ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

#ธุรกิจ


แผ่นดินไหว โดน 3 หมื่นลบ.  ธุรกิจไหนหนักสุด เช็กได้

แผ่นดินไหว โดน 3 หมื่นลบ. ธุรกิจไหนหนักสุด เช็กได้

             หุ้นวิชั่น - SCB EIC ประเมิน (ณ 1 เมษายน 2025) แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม 2025 มีผลกระทบเบื้องต้นต่อเศรษฐกิจไทยจำกัดประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยผลกระทบจะกระจุกตัวอยู่ในภาคการท่องเที่ยว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจก่อสร้าง แต่ยังต้องติดตามการฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชนและความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะต่อไป              ภาคการท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบค่อนข้างเร็วในระยะสั้นจากความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อสถานการณ์ความปลอดภัยในประเทศไทย หลังข่าวแผ่นดินไหวได้แพร่กระจายออกไปทั่วโลก โดยประเมินในกรณีฐานว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะปรับลดลง 4 แสนคน ภายใต้สมมติฐานผลกระทบจะรุนแรงในเดือนเมษายน และจะใช้เวลาฟื้นตัวให้กลับมาเติบโตได้ตามปกติราว 3 เดือน จากการยกเลิกทริปในระยะสั้นที่สถานการณ์จะยังไม่กลับสู่ภาวะปกติอย่างสมบูรณ์              ภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม จะได้รับผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ที่กำลังจะโอนหรือซื้อ โดยอาจชะลอการโอนหรือซื้อออกไป ซึ่งจะทำให้หน่วยโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมหดตัวรวมถึงการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปีนี้จะหดตัวต่อเนื่อง              การก่อสร้างส่วนใหญ่ไม่หยุดชะงัก ประกอบกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างจะได้รับอานิสงส์จากการซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้าง ทั้งนี้ความสามารถในการรองรับภัยพิบัติของสิ่งปลูกสร้าง จะเป็นปัจจัยที่ผู้ว่าจ้างให้ความสำคัญ รวมถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้างมีแนวโน้มเผชิญความเข้มงวดจากผู้ว่าจ้างมากขึ้น ตั้งแต่การเข้าประมูลการก่อสร้าง จนถึงขั้นตอนตรวจรับงานส่งผลดีต่อภาพรวมของภาคก่อสร้างตามมา              ในภาพรวม ผลต่อเศรษฐกิจยังอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ใช้ในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของทุกภาคส่วนซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่รุนแรงเพิ่มเติมไปกว่านี้ ดังนั้นภาครัฐต้องรีบให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ตลอดจนเรียกความเชื่อมั่นของสาธารณะกลับมาด้วยการเร่งตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารอย่างเป็นระบบ พัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ทันท่วงที พร้อมทั้งการสื่อสารที่ชัดเจนรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และทำงานเป็นองค์รวม              วันที่ 28 มีนาคม 2025 บริเวณตอนกลางของประเทศเมียนมาเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด แรงสั่นสะเทือนกระจายไปในหลายประเทศ รวมถึงไทยสร้างความเสียหายต่ออาคารจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ นับเป็นความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งที่ไทยเคยเผชิญมา SCB EICประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจภาพรว ม ดังนี้ ประเมินความเสียหายต่อภาคท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์              1. ภาคท่องเที่ยว เหตุแผ่นดินไหวเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทย สะท้อนจากตัวเลขการยกเลิกห้องพักในช่วง 2 วันที่ผ่านมาของสมาคมโรงแรมไทยที่มีการยกเลิกห้องแล้วประมาณ 1,100 บุกกิงทั่วประเทศ และจากข้อมูลของผู้ประกอบการโรงแรมห้องพักที่ถูกยกเลิกส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะที่ด้านสมาคมสายการบินประเทศไทยระบุว่า ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ตัวเลขการจองที่นั่งโดยสารรายวันลดลงเฉลี่ย 40%-60% นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนหนึ่งยังเฝ้าระวังสถานการณ์ในไทยอย่างใกล้ชิดเนื่องจากรัฐบาลหลายประเทศออกประกาศเตือนด้านความปลอดภัยกับพลเมืองที่จะเดินทางมาไทย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลของสหราชอาณาจักร สิงคโปร์ และแคนาดา              SCB EIC