ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#AURA


หยวนต้าอัพกำไร AURA เล็งขึ้นค่ากำเหน็จ - เช็คด่วน!

หยวนต้าอัพกำไร AURA เล็งขึ้นค่ากำเหน็จ - เช็คด่วน!

            หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ปรับประมาณการกำไร AURA ขึ้นแบบ Conservative เป้าการเติบโตสูง แม้ว่ายัง Conservative ... มีแผนขึ้นค่ากำเหน็จ บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาปี 2025 ทั้งหมด 156 สาขา เป็น 644 สาขา (ประมาณการใหม่ของเรา คาดสาขาใหม่ 80 สาขา รวม 568 สาขา) เป็นการขยายสาขาของร้านทอง 10 สาขา ขยายสาขาร้าน Jewelry ซึ่งเป็นสินค้า High margin อีก 46 สาขา (ทั้งนี้เพื่อขยายพื้นที่ขายครอบคลุมลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น) และสาขาของ "ทองมาเงินไป" อีก 100 สาขา เนื่องจากมีความต้องการสูง นอกจากนี้ สาขาทั้งหมดของบริษัทปัจจุบันยังครอบคลุมเพียง 50 จังหวัด จึงยังมีโอกาสเติบโตได้อีก ผู้บริหารมีมุมมองต่อราคาทองในปี 2025 ว่ามีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงถึง Sideway up นอกจากนี้ การขึ้นค่ากำเหน็จของสมาคมค้าทองคำที่เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 มี.ค. ร้านของ AURA มีโอกาสปรับขึ้นตามสมาคมค้าทองคำเช่นกัน โดยจะทยอยปรับขึ้นในอัตราสูงสุดไม่เกิน 300 บาท ต่อหนึ่งบาททองคำ ซึ่งจะมีส่วนช่วยหนุนการเติบโตของ GPM อีกราว 10% YoY ส่วนธุรกิจ "ทองมาเงินไป" ตั้งเป้า AR ณ สิ้นปี 2025 แบบ Conservative ที่ 6,500 ลบ. โดยธุรกิจนี้จะได้แรงบวกจากต้นทุนเงินทุนที่ลดลงตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย แต่อัตราดอกเบี้ยรับเท่าเดิม บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ในช่วง 3Q25 อีก ราว 2,000 ลบ. โดยมี Capacity ในการกู้ตาม Debt Covenant อีกราว 10,000 ลบ. ปรับประมาณการกำไรปี 2025 ขึ้น 18% เราปรับจำนวนสาขาที่ไม่รวมสาขา "ทองมาเงินไป" เป็น 308 สาขา ต่ำกว่าเป้าหมายบริษัทที่อยู่ที่ 334 สาขา และยังคาดสาขาใหม่ของ "ทองมาเงินไป" เพียง 50 สาขา จากเป้าหมายบริษัทที่ 100 สาขา คาดยอด AR สิ้นปี 2025 ที่ 6,110 ลบ. ทรงตัวจากประมาณการเดิมแต่ยังต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทที่ 6,500 ลบ. คาด GPM ที่ 11.0% หรือ 4,138 ลบ. เพิ่มจากประมาณการเดิม 6.9% เติบโต 12.8% YoY ต่ำกว่าคาดการณ์ของบริษัทที่ 20 – 30% YoY และคาดอัตราดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมเพียง 3% ขณะที่ดอกเบี้ยรับคาดเพิ่มขึ้น 8.3% เพราะคาดว่าต้นทุนเงินทุนของบริษัทจะลดลงเล็กน้อยในปี 2025 ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิในปี 2025 ปรับเพิ่มขึ้น 17.8% เป็น 1,323 ลบ. เติบโต 16.6% YoY ซึ่งยังมี Upside risk จาก 1) ยอด AR อาจสูงกว่าคาด และต้นทุนเงินทุนต่ำกว่าคาด 2) การขยายสาขาที่มากกว่าประมาณการของเราทำให้รายได้มี Upside risk 3) ค่ากำเหน็จที่จะเพิ่มขึ้นยังไม่รวมในประมาณการกำไรของเรา กำไรสุทธิ 1Q25 มีโอกาส New High … ราคาหุ้นไม่แพง … คงคำแนะนำ ซื้อ เราคาดกำไรสุทธิ 1Q25 จะเติบโต QoQ และ YoY และมีโอกาสลุ้นทำ New High ได้ เนื่องจากมีการรับซื้อจำนวนมากในช่วงก่อนหน้า และเมื่อราคาทองยังขึ้นต่อทำให้ลูกค้ามีการซื้อกลับเพิ่มขึ้นเช่นกันในช่วง 1Q25 และมีการขายทองส่วนเกินกลับให้ Dealer ในช่วงราคาสูง ทำให้ GPM สูง บริษัทจะประกาศแผน 3 ปี ในช่วงปลายเดือน มี.ค. นี้ คาดเป็นเชิงบวก ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER2025 ต่ำเพียง 16.6 เท่า ราคาเป้าหมายใหม่อิง PER ที่ 22 เท่า อยู่ที่ 21.50 บาท มี Upside gain 32.7% คงคำแนะนำ ซื้อ (EPS เรารวมผลของ ESOP จำนวน 20 ล้านหุ้นในปี 2025 แล้ว)

AURA กำเหน็จทองขึ้น สาขาดันโต-เป้า20บ.

AURA กำเหน็จทองขึ้น สาขาดันโต-เป้า20บ.

           หุ้นวิชั่น - บทวิเคราะห์ บล.ดาโอ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 20.00 บาท (เดิม 18.00 บาท) อิง 2025E PER ที่ 20.5 เท่า (-0.5SD below 2-yr average PER) เนื่องจากปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น            มองเป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ (7 มี.ค.) ดังนี้ 1) แผนขยายสาขาปี 2025E จะเพิ่มขึ้นมากเป็น 644 สาขา จากปี 2024 ที่ 488 สาขา (+156 สาขา) ยังเน้นเพิ่มธุรกิจขายฝาก “ทองมาเงินไป” เป็น 310 สาขา (+100 สาขา) ส่วนธุรกิจค้าปลีกทองจะเพิ่มเป็น 334 สาขา (+56 สาขา) ส่วนใหญ่เน้นเพิ่มสาขาที่ขายสินค้า high margin, 2) ยอดลูกหนี้ขายฝากปี 2025E จะเพิ่มเป็น 6.5 พันล้านบาท +33% YoY และภายใน 3 ปีจะแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท, 3) จะมีการขึ้นค่ากำเหน็จ หลังสมาคมค้าทองคำประกาศปรับขึ้นค่ากำเหน็จ 1 มี.ค.25 ซึ่ง AURA มีแนวโน้มจะปรับค่ากำเหน็จขึ้นราว 300 บาท/บาททองคำ สำหรับทองล็อตใหม่ จากปัจจุบันมีค่ากำเหน็จ 1.5-2.0 พันบาท/บาททองคำ            ปรับประมาณการกำไรปี 2025E ขึ้น 6% เป็น 1.3 พันล้านบาท +15% YoY จาก 1) ปรับ GPM ธุรกิจค้าปลีกทองขึ้นเป็น 9.4% เดิม 9.2% (ปี 2024 = 9.6%) ผลจากการปรับขึ้นค่ากำเหน็จและเพิ่มการขายสินค้า high margin และ 2) ปรับรายได้ดอกเบี้ยรับธุรกิจขายฝากเพิ่ม 5% เป็น 788 ล้านบาท +46% YoY จากการเพิ่มยอดลูกหนี้ขายฝากเป็น 6.5 พันล้านบาท (เดิม 6.0 พันล้านบาท; ปี 2024/23 อยู่ที่ 4.9/2.7 พันล้านบาท) สำหรับกำไร 1Q25E จะยังดีขึ้น YoY, QoQ จาก high season เทศกาลตรุษจีนและวาเลนไทน์ ส่งผลบวกต่อธุรกิจค้าปลีก รวมถึงธุรกิจขายฝากจะยังเติบโตสูงต่อเนื่องราคาหุ้นปรับขึ้นและ outperform SET +20%/22% ในช่วง 1 และ 3 เดือน จากกำไร 4Q24 ที่ดีกว่าคาด            ทั้งนี้ ยังแนะนำ ซื้อ จากแนวโน้มกำไรปี 2025E ที่ยังเติบโตสดใสทั้งธุรกิจค้าปลีกทองและธุรกิจขายฝาก ซึ่งธุรกิจขายฝากจะยังคงเติบโตระดับสูงต่อเนื่องอย่างน้อยในอีก 3 ปีข้างหน้า ขณะที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลดีต่อต้นทุนเงินกู้ที่ลดลง

