หุ้นวิชั่น – “สุธน สิงหสิทธางกูร” “เจ็กกี้” นักลงทุนแนว VI เปิดใจมองหุ้นไทยราคาถูกแต่ไร้แรงจูงใจ เหตุขาดการเติบโต แนะจับตาหุ้น mai ที่ยังมีศักยภาพ พร้อมเสนอเปิดเผยข้อมูลพร้อมกัน-ทบทวนโครงสร้างภาษีเงินปันผล หวังยกระดับความน่าสนใจของตลาดทุนไทย มองตลาดจีนยังมีความน่าสนใจ โอกาสโตยังสูง ปัจจุบันเน้นลงทุนในจีนเป็นหลักประมาณ 78% แนะเลี่ยงการปรับพอร์ตกระทันหัน
นายสุธน สิงหสิทธางกูร หรือ “เจ็กกี้” นักลงทุนเน้นคุณค่า (นักลงทุนแนว VI) เปิดเผยกับ “Hoonvision” ว่า ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า ซึ่งส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนยังไม่เอื้อต่อการเข้ามาของนักลงทุน แม้ว่าราคาหุ้นไทยในเชิงมูลค่าจะอยู่ในระดับที่ “ถูก” เมื่อเทียบกับอดีต แต่ในด้านของ “พื้นฐาน” กลับพบว่าอัตราการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับต่ำ
“ในอดีต เราเคยเห็นบริษัทจดทะเบียนเติบโตได้หลายเท่าตัว แต่ปัจจุบันภาพแบบนั้นแทบไม่หลงเหลืออยู่ในหุ้นใหญ่แล้ว” นายสุธนกล่าว พร้อมระบุว่า หุ้นกลุ่ม SET100 ในปัจจุบันยังไม่พบบริษัทที่มีศักยภาพโดดเด่นเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ทำให้ตลาดขาดแรงดึงดูดนักลงทุนต่างชาติอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่า “ตลาด mai” ยังคงมีโอกาสสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กหลายตัวที่ราคาปรับตัวลงมาอยู่ในระดับต่ำมาก จึงเป็นช่วงจังหวะที่เหมาะสมในการค้นหาหุ้นที่ยังมีศักยภาพซ่อนอยู่
นอกจากนี้ นายสุธนยังเสนอแนวทางให้ภาคตลาดทุนพิจารณาปรับปรุงกลไกด้านการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน โดยควรส่งเสริมให้มีการเปิดเผยข้อมูลสำคัญพร้อมกัน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของนักลงทุนทั่วไป และหลีกเลี่ยงการจัด Analyst Meeting แบบเฉพาะกลุ่มล่วงหน้า ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านข้อมูลได้ พร้อมกันนี้ ยังเสนอให้มีการพิจารณาปรับโครงสร้างด้านภาษี โดยเฉพาะภาษีเงินปันผล เพื่อไม่ให้ภาษีในประเทศไทยเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับภาพรวมของตลาดหุ้นต่างประเทศ แม้หลายตลาดยังเผชิญแรงกดดันคล้ายกับไทย โดยเฉพาะจีนและเวียดนามที่ดัชนีปรับตัวลดลง แต่เขายังเชื่อมั่นในศักยภาพของบางประเทศ โดยเฉพาะ “จีน” ที่ยังมีระบบซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง และมีหุ้นหลายกลุ่มที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว
“ในพอร์ตส่วนตัวของผม ปัจจุบันเน้นลงทุนในจีนเป็นหลักประมาณ 78% รองลงมาเป็นเวียดนาม 9% และอีกส่วนน้อยเป็นหุ้นไทย” นายสุธนกล่าว
ทั้งนี้ เขายอมรับว่าการปรับตัวลงแรงของตลาดเวียดนามส่งผลกระทบบางส่วนต่อพอร์ตลงทุน แต่ยังมั่นใจว่าการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสม โดยพิจารณาจากพื้นฐานของกิจการเป็นหลัก จะช่วยลดความผันผวนในระยะยาวได้ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ นายสุธนแนะนำว่า ไม่ควรปรับพอร์ตแบบเร่งรีบ เพราะอาจไม่ทันกับจังหวะของตลาด แต่หากนักลงทุนมีการลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว ก็ยังสามารถถือต่อหรือทยอยลงทุนเพิ่มได้ พร้อมเน้นย้ำว่า “การเลือกลงทุนควรพิจารณาเป็นรายตัว” โดยมองความแข็งแกร่งของกิจการเป็นหลัก
รายงานโดย ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว Hoonvision