ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#BAFS


[Vision Exclusive] BAFS เติมน้ำมันเครื่องบินโต คาดไตรมาส 1/68 โตไม่ต่ำ 30%

[Vision Exclusive] BAFS เติมน้ำมันเครื่องบินโต คาดไตรมาส 1/68 โตไม่ต่ำ 30%

          หุ้นวิชั่น - BAFS คาดว่า ไตรมาส 1/2568 ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานจะเติบโตไม่น้อยกว่า 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับแรงหนุนจากการเพิ่มเที่ยวบิน  พร้อมเปิดรันเวย์ที่ 3 สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากประเทศจีน ปีนี้มั่นใจรายได้โต 8%  พร้อมเตรียมเสนอขายหุ้นกู้มูลค่า 1,000 ล้านบาท เสริมสภาพคล่อง และรองรับการลงทุนในโครงการต่างๆ           น.ส.พิศพงศ์ จันทรานนท์ นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) กล่าวว่า บริษัทฯ คาดปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในไตรมาส 1/2568 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% หรือเกิน 1,400 ล้านลิตร เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีปริมาณการเติมน้ำมันอยู่ที่ 1,040 ล้านลิตร เป็นไปตามการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบิน และการเปิดใช้งานรันเวย์ที่ 3 สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเดือนตุลาคมในปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินจากเดิม 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และการดำเนินมาตรการฟรีวีซ่าสำหรับ 90 ประเทศ ส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศจีน           ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2567 คาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยาน จะเติบโตเล็กน้อยราว 3% เนื่องจากไตรมาสดังกล่าวถือเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยมีปริมาณการเติมน้ำมัน อยู่ที่ 1,381 ล้านลิตร           ทั้งนี้แนวโน้มไตรมาส 2/2568 คาดปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยาน ปรับตัวลดลงจากไตรมาสแรก ซึ่งเป็นไปตาม Seasonal Effect  อย่างไรก็ตามคาดว่าทั้งปีจะทำได้ 5,400 ล้านลิตร เติบโต 7% จากปีก่อนอยู่ที่ 5,047 ล้านลิตร และตั้งเป้าปริมาณการขนส่งน้ำมันผ่านท่อภาคเหนือปีนี้ที่ 1,290 ล้านลิตร เติบโต 5% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,226 ล้านลิตร           ธุรกิจไฟฟ้า คาดโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 4% มาที่ 51.3 เมกะวัตต์ จากโครงการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อป ที่สามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในปีนี้ ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น           ส่วนการลงทุนในปีนี้ วางงบไว้ราว 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 800 ล้านบาท รองรับการก่อสร้างส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง) โดยได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วราว 10% คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงกลางปี 2569 ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้า คาดใช้งบลงทุนราว 50 ล้านบาท รองรับการลงทุนในโรงไฟฟ้าโซลาร์รูฟท็อป และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน ที่เหลืออีกราว 150 ล้านบาท จะรองรับธุรกิจ Aviation ในการเปลี่ยนฟีดรถให้ทันสมัยมากขึ้น คาดว่าปีนี้จะเปลี่ยนฟีดรถราว 5-7 คัน  เพื่อเสริมศักยภาพการเติมน้ำมันที่มีการฟื้นตัว           น.ส.พิศพงศ์ กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่บริษัทฯ จะฟื้นตัวได้ดี โดยกำไรก็น่าจะเป็นบวกต่อเนื่อง ขณะที่รายได้คาดเติบโต8 % เป็น 3,800 ล้านบาท           นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนเสนอขายหุ้นกู้ มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในเดือนเมษายนนี้ และน่าจะเสนอขายหุ้นกู้ได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องของบริษัทฯ ให้แข็งแรงมากขึ้น และลดภาระหนี้บางส่วน รวมถึงนำไปใช้ในการลงทุน           อย่างไรก็ตาม BAFS ยังคงบริหารจัดการอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่ให้เพิ่มขึ้นมาก เพื่อจ่ายคืนหนี้หุ้นกู้ได้ตามกำหนดเวลา           หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS แจ้งว่าจากสถานการณ์การเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ประเทศเมียนมาร์ทำให้พื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพมหานครได้รับผลกระทบจากอุบัติภัยในครั้งนี้           บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  พบว่า การให้บริการน้ำมันอากาศยาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ไม่ได้รับผลกระทบจากอุบัติภัยแต่อย่างใด บริษัทได้ตรวจสอบแล้วไม่พบการรั่วไหลของน้ำมันอากาศยาน อีกทั้งคุณภาพน้ำมันอากาศยานยังเป็นไปตามมาตรฐานสากล การให้บริการน้ำมันอากาศยานแก่สายการบินต่างๆ ที่ท่าอากาศยานทั้งสองสามารถให้บริการตรงเวลาตามปกติส่วนการให้บริการของบริษัทย่อย คือบริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด ผู้ขนส่งน้ำมันทางท่อสู่ภาคเหนือ ไปยังคลังน้ำมันพิจิตรและคลังน้ำมันลำปางไม่ได้รับผลกระทบ ยังคงสามารถขนส่งน้ำมันได้ตามปกติ และบริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งมีโรงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่จังหวัดตาก ขอนแก่น สมุทรสาคร และปราจีนบุรี ก็ไม่ได้รับผลกระทบ และยังสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติเช่นกัน           บริษัทให้ความสำคัญต่อการให้บริการอย่างปลอดภัย และมีมาตรฐานสูงสุด ซึ่งขณะนี้บริษัทยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามและตรวจสอบระบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รายงานโดย : พชรธร ภูมิคำ รองบรรณาธิการข่าว Hoonvision

BAFS ถังน้ำมันไม่รั่วไหล เติมเครื่องบินไม่กระทบ

BAFS ถังน้ำมันไม่รั่วไหล เติมเครื่องบินไม่กระทบ

          หุ้นวิชั่น - หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS แจ้งว่าจากสถานการณ์การเกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ประเทศเมียนมาร์ทำให้พื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพมหานครได้รับผลกระทบจากอุบัติภัยในครั้งนี้ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  พบว่า การให้บริการน้ำมันอากาศยาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ไม่ได้รับผลกระทบจากอุบัติภัยแต่อย่างใด บริษัทได้ตรวจสอบแล้วไม่พบการรั่วไหลของน้ำมันอากาศยาน อีกทั้งคุณภาพน้ำมันอากาศยานยังเป็นไปตามมาตรฐานสากล การให้บริการน้ำมันอากาศยานแก่สายการบินต่างๆ ที่ท่าอากาศยานทั้งสองสามารถให้บริการตรงเวลาตามปกติส่วนการให้บริการของบริษัทย่อย คือบริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด ผู้ขนส่งน้ำมันทางท่อสู่ภาคเหนือ ไปยังคลังน้ำมันพิจิตรและคลังน้ำมันลำปางไม่ได้รับผลกระทบ ยังคงสามารถขนส่งน้ำมันได้ตามปกติ และบริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งมีโรงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่จังหวัดตาก ขอนแก่น สมุทรสาคร และปราจีนบุรี ก็ไม่ได้รับผลกระทบ และยังสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติเช่นกัน บริษัทให้ความสำคัญต่อการให้บริการอย่างปลอดภัย และมีมาตรฐานสูงสุด ซึ่งขณะนี้บริษัทยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามและตรวจสอบระบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

BAFS ปี 67 พลิกกำไร 102.9 ลบ. โตแรง 175% ธุรกิจ Aviation- Utilities ฟื้น

BAFS ปี 67 พลิกกำไร 102.9 ลบ. โตแรง 175% ธุรกิจ Aviation- Utilities ฟื้น

          หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 102.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175% จากปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.08 บาท และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 1% เนื่องจากรายได้และ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 14% และ 21% ตามลำดับ           โดยหลักเป็นผลมาจากการฟื้นตัวขึ้นของกลุ่มธุรกิจ Aviation และการเติบโตในกลุ่มธุรกิจ Utilities ในขณะที่สามารถควบคุมค่าจ่ายดำเนินงานโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปรับเพิ่มขึ้นเพียง 5% โดยมีสาเหตุหลักจากค่า ACF ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำมันที่ให้บริการและค่าจ่ายบุคลากร นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้กลุ่มบริษัทได้มีการรับรู้ผลขาดทุนจากการปรับลดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าประเทศญี่ปุ่น และผลขาดทุนจากค่าความนิยมของโรงไฟฟ้าในประเทศไทย รวมทั้งมีกาการตัดจำหน่ายผลประโยชน์ภาษีเงินได้ (DTA) ที่คาดว่าจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ในอนาคต ซึ่งรายการดังกล่าวถือเป็นค่าจ่ายทางบัญชีเท่านั้น ไม่ได้กระทบต่อกระแสเงินสดแต่อย่างใดดังที่ได้กล่าวแล้ว           บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 3,507.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน ตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวและการเดินทางระหว่างประเทศ โดย EBITDA ยังคงเติบโต 21% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 1,594.3 ล้านบาท ทิศทางการดำเนินงานในปี 2568           ในปี 2568 BAFS GROUP คาดการณ์ว่าธุรกิจการบินจะมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบิน ตามจำนวน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย BAFS ตั้งเป้าหมายปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานที่ 5,400 ล้านลิตร เติบโต 8% จากปี 2567 หรือคิดเป็น 88% ของระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโต ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินระหว่างประเทศและการเปิดใช้งานรันเวย์ที่ 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิที่จะส่งผลเชิงบวกได้อย่างเต็มปี ซึ่งช่วยให้ความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานขยายตัวตามไปด้วย           นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ตั้งเป้าหมายจำนวน นักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 ไว้ที่ 40 ล้านคน โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อ BAFS อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์อย่างใกล้ชิด           สำหรับธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อ คาดว่าปริมาณการส่งน้ำมันจะเติบโตขึ้น 5% จากปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 1,290 ล้านลิตร ในปี 2568 ขณะที่โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (อ่างทอง-สระบุรี) เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มปริมาณการขนส่งน้ำมันจากภาคตะวันออกสู่ภาคเหนือได้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 700 ล้านลิตรต่อปี          นอกจากนี้ BAFS GROUP ยังมีรายได้เพิ่มเติมจากการขายรถเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS INTECH ซึ่งเริ่มส่งมอบให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยในปี 2568 BAFS INTECH มีกำหนดส่งมอบรถเติมน้ำมันและรถที่ใช้ในธุรกิจกาเติมน้ำมันอากาศยานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ให้กับลูกค้าอีกจำนวน 6 คัน รวมมูลค่าประมาณ 51.0 ล้านบาท ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจ Power ยังคงเดินหน้าสรรหามโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง

BAFS สัมปทานเติมน้ำมันใกล้หมด ความท้าทายที่ต้องจับตา

BAFS สัมปทานเติมน้ำมันใกล้หมด ความท้าทายที่ต้องจับตา

         หุ้นวิชั่น - บทวิเคราะห์ บล. ดาโอ ระบุ ปรับคำแนะนำ BAFS ลงเป็น “ถือ” (เดิม “ซื้อ”) และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 11.00 บาท (เดิม 20.00 บาท) อิง DCF เพื่อสะท้อนทิศทางกำไรปกติโดยรวมฟื้นตัวช้ากว่าคาด แนวโน้ม D/E ทรงตัวสูง และมีปัจจัยท้าทายจากสัญญาสัมปทานเติมน้ำมันอากาศยานสุวรรณภูมิที่จะหมดอายุ ก.ย. 2026          สำหรับ 4Q24E ประเมินกำไรปกติที่ 10 ล้านบาท พลิกฟื้นจากขาดทุนปกติ 4Q23 ที่ -104 ล้านบาท แต่อ่อนตัว -61% QoQ ต่ำกว่าเราคาดการณ์เบื้องต้นที่ราว 40 ล้านบาท กำไรปกติฟื้นตัว YoY เป็นไปตามปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานปรับตัวขึ้นตามภาคท่องเที่ยวและการขยายรันเวย์ 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิ และขนส่งน้ำมันทางท่อโตดีจากการทำการตลาดเชิงรุกและการควบรวม BCP และ ESSO          ขณะที่กำไรปกติชะลอ QoQ แม้เป็น high season กดดันโดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายสูงขึ้นตามฤดูกาลจากค่าใช้โบนัสพนักงาน และแนวโน้มค่าใช้จ่ายภาษีเพิ่มขึ้นจากการตัดจำหน่าย deferred tax asset ที่คาดจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ในอนาคตของธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อเราปรับกำไรปกติปี 2024E/25E ลง -16%/-40% เป็น 163 ล้านบาท/185 ล้านบาท เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายทรงตัวสูง รวมถึงดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูงจากการลงทุนเชื่อมท่อภาคตะวันออกราคาหุ้นปรับตัวลง และ underperform SET -24% ใน 3 เดือน หลังบริษัทไม่อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG ratings รวมถึงความกังวลแนวโน้มผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาด ทั้งนี้แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวลงมามาก          แต่ปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” โดยมองว่าราคาหุ้นจะกลับมาน่าสนใจอีกครั้งจากสัญญาสัมปทานเติมน้ำมันอากาศยานสุวรรณภูมิที่จะเห็นความชัดเจนมากขึ้นใน 2H25E ขณะที่ท่อภาคตะวันออกคาดจะเริ่ม COD ได้เร็วสุดในช่วงกลางปี 2026E

abs

ปตท. แข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทย และเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน

BAFS คว้าใบรับรอง

BAFS คว้าใบรับรอง "ISCC-CORSIA" ตอกย้ำผู้นำอุตสาหกรรมการบินสู่ความยั่งยืน

          หุ้นวิชั่น - บาฟส์ บรรลุความสำเร็จครั้งสำคัญในการร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินอย่างยั่งยืน ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISCC-CORSIA  (International Sustainability and Carbon Certification - Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation) ซึ่งเป็นมาตรฐานการรับรองคาร์บอนและความยั่งยืนระหว่างประเทศ เตรียมพร้อมรองรับการให้บริการเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel (SAF) กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินในอนาคต ตอบโจทย์ด้านพลังงานควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บาฟส์ กล่าวว่า บาฟส์ พร้อมสนับสนุนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน  Sustainable Aviation Fuel (SAF) เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมการบินสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions และตามเป้าหมายของ ICAO ที่กำหนดให้สายการบินทั่วโลกต้องเติมน้ำมัน SAF ไว้ราว 5% ภายในปี 2573 ทำให้หลายองค์กรเตรียมพร้อมการบังคับใช้น้ำมัน SAF โดยล่าสุด บาฟส์ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISCC CORSIA ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ยอมรับในอุตสาหกรรมการบินสำหรับการรับรองความยั่งยืน ในขอบเขตของ Logistic Center ทั้งสถานีบริการจัดเก็บและเติมน้ำมันอากาศยานดอนเมือง และสถานีบริการจัดเก็บและเติมน้ำมันอากาศยานสุวรรณภูมิ สำหรับการรับรองน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน Sustainable Aviation Fuel (SAF) ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกที่สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากถึง 80% ตลอดวัฏจักรชีวิตของเชื้อเพลิงเมื่อเทียบกับน้ำมัน Jet A-1 แบบดั้งเดิม เข้าข่ายตามเกณฑ์กลไกชดเชยและการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับการบินระหว่างประเทศ โดยมี บริษัท คอนโทรล ยูเนี่ยน (ประเทศไทย) เป็นผู้ให้การรับรองระบบ ซึ่งนับเป็นการเตรียมพร้อมยกระดับการให้บริการที่สอดรับกับนโยบายอุตสาหกรรมการบินคาร์บอนต่ำและรองรับการให้บริการ SAF ของผู้ค้าน้ำมันในประเทศไทย การรับรอง ISCC-CORSIA ในครั้งนี้ เป็นการรับรองถึงการบริหารจัดการของบาฟส์ เป็นไปตามมาตรฐานด้านความยั่งยืนในการบริหารจัดการน้ำมัน SAF ตั้งแต่การรับน้ำมัน SAF เข้ามาในระบบคลังน้ำมันอากาศยานและการให้บริการน้ำมันอากาศยานแก่สายการบินซึ่งครอบคลุมทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง นอกจากนี้บาฟส์ ยังมีบทบาทสำคัญในการตรวจรับรองน้ำมันอากาศยานทั้งในด้านคุณภาพน้ำมันว่ามีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานที่ AFQRJOS Checklist กำหนด สามารถจัดเก็บและขนส่งรวมกับน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบดั้งเดิม (Jet A-1) เพื่อใช้กับเครื่องบินที่ใช้อยู่ในปัจจุบันได้ และในด้านการตรวจประเมินทวนสอบย้อนกลับและความโปร่งใสถึงความสอดคล้องด้านความยั่งยืนของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ไปจนถึงการจัดทำบัญชีน้ำมัน SAF ตามหลักการ Mass Balance “บาฟส์ ในฐานะผู้ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน มีภารกิจจัดเตรียมการขนส่งน้ำมันจากโรงกลั่นมายังสนามบินหลักที่ให้บริการ หากประเทศไทยมีการผลิต SAF และนำมาให้บริการที่สนามบิน โดยผ่านกระบวนการโลจิสติกส์ของบาฟส์ จะสามารถการันตีในด้านการควบคุมคุณภาพน้ำมัน การตรวจสอบแหล่งที่มา รวมถึงการตรวจสอบด้านความยั่งยืนของน้ำมันที่จะให้บริการ เพื่อให้สายการบินมั่นใจได้ว่า น้ำมัน SAF ที่ใช้ผ่านการรับรองด้วยมาตรฐาน ISCC-CORSIA ตลอดห่วงโซ่อุปทาน SAF เพื่อให้สายการบินสามารถนำไปใช้ในการชดเชยคาร์บอนเครดิตต่อไป ”

BAFS ผนึก Thappline เชื่อมท่อน้ำมันสายเหนือ ยกระดับขนส่งน้ำมันสู่ภูมิภาค

BAFS ผนึก Thappline เชื่อมท่อน้ำมันสายเหนือ ยกระดับขนส่งน้ำมันสู่ภูมิภาค

          หุ้นวิชั่น - BAFS ส่ง บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด (BPT) จับมือ บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (Thappline) เดินหน้าโครงการเชื่อมต่อระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง) เชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านระบบท่อส่งน้ำมันใต้พื้นดินภาคตะวันออกสู่ภาคเหนือ ยกระดับการบริการอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ มุ่งเน้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ           นายพลากร สุวรรณรัฐ ประธานกรรมการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ม.ร.ว. ศุภดิศ ดิศกุล ประธานกรรมการบริหาร BAFS และ ประธานกรรมการ บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างโครงการเชื่อมต่อระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง) โดยมี ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS พร้อมด้วย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) และคณะผู้บริหารให้เกียรติร่วมพิธีฯ           ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด (BPT) บริษัทในเครือกลุ่มบริษัท บาฟส์ (BAFS Group) ผู้ให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านระบบท่อส่งน้ำมันใต้ดิน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาตรฐานการบริหารจัดการและความปลอดภัยระดับสากล มีรากฐานการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มาตลอด 33 ปี สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (สระบุรี-อ่างทอง) พร้อมเริ่มดำเนินการก่อสร้างในไตรมาสที่ 1/2568 ตั้งเป้าเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ภายในปี 2569 โดยเริ่มรับน้ำมันจากคลังน้ำมันสระบุรีของ Thappline เชื่อมต่อกับระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 1 บริเวณจังหวัดอ่างทอง ระยะทางประมาณ 52 กิโลเมตร หลังการก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้ระบบท่อขนส่งน้ำมันของ BPT มีระยะทางรวม 726 กิโลเมตร นับเป็นท่อขนส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดและทันสมัยที่สุดของประเทศ และเป็นระบบท่อส่งน้ำมันที่ยาวที่สุดในอาเซียน           ทั้งนี้ โครงการส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 สระบุรี-อ่างทอง ถือเป็นก้าวสำคัญของ บริษัทฯ ในการพัฒนาระบบโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันของประเทศให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกได้อย่างสมบูรณ์ สอดรับกับทิศทางและนโยบายของกระทรวงพลังงานที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งพลังงานของประเทศ โดยคลังน้ำมันพิจิตรและคลังน้ำมันนครลำปาง ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักในด้านการเก็บสำรองน้ำมันของภาคเหนือ และเป็นจุดจ่ายน้ำมันที่สำคัญไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือสามารถรับน้ำมันจากโรงกลั่นภาคตะวันออกอีก 5 โรงกลั่น ลดความเหลื่อมล้ำของราคาน้ำมันระหว่างภาคเหนือและกรุงเทพมหานครรวมถึงปริมณฑล อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพของการขนส่งน้ำมันของประเทศ ให้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ได้น้ำมันที่มีคุณภาพ สะอาด บริสุทธิ์ และมีการสูญเสียน้ำมันจากการขนส่งน้อยที่สุด ลดต้นทุนจากการขนส่งและการจัดเก็บน้ำมัน รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและการบริการ อีกทั้งช่วยลดปัญหาการจราจรและลดอุบัติเหตุ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการขับขี่ระยะไกล รวมถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมขานรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่สังคมคาร์บอนต่ำของไทยในอนาคต           “การเดินหน้าขยายโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมัน รองรับความต้องการใช้น้ำมันของประเทศได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น นับเป็นความภาคภูมิใจของกลุ่มบริษัท ตามพันธกิจขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต ด้วยการรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงด้านพลังงาน และความยั่งยืน พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันทางท่อ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ยกระดับการให้บริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่น้อยกว่า 50,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือคิดเป็นการปลูกต้นไม้ 5.2 ล้านต้น ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท บาฟส์ มุ่งมั่นและพร้อมมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ผ่านการดำเนินงานในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในระดับประเทศต่อไป”