ประเมินเหตุแผ่นดินไหวจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในระยะสั้น ในการประเมินผลกระทบเบื้องต้นคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนเมษายนจะลดลงราว -12%MOM ซึ่งลดลงมากกว่าการลดลเฉลี่ยตามฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเ ดือนเมษายนของช่วงปี 2017-2019 ซึ่งอยู่ที่ราว -6%MOM และจะใช้เวลาฟื้นตัวให้กลับมาเติบโตได้ตามปกติราว 3 เดือนส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้มีโอกาสลดลงจากประมาณการเดิมราว 4 แสนคน และสูญเสียรายได้จากค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 2.1 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวไทยยังมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหากภาครัฐเร่งออกมาตรการเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับคืนมาได้เร็ว ประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติของ SCB EIC ในปีนี้เดิมที่ 38.2ล้านคนจะถูกปรับหลังสถานการณ์ท่องเที่ยวมีความชัดเจนมากขึ้น              2. ภาคอสังหาริมทรัพย์ 2.1 ตลาดที่อยู่อาศัยคอนโดมิเนียมตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ แม้จะไม่ได้เกิดความเสียหายในระดับอาคารถล่ม แต่การฟื้นตัวของตลาดฯยังขึ้นอยู่กับการกลับมาของความเชื่อมั่นผู้บริโภค SCB EIC คาดว่าหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2025 มีแนวโน้มอยู่ที่ 8.5หมื่นหน่วย หดตัว -0.8%YOY ต่ำกว่ามุมมองเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.6%YOY สาเหตุหลักเพราะ 1) กลุ่มที่มีแผนจะโอนกรรมสิทธิ์/มีแผนจะซื้อคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มจะชะลอการโอนหรือการตัดสินใจซื้อออกไปเนื่องจากยังต้องการความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยรวมถึงการซ่อมแซมความเสียหายเชิงสถาปัตยกรรมของห้องพัก พื้นที่ส่วนกลางและตัวอาคาร ก่อนการตัดสินใจโอนกรรมสิทธิ์ หรือซื้อ และ 2)กลุ่มผู้ลงทุนในคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มชะลอการลงทุนจากความไม่แน่นอนต่าง ๆเช่น ราคาขายต่อของคอนโดมิเนียมการย้ายออกของผู้เช่ากลุ่มที่มีความกังวลอาจหันไปเช่าที่อยู่อาศัยแนวราบแทนแม้อัตราค่าเช่าจะสูงกว่าคอนโดในทำเลเดียวกันหรือเลือกเช่าที่อยู่อาศัยแนวราบที่อัตราค่าเช่าไม่ต่างจากคอนโดมิเนียมมากนักในทำเลที่ไกลออกไป รูปที่ 1 : หน่วยโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล              สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม และกำลังผ่อนชำระค่างวด โดยเฉพาะกลุ่มรายได้ปานกลาง-ล่างจะยังมีแนวโน้มอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม และผ่อนชำระค่างวดต่อไป เนื่องจากยังมีข้อจำกัดด้านการเงินในการย้ายที่อยู่อาศัย หรือซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่ม ทั้งนี้การที่ผู้ประกอบการเร่งตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร และมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือลูกบ้านทันท่วงทีช่วยคลายความตื่นตระหนกสำหรับลูกบ้านได้ส่วนหนึ่ง ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือจากสถาบันการเงิน เช่นการลดค่างวดหรือพักชำระเงินต้นสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย และการออกสินเชื่อเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยจะช่วยประคับประคองไม่ให้เกิดการหยุดชะงักของการผ่อนชำระค่างวดรวมถึงสามารถดำเนินการซ่อมแซมห้องพักให้สามารถกลับมาอยู่อาศัยได้ตามปกติ              ทั้งนี้ ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบมีแนวโน้มได้อานิสงส์บางส่วนจากกลุ่มที่มีความกังวลในการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม และมีความพร้อมทางการเงินในการย้ายไปที่อยู่อาศัยแนวราบ หรือสามารถซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มเติมการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในปี 2025 จะยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง โดยเผชิญแรงกดดันหลักจากกำลังซื้อกลุ่มรายได้ปานกลาง-ล่างที่ยังไม่ฟื้นตัว และมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย              ขณะที่แนวโน้มการชะลอการโอนกรรมสิทธิ์หรือการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมจากแผ่นดินไหว เป็นแรงกดดันให้หน่วยเหลือขายสะสมคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2025 ยังอยู่ในระดับสูงราว 74,000 หน่วย อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาการปรับแผน กลยุทธ์ของผู้ประกอบการในช่วงที่เหลือของปีที่อาจชะลอการเปิดโครงการใหม่ รวมถึงทำการตลาดแข่งขันชูจุดขายด้านความปลอดภัยในการอยู่อาศัยมากขึ้น เช่น ความน่าเชื่อถือของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มาตรการรับมือภัยพิบัติ การตอบสนองความต้องการหรือให้ความช่วยเหลือลูกบ้านได้ทันท่วงที 2.2 ตลาดรับเหมาก่อสร้าง พื้นที่ก่อสร้างส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงในระดับที่ทำให้การก่อสร้างหยุดชะงักหลังเกิดแผ่นดินไหวส่งผลให้กิจกรรมก่อสร้างทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนในปี 2025 จะยังสามารถดำเนินการได้ต่อเนื่อง ประกอบกับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงผู้ผลิตและค้าวัสดุก่อสร้างจะได้รับอานิสงส์จากความต้องการซ่อมแซมอาคาร และสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับความเสียหาย              SCB EIC มองว่าการปรับแผนกลยุทธ์ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปีที่อาจชะลอการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่มากขึ้นมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อเนื่อง ให้กิจกรรมก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียม มูลค่าราว86,000-100,000 ล้านบาทต่อปี (ราว 15%-17% ของมูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนโดยรวม) เติบโตชะลอลงตามความสามารถในการรองรับภัยพิบัติต่าง ๆ ของสิ่งปลูกสร้าง จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ว่าจ้าง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้ความสำคัญ รวมถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มีแนวโน้มจะเผชิญความเข้มงวดจากผู้ว่าจ้างมากขึ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการเข้าประมูลงาน ทั้งคุณสมบัติและประสบการณ์ของผู้รับเหมาหลักพันธมิตร และผู้รับเหมาช่วง ขั้นตอนการก่อสร้างที่จะต้องมีความปลอดภัย และใช้วัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐานจนถึงขั้นตอนตรวจรับงานที่ผู้ว่าจ้างจะเข้มงวดมากขึ้น ทั้งความตรงเวลาและคุณภาพของงานที่ส่งมอบ ทั้งนี้ความเข้มงวดในขั้นตอนต่าง ๆที่สูงขึ้นนี้จะเป็นแรงกดดันให้ผู้รับเหมาก่อสร้างเกิดการแข่งขันด้านคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของภาคก่อสร้างตามมาในระยะข้างหน้า SCB EIC ประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากแผ่นดินไหวราว 3 หมื่นล้านบาท              แต่ตัวเลขจริงจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการฟื้นความเชื่อมั่น ในระยะสั้น เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้มีแนวโน้มสร้างผลกระทบต่อความกังวลด้านความปลอ ดภัยและการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะความกังวลที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานอาคารจนอาจทำให้กิจกรรมบางส่วนหยุดชะงักเพื่อรอตรวจสอบรวมถึงประชาชนอาจชะลอการใช้จ่ายบริการ ช็อปปิงและการท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุครั้งนี้ อย่างไรก็ดี รายจ่ายที่หายไปบางส่วนอาจได้รับการชดเชยจากรายจ่ายซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและการใช้จ่ายภาครัฐที่อาจเพิ่มขึ้นจากการออกมาตรการบรรเทาผลกระทบและฟื้นฟูหลังภัยพิบัติผ่านการจัดสรรงบฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย ทำให้ขนาดผลกระทบอาจลดความรุนแรงลงได้ SCB EIC ประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากเหตุแผ่นดินไหวต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2025 ราว 3 หมื่นล้านบาท              จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจมีแนวโน้มลดลงจากความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ผลกระทบสุทธิต่อเศรษฐกิจอาจยังไม่แน่นอน ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับระยะเวลาความเชื่อมั่นจะฟื้นฟูกลับมาได้ทั้งของคนในประเทศนักท่องเที่ยว และนักลงทุนต่างชาติ รูปที่ 2 : ผลกระทบเบื้องต้นจากแผ่นดินไหวต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจไทย SCB EIC มองว่า ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่รุนแรงมากและมีผลชั่วคราวคือการที่ภาครัฐเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบและเรียกความเชื่อมั่นสาธารณะกลับมาผ่านการออกแนวนโยบาย เร่งช่วยเหลือ –เร่งประสานความร่วมมือด้านประกันภัยเพื่อเร่งรัดการชดเชยความเสียหายแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ​ ตลอดจนการออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อบรรเทาผลกระทบเฉพาะหน้าและเพื่อรักษาสภาพคล่องพร้อมออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาืติเรียกเชื่อมั่น – เร่งตรวจสอบความปลอดภัยของโรงแรมที่อยู่อาศัยและแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นอาคารสูงอย่างละเอียด จากหน่วยงานภายนอกที่มีความน่าเชื่อถือ พร้อมประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ง่ายโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติและสื่อต่างประเทศ รวมถึงการเร่งพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินที่สามารถแจ้งเตือนเหตุให้ประชาชน /นักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ทันท่วงที ที่สำคัญภาครัฐต้องสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็ว โปร่งใสและเชื่อถือได้ แม้เราจะควบคุม After shock ของเหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่ได้ แต่นโยบายสื่อสารที่ชัดเจนจะช่วยลด After shock ทางความรู้สึกของประชาชน และช่วยลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่อาจตามมาได้

เสียวหมี่รายได้ Q3 เกินคาด ทำสถิติแตะ 92.5 พันล้านหยวน

เสียวหมี่รายได้ Q3 เกินคาด ทำสถิติแตะ 92.5 พันล้านหยวน

หุ้นวิชั่น – เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน ("เสียวหมี่" หรือ "กลุ่มธุรกิจ"; Stock Code:1810) บริษัทด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะด้วยการเป็นผู้นำด้านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์ที่เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) ประกาศผลการดำเนินงานไม่สอบทานสำหรับสามเดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 (“ไตรมาส 3 ปี 2567” หรือ “ช่วงเวลาดังกล่าว”) รายได้ในช่วงเวลาดังกล่าวสร้างสถิติใหม่ ถือเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกัน โดยในไตรมาส 3 ปี 2567 รายรับอยู่ที่ 92.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 30.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า กำไรสุทธิที่ปรับแล้วอยู่ที่ 6.3 พันล้านหยวน โดยยังคงครองตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไว้ได้ กลยุทธ์สินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมยังคงสูงขึ้นอยู่ที่ 20.4% ธุรกิจหลักทั้งสามของเสียวหมี่ ได้แก่ สมาร์ทโฟน ผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ และบริการอินเทอร์เน็ต มีรายรับ 47.5 พันล้านหยวน 26.1 พันล้านหยวน และ 8.5 พันล้านหยวน ตามลำดับ รายรับจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ (“EV”) และโครงการใหม่ๆ อื่นๆ นั้นสูงถึง 9.7 พันล้านหยวน ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมาย 1 หมื่นล้านหยวนที่ตั้งไว้ โดยที่ประสิทธิภาพโดยรวมนั้นเกินความคาดหมาย การเติบโตดังกล่าวตอกย้ำระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ของเสียวหมี่ที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตที่ผลักดันให้กลุ่มบริษัทบรรลุผลลัพธ์ที่สำคัญมากมาย ในไตรมาส 3 เงินสดของเสียวหมี่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแตะระดับใหม่สูงสุดอยู่ที่ 151.6 พันล้านหยวน ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 โดยในช่วงเทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 ของปีนี้ มูลค่าสินค้ารวมสะสม (“GMV”) บนช่องทาง Omnichannel ของเสียวหมี่นั้นเกิน 31.9 พันล้านหยวน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจต่างๆ ของเสียวหมี่นั้นก็เติบโตขึ้นไปอีกระดับเช่นกัน โดยเสียวหมี่เสริมได้ความแข็งแกร่งให้กับความสามารถในการแข่งขันของตนเอง และก้าวขึ้นไปอีกขั้นเพื่อการพัฒนาใหม่ๆ           เสียวหมี่ มีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกัน ในขณะที่ยอดขายของ Xiaomi 15 Series ทำยอดทะลุ 1 ล้านเครื่อง ในไตรมาส 3 ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกของเสียวหมี่ อยู่ที่ 43.1 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 3.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า จากข้อมูลของ Canalys ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกของเสียวหมี่นั้นติดอันดับหนึ่งในสามแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำทั่วโลกได้ติดต่อกัน 17 ไตรมาส โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 13.8% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อันดับในการจัดส่งสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ไต่ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 4 โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 1.2 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็น 14.7% ซึ่งถือเป็นการเติบโตของส่วนแบ่งการตลาดติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สาม ในไตรมาส 3 รายรับจากธุรกิจสมาร์ทโฟนของเสียวหมี่อยู่ที่ 47.5 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเสียวหมี่ยังคงพัฒนากลยุทธ์สินค้าและบริการในกลุ่มพรีเมียม (premiumization) อย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลของบุคคลที่สาม (third-party data) สมาร์ทโฟนพรีเมียมของเสียวหมี่รุ่นที่มีราคาตั้งแต่ 3,000 หยวนขึ้นไปมีสัดส่วนคิดเป็น 20.1% ของยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนทั้งหมดในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.9 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เมื่อจำแนกตามกลุ่มราคา เสียวหมี่นั้นประสบความสำเร็จในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าในสมาร์ทโฟนสามกลุ่มราคาในจีนแผ่นดินใหญ่ในไตรมาส 3 ปี 2567 โดยสมาร์ทโฟนในกลุ่มราคา 3,000 ถึง 4,000 หยวน เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 18.1% เพิ่มขึ้น 9.3 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า สมาร์ทโฟนในกลุ่มราคา 4,000 ถึง 5,000 หยวน เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 22.6% เพิ่มขึ้น 9.7 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และ สมาร์ทโฟนในกลุ่มราคา 5,000 ถึง 6,000 หยวน เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 6.9% เพิ่มขึ้น 2.4 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า กลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดย Xiaomi 15 Series นั้นมียอดขายกว่า 1 ล้านเครื่องซึ่งเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า และตั้งแต่ Xiaomi 15 Series เปิดตัวมาก็เป็นสินค้าขายดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างสถิติใหม่สำหรับยอดขายสมาร์ทโฟนเรือธงในช่วงแรก ในขณะเดียวกันในช่วงเทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 ที่ผ่านมา เสียวหมี่ก็สามารถทำยอดขายและรายรับบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในช่องทางหลักในกลุ่มราคา 4,000 ถึง 5,999 หยวนได้อีกด้วย           อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ IoT พุ่งแตะระดับสูงสุด โดยมียอดการจัดส่งเครื่องปรับอากาศและเครื่องซักผ้าที่เติบโตขึ้นกว่า 50% ธุรกิจผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 โดยมีรายรับอยู่ที่ 26.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 26.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีอัตรากำไรขั้นต้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 20.8% เพิ่มขึ้น 2.9 จุดเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ด้วยการใช้เทคโนโลยีเฉพาะเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจึงทำให้ระบบนิเวศอัจฉริยะของกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT ของ เสียวหมี่นั้นเติบโตทั้งในด้านปริมาณและมูลค่า ทั้งนี้ยอดการจัดส่งตู้เย็นและเครื่องซักผ้านั้นทำสถิติสูงสุด โดยที่มีการจัดส่งเครื่องปรับอากาศมากกว่า 1.7 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นกว่า 55% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และการจัดส่งตู้เย็นมากกว่า 810,000 เครื่อง เพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และการจัดส่งเครื่องซักผ้าเกิน 480,000 เครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามรายงานของ Canalys พบว่ายอดจัดส่งแท็บเล็ตทั่วโลกของเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเสียวหมี่ยังคงสามารถครองอันดับที่ 5 ของโลกและอันดับที่ 3 ในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยยอดจัดส่งอุปกรณ์สวมใส่ทั่วโลกของเสียวหมี่นั้นเพิ่มขึ้นสูงกว่า 50% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า รวมไปถึงยอดจัดส่งนาฬิกาอัจฉริยะและหูฟัง TWS ก็ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน           รายรับจากธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นก็ยังคงอยู่ในระดับสูงเช่นกัน ในช่วงเวลาดังกล่าว บริการอินเทอร์เน็ตยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีรายรับเพิ่มขึ้น 9.