AURA ปี 67 ผลงาน All Time High เคาะจ่ายปันผล 0.42 บ./หุ้น

AURA ปี 67 ผลงาน All Time High เคาะจ่ายปันผล 0.42 บ./หุ้น

            บมจ. ออโรร่า ดีไซน์ (AURA) ประกาศผลงานปี 67 All Time High กำไรสุทธิทะยานแตะ 1,134.8 ลบ. เติบโต 33.5% ด้าน Q4/67 ปิดงบสวย จากธุรกิจ Modern Gold และ Gold Financing พอร์ตโตระเบิด! สิ้นปีมีลูกหนี้ขายฝากทะลุเป้าเฉียด 4,881 ลบ. ด้านบอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผล 0.42 บ./หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 1 พ.ค.นี้             นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ “AURA” ผู้นำธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชร อัญมณี และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นที่มีบริการแบบครบวงจร (One Stop Service) เปิดเผยตัวเลขความสำเร็จของผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 และงวดปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากผลการดำเนินงานทำสถิติสูงสุด (All Time High) ส่วนกำไรทำสถิติสูงสุดเช่นกัน             โดยในไตรมาส 4/2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 9,589.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% กำไรสุทธิ 310.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สนับสนุนภาพรวมปี 2567 รายได้รวมอยู่ที่ 33,153.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% กำไรสุทธิ 1,134.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.5% จากปีก่อน             ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ธุรกิจ Modern Gold และการขยายตัวของธุรกิจขายฝากทอง (Gold Financing)  ซึ่งธุรกิจขายฝากทอง มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีลูกหนี้ขายฝาก ณ สิ้นงวด ปี 2567 อยู่ที่ 4,880.9 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายที่บริษัทฯ ตั้งไว้ที่ 3,800 ล้านบาท ตั้งแต่ครึ่งปีแรกของปี2567 ที่ผ่านมา และเกินเป้าที่ปรับ จาก 4,500 ล้านบาท เป็น 4,880.9 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่แล้ว 79.2% จากความต้องการสินเชื่อทองคำที่เพิ่มขึ้น             นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถขยายสาขาได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จาก 406 สาขา เป็น 488 สาขาในปี 2567 และมีแผนที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในปีต่อไปๆ พร้อมกับการเดินหน้ากลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ และการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี สนับสนุนกำไรขั้นต้นในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 9.5% เป็น 11.1%             ด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติไฟเขียวจ่ายเงินปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.42 บาท/หุ้น รวมเป็นเงิน 560.28 ล้านบาท โดยบริษัทฯ กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น และสร้างความเชื่อมั่นในปี 2568 AURA พร้อมลุย เดินหน้าสร้างสถิติใหม่ต่อเนื่อง ทั้งการขยายตลาดทองรูปพรรณ และไฮไลท์จากธุรกิจ Gold Financing ที่เป็นตัวเร่งการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

AURA คาดกำไร Q1 โตเด่นกว่า 300 ลบ. ตรุษจีน-วาเลนไทน์ หนุน โบรกแนะซื้อ เป้า 18.50 บ.

AURA คาดกำไร Q1 โตเด่นกว่า 300 ลบ. ตรุษจีน-วาเลนไทน์ หนุน โบรกแนะซื้อ เป้า 18.50 บ.

         หุ้นวิชั่น - ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุจากเดิมคาดว่าเติบโตเด่นเพียง QoQ เราคาดกำไร 4Q67 ที่ 276 ล้านบาท (+34.5% QoQ, +14.1% YoY) ดีกว่าที่เคยประเมินเบื้องต้นไว้ราว 10% โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาลทั้งธุรกิจค้าปลีกทองคำและธุรกิจรับขายฝาก เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลของธุรกิจค้าปลีก และการนำทองมาขายฝากเพราะมีความจำเป็นต้องใช้เงินสด ยอด AR ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ราว 4.8 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าบริษัทที่ 4.5 พันล้านบาท คาดรายได้หลักที่ 8.8 พันล้านบาท (+11.9% QoQ, +9.1% YoY) โดยเป็น -รายได้จากการค้าปลีกที่ 8.7 พันล้านบาท (+12.0% QoQ, +8.5% YoY) -รายได้รับขายฝากที่ 150 ล้านบาท (+5.0% QoQ, +65.1% YoY) คาด GPM ที่ 10.6% ทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้นจาก 9.9% ใน 4Q66 หากกำไรสุทธิ 4Q67 ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ จะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2567 สูงกว่าประมาณการ 3% กำไรสุทธิ 1Q68 คาดโตเด่นต่อ ... มีโอกาสสูงในการปรับประมาณการขึ้น เราคาดกำไรสุทธิใน 1Q68 มีโอกาสกลับมาที่ระดับสูงกว่า 300 ล้านบาท ได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการรับซื้อคืนในช่วง 4Q67 และ ราคาทองยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องใน 1Q68 ประกอบกับความเป็น High Season ในช่วงเทศกาลตรุษจีนและวาเลนไทน์ ทำให้การซื้อของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง หนุนทั้งรายได้และ GPM ส่วนธุรกิจ "ทองมาเงินไป" ยังเติบโตต่อเนื่องตาม ปริมาณ AR ที่เพิ่มขึ้น และการขยายสาขา -ณ สิ้นปี 2567 จำนวนสาขาของร้านทองอยู่ที่ 267 สาขา (เพิ่มขึ้น 6 สาขา จากปี 2566) -ทองมาเงินไปอยู่ที่ 210 สาขา (เพิ่มขึ้น 72 สาขา จากปี 2566) บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำ แผน 3 ปี คาดว่าจะมีการเปิดเผยในช่วงการประชุมนักวิเคราะห์ และมีแนวโน้มออกมาเป็นบวก -บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาร้านทองอีก 20 สาขาในปี 2568 -ขยายสาขาของ "ทองมาเงินไป" อีกไม่น้อยกว่า 100 สาขา (+50%) ทำให้ บริษัทตั้งเป้าเติบโตในปี 2568 ไม่น้อยกว่า 20% เทียบกับประมาณการของเราที่ยังให้กำไรปี 2568 ทรงตัวถึงเติบโตเพียงเล็กน้อย YoY เราจึงมองว่า มีโอกาสสูงที่เราอาจปรับประมาณการขึ้น หลังรายงานงบปี 2567 และได้ข้อมูลเพิ่มเติมหลังการประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 7 มี.ค. ราคาหุ้นไม่แพง … คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาหุ้น YTD ปรับตัวลง 2.1% ขณะที่ ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 6.5% YTD ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายด้วย PER 2568 ก่อนปรับประมาณการกำไรขึ้นที่เพียง 15.8 เท่า ขณะที่ผลประกอบการ 4Q67 เติบโตเด่นทั้ง QoQ และ YoY และดีกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้าราว 10% อีกทั้ง คาดเติบโตต่อเนื่องใน 1Q68 และบริษัทตั้งเป้าการเติบโตเชิงรุก สวนทางกับประมาณการของ Consensus จึงมีโอกาส ปรับประมาณการกำไรขึ้น จึงเป็นโอกาสซื้อ ราคาเป้าหมาย 18.50 บาท

abs

เจมาร์ท สร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการสร้าง Synergy Ecosystem

โบรกฯ มอง AURA Outperform ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 20.1 บาท

โบรกฯ มอง AURA Outperform ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 20.1 บาท

          หนึ่งในธุรกิจที่มาแรงในปีนี้ คงต้องยกให้เป็นปีทอง ของธุรกิจทอง อย่าง “บมจ. ออโรร่า ดีไซน์” หรือ AURA จากความเคลื่อนไหวราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และกำไรของบริษัทที่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้อย่างแข็งแกร่ง ด้านบทวิเคราะห์ KSEC มีมุมมองต่อหุ้น AURA ราคายังไม่สอดคล้องกับปัจจัยบวกดังกล่าว จึงปรับราคาเป้าหมายปี 2568 เพิ่มขึ้น 8.8% จาก 18.48 บาท เป็น 20.1 บาท ตอกย้ำความสำเร็จในการกระจายธุรกิจจากค้าปลีก เครื่องประดับทองคำและเครื่องประดับที่มีกำไรสูง ไปสู่ธุรกิจสินเชื่อ (ธุรกิจขายฝากทองคำ ภายใต้แบรนด์ทองมาเงินไป) อีกทั้ง ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยนโยบายและวัฏจักรขาลงของอัตราดอกเบี้ย           โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KSEC) ระบุในบทวิเคราะห์ (เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 67) การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น AURA ในปีนี้ (YTD) ราคาหุ้นที่ต่ำกว่าตลาดของ AURA สวนทางกับผลประกอบการทางการเงินที่แข็งแกร่งในช่วงสามไตรมาสที่ผ่านมา รายได้และกำไรสุทธิใน 9M24 เติบโต 8.1% YoY และ 38.5% YoY ตามลำดับ ขณะที่ ROE ใน 9M24 อยู่ที่ 13.7% เพิ่มขึ้นจาก 10.6% ใน 9M23 ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PER ปี 2024 ที่ 17.7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ผ่านมา -2SD           พร้อมประเมินแนวโน้มการเติบโต จากผลการดำเนินงานในอดีตและแนวโน้มทางเศรษฐกิจ จึงคาดว่าราคาทองคำจะยังคงมีทิศทางปรับขึ้น แม้ว่าจะชะลอตัวลงบ้าง โดยเชื่อว่ากำไรขั้นต้นของ AURA ในปัจจุบันที่ประมาณ 10% +/- จะยังคงยั่งยืนจากความต้องการในการขายคืนทองคำ (การรับซื้อทองคำของบริษัทฯ) ที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการเติบโตจากธุรกิจขายฝากทองคำ และการเติบโตของยอดขายกลุ่ม High Margin Products           นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ของ AURA ล่าสุด ช่วยบรรเทาความกังวลของตลาดเกี่ยวกับความเพียงพอของเงินทุนในบริษัท ขณะเดียวกันแผนการแยกธุรกิจค้าปลีกและสินเชื่อจะช่วยปลดล็อกศักยภาพในการระดมทุนและเร่งแผนการเติบโต           จึงประเมินมูลค่าหุ้น AURA ยืนยันคำแนะนำ Outperform โดยตั้งเป้าราคาหุ้นสิ้นปี 2025 ที่ 20.1 บาท ซึ่งเป็นการปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น 8.8% จากเดิมที่ 18.48 บาท ปัจจัยที่คาดว่าจะทำให้ราคาหุ้นมีการปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ 1) การคาดการณ์การเติบโตที่ดีจากการบริหารจัดการในอีก 3 ปีข้างหน้า 2) การตัดสินใจในอุตสาหกรรมที่จะปรับขึ้นค่ากำเหน็จ 3) ความสำเร็จของบริษัทในการปลดล็อกศักยภาพในการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจขายฝากทองที่มีความเติบโต           โดยมีมุมมองหุ้น AURA อยู่ในตำแหน่งการแข่งขันที่เหนือกว่าที่จะขยายธุรกิจขายฝากทองคำได้หลายประการ ประการแรก Funding Cost ของ AURA มีความสามารถในการแข่งขันสูงกว่าคู่แข่งโดยตรง รวมถึงร้านทองและร้านจำนำอื่นๆ ประการที่สอง อัตราการเติบโตของสินเชื่อจากธนาคารและสถาบันการเงินนอกธนาคารที่ต่ำ บ่งชี้ถึงการคุมเข้มเครดิต ซึ่งทำให้ผู้บริโภคต้องหาทางเลือกการเงินอื่นๆ ในที่สุด ต้นทุนการเงินของ AURA จะมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น เมื่อ AURA วางแผนที่จะออก bond ครั้งแรก ภายใต้การจัดอันดับเครดิต BBB จาก TRIS นอกจากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของนโยบายการเงินล่าสุด และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต จะทำให้ AURA มีความยืดหยุ่นในการขยายพอร์ตสินเชื่อทองคำได้มากขึ้น           ในขณะเดียวกัน AURA กำลังดำเนินการกระจายเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกกลุ่ม High Margin Products เพิ่มเติมผ่านช่องทางการขายหลากหลายรูปแบบ อย่างไรก็ตาม การมีส่วนร่วมในรายได้และกำไรขั้นต้นจากกลุ่มธุรกิจนี้ยังคงไม่โดดเด่นนัก ในการประชุมกับนักลงทุนของ AURA เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ผู้บริหารได้ระบุว่ากำลังวางกลยุทธ์เพื่อเพิ่มสัดส่วนจากธุรกิจนี้ในอนาคตอันใกล้ ที่มาบทวิเคราะห์ : https://www.auroradesign.co.th/storage/download/analyst-report/2024/20241129-aura-kss-en.pdf