BAFSเติมน้ำมันไม่พัก ปีหน้า 5.4 พันล้านลิตร

BAFSเติมน้ำมันไม่พัก ปีหน้า 5.4 พันล้านลิตร

หุ้นวิชั่น - BAFS เผยรายได้ปี 2568 คาดโต 9% จากทุกกลุ่มธุรกิจ ปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานพุ่งแตะ 5,400 ล้านลิตรจากปีก่อน ปริมาณเที่ยวบินเพิ่ม นักท่องเที่ยวหนุน  พร้อมเดินหน้าขยายโครงสร้างท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ ระยะที่ 3 เริ่มก่อสร้างต้นปี 2568 คาดเพิ่มปริมาณขนส่งอีก 700 ล้านลิตรต่อปี ส่วนธุรกิจ SAF จับมือพันธมิตร รอความชัดเจนด้านกฎหมายจากภาครัฐ ดันเป้าหมายสู่การบินยั่งยืน           บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า  สำหรับ ปี 2568 คาดว่ารายได้รวมจากทุกกลุ่มธุรกิจ จะเติบโต 9% ซึ่งจะมาจากกลุ่มธุรกิจการบิน(Aviation) กลุ่มธุรกิจ Utilities และกลุ่มธุรกิจ Power  โดยปริมาณเติมน้ำมันอากาศยาน คาดว่าจะทำได้ 5,400 ล้านลิตร จากปี 2567 ที่คาดว่าจะปริมาณเติมน้ำมันจะทำได้ 5,000 ล้านลิตร  ทั้งนี้ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานฟื้นตัวขึ้น โดยในช่วง 9 เดือนปี 2567 ที่ผ่านมา มีปริมาณการเติมน้ำมันอยู่ที่ 3,666 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 80% ของระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับการเติมน้ำมันของเที่ยวบินระหว่างประเทศนั้น พบว่าประเทศจีนยังคงเป็นประเทศปลายทางที่มีปริมาณการเติมน้ำมันมากที่สุด อย่างไรก็ดีก่อนสถานการณ์โควิดบริษัทมีปริมาณการเติมน้ำมันกว่า 6,100 ล้านลิตร           ปีหน้าคาดว่าสายการบินจะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินมากขึ้น อีกทั้งสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ (Thai AirAsia X) ที่ได้ย้ายฐานกลับมาที่ท่าอากาศยานดอนเมืองตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังมีความพร้อมรองรับเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทในอุตสาหกรรมการบิน นอกจากนี้ ปริมาณการเติมน้ำมันและจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นยังสอดคล้องกับเป้าหมายการดึงดูดนักท่องเที่ยวของรัฐบาล โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวรวมไว้ที่ 36.7 ล้านคนในปีนี้           ส่วนกลุ่มธุรกิจ Utilities ยังคงมีปริมาณการขนส่งน้ำมันผ่านท่อภาคเหนือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำมันอยู่ที่ 895 ล้านลิตร คิดเป็น 81% ของเป้าหมายทั้งปีแล้ว โดยเป้าหมายปริมาณการขนส่งน้ำมันทางท่อทั้งปี 2567 จะมีทำได้ 1,100 ล้านลิตร  ส่วนโครงการระบบท่อขนสงนามันสายเหนอ ระยะที่ 3 (สระบุรี - อ่างทอง)  ซึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2567 บริษัท บัฟส์ขนส่งทางท่อ (BPT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ลงนามในสัญญาเชื่อมต่อระบบท่อจากคลังน้ำมันสระบุรีไปยังภาคเหนือ และสัญญาเช่าที่ดินเพื่อดำเนินการตามโครงการระบบขนส่งน้ำมันสายเหนือ ระยะที่ 3 (สระบุรี - อ่างทอง) กับบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย (THAPPLINE) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว BPT คาดว่าโครงการดังกล่าวจะเปิดให้บริการได้ในปี2569 และคาดว่าจะมีปริมาณการขนส่งน้ำมันจากภาคตะวันออกสู่ภาคเหนือผ่านระบบท่อเพิ่มขึ้นกว่า 700 ล้านลิตรต่อปี โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในต้นปี 2568           ในขณะเดียวกัน บริษัท บัฟส์ คลีน เอนเนอร์จี คอร์ปอเรชั่น (BC) ยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้า ที่ในไทยและญี่ปุ่น โดยยังมองโอกาสที่จะเข้าลงทุนทั้งในการซื้อกิจการและการเข้าประมูลโครงการใหม่ๆ หากภาครัฐมีการเปิดประมูล           พร้อมกันนี้  ในส่วนของการศึกษาในธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) ปัจจุบันก็มีการเจรจากับพันธมิตร ทั้ง บางจาก และมิตรผล ด้วยรวมไปถึงก่อนหน้านี้ที่มีการการลงนามความร่วมมือกับ EA ซึ่งปัจจุบันก็ต้องรอความชัดเจนจากทางภาครัฐว่าจะมีความชัดเจนสำหรับกฎหมายที่จะรองรับการใช้น้ำมัน SAF อย่างไร

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

BAFS ไตรมาส3/67มีกำไร26.4 ล้านบาท

BAFS ไตรมาส3/67มีกำไร26.4 ล้านบาท

          หุ้นวิชั่น - บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BAFS รายงานผลประกอบการ ไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวม 855.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวและการเดินทางระหว่างประเทศของนักท่องเที่ยวเกือบทุกกลุ่ม ทำให้ไตรมาสนี้รายได้รวมของกลุ่มธุรกิจ Aviation เพิ่มขึ้น 18% โดยมีปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น 17% เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Utilities เพิ่มขึ้น 31% โดยเพิ่มขึ้นจากปริมาณขนส่งน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการระบบท่อส่งน้ำมันภาคเหนือ (NFPT) ที่เพิ่มขึ้นถึง 70% จากการทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้น ชดเชยกับการลดลงของรายได้ในกลุ่มธุรกิจ Power ที่ลดลงจากการสิ้นสุดสัญญาเงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder)           EBITDA ในไตรมาส 3/2567 มีจำนวน 396.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจ Aviation และกลุ่มธุรกิจ Utilities จากกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณเติมน้ำมันอากาศยาน และปริมาณขนส่งน้ำมันผ่านท่อตามลำดับ สำหรับภาพรวมของค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) เพิ่มขึ้น 19% จากค่าผลประโยชน์ตอบแทนการดำเนินกิจการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Airport Concession Fee: ACF) ที่เพิ่มขึ้นตามยอดปริมาณการเติมน้ำมัน, ค่าใช้จ่ายบุคลากร และค่าบำรุงรักษารถเติมน้ำมันอากาศยานที่ผันแปรตามการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก สำหรับค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 5% จากการเปิดใช้บริการของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2566 สำหรับต้นทุนทางการเงินสุทธิลดลง 3% จากการที่กลุ่มบริษัทมีการชำระเงินกู้ยืมอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้ในไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 26.4 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.02 บาท และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 1% ผลการดำเนินงานโดยรวม 9M/2567 เทียบกับ 9M/2566           กลุ่ม BAFS มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 152.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.18 บาท และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 4% เนื่องจากรายได้และ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 12% และ 12% ตามลำดับ โดยหลักเป็นผลมาจากการฟื้นตัวขึ้นของกลุ่มธุรกิจ Aviation ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายดำเนินงานโดยรวมจะเพิ่มขึ้น 7% โดยมีสาเหตุหลักจากค่า ACF ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำมันที่ให้บริการและค่าใช้จ่ายบุคลากร โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายรวมในสัดส่วนที่น้อยกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้           ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศกว่า 26 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติในสามลำดับแรก ได้แก่ จีน (5.3 ล้านคน) มาเลเซีย (3.7 ล้านคน) และอินเดีย (1.5 ล้านคน) ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกประมาณ 10 ล้านคนในช่วงที่เหลือของปี 2567 เพื่อบรรลุเป้าหมายรวมที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งไว้ที่ 36.7 ล้านคนสำหรับปีนี้

บล.ดาโอ ชี้นักท่องเที่ยวจีนหนุน หุ้น ERW-CENTEL-MINT-SHR

บล.ดาโอ ชี้นักท่องเที่ยวจีนหนุน หุ้น ERW-CENTEL-MINT-SHR

          หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ดี WoW จากวันชาติจีน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวรวมและนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น WoW เพราะเป็นวันชาติจีน (1-7 ต.ค. 24) ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ 160,474 คน (+34%WoW/+114% YoY) เป็นไปตามที่ ททท. คาดไว้ที่ 132,000 – 183,000 คน เพิ่มขึ้น 57-144% YoY           โดยฝ่ายวิเคราะห์ประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเฉลี่ยต่อสัปดาห์จะลดลงมาสู่ระดับปกติในช่วงสัปดาห์หน้าที่ระดับ 1.3-1.4 แสนต่อสัปดาห์เพราะหมดเทศกาลวันชาติจีน ส่วนนักท่องเที่ยวรวมจะมีโอกาสจะกลับมาหดตัว WoW ได้เช่นกัน ทั้งนี้ภาพรวมของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2024E ยังอยู่ในกรอบประมาณการนักท่องเที่ยวรวมและนักท่องเที่ยวจีนที่เราประเมินไว้           โดยหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นเรียงลำดับจากมากไปน้อยตามสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, SHR คงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2024E เพิ่มขึ้น +21% YoY และนักท่องเที่ยวจีน +84% YoY           ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2024E จะอยู่ที่ 34 ล้านคน เพิ่มขึ้น +21% YoY และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 6.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง +84% YoY ฝ่ายวิเคราะห์ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” โดย Top pick ของกลุ่มท่องเที่ยวเรายังชอบ AAV, AOT, MINT และ BAFS AAV (ซื้อ/เป้า 3.20 บาท) 3Q24E จะยังมีกำไรปกติได้แม้จะอยู่ในช่วง low season จากผู้โดยสารและค่าตั๋วโดยสารที่ยังดี ขณะที่ 4Q24E จะดีขึ้นโดดเด่นจากการเริ่มเข้าสู่ high season AOT (ซื้อ/เป้า 72.00 บาท) จากแนวโน้มกำไร 1Q-2QFY25E ที่จะยังโต YoY ดีต่อเนื่อง MINT (ซื้อ/เป้า 34.00 บาท) จาก valuation ยังถูกกว่ากลุ่มฯซื้อขาย 2024E EV/EBITDA ที่ 10x (-2.00SD below 10-yr average EV/EBITDA) ถูกกว่า ERW และ CENTEL ที่ average EV/EBITDA ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า 3Q24E จะโต YoY ได้ต่อเพราะยังเป็น High season ที่ยุโรป โดย RevPAR ที่ยุโรปยังเพิ่มขึ้นได้ดีที่ +15% YoY และมี ADR เพิ่มขึ้นได้ +12% YoY ส่วนไทย RevPAR เพิ่มขึ้นได้ที่ +16% YoY ส่วน 4Q24E จะมี High season จากไทยและมัลดีฟส์ช่วยหนุน BAFS (ซื้อ/เป้า 22.00 บาท) จากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011