ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#CCET


DELTA-CCET กอดคอพุ่ง คลายกังวลภาษีทรัมป์-ยอดขาย Q1 โตแกร่ง

DELTA-CCET กอดคอพุ่ง คลายกังวลภาษีทรัมป์-ยอดขาย Q1 โตแกร่ง

           หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) ระบุว่า ยอดขายมี.ค. 25 กลุ่มชิ้นส่วนฯ ที่เชื่อมโยงกับหุ้นในกลุ่มดังนี้ CCET ยอดขายมี.ค. 25 +5% y-y, +11% m-m โดยรวม 1Q25 +12% y-y, -13% q-q ยอดขายกลุ่ม Harddisk เป็นแรงขับเคลื่อน ทั้งนี้ โดยรวมเป็นระดับการเติบโต y-y ที่ชะลอลงกว่าช่วงก่อนหน้าจากผลกระทบความกังวลต่อเศรษฐกิจจากมาตรการกีดกันการค้า DELTA ไต้หวัน ยอดขายมี.ค. 25 +38% y-y, +14% m-m ดีกว่าตลาดประเมิน หนุนยอดขายธุรกิจเชื่อมโยงฝั่งยานยนต์ โดยรวม 1Q25 +30% y-y, +4% q-q ส่วนหนึ่งเกิดจากยอดขายที่เร่งก่อนมีผลกระทบภาษี ส่วนงวด 2Q25 เริ่มมีความเสี่ยงยอดขายชะลอจากผลกระทบดังกล่าว            ยอดขาย 1Q25 ทั้ง 2 บริษัทยังเติบโตได้ดี y-y ขณะที่ระยะสั้นมีภาวะสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศผ่อนคลาย แนะนำเก็งกำไร DELTA แนวรับ (58.75/57.0) แนวต้าน (64/69.25) Stop Loss 65.5 และ CCET แนวรับ (4.76/4.62) แนวต้าน (5.25/5.55) Stop Loss 4.6            

หยวนต้า คาด CCET กำไรโตต่อ 11% ปันผล Yield 2% - XD 19 มี.ค.นี้

หยวนต้า คาด CCET กำไรโตต่อ 11% ปันผล Yield 2% - XD 19 มี.ค.นี้

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง CCET ว่า สาระสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์ Event             ► ผลประกอบการ 4Q24 ที่ต่ำกว่าตลาดคาด แต่เป็นปัจจัยชั่วคราวดังนี้ GPM ที่ลดลงใน 4Q24 เกิดจาก product mix ระหว่างไตรมาส และการสนับสนุนการขายให้ลูกค้าในช่วงหาลูกค้าสำหรับปี 2025 การให้โบนัสพนักงานใน 4Q24 ที่สูงกว่าอดีต             ► ความเสี่ยงสงครามการค้า และกลยุทธ์รับมือสำคัญของบริษัทฯ มีดังนี้ การขึ้นภาษีระหว่างกันทั่วโลก หากรุนแรงเกินระดับ 10-20% CCET พร้อมที่จะไปขึ้นโรงงานให้ลูกค้าในตลาด USA หากเป็นความต้องการของลูกค้า ในกรณีที่อัตราภาษีถูกปรับเพิ่มขึ้นระดับ +/-10% CCET คาดว่าจะสามารถผลักภาษีไปที่ราคาขายให้กับลูกค้าได้             ► ในกรณีที่การเก็บภาษีกระทบมาถึงประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิตสำคัญของกลุ่ม ผู้บริหารประเมินว่าโอกาสเกิดขึ้นต่ำ และน่าจะกระทบหลังประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดหลักที่ลูกค้าเลือกย้ายมาโรงงานใหม่ของ CCET อย่างไรก็ดีหากโรงงานในไทยได้รับผลกระทบ CCET สามารถย้ายการผลิตได้ราว 30% ไปผลิตที่โรงงานในเครือที่ฟิลิปปินส์เพื่อลดผลกระทบ             ► โรงงานใหม่                         โรง 16 ที่มหาชัย เริ่มผลิตตั้งแต่ 4Q24 เน้นการผลิต SSD แต่ในปี 2025 CCET จะพยายามเพิ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Data Center เช่น Server ในโรงงานแห่งนี้                         โรงงานใหม่ที่เพชรบุรี 3 โรง                         โรง 15 อยู่ในขั้นตอนการติดตั้งเครื่องจักร คาดว่าจะเริ่มทำการผลิตได้อย่างเป็นทางการในเดือน พ.ค. 25 – มิ.ย. 25 บริษัทฯ คาดว่า โรง 15 จะผลิตเต็มศักยภาพในปี 2026                         โรง 13 และโรง 14 อยู่ระหว่างพูดคุยเพื่อหาลูกค้าหลักที่จะใช้งานระยะยาว ทำให้ต้องใช้เวลาอีกระยะ             ► Guidance 1Q25             GPM ฟื้นตัว QoQ ขณะที่ยอดขายสองเดือนแรกเติบโตระดับ Double Digit สะท้องแนวโน้มงบ 1Q25 ที่มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง หากสามารถเติมลูกค้าในโรงงานใหม่ได้สำเร็จ บริษัทฯ คาดว่ายอดขายจะเติบโตระดับ 10% ได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีจากนี้ Our Take             ► เรายังไม่มีประมาณการและคำแนะนำอย่างเป็นทางการสำหรับ CCET เบื้องต้นเราคาดการณ์กำไรปกติปี 2025 ที่ +/-3.5 พันล้านบาท หรือกำไรโต 11% YoY คิดเป็น EPS25 ที่ราว 0.33 บาทต่อหุ้น             ► ราคาหุ้นปัจจุบันที่ +/-6.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น PER25 ที่ 19.4x ไม่แพงเหมือนช่วงก่อนหน้าที่ขึ้นไปซื้อขายถึงระดับ PER 20-25x แต่ก็ไม่ใช่ระดับที่ถูกสำหรับหุ้นกลุ่ม Consumer Electronic ที่ปกติจะซื้อ                     ขายในช่วง 15-20x             ► อย่างไรก็ดี หากการเติบโตทำได้ดีกว่า 3.5 พันล้านบาท เช่น             CCET ทำกำไรได้ 4.0 พันล้านบาท (+27% YoY) EPS25 จะอยู่ที่ 0.38 บาทต่อหุ้น สมมติให้หุ้นซื้อขาย PER 20x ราคาหุ้นในกรณีที่ดีอาจไปได้ถึง 7.65 บาทต่อหุ้น เป็นกรอบบนในการเก็งกำไรในปี 2025             ► อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความเสี่ยงสงครามการค้าที่สูง โดยเฉพาะใน 2Q25 เราประเมินว่าเร็วเกินไปที่จะมองกรณีดังกล่าว             ► CCET ประกาศจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการ 2H24 ที่ 0.13 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Yield 2.0% XD วันที่ 19 มี.ค. 25

CCET ปันผล 0.13 บ./หุ้น XD 19 มี.ค.68

CCET ปันผล 0.13 บ./หุ้น XD 19 มี.ค.68

หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (CCET) ประกาศจ่ายปันผลเป็นเงินสด วันที่คณะกรรมการมีมติ : 27 ก.พ. 2568 ชนิดการปันผล : จ่ายปันผลเป็นเงินสด วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) : 20 มี.ค. 2568 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) : 19 มี.ค. 2568 จ่ายให้กับ : ผู้ถือหุ้นสามัญ อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด (บาทต่อหุ้น) : 0.13 จ่ายจากกำไรสุทธิ ส่วนที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (NON-BOI)(บาท/หุ้น) : 0.00 จ่ายจากกำไรสุทธิ ส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI)(บาท/หุ้น) : 0.13 มูลค่าที่ตราไว้ (Par)(บาท) : 1.00 วันที่จ่ายปันผล : 20 พ.ค. 2568 จ่ายปันผลจาก : งวดดำเนินงานวันที่ 01 ก.ค. 2567 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2567

CCET ปี 67 กำไรพุ่ง 128% ต้นทุนขายลดลง

CCET ปี 67 กำไรพุ่ง 128% ต้นทุนขายลดลง

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (CCET) เปิดเผยผลการดำเนินงาน สำหรับปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ตามงบการเงินเปรียบเทียบกับปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีรายละเอียด ดังนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 82 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 2,562.80 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 128.66 จาก 31.85 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 1,107.21 ล้านบาท) เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา และอัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 135.50 จากร้อยละ 0.74 ในปี 2566 เป็นร้อยละ 1.74 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นสำหรับปี 2567 ส่วนใหญ่มาจากการบริหารธุรกิจโดยรวมที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าทั้งหมด 4,193.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 147,110.75 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 2.90 จากปี 2566 ทั้งนี้ การลดลงของรายได้จากการขายส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความต้องการของตลาดโลกโดยรวมที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีต้นทุนขายเท่ากับ 3,971.64 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 139,323.53 ล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 94.71 ของรายได้จากการขาย ซึ่งลดลงร้อยละ 0.21 จากร้อยละ 94.91 ในปีก่อนหน้า สำหรับอัตราส่วนกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ปี 2567 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.09 เป็นร้อยละ 5.29 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากโครงสร้างต้นทุนโดยรวมที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 118.03 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 4,140.18 ล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 2.81 ของรายได้จากการขายรวม ซึ่งลดลงร้อยละ 5.49 จากร้อยละ 2.98 ในปีก่อนหน้า การลดลงของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารส่วนใหญ่เกิดจากการปรับโครงสร้างภายในของบริษัทฯ เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการบริหารโดยรวมของบริษัทฯ และบริษัทฯ ย่อยในต่างประเทศ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและบริหารจัดการลูกค้าที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายทางการเงินเท่ากับ 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 652.30 ล้านบาท) ซึ่งปรับตัวลดลงร้อยละ 62.68 จาก 49.84 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 1,732.47 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทั้งนี้ การลดลงของค่าใช้จ่ายทางการเงินส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของเงินกู้ยืมจากธนาคารที่ใช้ในการสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทฯ ย่อย และการขยายโรงงานในประเทศไทย เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

CCET พุ่ง 8.90% รับยอดขายม.ค.เพิ่มขึ้น 18.7% YoY

CCET พุ่ง 8.90% รับยอดขายม.ค.เพิ่มขึ้น 18.7% YoY

         หุ้นวิชั่น - บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (CCET) เปิดเผยยอดขายเดือนมกราคม 2568 เท่ากับ 366,950 พันเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.76% MoM และ 18.7% YoY จากเดือนมกราคม 2567 ด้านบล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุ ที่ผ่านมา CCET รายงานยอดขายออกมามีทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับงบไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะเติบโต Q-Q และ YoY อย่างไรก็ตาม สินค้าของ CCET มีทั้งมาร์จิ้นสูงและต่ำ และการรายงานยอดขายของบริษัทไม่ได้มีการแยกประเภทสินค้า ดังนั้นอาจทำให้งบไม่เติบโตได้ ถ้ายอดขายที่เติบโตเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นต่ำ

DELTA จับมือ CCET ยกระดับนวัตกรรมระบบอัตโนมัติเพื่ออุตสาหกรรมอัจฉริยะ

DELTA จับมือ CCET ยกระดับนวัตกรรมระบบอัตโนมัติเพื่ออุตสาหกรรมอัจฉริยะ

          หุ้นวิชั่น - กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 16 ธันวาคม 2567 — บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SET Ticker: Delta) ผู้นำระดับโลกด้านการจัดการพลังงานและผู้ให้บริการโซลูชันสีเขียวอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย IoT และ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SET Ticker: CCET) ผู้นำด้านอุตสาหกรรม 4.0+ และเป็นบริษัทชั้นนำด้านการผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วนอีเล็คโทรนิคส์ (Electronics manufacturing Services (EMS)) ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อยกระดับการทำงานร่วมกันด้านระบบอัตโนมัติในภาคอุตสาหกรรม ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการพัฒนาประสิทธิภาพ นวัตกรรม และความยั่งยืนในอุตสาหกรรม EMS           นายคงสิทธิ์ โจวกิจเจริญ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แคล-คอมพ์ฯ และเดลต้าต่างดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 35 ปี และประสบความสำเร็จในธุรกิจของตนเป็นอย่างดี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แคล-คอมพ์ฯ มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการใช้ automated smart manufacturing ในทุกกระบวนการผลิต และใช้ระบบดิจิทัลในการบริหารจัดการ ตามความมุ่งมั่นเพื่อการรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในอุตสาหกรรม EMS  ในขณะที่เดลต้าก็ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในด้านการอนุรักษ์พลังงานและลดการปล่อยคาร์บอน ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ และโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ด้วยเหตุนี้ เราจึงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมมือกับเดลต้าในการพัฒนาและยกระดับกระบวนการผลิตอัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ไทยสู่อีกขั้นของความสำเร็จ”           นายวิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้วางรากฐานความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับแคล-คอมพ์ฯ ผ่าน MOU ฉบับนี้ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการผลิตอัจฉริยะและการพัฒนาตามแนวทางอุตสาหกรรม 4.0+ ในภาคอุตสาหกรรม EMS การผนวกรวม โซลูชันระบบอัตโนมัติ และ AI ที่ทันสมัยของเดลต้าเข้ากับกระบวนการผลิตของแคล-คอมพ์ฯนั้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิผลในสายการผลิต และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือภายใต้ MOU นี้จะเปิดโอกาสให้ทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันพัฒนา และมุ่งสู่การเป็นโรงงานอัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นได้”           จากความร่วมมือที่แน่นแฟ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา MOU ฉบับนี้ได้ยกระดับโครงการความสำเร็จต่าง ๆ ระหว่างเดลต้าและแคล-คอมพ์ฯ ให้เป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้หุ่นยนต์ SCARA เทคโนโลยี DIATwin และโครงการประหยัดพลังงาน ความสำเร็จเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจน ทั้งด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน และความยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นรากฐานสำคัญในการต่อยอดความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติขั้นสูงอย่าง DIAEAP-IMM           แพลตฟอร์ม CCET 4.0+ (Cell & Connection & Equipment E-System & Transportation) ของแคล-คอมพ์ฯ ซึ่งประกอบด้วยโซลูชัน AI และศูนย์ข้อมูลควบคุมการผลิต ที่ผนวกรวมกับโซลูชัน DIAEAP-IMM ของเดลต้า เป็นหัวใจสำคัญของความร่วมมือครั้งนี้ โดยมุ่งเน้นพัฒนาระบบอัตโนมัติสำหรับงานฉีดพลาสติก แพลตฟอร์มขั้นสูงนี้รวมความสามารถด้าน IoT การติดตามแบบเรียลไทม์ และการวิเคราะห์ด้วย AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดของเสีย และยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ การผสานเทคโนโลยีจากทั้งสององค์กรจะช่วยพัฒนาระบบใหม่ที่สามารถควบคุมตัวแปรได้แม่นยำ เพิ่มประสิทธิภาพการไหลตัวของแม่พิมพ์ และลดความผิดพลาดในการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ด้วยศักยภาพในการประมวลข้อมูลดิบให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่พร้อมใช้งาน DIAEAP-IMM จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ไร้ตำหนิและรักษามาตรฐานคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง           ความร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรม EMS ด้วยการผนวกจุดแข็งด้านระบบอัตโนมัติของเดลต้าเข้ากับศักยภาพการผลิตของแคล-คอมพ์ฯ ทั้งสององค์กรมุ่งมั่นที่จะสร้างบรรทัดฐานใหม่ของการผลิตที่ชาญฉลาดและยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนนวัตกรรมและการดูแลสิ่งแวดล้อมให้ทัดเทียมมาตรฐานและเทรนด์การผลิตระดับโลก [PR News]

จับตา!หุ้นเข้า SET50 BANPU-SAWAD-COM7-CCET

จับตา!หุ้นเข้า SET50 BANPU-SAWAD-COM7-CCET

          หุ้นวิชั่น -  หุ้นวิชั่น -ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า หุ้นที่คาดการณ์ว่าจะเข้า SET50 รอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7 และ CCET ขณะที่หุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 ได้แก่ BCP CENTEL EA TIDLOR โดยเชื่อว่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ไม่ติดอันดับเป็น สาเหตุที่ทำให้หลุดออกจาก SET50   กรณีของ CCET ที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบครึ่งแรกปี 68 นั้น เชื่อว่าจะทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้าดัชนี SET50 538.84 ล้านบาท ขณะที่ TIDLOR ที่คาดออกจาก SET50 จะทำให้มีเงินทุนไหลออกจากดัชนี SET50  324.74 ล้านบาท   สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET100 รอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ CCET, JTS, PR9 และ COCOCO ส่วนหุ้นที่คาดว่า จะออกจาก SET100 ได้แก่ MBK, RBF, TIPH และ TOA โดยสาเหตุที่น่าจะทำให้ MBK และ TOA หลุดออกจาก SET100 เนื่องจาก Turnover ratio 1% ไม่ครบ 9 ใน 12 เดือน ส่วน TIPH ที่คาดออก เพราะมูลค่าซื้อขายไม่ผ่านเกณฑ์ 25% ของค่าเฉลี่ยรวมทั้งตลาด 9 ใน 12 เดือน ขณะที่ RBF คาดออก เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ติดอันดับ ทั้งนี้คาดว่า CCET จะเข้า SET100 จะทำให้เกิดเงินทุนไหลเข้าดัชนี SET100 46.15 ล้านบาท และ MBK จะทำให้มีเงินทุนไหลออกจากดัชนี SET100 19.98 ล้านบาท             โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 รอบครึ่งแรกปี 68 ในช่วงวันที่ 13 - 18 ธันวาคม 67 นี้ และเริ่มใช้วันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 68   ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากข้อมูลหุ้นที่เข้า SET50 ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หรือ 16 รอบของการปรับหุ้นเข้าและออกใน SET50 พบว่า หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้าก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ 1 เดือน จะให้ ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.83% ขณะที่หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้าก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ 2 สัปดาห์ ผลตอบแทนเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2.15% จากข้อมูลดังกล่าวชี้ว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงหุ้นใน SET50 นั้น หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนเชิงบวก         นอกจากนี้ยังพบว่า หุ้นที่ได้รับการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง และมี Upside สูง เป็นหุ้นที่น่าสนใจ ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI จึงทำการเปรียบเทียบ % Upside to target price ของ Bloomberg consensus กับค่า Z Score 12M FWD PE 5 ปีย้อนหลัง พบว่า หุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง มี % Upside to target price สูง และมี SETESG Rating ระดับ A ขึ้นไป ได้แก่ COM7 มี Upside 10.6% , BANPU มี Upside 5.7% ขณะที่ค่า Z-Scores 12M FWD PE 5 ปี อยู่ที่ -0.99 และ -0.02 ตามลำดับ             เมื่อเปรียบเทียบ การปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) กับราคาเป้าหมาย (Target price) ย้อนหลัง 1 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ได้แก่ CCET (EPS ถูกปรับขึ้น 6.5%, Target price ถูกปรับขึ้น 52.9%) และหากเปรียบเทียบการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้นกับราคาเป้าหมายย้อนหลัง 6 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ได้แก่ CCET (EPS  ถูกปรับขึ้น 26.9%, Target price ถูกปรับขึ้น 81.4% และ COM7 (EPS ถูกปรับขึ้น 8.0%, Target price ถูกปรับขึ้น 35.0%)   ขณะที่หุ้นที่มีราคาปรับลงมากที่สุด โดยเปรียบเทียบย้อนหลัง 1 เดือนล่าสุด ได้แก่ BANPU ราคาปรับลง 7.3% และ SAWAD ปรับลง 3.6% และเมื่อพิจารณาข้อมูลการซื้อขายสุทธิของผู้บริหาร ตั้งแต่ต้นปี 67 ถึงปัจจุบัน จะได้หุ้นที่มียอดซื้อขายสุทธิของผู้บริหารมากสุด ได้แก่ SAWAD 323.24 ล้านบาท, CCET 14.45 ล้านบาท และ BANPU 8.54 ล้านบาท

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

CCET ขายหุ้นในบริษัทย่อย CCBS มูลค่าเกือบ 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

CCET ขายหุ้นในบริษัทย่อย CCBS มูลค่าเกือบ 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

          หุ้นวิชั่น -  บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET แจ้งการขายหุ้นในบริษัท Cal-Comp Industria de Semiconductores S.A. (CCBS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CCET ถือหุ้นอยู่ 58.03% โดยการขายหุ้นครั้งนี้ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567           รายละเอียดธุรกรรม: • ผู้ซื้อ: บริษัท Digitron da Amazonia Industria e Comercio LTDA • มูลค่าธุรกรรม: 5,947,725.02 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 213 ล้านบาท) • ขนาดธุรกรรม: 0.23% ของมูลค่าสินทรัพย์รวม ไตรมาส 3/2567 • ไม่มีความเกี่ยวโยง: ผู้ซื้อไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกับ CCET • วันที่คาดว่าธุรกรรมเสร็จสิ้น: ไตรมาส 4/2567 ธุรกรรมนี้เป็นไปเพื่อปรับโครงสร้างภายในองค์กรและเพิ่มประสิทธิภาพของกลุ่มบริษัท โดยไม่ได้เข้าข่ายเป็นรายการที่มีนัยสำคัญ หรือรายการที่เกี่ยวโยงกันตามหลักเกณฑ์ของตลาดทุน ทั้งนี้ CCET จะใช้รายได้จากการขายหุ้นเพื่อบริหารจัดการและเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทต่อไป

CCET เผยกำไรไตรมาส 3/67 พุ่ง 93.63% ที่ 676.03 ล้านบาท

CCET เผยกำไรไตรมาส 3/67 พุ่ง 93.63% ที่ 676.03 ล้านบาท

          CCET ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ทะลุ 19.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 676.03 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 93.63% เทียบปีก่อน พร้อมเผยกำไร 9 เดือนปี 2567 แตะ 54.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โตแรง 89.30% ผลจากการบริหารธุรกิจที่ดีขึ้นและความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นในบางกลุ่มผลิตภัณฑ์           บริษัท แคล-คอมพ์ อิเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ขอเรียนชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 3 และงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 ตามงบการเงินเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 และงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 โดยมีรายละเอียดดังนี้: รายได้จากการขาย           ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าเท่ากับ 1,145.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 38,955.61 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.30 จากไตรมาสที่ 3 ปี 2566 รายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการเครื่องพิมพ์ ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล และอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสนี้           สำหรับงวดเก้าเดือนปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าเท่ากับ 3,001.98 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 106,594.84 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 5.94 จากงวดเก้าเดือนของปี 2566 ทั้งนี้ การลดลงของรายได้จากการขายส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความต้องการของตลาดโลกโดยรวมที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ           สำหรับไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 19.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 676.03 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 93.63 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.01 เป็นร้อยละ 1.74 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน           สำหรับงวดเก้าเดือนปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 54.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่ากับ 1,953.69 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 89.30 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรสุทธิสำหรับงวดเก้าเดือนปี 2567 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.91 เป็นร้อยละ 1.83 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน           กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการบริหารธุรกิจโดยรวมที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

เก็งโผหุ้นเข้า SET50 BANPU, SAWAD, COM7, TCAP

            หุ้นวิชั่น - ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ได้ประเมินหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 ในรอบครึ่งแรกปี 68 เบื้องต้น ได้แก่ BANPU, SAWAD, COM7, TCAP และหุ้นที่คาดว่าจะออกจาก SET50 ได้แก่ BCP, CENTEL, EA, TIDLOR โดยคาดว่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ไม่ติดอันดับเป็นสาเหตุที่ทำให้หลุดออกจาก SET50 ทั้งนี้ประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             สำหรับหุ้นคาดว่าจะเข้า SET100 ในรอบครึ่งแรกปี 68 ได้แก่ JTS, CCET, COCOCO, PR9 ขณะที่คาดว่าหุ้นที่จะออกจาก SET100 ได้แก่ MBK, RBF, TIPH, TOA สาเหตุที่คาดว่า MBK และ TOA จะหลุดออกจาก SET100 เนื่องจาก Turnover ratio 1% ไม่ครบ 9 ใน 12 เดือน ส่วน TIPH จะหลุดจาก SET100 เพราะมูลค่าซื้อขายไม่ผ่านเกณฑ์ 25% ของค่าเฉลี่ยรวมทั้งตลาด 9 ใน 12 เดือน และ RBF ที่หลุด เพราะมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ติดอันดับ โดยประเมินจากข้อมูล ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 หากข้อมูลครบ จะคำนวณใหม่อีกครั้ง             โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) น่าจะประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50 และ SET100 ในรอบ ครึ่งแรกปี 68 ในช่วงวันที่ 13 - 18 ธ.ค.2567 และเริ่มใช้วันที่ 1 ม.ค.- มิ.ย. 2568             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ระบุว่า จากข้อมูลหุ้นที่เข้า SET50 ในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หรือ 16 รอบของการปรับหุ้นเข้าและออกใน SET50 พบว่าหากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 1 เดือน ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3.83% ขณะที่หากซื้อหุ้นที่เข้า SET50 ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ ก่อนวันเริ่มใช้ SET50 รอบใหม่ ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.15% ดังนั้น จากข้อมูลดังกล่าวพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของการเปลี่ยนแปลงหุ้นใน SET50 นั้น หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 จะให้ผลตอบแทนในเชิงบวก             ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI มองว่า หุ้นที่ได้รับการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีการซื้อขายอยู่ในโซนล่าง และมี เปอร์เซ็น upside สูง เป็นหุ้นที่น่าสนใจ โดยเมื่อเปรียบเทียบเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus กับค่า Z Score ช่วง 12 เดือน FWD PE 5 ปีย้อนหลัง หุ้นที่มีการซื้อขายอยู่ในโซนล่างมีเปอร์เซ็น upside ของราคาหุ้นต่อราคาเป้าหมายของ Bloomberg consensus สูง และมี SETESG Rating ในระดับ A ขึ้นไป ได้แก่ TCAP (7.7%) และ BANPU (0.5%) ในขณะที่ค่า Z-Scores 12 เดือน FWD PE 5 ปีจะอยู่ที่ -0.95 และ 0.003 ตามลำดับ             ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบการปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) กับราคาเป้าหมายย้อนหลัง 1 เดือน จะได้หุ้นที่ถูกปรับประมาณการเพิ่มขึ้นได้แก่ COM7 ขณะที่หุ้นที่ราคาลงมามากที่สุด โดยเปรียบเทียบย้อนหลัง 1 เดือนล่าสุดได้แก่ BANPU (-11.3%) และเมื่อพิจารณาข้อมูลการซื้อขายสุทธิของผู้บริหาร ตั้งแต่ต้นปี 2567 ถึงปัจจุบัน จะได้หุ้นที่ มียอดซื้อขายสุทธิของผู้บริหารมากสุด ได้แก่ SAWAD 323.24 ล้านบาท และ BANPU 8.54 ล้าน บาท

abs

มุ่งมั่นเป็นผู้นำ เชื่อมโยงทุกโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน

[Gossip] CCET ลุ้นเข้าคำนวณ SET 100

[Gossip] CCET ลุ้นเข้าคำนวณ SET 100

ปุกาด ปุกาด...ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้การประกาศรายชื่อหุ้นที่เตรียมเข้า SET50 และ SET100 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ กันแล้ว ล่าสุด โบรกฯเริ่มออกบทวิเคราะห์หุ้นดี มีลุ้นถูกดึงเข้าคำนวณดัชนีในต้นปี 68 ...แว่วว่า  บมจ.แคล - คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (CCET) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ติดโผเข้า SET100 รอบนี้ด้วย และประเมินมีโอกาสมากถึง 90% ... แบบนี้เตรียมนับถอยหลังไม่นานเกินรอ มีเฮ! แน่นอนคร้า

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011