นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) ชี้แจงหลังราคาหุ้น WHA วันนี้ร่วงแรงไปกว่า 20% บริษัทฯ ไม่ทราบสาเหตุเกิดจากอะไร
บริษัทฯ ยืนยันผลการดำเนินงานในปี 2567 ยังมีกำไรปกติเติบโต 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ก็ยังสามารถสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่อง และยังมีการจ่ายเงินปันผล ส่วนประเด็นการขายสินทรัพย์เข้ากองฯ ที่มีมูลค่าน้อยกว่าปีก่อน ได้มีการชี้แจงข้อมูลให้ทราบล่วงหน้า มองว่าตลาดน่าจะรับข่าวไปพอสมควรแล้วตั้งแต่กลางปี 2567
ขณะที่ในปี 2568 คาดผลการดำเนินงานทั้งรายได้และส่วนแบ่งกำไรยังเห็นการเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อน และคงอัตรากำไร EBITDA Margin มากกว่า 45%
- ณ ไตรมาส 4/2567 บริษัทมี Backlog ในมืออยู่ราว 1,535 ไร่ ซึ่งจะเข้ามาเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ ในปีนี้
- เมื่อต้นปี 2568 มีการปรับราคาขายที่ดินในนิคมฯ อีก 10-15%
- แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 คาดยอดขายที่ดินยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
แผนการดำเนินงานในช่วง 5 ปี (2568-2572)
บริษัทฯ ยังคงเป้าหมาย 5 ปี โดยจะมีรายได้เติบโต 2.9 เท่า แตะ 41,900 ล้านบาท โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจาก Recurring เพิ่มเป็น 54% และ Non Recurring ที่ 46% ผ่านการดำเนินธุรกิจปัจจุบัน และการขยายธุรกิจทั้ง in organic และ Organic รวมถึงแผนการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติม อีกทั้งธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้น
ส่วนงบลงทุน 5 ปี รวม 119,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจโลจิสติกส์ จำนวน 19,000 ล้านบาท, Mobility จำนวน 30,000 ล้านบาท, Industrial Davel จำนวน 37,000 ล้านบาท, Utility จำนวน 29,000 ล้านบาท และ Utility 4,000 ล้านบาท
พร้อมทั้งตั้งเป้า Net IBD/Equity Ratio ก่อน IPO of WHAID น้อยกว่า 1.2 เท่า และคาดว่าหลัง IPO จะน้อยกว่า 0.7 เท่า
สำหรับการ IPO WHAID บริษัทฯ มองว่า WHAID มีอนาคตในการเติบโตค่อนข้างมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้มองว่ากลุ่มนิคมฯ น่าจะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ระดมทุนเพิ่มเติม เนื่องจากบริษัทฯ ก็มีความต้องการเงิน เพื่อมาขยายธุรกิจ ในขณะเดียวกันในกลุ่มนิคมฯ เอง ก็สามารถออกเงินทุนด้วยตัวเองได้
“WHA Group ก็มีการขยายธุรกิจด้วยเช่นกัน โดยตอนนี้บริษัทที่อยู่ภายใต้เรามีทั้งสิ้น 3 ธุรกิจ ได้แก่ โลจิสติกส์, Mobility และ Digital ซึ่ง WHA Group จะเป็นบริษัทหลักในการขยายธุรกิจใหม่ๆ เราไม่ได้เป็น Holding Company ทำให้เราก็มีความต้องการระดมทุนเช่นกัน จึงมีการขายหุ้นเก่าบางส่วนที่ WHA ถือในนิคมฯ ไว้ด้วย ซึ่งเรามองภาพว่า จากการขายหุ้นเก่า และออกหุ้นใหม่ จะทำให้ภาพการเติบโตทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจ มีความชัดเจนมากขึ้น” นางสาวจรีพร กล่าว
ทั้งนี้ความกังวลว่า หาก Spin off WHAID แล้วจะเกิด Dilution Effect เนื่องจากรายได้หลักมาจากกลุ่มนิคมฯ นั้น บริษัทฯ มองว่า แต่ละปีรายได้ไม่เหมือนกัน เช่น ตอนโควิด-19 รายได้กลุ่มนิคมฯ ปรับตัวลง ซึ่งการบริหาร 5 กลุ่มธุรกิจแบบนี้ คือสิ่งที่ดีที่สุด ทำให้บาลานซ์ความเสี่ยงในแต่ละช่วงได้ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงถือหุ้นในสัดส่วน 75.95% ใน WHAID อยู่ แม้จะโดน Dilution ไปเล็กน้อย แต่ยังมีรายได้จากส่วนอื่นเข้ามา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อระยะยาวของกลุ่มบริษัทฯ
“มองการ Spin off ในครั้งนี้ ผลประกอบการรวมจะต้องดีขึ้น ถ้าไม่ดีขึ้น WHA ไม่ทำ และจะต้องมีการเติบโตอย่างมั่นคงด้วย” นางสาวจรีพร กล่าว