ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

6 เรื่องต้องรู้! ก่อนลงทุนหุ้นเติบโต

           หุ้นวิชั่น – การเติบโตของยอดขายและกำไร เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนถึงความสำเร็จและศักยภาพของธุรกิจในระยะยาว โดยการเติบโตของยอดขายแสดงถึงความสามารถของบริษัทในการขยายตลาดและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ในขณะที่การเติบโตของกำไรสะท้อนถึงความสามารถในการจัดการต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยสองปัจจัยดังกล่าวมีความสำคัญต่อการสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว

วิธีเลือกหุ้นเติบโตในระยะยาว

หากเลือกหุ้นเติบโตเข้ามาในพอร์ตการลงทุน นอกจากจะเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีแล้ว ยังลดความเสี่ยงจากการลงทุนในระยะยาวด้วย สำหรับคุณสมบัติโดดเด่นของหุ้นที่มีการเติบโตของยอดขายและกำไร มีดังนี้

  1. วิเคราะห์การเติบโตของรายได้และกำไร
  • อัตราการเติบโตสูง มีการเติบโตของรายได้และกำไรที่สูงกว่าเฉลี่ยของตลาด โดยมักจะเกิดจากการขยายตัวของตลาดหรือการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด
  • การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด บริษัทเหล่านี้มักจะใช้กลยุทธ์เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด เช่น การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หรือการขยายไปสู่ตลาดใหม่
  1. การลงทุนในนวัตกรรมและการขยายตัว
  • การลงทุนใน R&D มีการลงทุนอย่างมากในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่
  • การขยายตัวของธุรกิจ มีการขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ ๆ หรือการเพิ่มความสามารถในการผลิตเพื่อรองรับการเติบโต
  1. การบริหารเงินทุน
  • การไม่จ่ายเงินปันผลหรือจ่ายน้อย บริษัทเหล่านี้มักจะไม่จ่ายเงินปันผลหรือจ่ายน้อย เนื่องจากเลือกที่จะนำกำไรกลับมาใช้ในการขยายธุรกิจ
  • การมีงบดุลที่แข็งแกร่ง มักจะมีงบดุลที่แข็งแกร่งและมีเงินสดเพียงพอสำหรับการลงทุนในอนาคต
  1. การประเมินมูลค่าสูง
  • อัตราส่วน P/E Ratio สูง หุ้นเหล่านี้มักจะมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) สูง เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังการเติบโตในอนาคต
  • ความเสี่ยงสูง มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากมูลค่าหุ้นขึ้นอยู่กับความคาดหวังในอนาคต หากไม่บรรลุเป้าหมาย การลดลงของราคาหุ้นอาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
  1. ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม
  • การเป็นผู้นำหรือผู้บุกเบิก บริษัทเหล่านี้มักจะเป็นผู้นำหรือผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมนั้น ๆ โดยมีการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ ที่มีนวัตกรรม

หุ้นเติบโต ควรลงทุนนานแค่ไหน

           สำหรับการลงทุนในหุ้นการเติบโตมักต้องใช้ระยะเวลานาน เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มุ่งเน้นการเติบโตในระยะยาว โดยทั่วไปแล้ว นักลงทุนควรเตรียมพร้อมที่จะถือครองหุ้นเหล่านี้เป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี หรือมากกว่านั้น เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีจากความสามารถในการเติบโตของบริษัท หมายความว่า ต้องใช้ความอดทนและความสามารถในการรับความเสี่ยงในระยะยาว

หุ้นเติบโต vs ระยะเป้าหมายสำหรับการลงทุน

นักลงทุนอาจพิจารณาก่อนว่าแท้จริงแล้ว ระยะเวลาเป้าหมายการลงทุนของเราเป็นอย่างไร สอดคล้องกับการลงทุนในหุ้นเติบโตหรือไม่ อาจพิจารณาดังนี้

  • เป้าหมายการลงทุนระยะสั้น ไม่เหมาะสมสำหรับหุ้นการเติบโต เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงและอาจมีการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็ว
  • เป้าหมายการลงทุนระยะกลาง (3 – 7 ปี) เป็นระยะเวลาที่นักลงทุนสามารถเริ่มเห็นผลตอบแทนจากการเติบโตของบริษัทได้ แต่ยังคงต้องมีความอดทนและความสามารถในการรับความเสี่ยง
  • เป้าหมายการลงทุนระยะยาว (7 ปีขึ้นไป) เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการลงทุนในหุ้นการเติบโต เนื่องจากช่วยให้สามารถรับผลตอบแทนที่ดีจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท และลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดในระยะสั้น

6 เรื่องที่ต้องทำความเข้าใจก่อนลงทุนหุ้นเติบโต

  1. ความเข้าใจในอุตสาหกรรมและตลาด
  • การวิเคราะห์อุตสาหกรรม เข้าใจถึงแนวโน้มและโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมที่บริษัทดำเนินธุรกิจ
  • การวิเคราะห์ตลาด รู้จักผู้เล่นหลักในตลาดและสถานะของบริษัทที่สนใจลงทุน
  1. วิเคราะห์ทางการเงิน
  • งบการเงิน สามารถวิเคราะห์งบการเงินของบริษัทเพื่อประเมินความแข็งแกร่งทางการเงินและศักยภาพในการเติบโต
  • อัตราส่วนการเงิน เข้าใจอัตราส่วนสำคัญ เช่น อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin), P/E Ratio หรือ D/E Ratio
  1. การประเมินความเสี่ยง
  • ความเสี่ยงจากการแข่งขัน เข้าใจถึงความเสี่ยงจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมและความสามารถของบริษัทในการแข่งขัน
  • ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจ เข้าใจถึงความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศที่บริษัทดำเนินธุรกิจ
  1. การวิเคราะห์เชิงเทคนิค
  • การวิเคราะห์แนวโน้มราคา สามารถวิเคราะห์แนวโน้มราคาและรูปแบบการเคลื่อนไหวของหุ้นเพื่อทำนายการเคลื่อนไหวในอนาคต
  • การวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย เข้าใจถึงปริมาณการซื้อขายและความสนใจของนักลงทุนในหุ้นนั้น ๆ
  1. การวิเคราะห์ข่าวสารและเหตุการณ์
  • การติดตามข่าวสารติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อบริษัทและอุตสาหกรรม
  • การประเมินผลกระทบ สามารถประเมินผลกระทบของข่าวสารและเหตุการณ์ต่อการเติบโตของบริษัทได้
  1. การบริหารความเสี่ยง
  • การกระจายการลงทุน รู้จักการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง
  • การกำหนดเป้าหมายการลงทุน กำหนดเป้าหมายการลงทุนและแผนการบริหารความเสี่ยงอย่างชัดเจน

พฤติกรรมราคาของหุ้นเติบโตเป็นอย่างไร

การเติบโตของบริษัทมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนมักใช้ข้อมูลเกี่ยวกับการเติบโตของบริษัทในการประเมินมูลค่าหุ้นและตัดสินใจลงทุน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในตลาด ดังนี้

การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น

  • รายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น เมื่อบริษัทมีการเติบโตของรายได้และกำไร นักลงทุนมักจะมองว่าบริษัทมีศักยภาพสูง ส่งผลให้ความต้องการซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นและราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น
  • ความคาดหวังในอนาคต การเติบโตอย่างต่อเนื่องทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถสร้างผลตอบแทนในอนาคตได้ดี ซึ่งช่วยดันราคาหุ้นให้สูงขึ้น

ความผันผวนของราคาหุ้น

  • การตอบสนองต่อผลประกอบการ หากบริษัทประกาศผลประกอบการที่ดีกว่าคาด ราคาหุ้นอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่หากผลประกอบการต่ำกว่าคาด ราคาหุ้นอาจลดลงอย่างมาก
  • ความเสี่ยงจากความคาดหวังสูง หุ้นที่เติบโตมักมีราคาสูงกว่ามูลค่าพื้นฐาน ทำให้เกิดความผันผวนเมื่อบริษัทไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่นักลงทุนคาดหวัง

การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม

  • การเติบโตในตลาดใหม่ หากบริษัทสามารถขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ได้สำเร็จ ราคาหุ้นมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม
  • การแข่งขันในอุตสาหกรรม หากบริษัทสูญเสียส่วนแบ่งตลาดหรือไม่สามารถรักษาการเติบโตได้ ราคาหุ้นอาจลดลง

ความสัมพันธ์กับปัจจัยภายนอก

  • เศรษฐกิจโลก การเติบโตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก เช่น ความต้องการสินค้าลดลง หรือปัญหาในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งส่งผลต่อราคาหุ้น
  • ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ ข่าวเกี่ยวกับการเติบโต เช่น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการเข้าซื้อกิจการ สามารถกระตุ้นให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น

ผลกระทบระยะยาว

  • การสะสมมูลค่า การเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาวช่วยให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น
  • ความเสี่ยงในระยะยาว หากบริษัทไม่สามารถรักษาการเติบโตได้ ราคาหุ้นอาจลดลงอย่างต่อเนื่องและส่งผลเสียต่อนักลงทุน

โดย ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หุ้นกู้ CK หนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ [HoonVision X FynnCorp]

หุ้นกู้ CK หนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ [HoonVision X FynnCorp]

มือไม้สั่น! ราคาทองพุ่ง รูปพรรณขายออก 50,200 บ.

มือไม้สั่น! ราคาทองพุ่ง รูปพรรณขายออก 50,200 บ.

SCB คาดค่าเงินบาทวันนี้ กรอบ 33.75-34.00 บ./ดอลลาร์

SCB คาดค่าเงินบาทวันนี้ กรอบ 33.75-34.00 บ./ดอลลาร์

ราคาน้ำมันดิบดีด ขานรับสต็อกต่ำกว่าคาด

ราคาน้ำมันดิบดีด ขานรับสต็อกต่ำกว่าคาด

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด