หุ้นวิชั่น – PRM ผลงานไตรมาส 1/2568 คาดทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง หลังเรือกลับมาให้บริการเต็มที่ จากเข้าอู่แห้งไปในปีก่อน และมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายเรือออกไปอีก 1 ลำ ราว 100 ล้านบาท คาดหนุนกำไรในไตรมาสนี้ ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/2568 คาดดีต่อเนื่อง จากอัตราการใช้เรือในประเทศพุ่งแตะ 90% สะท้อนความต้องการใช้เรือขนส่งน้ำมันยังดี พร้อมกันนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาลงทุนเรือประเภทใหม่ ต่อยอดรายได้ คาดเห็นความชัดเจนในครึ่งปีหลังนี้
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) (PRM) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 คาดจะทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเรือที่เข้าอู่แห้งในปีก่อนสามารถกลับมาให้บริการได้แล้ว ในช่วงเดือนก.พ.-มี.ค.ที่ผ่านมา หลังไตรมาส 4/2567 มีเรือ 3 ลำ ได้แก่ เรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ (VLCC), เรือกักเก็บและผสมน้ำมันดิบกลางทะเล (FSU), เรือขนส่งและที่พักอาศัยสำหรับพนักงาน (AWB) เข้าอู่แห้งเพื่อซ่อมบำรุง (Drydocking)
ขณะที่บริษัทฯ ยังมีการขายเรือออกไปด้วยจำนวน 1 ลำ ซึ่งเป็นเรือขนส่งและจัดเก็บสินค้าแบบลอยน้ำ (Floating Storage Unit-FSU) ไปในช่วงดือนมี.ค.2568 โดยได้รับเงินจากการขายเรือเข้ามาแล้วราว 100 ล้านบาท ซึ่งจะหนุนกำไรในไตรมาสแรกนี้
ส่วนเหตุการณ์แผ่นดินไหวในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบอาคาร ไม่พบร้อยราวใดๆ รวมถึงตรวจสอบเรือจำนวน 65 ลำ ที่มีอยู่ด้วย ซึ่งยังสามารถให้บริการได้ตามปกติ
แนวโน้มในไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะเติบโตดีจากไตรมาสแรก จากมีเรือเข้าอู่แห้งน้อยกว่าปีก่อน ขณะที่อัตราการใช้เรือในประเทศ จำนวน 38 ลำ สูงถึง 90% สะท้อนว่ายังมีความต้องการใช้เรือขนส่งน้ำมัน และเรือกักเก็บน้ำมันอยู่ค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็มีแผนซื้อเรือขนาดเล็กเข้ามาเพิ่มอีกราว 2 ลำ ขนาด 5,000 ตัน คาดใช้เงินลงทุนรวมราว 500 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในเรือประเภทใหม่ เช่น เรือรากจูง เป็นต้น โดยอยู่ในช่วงของการพิจารณาว่าจะซื้อเรือประเภทไหนให้เหมาะสม เพื่อรองรับการใช้งานภายใน และต่อยอดธุรกิจ เพื่อสร้างรายได้ให้กับธุรกิจเรือเพิ่มเติม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในครึ่งปีหลังนี้
งบประมาณการลงทุนในปีนี้ PRM วางไว้ราว 3-4.5 พันล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจขนส่งน้ำมันในประเทศ และธุรกิจเรือบริการนอกชายฝั่ง (Offshore Support Vessel-OSV)
นายวิริทธิ์พล กล่าวว่า บริษัทฯ มั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโต 10% ได้ตามเป้าหมาย ตามความต้องการใช้เรือที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการให้บริการเรือ Hybrid Crew Boat เพิ่มจำนวน 2 ลำ หลังปิดดีลลูกค้ารายใหญ่ บริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี (ADNOC) ตั้งแต่สิ้นปี 67 รวมถึงการให้บริการเรือขนส่งและกักเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล (Floating Storage and Offloading) หรือ FSO ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
รายงานโดย : พชรธร ภูมิคำ รองบรรณาธิการข่าว Hoonvision