ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#BGC


BGC ปักธงรายได้ 4-5% ขยายตลาดต่างประเทศเพิ่ม

BGC ปักธงรายได้ 4-5% ขยายตลาดต่างประเทศเพิ่ม

          หุ้นวิชั่น - BGC ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 โต 4-5% เดินหน้าพัฒนาบรรจุภัณฑ์นอกเหนือจากแก้ว มุ่งขยายธุรกิจอย่างยั่งยืน มองหาโอกาสสร้างรายได้ผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากพื่อเพิ่มความหลากหลายในระบบ ECOSYSTEM พร้อมวางงบลงทุนในปี 2568 ไว้ที่ 500-600 ล้านบาท เดินหน้าขายยลาดต่างประเทศเพิ่ม           นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เปิดเผยแผนงานและเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 2568 โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 4-5% จากปีก่อน โดยเน้นการผลักดันธุรกิจกลุ่มบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ นอกเหนือจากแก้ว เพื่อสร้างความหลากหลายและเพิ่มศักยภาพในการเติบโต ธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วยังคงเป็นธุรกิจหลัก           ปัจจุบัน กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วยังคงเป็นธุรกิจหลัก คิดเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 82% บริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับคู่ค้าผ่านการใช้พลังงานสะอาดและการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน เร่งขยายธุรกิจนอกเหนือจากผลิตภัณฑ์แก้ว           สำหรับธุรกิจอื่น ๆ เช่น ถุงบรรจุภัณฑ์และกระป๋องนม บริษัทตั้งเป้าเติบโตในอัตรา 35-40% จากเดิมที่มีการเติบโตอยู่ที่ 17-18% โดยมีแผนขยายธุรกิจให้กว้างขวางขึ้น พร้อมพัฒนานวัตกรรมการขายที่หลากหลาย ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าธุรกิจในกลุ่มนี้จะเริ่มสร้างกำไรได้มากขึ้นภายใน 2-3 ปีข้างหน้า           นอกจากนี้ BGC ยังเล็งหาโอกาสในธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากแก้ว ล่าสุดได้จัดตั้ง BGCS บริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจด้าน Supply Chain เพื่อเพิ่มความหลากหลายในระบบ ECOSYSTEM ของบริษัท และเสริมสร้างความมั่นคงให้กับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) งบลงทุนปี 2568 อยู่ที่ 500-600 ล้านบาท           บริษัทวางงบลงทุนในปี 2568 ไว้ที่ 500-600 ล้านบาท เพื่อใช้ในส่วนของเครื่องจักร การพัฒนาทรัพยากรบุคคล และการปรับปรุงโรงงานที่จังหวัดปราจีนบุรี สำหรับต้นทุนวัตถุดิบคาดว่าจะยังคงเท่ากับไตรมาส 2/2567 และมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงครึ่งปีหลัง ขยายตลาดต่างประเทศ เพิ่มฐานลูกค้าใหม่           BGC มุ่งขยายฐานลูกค้าต่างประเทศและหาตลาดใหม่ ๆ โดยเตรียมนำเข้าสินค้ามาจำหน่ายเพิ่มเติม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ บริษัทได้จัดตั้งธุรกิจ Trading Business เพื่อรับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทไม่สามารถผลิตเองได้มาจัดหาให้ลูกค้า รวมถึงเปิดบริการ Supply Chain Service เพื่อเพิ่มความพึงพอใจและดึงดูดลูกค้าให้ใช้บริการมากขึ้น ผลประกอบการปี 2567 กำไรเติบโต ธุรกิจนอกแก้วโดดเด่น           ผลประกอบการปี 2567 แม้ว่ารายได้จากธุรกิจหลักอย่างขวดแก้วจะลดลง 8% แต่ธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แก้วกลับมีการเติบโตสูงถึง 16% ท่ามกลางการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงและแนวโน้มการใช้ขวดแก้วที่ลดลง ยึดมั่นในแนวทาง ESG สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน           บริษัทให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Environmental, Social, Governance: ESG) ผ่านนโยบาย "WITH our World-class Total Packing Solution, BGC commits to BRINGING GOOD VALUE TO EVERYONE EVERYDAY" โดยมุ่งสร้างคุณค่าที่ดีให้แก่ลูกค้าทุกคนทุกเวลา           BGC ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

BGC จ่ายปันผล 0.095 บ./หุ้น XD 14 มี.ค.68

BGC จ่ายปันผล 0.095 บ./หุ้น XD 14 มี.ค.68

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) (BGC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประกาศการจ่ายปันผลเป็นเงินสด วันที่คณะกรรมการมีมติ : 24 ก.พ. 2568 ชนิดการปันผล : จ่ายปันผลเป็นเงินสด วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) : 17 มี.ค. 2568 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) : 14 มี.ค. 2568 จ่ายให้กับ : ผู้ถือหุ้นสามัญ อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด (บาทต่อหุ้น) : 0.095 มูลค่าที่ตราไว้ (Par)(บาท) : 5.00 วันที่จ่ายปันผล : 20 พ.ค. 2568 จ่ายปันผลจาก : งวดดำเนินงานวันที่ 01 ก.ค. 2567 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2567

BGC ปี 67 กำไร 259 ล้านบาท มุ่งผลิตภัณฑ์รีไซเคิล

BGC ปี 67 กำไร 259 ล้านบาท มุ่งผลิตภัณฑ์รีไซเคิล

หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) (BGC) เปิดเผยผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิของผู้ถือ หุ้นบริษัทใหญ่จากการดำเนินงานต่อเนื่อง จำนวน 259 ล้านบาท ลดลง 66 ล้านบาท หรือ 20% YoY สอดคล้องกับผลประการที่ลดลง ในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 14,416 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากความต้องการ ผลิตภัณฑ์เบียร์และโซดาลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ปรับสูตรการผลิตและใช้พลังงานทางเลือก เพื่อลดต้นทุน รวมถึงนำเทคโนโลยีทันสมัยมาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สถานการณ์ราคาพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบ เช่น โซดาแอช เม็ดพลาสติก ฟิล์ม และ กระดาษ ปรับตัวลดลง บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่น ตามสถานการณ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจ ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากนโยบายการเงินของสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีน แม้ว่าการลงทุนจะเพิ่มขึ้น แต่การเบิกจ่ายงบประมาณต่ำกว่าคาด การบริโภคถูกฉุดรั้งจากหนี้ครัวเรือนและดอกเบี้ยสูง ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามนโยบายการเงินของ สหรัฐฯ นอกจากนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสงครามในยูเครน-รัสเซีย และอิสราเอลปาเลสไตน์ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้วในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรง หนุนการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น มีความต้องการบรรจุภัณฑ์แก้วในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถรีไซเคิลได้ยังคงเป็นแนวโน้มสำคัญที่ ผลักดันการเติบโตของตลาดนี้ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากต้นทุนวัตถุดิบ ความผันผวน ของค่าเงินบาท เศรษฐกิจโลก การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การพิมพ์ดิจิทัลและวัสดุแก้วน้ำหนัก เบา จะมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้วัตถุดิบ

BGC ร่วมกับ จิฟฟี่ - GC  เปิดตัวขวดน้ำแร่จิฟฟี่ rPET100%

BGC ร่วมกับ จิฟฟี่ - GC เปิดตัวขวดน้ำแร่จิฟฟี่ rPET100%

          หุ้นวิชั่น - กรุงเทพฯ – 4 ธันวาคม 2567 – บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ PTTRM และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เปิดตัว “น้ำแร่จิฟฟี่ ขวดรักษ์โลก ขนาด 500 มิลลิลิตร รุ่น Limited Edition” ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง rPET 100% ภายใต้เทคโนโลยี reShine ของ BGC ที่ช่วยให้ขวดรีไซเคิลมีความสดใสและโดดเด่นไม่แพ้ขวดใหม่ พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้านจิฟฟี่ทุกสาขาทั่วประเทศ            นายกิตติศักดิ์ โชคลาภทวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่าย Trading บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์ครบวงจร เผยถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนในทุกมิติ โดยนวัตกรรม reShine ที่ถูกพัฒนาขึ้นนี้ คือก้าวสำคัญที่ช่วยยกระดับการใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิลให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ขวดที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลมีความสดใสและโดดเด่นเมื่ออยู่บนชั้นวางสินค้า เพิ่มความดึงดูดให้กับผลิตภัณฑ์ ขวดน้ำแร่จิฟฟี่นี้จึงไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ด้านการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสวยงาม สดใส และน่าใช้งาน พร้อมทั้งลดปริมาณขยะพลาสติกและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยนวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของตลาด แต่ยังเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับพันธมิตรธุรกิจและผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและโลกใบนี้ การร่วมมือในครั้งนี้ระหว่าง BGC, PTTRM และ GC ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการผนึกกำลังเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองทั้งความต้องการของลูกค้าและการดูแลสิ่งแวดล้อม ความสำเร็จในวันนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนในอนาคต และเป็นแรงบันดาลใจให้ภาคส่วนต่าง ๆ หันมาสนับสนุนนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อโลกอย่างต่อเนื่อง            นางพรรณวดี พุฒยางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ PTTRM ผู้บริหารสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่นและร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ 150 สาขา เจ้าของแบรนด์น้ำดื่มและน้ำแร่จิฟฟี่ กล่าวว่า “บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกภายใต้แนวคิดที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีโรงงานผลิตน้ำดื่มแบรนด์จิฟฟี่ที่เป็นโรงงานมาตรฐานสากลผ่านการรับรองจากสถาบันชั้นนำในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำบรรจุขวด ผลิตน้ำดื่มจิฟฟี่กว่าปีละ 48 ล้านขวด ในโอกาสนี้เราได้มีพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจที่มีแนวคิดและเจตนารมณ์เพื่อยกระดับศักยภาพของผลิตภัณฑ์และร่วมเดินทางไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ระหว่าง GC บริษัทชั้นนำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล ที่มีนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ BGC บริษัทชั้นนำในด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร เปิดตัว “น้ำแร่จิฟฟี่ ขวดรักษ์โลก ขนาด 500 มิลลิลิตร รุ่น Limited Edition” น้ำแร่คุณภาพมาตรฐานสากลจากแหล่งน้ำธรรมชาติสามโคก ผลิตจากโรงงานมาตรฐานชั้นนำ อุดมด้วยแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย บรรจุในขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% ที่ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกและก๊าซเรือนกระจก ตอบโจทย์เทรนด์บรรจุภัณฑ์ใหม่ซึ่งผู้ผลิตทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยังช่วยกันดูแลโลกของเราด้วยมือของเรา ในการผลิตน้ำแร่จิฟฟี่ขวดรักษ์โลกนี้ ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกลงได้ถึง 7,290 กิโลกรัม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 13,000 KgCO2e หรือเทียบเท่าปริมาณการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากต้นไม้ใหญ่ 1,369 ต้น ในเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจในผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกเรา”           นายกิจชัย เฉลิมสุขสันต์ รักษาการตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานตลาดและการขาย กลุ่มลูกค้าแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า “GC ในฐานะผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล rPET คุณภาพสูง ภายใต้แบรนด์ InnoEco by GC มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงจากพลาสติกใช้แล้วในประเทศไทย 100% ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยของ บริษัท เอ็นวิคโค จำกัด (ENVICCO) บริษัทใน GC Group ได้รับการรับรองมาตรฐานการสัมผัสอาหาร (Food Contact) โดยได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) เป็นรายแรกในประเทศไทย ตลอดจนหน่วยงานระดับโลก ทั้งองค์การอาหารและยาของประเทศ สหรัฐอเมริกา (US.FDA.) และหน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA) มีความภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จร่วมกับ บริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ PTTRM  เจ้าของแบรนด์น้ำแร่จิฟฟี่ และ บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC บริษัทชั้นนำในด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ในการเปิดตัวขวดน้ำแร่จิฟฟี่ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล rPET100% ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  พร้อมส่งมอบคุณค่าด้านความยั่งยืนอย่างเหนือระดับ รวมถึงการลดขยะพลาสติกภายในประเทศและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างเป็นรูปธรรม”           ทั้งนี้ น้ำแร่จิฟฟี่ขวดรักษ์โลก ขนาด 500 มิลลิลิตร รุ่น Limited Edition พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษสุดคุ้ม ซื้อ 1 ฟรี 1 ทั้งแบบขวดเดี่ยวและแบบแพ็ค 12 ขวด จำหน่ายในราคาขวดละ 10 บาท และแพ็กละ 109 บาทเท่านั้น สามารถหาซื้อได้ที่ร้านจิฟฟี่ทุกสาขาทั่วประเทศ ติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นได้ที่ Facebook : JIFFY Thailand , หรือแอดไลน์ @Jiffyshop [PR News]

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

BGC บุ๊คกำไร 9 เดือน อยู่ที่ 227 ลบ. มั่นใจปีนี้ผลงานตามเป้า

BGC บุ๊คกำไร 9 เดือน อยู่ที่ 227 ลบ. มั่นใจปีนี้ผลงานตามเป้า

          หุ้นวิชั่น -  BGC ประกาศผลงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ ทำกำไรอยู่ที่ 227 ลบ. โต 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้ 10,640 ลบ. ลดลง 1%โดยรายได้จากการขายธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่น เติบโตถึง 20% ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบปรับลดลง การบริหารจัดการต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเสนอโซลูชั่นครบวงจร ครอบคลุมการออกแบบ การวิจัย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า เน้นการสร้างความยั่งยืนในธุรกิจผ่านการออกแบบนวัตกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ตลาด ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า           นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์อื่นแพคเกจจิ้งรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 223 ล้านบาท เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง การรักษาระดับกำไรและการบริหารต้นทุน รวมทั้งการขยายจากการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิต โดยมียอดขายอยู่ที่ 10,640 ล้านบาท ลดลง 1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 10,742 ล้านบาท  เป็นรายได้จากการขายกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้ว 8,642 ล้านบาท ลดลง 485 ล้านบาท หรือ 5% YoY มาจากปริมาณขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โซดาและเครื่องดื่ม กลุ่มผลิตภัณฑ์แอลกอฮอลล์ และ รายได้จากการขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่น จำนวน 2,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 363 ล้านบาท หรือ 20% โดยส่วนมากมาจากการขายเข้าซื้อกิจการบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2566 (BGC เข้าถือหุ้น 75% ในบริษัท ไพร์ม แพ็คเกจจิ้ง จำกัด) และธุรกิจซื้อมาขายไปบรรจุภัณฑ์พลาสติก (Trading)  หนุนรายได้จากการขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่นเพิ่มขึ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 รายได้จากการขาย 3,205 ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากความต้องการของกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มลดลง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 52 ล้านบาท ลดลง 33% YoY  สำหรับแนวโน้มไตรมาสสุดท้ายของปี  บริษัทฯ ได้รับปัจจัยบวกจากราคาวัตถุดิบและพลังงานปรับตัวลดลง โดยแผนธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้ว บริษัทฯ มีการคัดเลือกผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรที่ดี เน้นให้ความสำคัญในการขยายตลาดส่งออก และ การหาลูกค้าใหม่ พร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและพฤติกรรมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เปลี่ยนไปในอนาคต อย่างไรก็ดี ผลประกอบการทั้งปี 2567 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตจากปีก่อน แม้ว่าในปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทาย เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าจึงส่งผลกระทบต่อการส่งออกของบริษัท ทำให้ได้รับเงินที่น้อยลง แต่ก็มีปัจจัยบวกจากต้นทุนพลังงานที่ไม่ผันผวนเหมือนช่วงที่ผ่านมา รวมถึงราคาโซดาแอซ ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้ จึงส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นอีกด้วย "ปีนี้มองว่าเป็นปีที่มีความท้าทาย จากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้ส่งออกของเราได้รับผลกระทบ เพราะได้รับเงินในจำนวนที่ลดลง แต่ยังโชคดีในด้านของราคาพลังงาน และราคาวัตถุดิบอย่างโซดาแอซ ที่ไม่ผันผวน จึงทำให้สามารถบริหารจัดการได้ ตอนนี้เรายังคงเป้าหมายยอดขายที่โตกว่าปีก่อน"  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGC กล่าว ทั้งนี้ บริษัทยังไม่มีแผนที่จะลงทุนใหม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องการที่จะมุ่งผลักดันการเติบโตในบริษัทที่บริษัทเข้าไปลงทุนได้แก่ บริษัท ไพร์ม แพ็คเกจจิ้ง จำกัด หรือ Prime ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ พลาสติกชนิดอ่อนและม้วนฟิล์ม รวมถึงการที่บริษัทได้ร่วมกับบริษัท บางกอกกล๊าส จำกัดและบริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าไปร่วมถือหุ้น 26% ในบริษัท บางกอกแคน แมนนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ซึ่งทำธุรกิจผลิตกระป๋อง เป็นการเพิ่มพอร์ตสินค้าของบริษัท รวมถึงบริษัทได้ศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมได้ ขณะเดียวกันกลุ่มบริษัทได้มีการทำสัญญาในข้อตกลง ที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท บางกอกแคน แมนนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ได้ในอนาคต

BGC ไตรมาส 3/67 มีกำไร 52 ล้านบาท

BGC ไตรมาส 3/67 มีกำไร 52 ล้านบาท

           BGC เผยงบไตรมาส 3 ปี 67 กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่ลดลง 33% YoY อยู่ที่ 52 ล้านบาท ความต้องการสินค้ากลุ่มโซดาและน้ำดื่มที่ลดลง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยสูงที่กระทบต้นทุนการเงิน พร้อมเดินหน้าบริหารต้นทุนใช้เทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เสริมความสามารถในการแข่งขัน            นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เผย ไตรมาส 3 ปี 2567 กำไรสุทธิของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่จากการดำเนินงานต่อเนื่องจำนวน 52 ล้านบาท ลดลง 25 ล้านบาท หรือ 32% YoY  ในไตรมาส 3 ปี 2567 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว และการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การบริโภคยังถูกฉุดรั้งจากภาระหนี้ครัวเรือนสูง และดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ยังคงสูง ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการไหลกลับของเงินทุนต่างชาติ            ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้วได้รับผลบวกจากราคาโซดาแอชและเศษแก้ว เช่นเดียวกับต้นทุนวัตถุดิบหลักของกลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง เช่น เม็ดพลาสติก ฟิล์ม และกระดาษคราฟท์ รวมถึงค่าไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินในการประกอบกิจการ            ในไตรมาส 3 ปี 2567 รายได้จากการขายลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อน โดยหลักจากความต้องการของกลุ่มสินค้าโซดาและน้ำดื่มลดลง สถานการณ์ราคาพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบ เช่น โซดาแอช เม็ดพลาสติก ฟิล์ม กระดาษ ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการบริหารจัดการต้นทุน โดยมุ่งเน้นการทำ cost optimization ด้วยการปรับสูตรการผลิต ปรับใช้พลังงานทางเลือกที่เหมาะสม บริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้น 52 ล้านบาท ลดลง 25 ล้านบาท หรือ 33% YoY

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011