หุ้นวิชั่น – AKR เดินเกมเจาะตลาดเอกชน เปิดตัว’หม้อแปลงไฟฟ้าแห้ง’ ลุยผลิตในประเทศ กดต้นทุน กระบวนการผลิตลด หนุนมาร์จิ้นฟู ด้านแม่ทัพหญิง “ร่มพิศม์ศรี น้อยใจบุญ” เชื่อดีมานด์ใช้หม้อแปลงไฟฟ้าในปี 68 ขยายตัว 2.5% ตามปริมาณการใช้ไฟ จ้องชิงงานใหม่ 3 พันล้านบาท ประกาศจ่ายปันผล 0.10 บาทต่อหุ้น เตรียม XD 13 พ.ค.นี้
นางสาวร่มพิศม์ศรี น้อยใจบุญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ AKR เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปี 2568 บริษัทมุ่งเน้นการขยายตลาดภาคเอกชนมากขึ้น เนื่องจากงบประมาณการลงทุนของหน่วยงานไฟฟ้าภาครัฐปีนี้มีแนวโน้มลดลงถึง 40% ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าภาครัฐ 30% และภาคเอกชน 70% อย่างไรก็ตาม คาดว่าสัดส่วนรายได้จากภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามแผนการส่งมอบหม้อแปลงไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าภาคเอกชน
สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2568 บริษัทเตรียมผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าแห้ง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยมีต้นทุนการผลิตที่ลดลง เนื่องจากบริษัทสามารถนำวัตถุดิบคอยล์ภายในประเทศมาประกอบและผลิตเพื่อจำหน่าย แทนการนำเข้าคอยล์จากต่างประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนต่ำลง นอกจากนี้การใช้คอยล์ภายในประเทศยังช่วยลดระยะเวลาการผลิตจากเดิม 6-8 เดือน เหลือเพียง 2-3 เดือน ทำให้สามารถส่งมอบสินค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น บริษัทคาดว่าหม้อแปลงไฟฟ้าแบบแห้งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) ของ AKR ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลักของหม้อแปลงไฟฟ้าแบบแห้ง ได้แก่ กลุ่มอาคารสูง โดยหม้อแปลงไฟฟ้าแบบแห้งมีความปลอดภัยสูงกว่าหม้อแปลงไฟฟ้าแบบน้ำมันหรือรูปแบบอื่น ๆ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างทำการตลาด เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าอาคารสูง โดยตั้งเป้าขายหม้อแปลงแบบแห้งปีแรกที่ 60 ลูก
สำหรับอุตสาหกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าในปี 2568 คาดว่าความต้องการใช้หม้อแปลงไฟฟ้าจะเติบโตตามการใช้ไฟฟ้าที่ขยายตัวราว 2.5% ขณะที่การประมูลจากการไฟฟ้าในปีนี้ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท โดย AKR ประเมินว่าจะสามารถคว้างานได้ประมาณ 10-15% ของมูลค่างานประมูลใหม่
ด้านการเติบโตของ AKR ในปี 2568 คาดว่าจะมาจากธุรกิจจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าให้กับลูกค้าหน่วยงานรัฐและเอกชน ซึ่งคิดเป็น 80% ของรายได้รวม ขณะที่สัดส่วนรายได้รองลงมาคือ ธุรกิจรับจ้างติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ คิดเป็น 12% ของรายได้รวม ส่วนที่เหลือมาจากบริการซ่อมบำรุงและงานอื่น ๆ รวมกัน คิดเป็น 8% ของรายได้รวม
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่า 500 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในไตรมาส 2/2568 ขณะเดียวกัน คาดว่าในปีนี้จะมีงานใหม่เข้ามาเติมพอร์ต Backlog อย่างต่อเนื่อง
นางสาวร่มพิศม์ศรี กล่าวต่อว่า สำหรับผลประกอบการปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,587.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.71% หรือคิดเป็น 291.83 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,295.43 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 280.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.31% หรือคิดเป็น 220.68 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 220.68 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นผลประกอบการที่เติบโตเกินคาด เนื่องจากในปี 2567 งบประมาณการไฟฟ้าปรับปรุงและเปลี่ยนหม้อแปลงใหม่แทนหม้อแปลงเก่า พร้อมใช้งบประมาณจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทมีงานเพิ่มขึ้นตามโครงการดังกล่าว
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้น สำหรับผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2567 ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น โดยจะกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งเป็นวันที่ผู้ซื้อหุ้นจะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 และกำหนดวันรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 โดยจะดำเนินการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 พฤษภาคม 2568