ -0.95 และ 0.003 ตามลำดับ             ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) กับราคาเป้าหมายย้อนหลัง 1 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้นได้แก่ COM7 ขณะที่หุ้นที่ราคาลงมามากที่สุด โดยเปรียบเทียบย้อนหลัง 1 เดือนล่าสุดได้แก่ BANPU (-11.3%) และเมื่อพิจารณาข้อมูลการซื้อขายสุทธิของผู้บริหาร ตั้งแต่ต้นปี 2567 ถึงปัจจุบัน จะได้หุ้นที่ มียอดซื้อขายสุทธิของผู้บริหารมากสุด ได้แก่ SAWAD 323.24 ล้านบาท และ BANPU 8.54 ล้าน บาท

[ภาพข่าว] COCOCO ร่วมงาน SIAL Paris 2024

[ภาพข่าว] COCOCO ร่วมงาน SIAL Paris 2024

          ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ และนางสาวพัฒรา ทัศจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและสารสนเทศ พร้อมด้วยคณะทำงานของบริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO  ยกขบวนสินค้าเข้าร่วมงาน SIAL Paris 2024 โดยเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เป็นมหกรรมแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมด้วยการเปิดโอกาสสำคัญของธุรกิจ โดยภายในงานยังมีผู้ประกอบการด้านธุรกิจการอาหารจากทั่วโลกถึง 6,500 ราย จากกว่า 104 ประเทศ โดยในครั้งนี้ COCOCO ขนสินค้าจากแบรนด์ Thai coco และสินค้าใหม่มากมาย เช่น สินค้าประเภทเครื่องดื่มจากน้ำมะพร้าวและไอศกรีมจากผลไม้ไทยภายใต้แบรนด์ SALA ไปร่วมงาน SIAL Paris 2024 ในครั้งนี้ รวมถึงสินค้าของ COCOCO ยังได้รับเลือกเป็นสินค้า SIAL Innovation Paris หลายรายการ ซึ่งงานครั้งนี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมชมงาน โดยมีการสอบถามถึงสินค้าและผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างล้นหลาม โดยงานจัดขึ้น ณ ศูนย์แสดงสินค้า Paris-Nord Villepinte  กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่  19-23 ตุลาคม 2567

[Gossip] COCOCO ขุมทรัพย์ พลังน้ำมะพร้าว Beverage – บริหารต้นทุนช่วงเก็บสต๊อก

[Gossip] COCOCO ขุมทรัพย์ พลังน้ำมะพร้าว Beverage – บริหารต้นทุนช่วงเก็บสต๊อก

          บริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO ผู้ดำเนินทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่แปรรูปจากมะพร้าว  รับอานิสงส์แบบเต็มๆ หลังราคามะพร้าวน้ำหอมราคาลดลงตกฮวบ …นาทีนี้นับว่าเป็นนาทีทองของ COCOCO เพราะถึงเวลาเก็บของ ตุนสต๊อกสินค้า โดยบริษัทฯมีความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ในการบริหารจัดการจัดหาแหล่งวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ           พร้อมย้ำ demand ความต้องการน้ำมะพร้าวแบบพร้อมดื่ม หรือ ผลิตภัณฑ์ Beverage ยังคงได้รับความต้องการสูงในตลาดต่างประเทศ  ซึ่งเมื่อต้นปี COCOCO เล็งเห็นถึงโอกาสและศักยภาพการเติบโต จึงมีการเตรียมความพร้อมด้านการผลิตสินค้า Beverage เพื่อรองรับความต้องการและการเติบโตในตลาดต่างประเทศ           สำหรับสินค้าของ COCOCO อาทิ น้ำมะพร้าวกล่องยูเอชที น้ำมะพร้าวพาสเจอไรซ์ กะทิบรรจุกระป๋อง กะทิบรรจุกล่องยูเอชที กะทิพาสเจอไรซ์ น้ำมะพร้าวบรรจุกระป๋อง ขนมมะพร้าว และอาหารสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ Thaicoco และ Cocoburi ซึ่งจัดจำหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก           ทิ้งท้ายความมั่นใจว่า.....แม้ในช่วงก่อนหน้าที่ราคามะพร้าวปรับตัวเพิ่มขึ้น บริษัทฯก็สามารถรับมือได้อย่างดี เรียกได้ว่า สามารถจัดการได้ทุกฤดูมะพร้าวกันเลยทีเดียว!!!

โบรกฯ แนะนำ ซื้อ COCOCO ผลงานโตเด่น เป้า 16 บาท

โบรกฯ แนะนำ ซื้อ COCOCO ผลงานโตเด่น เป้า 16 บาท

          หุ้นวิชั่น - โบรกฯ แนะ ซื้อ COCOCO คาดรับ sentiment บวก จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน -สหรัฐฯ ที่ยังเติบโตได้ เคาะราคาเป้าหมายที่ 16 บาท ระบุแรงหนุนผลงานเติบโตต่อเนื่อง และโดดเด่นกว่ากลุ่ม จากกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น ขณะที่มี PE ปี 68 น่าสนใจอยู่ที่ 15.4 เท่า สอดคล้องหุ้นเครื่องดื่มเน้นส่งออก รับประโยชน์ตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นสนับสนุน           บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า ภาพรวมยังคงมีมุมมองบวกต่อ COCOCO จาก earnings momentum 3Q24 ที่คาดจะยังสามารถทำ new high ได้ เบื้องต้นยังคาดที่ราว 250-260 ลบ. เพิ่มขึ้นราว 15% QoQ และ 60% YoYขณะที่ในส่วนผลกระทบค่าเงินบาทแข็งค่า จากที่ channel check ยังไม่มีนัยฯมาก           โดยผู้บริหารประเมินยอดขายปี 2025 มีโอกาสทะลุ 1 หมื่นลบ. (เร็วกว่าเป้าหมายเดิมปี 2025-2026 ที่ 8.4 พันลบ. และ 1 หมื่นลบ. ตามลำดับ) เบื้องต้นคิดเป็น upside จากประมาณการปี 2025 และตลาดที่ราว 15-20% อย่างไรก็ตาม ประเมินยังต้องติดตามผลกระทบต่อยอดขายหากบริษัทมีการปรับราคาใหม่ เพื่อสะท้อนต้นทุน และค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากขึ้น ทั้งนี้ คงคำแนะนำ ซื้อ จากแนวโน้มกำไรที่ยังเติบโตได้ดี และแผนขยายธุรกิจในปี 2025  ให้ราคาเป้าหมาย 16.00 บาทต่อหุ้น           บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี มีมุมมองต่อหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มที่เน้นการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ อาทิ COCOCO เริ่มฟื้นตัว เรามองแรงหนุนจากภาพใหญ่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ประคองได้ดีกว่าตลาดคาด ขณะที่จีนมีสัญญาณฟื้นตัวจุดต่ำสุด ผสานกำลังซื้อในประเทศมีสัญญาณทางบวก โดยเฉพาะการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลปลายปี           สำหรับหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มที่เน้นการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ เริ่มฟื้นตัว บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี มองแรงหนุนจากภาพใหญ่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ประคองได้ดีกว่าตลาดคาด ขณะที่จีนมีสัญญาณฟื้นตัวจุดต่ำสุด ผสานกำลังซื้อในประเทศมีสัญญาณทางบวก โดยเฉพาะการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลปลายปี บวกต่อ หุ้นกลุ่ม COCOCO ซึ่ง ส่งออกไปจีน 60% สหรัฐฯ 22% ของยอดขาย           นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี ประเมินว่า หุ้น บมจ.ไทย โคโคนัท (COCOCO) เป็น 1 ใน 3 หุ้นที่คาดว่าจะได้เข้า SET100 รอบนี้เช่นเดียวกับ CCET และ JTS โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค.67 และมีผลเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.68 สำหรับผลการคำนวณในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค.66-30 ก.ย.67 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน)           ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด แนะนำหุ้นกลุ่มส่งออก มองได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI, ITC, TU, COCOCO           บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยบทวิเคราะห์หุ้น COCOCO ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท อิง 2025E PER 19x (+0.4SD above peer average ที่อยู่ที่ 17.3x) มองว่า COCOCO มีจุดแข็งเรื่องของผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับต่อตลาดโลกทำให้สามารถขยายตลาดต่างประเทศรวดเร็ว           หุ้นมีปัจจัยพื้นฐานที่น่าสนใจจากการเติบโตต่อเนื่องของการบริโภคเครื่องดื่มน้ำผลไม้ โดยตลาดเครื่องดื่มผลไม้โลกมีการเติบโตมากถึง +12.7% CAGR 2020-24E จากเทรนด์การรักสุขภาพมากขึ้น           ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิปี 2024E/25E ที่ 875/1,157 ล้านบาท เติบโต +71%/+32% YoY โดยการเติบโตในปี 2024E/25E มาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากขวด PET ที่เพิ่มขึ้นและได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าประเทศในภูมิภาคเอเชีย แนวโน้ม 3Q24E จะเติบโตได้ดีต่อเนื่อง QoQ จากการที่ยังเป็น high season จากฤดูร้อน           ปัจจุบัน COCOCO เทรดอยู่ที่ 2024E PER 20x ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มไทย 5 บริษัท (CBG, PLUS, OSP, SAPPE, COCOCO) อยู่ที่ 20.9x อย่างไรก็ตาม COCOCO 2025E PER ยิ่งน่าสนใจ โดยอยู่ที่ 15.4x เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 2025E PER 17.3x โดยมองว่าราคาเหมาะสมควรสูงกว่าค่าเฉลี่ย PER ของกลุ่มจากการเติบโตที่โดดเด่นกว่ากลุ่มจากกำไรที่เติบโตเด่นกว่ากลุ่ม

COCOCO เล็งปี 2568 ยอดขายเกินหมื่นล้านบาท

COCOCO เล็งปี 2568 ยอดขายเกินหมื่นล้านบาท

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  แนะนำ “ซื้อ” เป้า 16 บาท  What’s new:           ราคาหุ้น COCOCO PLUS ปรับตัวขึ้นแรง 4-6% คาดเป็น sentiment บวก จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน + ประเทศสหรัฐฯที่ยังเติบโตได้ นอกจากนี้ น่าจะเป็นการเล่น laggard play ที่ถูก take profit ลงมาก่อนหน้า โดย switching จากกลุ่มที่ขึ้นมาแล้ว CBG หรือ earnings momentum อาจไม่โดดเด่น SAPPE  Impact           ภาพรวมฝ่ายวิเคราะห์ยังคงมีมุมมองบวกต่อ COCOCO จาก earnings momentum Q3/67 ที่คาดจะยังสามารถทำ new high ได้ เบื้องต้นยังคาดที่ราว 250-260 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 15% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 60% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ขณะที่ในส่วนผลกระทบค่าเงินบาทแข็งค่า จากที่ channel check ยังไม่มีนัยฯมาก ประเมินยอดขาย           ประเมินยอดขายปี 2568 มีโอกาสทะลุ 1 หมื่นลบ. (เร็วกว่าเป้าหมายเดิมปี 2568-2569 ที่ 8.4พันล้านบาท และ 1 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ) เบื้องต้นคิดเป็น upside จากประมาณการปี 2568 ของฝ่ายวิเคราะห์และตลาดที่ราว 15-20% อย่างไรก็ตาม ประเมินยังต้องติดตามผลกระทบต่อยอดขายหากบริษัทมีการปรับราคาใหม่ เพื่อสะท้อนต้นทุน และค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากขึ้น คำแนะนำ           ซื้อ จากแนวโน้มกำไรที่ยังเติบโตได้ดี และแผนขยายธุรกิจในปี 2568

[Gossip] COCOCO เดินทางไปจีน รับออเดอร์ตุนปีหน้า

[Gossip] COCOCO เดินทางไปจีน รับออเดอร์ตุนปีหน้า

          ดร.วรวัฒน์ ชิ้นปิ่นเกลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ของบริษัท ไทย โคโคนัท จำกัด (มหาชน) หรือ COCOCO เดินทางไปยังประเทศจีน  ช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อสำรวจตลาด และเยี่ยมชมกิจการของคู่ค้าในประเทศจีน นอกจากนี้ ทางผู้บริหาร ยังพบปะลูกค้า เพื่อรับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในปีหน้าเรียบร้อยแล้วและมีแนวโน้มเติบโต 40-50%จากปีก่อน  ซึ่งส่วนตัวมองว่า การที่ประเทศจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค  และ COCOCO รับอานิสงส์เชิงบวกด้วยเช่นกัน           ขณะเดียวกัน อัตราแลกเปลี่ยนในช่วงนี้ที่มีความผันผวน ทางบริษัทแจ้งมีการป้องกันความเสี่ยง ทำ Forward Contract เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงินไว้ล่วงหน้า และมีการใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงิน หยวน ในการซื้อขายเพิ่มขึ้นซึ่งมีความผันผวนน้อย           ในส่วนของฐานการผลิตของบริษัทฯ แข็งแกร่ง โดยตั้งแต่หลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้น ได้นำเงินระดมทุนเสริมทัพการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีไลน์ผลิตเพิ่มขึ้น หนุน Utilization rate น้ำมะพร้าว ทำให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น

โผหุ้นรับกระตุ้นศก.จีน

โผหุ้นรับกระตุ้นศก.จีน

          หุ้นวิชั่น รายงานว่า บล. DAOL เผยว่า จีนเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หลังเศรษฐกิจชะลอตัว เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2024 ธนาคารประชาชนจีน (PBOC) ได้ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงินและมาตรการสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ครงั้ ใหญ่ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กา ลังเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะเงินฝืด และมีความเสี่ยงที่จะไม่บรรลุเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ โดย PBOC ประกาศปรับลดปริมาณการตงั้ เงินสา รองไว้ที่อัตราที่ต่า ที่สุดตงั้ แต่ปี 2020 และปรับลดอัตราดอกเบ้ยี นโยบาย ซึ่งถือเป็นครงั้ แรกในรอบทศวรรษที่มาตรการทงั้ สองถูกปรับลดในวันเดียวกัน นอกจากนี้ผู้ว่าการธนาคารกลางยังประกาศมาตรการสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ โดยมีรายละเอียดมาตรการของ PBOC ไว้ดังนี้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Reverse Repo Rate ระยะ 7 วัน ลงจาก 1.7% เป็น 1.5% ปรับลดอัตราส่วนการตั้ง เงินสำรอง (Reserve Require Ratio) ลง 0.50% ปล่อยสภาพคล่องจำนวน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 142 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ปรับลดอัตราดอกเบ้ยี ระยะกลาง (Medium-Term Lending Facility) ลง 0.3% ปรับลดอัตราเงินดาวน์ขนั้ ต่า สา หรับผ้ซู ื้อบ้านหลังที่ 2 ลงจาก 25% เป็น 15%           การผ่อนคลายนโยบายการเงินในครั้ง นี้มากกว่าทนีั่กเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาด และมีโอกาสในการผ่อนคลายเพิ่มเติมในไตรมาสต่อๆ ไป หลังจากที่ Fed ปรับลดอัตราดอกเบ้ยี ลงมามากกว่าคาด DAOL มองเป็น sentiment เชิงบวกระยะสั้นต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจีน เช่น กลุ่มปิโตรเคมีและแพ็กเกจจิ้ง, พลังงานต้นน้ำ , โลจิสติกส์, ยางพารา และส่งออกอาหารไปจีน กลุ่มปิโตรเคมีและแพ็คเกจจิ้ง (PTTGC, IVL, IRPC, SCC, SCGP) เนื่องจากอา นาจในการซื้อของผู้บริโภคที่สูงขึ้นเสริมให้มีการอุปโภคบริโภคภายในประเทศสูงขึ้น ทงั้ นี้ เราเชื่อว่า SCGP จะได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากมีรายได้โดยตรงจากส่งออกไปจีน พลังงานต้นนา้ (PTTEP, BANPU) เนื่องจากอา นาจในการซื้อของผู้บริโภคที่สูงขึ้นจะส่งผลบวกต่อความต้องการใช้พลังงานต้นนา้ ทงั้ นี้ เราเชื่อว่า PTTEP จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการที่จีนเป็นผู้นา เข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก โลจิสติกส์ (RCL, PSL, WICE, LEO, SJWD) เนื่องจากจะส่งผลบวกต่อกิจกรรมการขนส่งดีขึ้น จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดย RCL และ PSL จะได้ประโยชน์มากกว่าจากอัตราค่าระวางเรือที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ยางพารา (STA, TEGH, NER) เนื่องจากจีนเป็นตลาดส่งออกยางสา คัญของไทย โดยเฉพาะยางแท่ง ซึ่งตลาดจีนคิดเป็นสัดส่วนราว 40-50% ของส่งออกยางแท่งรวม ทงั้ น้เี ราคาด STA จะได้ประโยชน์มากสุด เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากจีนสูงถึง 50% ส่งออกอาหารไปจีน (TKN, COCOCO, PLUS) เนื่องจากจีนเป็นตลาดส่งออกใหญ่ของผู้ประกอบการหลายราย โดย COCOCO มีสัดส่วนรายได้จากจีนประมาณ 28% ของรายได้รวม ส่วน PLUS มีสัดส่วนมากกว่า 20% ขณะที่ TKN มีสัดส่วนรายได้จากจีนที่ 22-24% ของรายได้รวม Top picks เราเลือก SCGP, PTTEP, NER, COCOCO

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011