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็น 8.5 พันล้านหยวน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของบริการอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 77.5% เพิ่มขึ้น 3.1 จุดเปอร์เซ็นต์จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ฐานผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของเสียวหมี่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน (“MAU”) ทั่วโลกและในจีนแผ่นดินใหญ่ต่างก็ทำสถิติสูงสุด ในเดือนกันยายน 2567 จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนทั่วโลกแตะระดับ 685.8 ล้านราย เพิ่มขึ้น 10.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนในจีนแผ่นดินใหญ่แตะระดับ 167.9 ล้านราย เพิ่มขึ้น 10.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า           Xiaomi SU7 บรรลุเป้าหมายการส่งมอบรถยนต์ 100,000 คัน โดยมีรายรับจากรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะที่ใกล้แตะ 1 หมื่นล้านหยวน รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่นั้นเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดเหนือความคาดหมายอีกครั้ง ในไตรมาส 3 ปี 2567 รายรับจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะและโครงการใหม่ๆ อื่นๆ สูงถึง 9.7 พันล้านหยวน ซึ่งใกล้จะแตะเป้าหมาย 1 หมื่นล้านหยวนแล้ว โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเพิ่มขึ้น 17.1% ทั้งนี้เสียวหมี่ยังคงเร่งการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการส่งมอบรถยนต์ Xiaomi SU7 Series ในไตรมาสนี้สูงถึง 39,790 คัน และ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เสียวหมี่ได้ทำการส่งมอบรถยนต์ Xiaomi SU7 Series ไปแล้วกว่า 67,157 คัน ในเดือนตุลาคม 2567 เสียวหมี่ได้ทำการการส่งมอบรถยนต์ Xiaomi SU7 Series ภายในเดือนนั้นไปแล้วเกิน 20,000 คัน นอกจากนี้เสียวหมี่ยังบรรลุเป้าหมายการผลิตรถยนต์สะสมกว่า 100,000 คันในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 และบรรลุเป้าหมายการส่งมอบรถยนต์ 100,000 คัน ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ทั้งนี้เสียวหมี่มุ่งมั่นที่จะส่งมอบรถยนต์ 130,000 คันภายในปี 2567 อีกด้วย นอกจากนี้เสียวหมี่ยังได้ทำการขยายเครือข่ายการขายและบริการอย่างรวดเร็ว โดยมีศูนย์ขายรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะถึง 127 แห่งใน 38 เมืองในจีนแผ่นดินใหญ่ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ซึ่งจะช่วยผลักดันให้กลุ่มบริษัทสามารถเร่งดำเนินการส่งมอบให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ในเดือนตุลาคม 2567 รถต้นแบบ Xiaomi SU7 Ultra สามารถทำสถิติเวลาต่อรอบได้สำเร็จที่สนาม Nürburgring Nordschleife โดยทำลายสถิติ "รถสี่ประตูที่เร็วที่สุดในโลกที่สนาม Nürburgring Nordschleife" ด้วยเวลา 6’46”874 ปัจจุบัน Xiaomi SU7 Ultra นั้นเปิดให้สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้แล้ว โดยตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์สามตัวที่ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ Xiaomi HyperEngine V8s แบบคู่และเครื่องยนต์ Xiaomi HyperEngine V6s โดย Xiaomi SU7 Ultra นั้นสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ออกแบบไว้ได้ที่ 350 กม./ชม. และจะวางจำหน่ายอยู่ที่ราคา 814,900 หยวน ทั้งนี้มีผู้สั่งซื้อล่วงหน้าแล้วถึง 3,680 คันภายใน 10 นาทีแรก โดย Xiaomi SU7 Ultra มีกำหนดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2568           เสียวหมี่มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาด้วยการลงทุนด้าน การพัฒนาและวิจัยที่เพิ่มขึ้น เสียวหมี่มุ่งมั่นที่จะลงทุนอย่างยั่งยืนในเทคโนโลยีหลักพื้นฐานและก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกในด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในไตรมาส 3 ปี 2567 ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา ("R&D") ของเสียวหมี่นั้นสูงถึง 6 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 19.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เสียวหมี่มีบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนากว่า 20,436 คน นอกจากนี้เสียวหมี่ยังได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 41,000 ฉบับทั่วโลก ในปี 2567 อันดับของกลุ่มในกลุ่มสิทธิบัตรทั่วโลกด้านสิทธิบัตรพื้นฐานที่จำเป็นต่อมาตรฐาน 5G ("SEPs") นั้นไต่ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 8 ของโลก เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของเสียวหมี่ได้เปิดตัวเทคโนโลยีแชสซีอัจฉริยะก่อนการวิจัย (chassis pre-research technology) ซึ่งนำเสนอเทคโนโลยีหลักสี่ประการ ได้แก่ Xiaomi Full Active Suspension, Xiaomi Quad-HyperEngine, Xiaomi 48V Electric Mechanical Brake และ Xiaomi 48V SbW System นอกจากนี้ ระบบขับขี่อัจฉริยะของเสียวหมี่ยังรองรับโมเดลขนาดใหญ่แบบครบวงจรและเปลี่ยนชื่อเป็น HAD โดยผลิตภัณฑ์รุ่นแรกจะมีกำหนดเปิดตัวในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2567 นอกจากนี้ ณ ปัจจุบัน ระบบขับขี่อัจฉริยะของเสียวหมี่นั้นเดินทางครอบคลุมระยะทางมากกว่า 75 ล้านกิโลเมตร โดยมีระบบการนำทางแบบ NOA ที่คิดเป็น 81% ของระยะทางนี้และครอบคลุม 333 เมืองทั่วประเทศโดยมี Xiaomi SU7 ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่สำคัญของเสียวหมี่ในด้านการขับขี่อัจฉริยะ ทั้งนี้นับตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป Xiaomi SU7 Pro และ Xiaomi SU7 Max จะเริ่มเปิดตัวฟีเจอร์ช่วยนำทางในเมือง (urban NOA) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในด้านการขับขี่อัจฉริยะของเสียวหมี่ ในเดือนตุลาคม 2567 เสียวหมี่ได้เปิดตัว Xiaomi HyperOS 2 อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการครั้งสำคัญในการสร้างระบบนิเวศ AI ที่ครอบคลุม โดยมีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีหลัก 3 ประการ ได้แก่ HyperCore, HyperConnect และ HyperAI ซึ่งมอบประสบการณ์ใหม่และล้ำสมัยให้กับผู้ใช้ทั่วโลกในด้านฟังก์ชันพื้นฐาน การเชื่อมต่ออัจฉริยะข้ามอุปกรณ์ และการโต้ตอบกับ AI          เกี่ยวกับเสียวหมี่  เสียวหมี่ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2010 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 (1810.HK) เสียวหมี่เป็นบริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะที่มีสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อด้วยแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เป็นแกนหลัก ด้วยวิสัยทัศน์ “การเป็นมิตรของผู้ใช้งานและบริษัทที่ทันสมัยที่สุดในใจผู้ใช้งานทุกคน” เสียวหมี่จึงมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะพัฒนานวัตกรรม ประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยม ตลอดจนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะไม่ลดละการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในราคาที่เป็นมิตร เพื่อให้ทุกคนบนโลกนี้สามารถเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ เสียวหมี่คือหนึ่งในบริษัทสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลก ในเดือนกันยายน 2567 ยอดผู้ใช้บริการรายเดือน (MAU) ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 685.8 ล้านราย นอกจากนี้เสียวหมี่ยังเป็นผู้นำด้านการก่อตั้งแพลทฟอร์ม AIoT (AI+IoT) ของโลกโดยมีสินค้าอัจฉริยะเชื่อมต่อกับแพลทฟอร์มกว่า 861.4 ล้านเครื่อง ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 โดยยังไม่รวมสมาร์ทโฟน แล็ปท็อปและแท็บเล็ต ในเดือนตุลาคม 2566 เสียวหมี่ได้อัปเกรดกลยุทธ์เป็นระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human × Car × Home” ที่ผสานเอาอุปกรณ์ส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮม และรถยนต์เข้าไว้ด้วยกันไว้อย่างลงตัว เสียวหมี่ให้ความสำคัญกับมนุษย์อยู่เสมอ และมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ครอบคลุมและดียิ่งขึ้น ผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่มีวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และในเดือนสิงหาคม 2567 เสียวหมี่ยังติดอันดับใน Fortune Global 500 นับเป็นการติดอันดับเป็นปีที่หกติดต่อกัน           เสียวหมี่เป็นส่วนหนึ่งของ Hang Seng Index, Hang Seng China Enterprises Index, Hang Seng TECH Index และ Hang Seng China 50 Index.

พฤอา
311234567891011121314151617181920212223242526272829301234567891011