หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง WHA ว่า เลื่อน IPO ธุรกิจนิคมฯ และการปรับโครงสร้าง
บริษัทฯ เลื่อนการเสนอขายหุ้น IPO ของกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม (WHAID) และการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน WHAUP หลังจากประเมินสภาวะเศรษฐกิจ ความผันผวนของตลาดทุน และการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยคาดว่าจะไม่มีการกำหนดใหม่ในระยะ 2 ปีข้างหน้า เพื่อคลายความกังวลและเร่งพิสูจน์ศักยภาพการเติบโตของธุรกิจใหม่อย่าง Mobilix
แผนการลงทุนปี 2025 ยังคงเดิมที่มูลค่า 20,000 ล้านบาท รวมถึงแผนการขายสินทรัพย์ประจำปีที่ 70,000 ตร.ม. มูลค่า 1,500 ล้านบาท (ลดลงจากค่าเฉลี่ยย้อนหลังที่ 2,000-3,000 ล้านบาท/ปี) โดยยืนยันว่ามีแหล่งเงินทุนเพียงพอต่อการลงทุน และในปัจจุบันธุรกิจนิคมฯ มีการรับรู้รายได้ที่เร็วขึ้น (Cash Cycle สั้นลง) นอกจากนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าอัตราส่วน Net IBD/Equity ปี 2025 ที่ 1.2 เท่า (จาก 1.04 เท่าในปี 2024)
บริษัทฯ คาดยอดขายที่ดินในไตรมาส 1 ปี 2025 จะมากกว่า 700 ไร่ โดยอุปสงค์ที่ดินปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับสูงจากลูกค้ากลุ่ม Electronics, Data center และ ยานยนต์ นอกจากนี้ กำลังเจรจากับลูกค้า High Potential ขนาดที่ดินรวมมากกว่า 1,000 ไร่ หากสำเร็จ คาดว่าจะบันทึกในไตรมาส 2 ปี 2025 และมีโอกาสปรับเป้าขายที่ดินในปี 2025 ขึ้นเป็น 3,000 ไร่ (จากเป้าต้นปี 2025 ที่ 2,350 ไร่ / ปี 2024 ทำได้ 2,565 ไร่)
ธุรกิจในเวียดนามเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยลูกค้าติดต่อเข้ามาเพิ่มขึ้น และกำลังเจรจากับลูกค้ากว่า 1,200 ไร่
- มุมมองของเรา
การเลื่อน IPO ของกลุ่มธุรกิจนิคม (WHAID) เป็น Sentiment บวกต่อหุ้นจากการคลายความกังวลในตลาดก่อนหน้า เช่น 1) สัดส่วนการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจนิคมที่เป็นธุรกิจหลักลดลง กดดันแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2026 เป็นต้นไป และ 2) ค่าใช้จ่ายทางภาษีจากการปรับโครงสร้างการถือหุ้น WHAUP ที่เป็นรายการพิเศษกดดันการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2025 นอกจากนี้ หากบริษัทฯ สามารถสร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจใหม่ Mobilix ได้ในระยะเวลา 2 ปี จะช่วยหนุนการประเมินมูลค่าที่แท้จริงของ WHA ได้อย่างมีนัยสำคัญ
แนวโน้มในไตรมาส 1 ปี 2025 เราคาดว่ายอดขายที่ดินจะเติบโต QoQ และ YoY ตามความต้องการที่ดินจากลูกค้ากลุ่ม Electronics และ Data Center ขณะที่คาดผลประกอบการทรงตัว QoQ จาก GPM ที่สูงกว่าปกติ และทรงตัว YoY จากฐานสูงของการโอนที่ดิน
เราคงประมาณการปี 2025 คาดกำไรปกติที่ 4,908 ล้านบาท (+14% YoY) จาก 1) Backlog แข็งแกร่ง 1,535 ไร่ (+48% YoY) โอนส่งมอบทั้งหมดภายในปี 2) GPM ของธุรกิจนิคมฯ ยังคงอยู่ในระดับสูงจากการปรับราคาขายที่ดินขึ้น 3) รายได้ธุรกิจสาธารณูปโภคเติบโตตามลูกค้านิคมที่เพิ่มขึ้น และ 3) แผนขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT มูลค่า 1,500 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจาก 1,100 ล้านบาทในปี 2024)
ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ราคาหุ้นปรับตัวลง 23% จากความกังวลเกี่ยวกับการเตรียม IPO ธุรกิจนิคมฯ (WHAID) เราจึงมองว่าราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวจากการคลายความกังวลนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยตั้งราคาเป้าหมายที่ 5.65 บาท ส่วนระยะสั้นต้องติดตามความผันผวนจากมาตรการการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