AURA Q3 กวาดกำไรเกือบ 205 ลบ. อานิสงส์ราคาทองคำหนุน

AURA Q3 กวาดกำไรเกือบ 205 ลบ. อานิสงส์ราคาทองคำหนุน

          “บมจ. ออโรร่า ดีไซน์” หรือ AURA ชูงบ Q3/67 กำไรโตแรง แม้เป็น Low Season กวาดกำไรเกือบ 205 ล้านบาท พีคเกือบ 45% (YoY) รายได้รวม 7,891 ล้านบาท หนุนงบ 9 เดือนปี 67 กวาดกำไรสุทธิกว่า 824 ล้านบาท พุ่งแรงเกือบ 36% ทำรายได้กว่า 23,564 ล้านบาท จากการขยายฐานลูกค้า ขยายสาขา และอานิสงส์ราคาทองคำอยู่ในระดับสูง บริษัทฯ ทำกำไรจากปริมาณการรับซื้อที่เพิ่มขึ้น ด้านช่องทางการจำหน่าย ณ สิ้นกันยายน มีสาขาจำนวน 477 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมทั้ง การเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยจากการขายฝาก ในธุรกิจ “Gold Finance” ดาวเด่นที่มาแรง ปัจจุบันมีพอร์ต 4,212 ล้านบาท ใกล้เคียงเป้าสิ้นปีที่วางไว้จะมีลูกหนี้ขายฝากเพิ่มเป็น 4,500 ล้านบาท พร้อมดันธุรกิจเครื่องประดับเพชรและอัญมณี ตอกย้ำ AURA มีดีกว่าแค่ธุรกิจทอง           นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA ผู้นำธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรและอัญมณี รวมทั้ง ธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นที่มีบริการแบบครบวงจร (One Stop Service) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานมีการเติบโตอย่างโดดเด่น ในไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 204.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.7% เมื่อปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา (YoY) สาเหตุหลักมาจากการขยายฐานลูกค้าผ่านการเปิดสาขาใหม่ และราคาทองคำที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้ง การเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยจากการขายฝาก ส่งผลให้ในไตรมาส 3 ปีนี้มีการเติบโตอย่างน่าประทับใจ แม้โดยปกติจะเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจ และมีความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย เช่น อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนการเมืองในหลายประเทศ แต่ทองคำยังคงถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีศักยภาพในการสร้างกำไรในอนาคต โดยปัจจัยต่างๆ นี้ ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค ทำให้การขายลดลง แต่ในทางกลับกันการรับซื้อทองคำยังอยู่ในระดับที่ดี ด้านรายได้รวมอยู่ที่ 7,891.4 ล้านบาท เพิ่นขึ้น 17.5% จากการขยายตัวของธุรกิจผลิตภัณฑ์ทองรูปพรรณที่มีส่วนประกอบของทองคำบริสุทธิ์ 96.5% หรือ Modern Gold ทั้งจากยอดขายจากสาขาเดิม และการขยายสาขาใหม่ รวมถึงรายได้จากดอกเบี้ยขายฝากที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของลูกหนี้ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 10.5% ซึ่งแสดงถึงการบริหารจัดการต้นทุนราคาทองคำอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีรายได้รวม 23,564.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.1% มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11.5% เพิ่มขึ้นจาก 9.4% ในปีก่อน และด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สนับสนุนให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 824.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% จากการขายสินค้าของธุรกิจ Modern Gold และธุรกิจขายฝาก Gold Financing Business อีกทั้ง ยังนับเป็นการเติบโตในระดับใกล้เคียงกับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ซึ่งมีกำไรสุทธิเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนในระดับ 32.7% ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2567 โครงสร้างรายได้จากการดำเนินงาน แบ่งเป็น รายได้จากการขายสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องประดับทองรูปพรรณที่มีส่วนประกอบของทองคำบริสุทธิ์ 96.5% (Modern Gold) มีสัดส่วนรายได้ 93% เป็นรายได้หลักของบริษัทฯ นอกจากนี้ ธุรกิจขายเครื่องประดับเพชร และ Design Gold เป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 5% และรายได้ดอกเบี้ยรับจากธุรกิจขายฝากทองหรือเครื่องประดับเพชร ภายใต้แบรนด์ ทองมาเงินไป (Gold Financing Business) มีสัดส่วนรายได้ 2% แม้สัดส่วนรายได้ยังไม่สูงนัก แต่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลัก และมีการเติบโตในระดับสูง ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีพอร์ตลูกหนี้รับขายฝากคงเหลืออยู่ที่ 4,212 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยขายฝากที่แท้จริง 13.8% ใกล้เป้าหมายทั้งปีที่วางไว้จะมีลูกหนี้ขายฝาก 4,500 ล้านบาท ขณะที่ รายได้ดอกเบี้ยรับเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนปีนี้เติบโตขึ้นประมาณ 80% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ในด้านช่องทางการจำหน่ายปัจจุบันมีเครือข่ายสาขา ควบคู่ช่องทางออนไลน์เสริมทัพ (Omni Chanel) โดย ณ สิ้นกันยายน 2567 มีสาขารวมอยู่ที่ 477 สาขา แบ่งเป็น ร้านทองออโรร่า และเซ่งเฮง จำนวน 258 สาขา ทองมาเงินไป 210 สาขา ออโรร่า ไดมอนด์ 7 สาขา และของขวัญ 2 สาขา สำหรับ ข้อมูลอุตสาหกรรมราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ในเดือนกันยายน 2567 อ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ เคลื่อนไหวต่ำสุดบาทละ 39,950 บาท ต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ และเคลื่อนไหวสูงสุด บาทละ 41,200 บาท ต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ ส่วนต่างราคาสูงสุด-ต่ำสุดอยู่ที่ 1,250 บาท หรือคิดเป็น 3.03% โดยราคาปิด ณ สิ้นเดือน กันยายน 2567 อยู่ที่บาทละ 40,400 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำระยะสามเดือนในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 (ต.ค.-ธ.ค.) ปรับเพิ่มจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 จากระดับ 68.50 จุด มาอยู่ที่ระดับ 69.08 จุด เพิ่มขึ้น 0.58 จุด หรือคิดเป็น 0.84% โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นมานั้น ได้แก่ เงินทุนไหลออกจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย การอ่อนค่าของเงินบาท ทิศทางราคาน้ำมัน และแรงซื้อเก็งกำไรของกองทุน

พฤอา
242526272812345678910111213141516171819202122232425262728293031123456