หุ้นวิชั่น – MASTER เดินหน้าขยายฐานธุรกิจความงาม เร่งปั๊มตลาดต่างแดนปี 68 แตะ 40% ชูอินโดนีเซียเป็นตลาดยุทธศาสตร์หลัก มั่นใจตัวเลขโตโดด 100% ชี้ยอดใช้จ่ายต่อบิลสูง ด้านแม่ทัพหญิง “ลภัสรดา เลิศภานุโรจ” ส่งสัญญาณผลงานโค้งแรกฉลุย ปักธงส่วนแบ่งกำไรจากพาร์ทเนอร์ 100 ล้านบาท เชื่อโรงพยาบาลศัลยกรรมน่าเชื่อถือสูง หนุนลูกค้าเข้าใช้บริการเพียบ
นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 1/2568 ยังสามารถเติบโตได้ แม้เศรษฐกิจในประเทศไทยจะยังคงชะลอตัว โดยคาดการณ์การเติบโตในระดับเลขหลักเดียว (1 Digi) หรืออาจมีลักษณะคล้ายกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทมีการใช้เงินทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการลงทุนใน ‘V Square’ และ ‘กรวิน คลินิก’ ซึ่งจะมีผลในไตรมาส 1/2568
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2568 จะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และตั้งเป้าหมาย Partner Profit Contribution (ส่วนแบ่งผลกำไรจากพันธมิตร) ไว้ที่ 80-100 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้าง Conservative
แนวโน้มอุตสาหกรรมความงามในประเทศไทยปี 2568 คาดว่าจะเติบโตในระดับเลขหลักเดียว เช่นเดียวกับปีก่อน โดยหนึ่งในปัจจัยหลักมาจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง และยอดใช้จ่ายต่อบิลที่ลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มบริการศัลยกรรมเสริมหน้าอกที่มีการแข่งขันสูง ส่งผลให้บริษัทคาดว่าอัตรากำไร (มาร์จิ้น) จะบางลง ขณะเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงระมัดระวังในการใช้จ่ายและถือเงินสดไว้ในมือ
MASTER มีแผนขยายธุรกิจความงามไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปี 2568 ให้สูงถึง 40% จากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 28% โดยมุ่งขยายการให้บริการและเจาะกลุ่มลูกค้าในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งแม้เศรษฐกิจโดยรวมของอินโดนีเซียจะถูกประเมินว่าชะลอตัว แต่เมื่อพิจารณารายเซกเตอร์ อุตสาหกรรมความงามยังคงมีศักยภาพเติบโตสูง โดยบริษัทคาดว่าธุรกิจในอินโดนีเซียปีนี้จะยังสามารถเติบโตได้ถึง 100% จากการให้บริการศัลบกรรมที่เป็น Top Hit อย่าง
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) โดยมองว่าในบางประเทศยังมีการเติบโตของ GDP ที่สูงกว่าประเทศไทย ซึ่งถือเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจในอนาคต ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศไม่ได้ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด อีกทั้งยอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบิลยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูง สะท้อนถึงศักยภาพของตลาดและพฤติกรรมการบริโภคที่พร้อมจ่ายเพื่อบริการด้านความงามคุณภาพสูงในต่างแดน
นางสาวลภัสรดา กล่าวต่อว่า แม้ภาพรวมธุรกิจศัลยกรรมในประเทศไทยจะเติบโตเพียงเล็กน้อย และมีผู้เล่นในตลาดจำนวนมาก แต่เชื่อว่าผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับการเลือกใช้บริการจากโรงพยาบาลศัลยกรรมที่มีความเชี่ยวชาญและมีความน่าเชื่อถือสูง โดยเฉพาะจากการรีวิวและประสบการณ์ตรงของลูกค้าที่เคยใช้บริการ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน