หุ้นวิชั่น – SPALI ปี 2568 ตั้งเป้ายอดขาย 32,000 ล้านบาท พร้อมลุยเปิด 36 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท หวังดันกลุ่มคอนโดฯ เติบโตมากขึ้น ตุนBacklog มูลค่ารวม 11,535 ล้านบาท มองกนง.ลดดอกเบี้ยช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ หนุนตลาดอสังหาฯ กลับมาน่าสนใจ
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2568 ไว้ที่ 32,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนจาก กลุ่มคอนโดมิเนียม 35% และโครงการแนวราบ 65% สะท้อนกลยุทธ์การกระจายพอร์ตโฟลิโอ เพื่อรองรับดีมานด์ของตลาด
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 11,535 ล้านบาท โดยในปีนี้ โครงการคอนโดมิเนียม ศุภาลัย บูเวล หัวหิน ซึ่งมียอดขายแล้วกว่า 72% เตรียมเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ใน ไตรมาส 3/2568 คาดช่วยเสริมรายรับของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
เดินหน้าลงทุน – ทุ่มงบซื้อที่ดินเพิ่ม ขยายพอร์ตโครงการใหม่
สำหรับแผนการลงทุนปี 2568 SPALI วางงบซื้อที่ดินราว 8,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน สะท้อนถึงการเตรียมพร้อมเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทเตรียมงบประมาณ 9,000 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างเพื่อเร่งพัฒนาโครงการต่างๆ
ในปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 36 โครงการ มูลค่ารวม 46,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 27% และโครงการแนวราบ 73% ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นของโครงการคอนโดมิเนียมถึง 8 โครงการจากปีที่ผ่านมา
รับอานิสงส์ กนง. ปรับลดดอกเบี้ย หนุนกำลังซื้อตลาดอสังหาฯ
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการใน ไตรมาส 1/2568 บริษัทคาดว่ายอดขายยังคงเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับปัจจัยบวกจาก คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) ที่ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เมื่อวานนี้ ซึ่งช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้การขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยทำได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ มีแนวโน้มคึกคักมากขึ้น
ทั้งนี้ SPALI ยังคงเดินหน้าขยายพอร์ตธุรกิจด้วยกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อรองรับดีมานด์ของตลาด และเสริมศักยภาพให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2568
โบรกแนะ Trading Buy ให้เป้าที่ 18.40 บาท
ด้าน บล.กรุงศรี ประเมินหุ้น SPALI สำหรับ outlook ปี 2568 ท้าทาย กว่าปี 2567 เพราะมี backlog รอโอนราว 7.5 พันลบ. ซึ่งต่ำกว่าปกติ ฝ่ายวิจัยจึงคงกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 5.6 พันลบ. (-9% y-y) ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย คงราคาเป้าหมาย 2568 ที่ 18.40 บาท และคงคำแนะนำ Trading Buy โดยฝ่ายวิจัยยังกังวลต่อกำลังซื้อในกลุ่มกลาง-กลางล่าง (ซึ่งเป็น portfolio หลัก) ยังชะลอตัวและกระทบกับ reject rate ที่สูง