หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.เอเอสแอล ระบุคาด BBL มีกำไรสุทธิ 25F ที่ 4.7 หมื่นล้านบาท (+4.2% YoY) โดย NII จะปรับตัวลง 3.6% ตามการลดลงของ NIM ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2.8% ตามการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย แต่รายได้ค่าธรรมเนียมจะเติบโตราว 2.5% และค่าใช้จ่ายสำรองลดลง 5%
►Outlook เป้าหมายทางการเงินปีนี้มองเป็นกลาง ตลาดอาจตกใจกับ NPL ratio ที่สูงขึ้น
►แนะนำ ”ซื้อ” มีราคาเป้าหมาย 182.50 บาท อิง PBV ที่ 0.62 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว เหมาะแก่การลงทุนระยะกลางถึงยาว โดยมองว่าเป็นธนาคารที่มีจุดแข็งด้านดำเนินธุรกิจแบบ Conservative มี NPL coverage สูงสุดในกลุ่มธนาคาร (>300%) และเน้นลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
Earnings Recap
4Q24 : กำไรสุทธิเท่ากับ 04 หมื่นล้านบาท -16.6%QoQ, +17.4%YoY ใกล้คียงกับที่เราคาด โดย NII ดีขึ้นจากสินเชื่อที่ขยายตัว 2.1%QoQ, +0.8%YoY ส่วน NIM เท่ากับ 3.09% (+0.04%QoQ, -0.1%YoY) เพิ่มขึ้น QoQ จากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมดีขึ้นจากธุรกิจบัตรเครดิต ประกัน และกองทุนรวม ด้าน C/I ยังอยู่ในระดับสูงที่ 53.1% จากค่าใช้จ่ายการพัฒนา IT และพนักงาน ส่วนการตั้งสำรอง -6.9%QoQ สอดคล้องกับ Gross NPLs ที่ -17.5%QoQ, -0.1%YoY คิดเป็น NPLs ratio ที่ 2.7% จาก 3.4% ในช่วง 3Q ตามการปรับโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้ชั้นลูกหนี้จาก stage 3 เป็นระดับ 2 และมี NPL coverage ที่ 334.3% แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มธนาคาร ส่วน ROE สิ้นงวดเท่ากับ 7.5% (-1.57%QoQ, +0.85%YoY)
24FY : กำไรสุทธิเท่ากับ 5 หมื่นล้านบาท +8.6%YoY โดดเด่นจาก Non-NII ที่เพิ่มขึ้น 14.4%YoY ส่วน NIM เท่ากับ 3.06% ขณะที่ ROE เท่ากับ 8.27% (+0.26%YoY) อย่างไรก็ดี Tier 1 เท่ากับ 17% เป็นระดับเดียวในช่วงการเข้าซื้อ Permata
Outlook เป้าหมายทางการเงินปีนี้มองเป็นกลาง ตลาดอาจตกใจกับ NPL ratio ที่สูงขึ้น
เศรษฐกิจไทยเติบโต 5-3.0% : หนุนจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว รวมถึง FDI ที่เพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ยังมีความเสี่ยงด้านสงครามการค้า
สินเชื่อขยายตัว 3-4%YoY : ธุรกิจขนาดใหญ่โต 3-5%, ต่างประเทศ(รวม Permata) 3-5%, SME 1-2% และรายย่อย 1-2%
NIM อยูในกรอบ 8-2.9% : ผู้บริหารคาดปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 1 ครั้ง ในปีนี้
NPLs ratios อยู่ในช่วง 3% : ขึ้นกับการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกค้า แต่เชื่อว่าจะไม่ถึง 3%
Credit cost ที่ 9-1.0% : ลดลงจากสิ้นปี 24 ที่ 1.3% จากภาพรวมคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังคงแข็งแกร่ง และการตั้งสำรองที่เริ่มผ่อนคลายลง
รายได้ค่าธรรมเนียมโตเล็กน้อย : ระดับ low single digit โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจกองทุน และประกัน
C/I ที่ระดับ High-40s% : ยังคงอยู่ในระดับสูงจากการพัฒนาด้านดิจิทัลและได้ครอบคลุมด้านธุรกิจ Virtual banking ไว้แล้ว
ยังคงบริหารจัดการเงินทุนตามหลัก conservatives แต่ด้วยแผนระยะยาวที่ผู้บริหารต้องการให้ระดับของ ROE แตะระดับ 10% จึงทำให้มีการจ่ายเงินปันผลมากขึ้น โดยงวดล่าสุดประกาศจ่ายปันผล 50 บาท สูงกว่าที่เราคาด (รวมทั้งปี 8.50 บาท) คิดเป็น Div. yield ราว 4.4% (หากคิดทั้งปีเท่ากับ 5.8% p.a.) และคิดเป็น payout ratio ที่ 35.9% จากปีก่อนที่ 32.1% โดยเราเชื่อว่ามีโอกาสแตะระดับ 40% ภายใน 3 ปีข้างหน้า (25-27F) ทั้งนี้ขึ้น XD 23 เม.ย.
มาตรการคุณสู้เราช่วยได้รับผลกระทบที่จำกัด
ประเมินกำไรสุทธิปีนี้ยังพอเติบโต
เราคาดกำไรสุทธิสำหรับปี 25F เท่ากับ 7 หมื่นล้านบาท +4.2%YoY โดย NII ปรับตัวลง 3.6%YoY จาก NIM ที่คาดว่าจะปรับลดลงเหลือ 2.8% ตามการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง ขณะที่สินเชื่อคาดว่าจะเติบโต 2.8%YoY ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมคาดเติบโตราว 2.5%YoY
แนวโน้ม 1Q25F เบื้องต้นคาดว่าจะขยายตัวทั้ง QoQ และ YoY จากค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (low season) และการตั้งสำรองที่ลดลงเป็นหลัก ซึ่งเข้ามาชดเชยส่วนของรายได้ดอกเบี้ยที่ปรับลดลงหลัง กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่วนแนวโน้มสินเชื่อยังขยายตัวตามเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียน
แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายสิ้นปี 25F เท่ากับ 182.50 บาท
เราชอบ BBL ที่เป็นธนาคารขนาดใหญ่ ดำเนินธุรกิจด้วยความ conservative มาก สะท้อนผ่าน NPL coverage ที่สูงสุดของกลุ่ม (>300%) ประกอบกับการเน้นลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ยังคงเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและได้รับผลกระทบจากกฎระเบียบหรือมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยได้จำกัด ในขณะที่สินเชื่อต่างประเทศที่มีสัดส่วนรวมกว่า 25% ยังคงรับอานิสงส์บวกจาก FDI ที่ไหลเข้าในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแนวโน้มการปรับ payout ratio ขึ้นในอนาคตช่วยหนุนการเติบโตของ ROE ในระยะยาว
ประเมินราคาเป้าหมายเท่ากับ 50 บาท อิง PBV ที่ 0.62 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยระยะยาวย้อนหลัง (0.72 เท่า) – 1 SD Valuation ในปัจจุบันจึงน่าสนใจ เหมาะแก่การซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาว
ปัจจัยเสี่ยง : อัตราดอกเบี้ยทรงตัวอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าคาดจะเป็น upside ต่อ N IM, ผลการดำเนินงานของ Permata bank ในอินโดนีเซียที่อาจแย่กว่าคาด (คิดเป็น 11% ของสินเชื่อโดยรวม), ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดกระทบต่อคุณภาพลูกหนี้
ประเด็นที่มีนัยยะสำคัญด้านความยั่งยืน: การให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล, การเงินเพื่อความยั่งยืน, จริยธรรมทางธุรกิจ, การดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์และคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการจัดการความเสี่ยงและภาวะวิกฤต