ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

[Vision Exclusive] THCOM ผู้ครองวงโคจรครอง 1ใน3 ของโลก

          THCOM ครองวงโคจรครอง1ใน3ของโลก มุ่งขยายฐานลูกค้า เจรจาลูกค้าอินเดีย ต่อยอด เดินหน้าสร้างไทยคม 9 และ 10 ธุรกิจ Space Tech   ล่าสุดลงนามกับประเทศลาว นำ ธุรกิจ ‘CarbonWatch’ ช่วยวัดคาร์บอนเครดิตในลาว สร้างโอกาสทั้งในประเทศและต่างประเทศ

          นายปฐมภพ สุวรรณศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM เปิดเผยว่า  ผู้ให้บริการดาวเทียมไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจดาวเทียมยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง บริษัทมุ่งขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าจากอินเดีย ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาตใช้ดาวเทียมต่างชาติ (Landing Right) เพื่อให้บริการผ่านดาวเทียมไทยคม 8 โดยขณะนี้กระบวนการดังกล่าวใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว

          นอกจากนี้ ไทยคมยังเดินหน้าหารือกับลูกค้าสำหรับดาวเทียมไทยคม 9 และ 10 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา พร้อมทั้งเตรียมย้ายฐานลูกค้าเดิมที่ใช้บริการดาวเทียมไทยคม 4 ซึ่งจะหมดอายุสัมปทานในช่วงกลางปี 2026 มาสู่การใช้งานดาวเทียมไทยคม 8 เพื่อให้การให้บริการเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่สะดุดไทยคมยังคงมุ่งมั่นสร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจ พร้อมยกระดับศักยภาพการให้บริการ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากล

          ธุรกิจดาวเทียมของไทยคมยังคงโดดเด่นในระดับโลก ด้วยการครองตำแหน่งวงโคจรตั้งแต่ 50.5 ถึง 119.5 องศาตะวันออก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสามตำแหน่งวงโคจรที่สำคัญที่สุดของโลก สะท้อนถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัทในการขยายโครงข่ายและรองรับความต้องการของลูกค้าจำนวนมาก ด้วยตำแหน่งที่ได้เปรียบนี้ ไทยคมพร้อมเดินหน้าสร้างโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการที่ครอบคลุมทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากล

          ธุรกิจ Space Tech  จะเป็นธุรกิจที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ที่อย่างการเดินหน้าธุรกิจ ‘CarbonWatch’ซึ่งเป็นเครื่องมือแรกในประเทศไทยและอาเซียนที่ได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก สำหรับการประเมินการกักเก็บคาร์บอนในภาคป่าไม้ โดยใช้เทคโนโลยีสำรวจระยะไกล (Remote Sensing) ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์  ปัจจุบันมีการเจรากับลูกค้าหลายรายทั้งหน่วยงานรัฐ และเอกชน อย่างล่าสุดมีลงนาม  MO กับ ประเทศลาว เพื่อให้สามารถเข้าไปให้บริการในการตรวจสอบคาร์บอนเครดิตได้ โดยประเทศลาวมองว่าคาร์บอนเครดิตเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ fดังนั้นการพัฒนา ‘CarbonWatch’ ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาสนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาค

          อีกทั้ง คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4/2567 จะปรับตัวดีขึ้น โดยมองว่าผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 3/2567 ซึ่งรับรู้ขาดทุนจากการแข็งค่าของเงินบาทจะหมดไป ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าในไตรมาส 4/2567 มีโอกาสเห็นตัวเลขทางบัญชีมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ปัจจุบันเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงมาอยู่ในระดับประมาณ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับปลายไตรมาส 3/2567 ที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

          ส่วนรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2567 บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) (บริษัท หรือ ไทยคม) มีรายได้จากการขายและการให้บริการในไต รมาส 3/2567 จำนวน 614 ล้านบาท ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรายได้จำนวน 638 ล้านบาทในไตรมาส 2/2567 (QoQ) และจำนวน 623 ล้านบาทในไตรมาส 3/2566 (YoY) โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการให้บริการดาวเทียมและเกี่ยวเนื่องที่ลดลงเล็กน้อยจากลูกค้าในประเทศที่อยู่ในช่วงรอยต่อของสัญญาโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (Universal Service Obligation: USO) ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. สืบเนื่องมาจากการสิ้นสุดของ USO ระยะที่ 2 เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ USO ระยะที่ 3 ทั้งนี้ ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ สามารถบรรลุข้อตกลงในสัญญาระยะยาว ซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในตลาดอินเดียที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว

          สำหรับธุรกิจการให้บริการโทรศัพท์ในต่างประเทศ ส่วนแบ่งกำไรขาดทุนจากเงินลงทุนในการร่วมค้าปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากสกุลเงินกีบเทียบกับสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แม้ว่าจะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยรวมในไตรมาส 3/2567 ยังคงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ มหาชน (LTC) มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2567 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากนโยบายการปรับโครงสร้างราคาค่าบริการโทรคมนาคมของกระทรวงคมนาคมและการสื่อสาร

          บริษัทมีผลขาดทุนส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 3/2567 จำนวน 562 ล้านบาท เนื่องจากปัจจัยชั่วคราวจากอัตราแลกเปลี่ยน จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 26 ปี สถานการณ์การแข็งค่าของค่าเงินบาทดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออก รวมถึงบริษัท ซึ่งมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากต่างประเทศ บริษัทตระหนักถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน  และได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบ  เช่น การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน  การกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ  และการแสวงหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ  ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในระยะยาว ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน¹ จำนวน 29 ล้านบาท ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 53% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2566 (YoY)

          ในไตรมาส 3/2567 หากพิจารณาเฉพาะธุรกิจด้านดาวเทียม บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานที่ไม่รวมส่วนแบ่งกำไรขาดทุนจากธุรกิจโทรคมนาคมจำนวน 68 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติ 39 ล้านบาท สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งของธุรกิจหลัก

          ไทยคมประกาศการลงนามสัญญาให้บริการช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคมในประเทศอินเดีย โดยมี บริษัท ไอพีสตาร์ (อินเดีย) ไพรเวท จำกัด (IPSTAR (India) Private Limited: IPI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เป็นผู้ลงนามสัญญาในครั้งนี้ร่วมกับ ฮิวจ์ คอมมิวนิเคชั่นส์ อินเดีย (Hughes Communications India Private Limited: HCI) ผู้ให้บริการดาวเทียมบรอดแบนด์ชั้นนำในประเทศอินเดีย ภายใต้สัญญาดังกล่าว IPSTAR India จะเป็นผู้ให้บริการช่องสัญญาณดาวเทียมแก่ Hughes Communications India ผ่านเครือข่ายดาวเทียมของไทยคม ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ และรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศอินเดียได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น การบริการด้านบรอดแบนด์ การสื่อสารผ่านดาวเทียมทางทะเล (Maritime) การเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์มือถือผ่านดาวเทียม (Mobile Backhaul) และบริการด้าน IoT Solutions ผ่านดาวเทียม เป็นต้น โดยข้อตกลงดังกล่าว บริษัทจะเริ่มให้บริการช่องสัญญาณจากดาวเทียมไทยคม 8 จากนั้นจะขยายไปสู่ดาวเทียมดวงใหม่ ที่จะให้บริการเร็วๆ นี้ เพื่อรองรับการให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยประสบการณ์ที่บริษัทได้เริ่มให้บริการผ่านดาวเทียมในประเทศอินเดียมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ประกอบกับศักยภาพและความรู้ในด้านบริการแพลตฟอร์ม Managed Service ของฮิวจ์ มาพัฒนาเข้าด้วยกัน บริษัทจะสามารถตอบสนองความต้องการใช้งานด้านบรอดแบนด์ในประเทศอินเดียจำนวนมากได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

          ไทยคมประกาศร่วมมือกับ INVIDI Technologies (INVIDI) บริษัทชั้นนําระดับโลกด้านการให้บริการโฆษณาในรูปแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย หรือ Addressable Advertising จากสหรัฐอเมริกา และ บริษัท พีเอสไอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (PSI หรือ พีเอสไอ) ผู้นำธุรกิจจานรับสัญญาณและกล่องทีวีดาวเทียมรายใหญ่ที่สุดในไทย ร่วมกันเปิดตัวโซลูชันโฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย หรือ Addressable Advertising ในประเทศไทย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยให้นักโฆษณานำเสนอการโฆษณาไปถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นรายบุคคล หรือไปตามครัวเรือนได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ โดยนำเทคโนโลยี Addressable Advertising ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่ง INVIDI เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก มาช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมบรอดคาสต์ในไทย เพิ่มเม็ดเงินโฆษณา และสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้ชม โดยข้อมูลของ Media Partners Asia ระบุว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า การโฆษณาแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยจะมีการเติบโตต่อปีสูงถึง 19% ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศอินเดียจะมีการเติบโตต่อปีสูงถึง 24%

          บริษัท สเปซเทค อินโนเวชั่น จำกัด หรือ STI บริษัทในเครือไทยคม ได้เข้าทำสัญญากับ SpaceX บริษัทเทคโนโลยีอวกาศจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเชี่ยวชาญในการสร้าง ออกแบบ รวมทั้งส่งจรวดที่ทันสมัยที่สุดในโลก เป็นผู้ให้บริการส่งดาวเทียมไทยคม 10 (THAICOM-10) ซึ่งเป็นดาวเทียมเทคโนโลยี Software-defined High Throughput Satellite (SD-HTS) ดวงใหม่ของไทยคมขึ้นสู่วงโคจร โดยดาวเทียมไทยคม 10 เป็นดาวเทียมรุ่นใหม่แบบ SD-HTS มีขนาดความจุ 120 Gbps (Gigabits per Second) ออกแบบและสร้างโดย Airbus Defense and Space SAS (France) สามารถปรับพื้นที่ให้บริการ ปริมาณช่องสัญญาณ และย่านความถี่ ในขณะที่โคจรอยู่บนอวกาศได้ ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานที่หลากหลาย ทั้งยังสามารถขยายบริการการสื่อสารให้ครอบคลุมทั้งภูมิภาค เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าและพันธมิตรทั่วเอเชียแปซิฟิก โดยบริษัท SpaceX จะส่งดาวเทียมไทยคม 10 ขึ้นสู่วงโคจร ที่ตำแหน่ง 119.5 องศาตะวันออก ด้วยจรวด Falcon 9 ซึ่งเป็นจรวดที่สามารถนำกลับมาใช้งานได้ (Reusable Rocket) ลำแรกของโลก ณ รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา

รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว สำนักข่าว Hoonvision

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

OR ชู “วิชั่น” ยั่งยืนครบสูตร

OR ชู “วิชั่น” ยั่งยืนครบสูตร

JMT ชำระคืนหุ้นกู้ตามนัด 3,000 ลบ. ปีนี้ตั้งเป้าพอร์ตหนี้ 2,000 ลบ.

JMT ชำระคืนหุ้นกู้ตามนัด 3,000 ลบ. ปีนี้ตั้งเป้าพอร์ตหนี้ 2,000 ลบ.

THCOM คว้าโครงการใหญ่ NT  ควบคุมดาวเทียม ไทยคม 4 และ 6

THCOM คว้าโครงการใหญ่ NT ควบคุมดาวเทียม ไทยคม 4 และ 6

KTC ผู้ถือหุ้นไฟเขียวปันผล 1.32 บาท

KTC ผู้ถือหุ้นไฟเขียวปันผล 1.32 บาท

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด